11 จุดท่องเที่ยวตามล่าใบไม้เปลี่ยนสีในโตเกียว ฤดูใบไม้ร่วง 2024!
หากคุณวางแผนไปเยือนญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง การชม "ใบไม้เปลี่ยนสี" คงเป็นกิจกรรมที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน สำหรับประเทศญี่ปุ่นที่มีการแบ่งฤดูกาลอย่างชัดเจน ทั้งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเฉพาะตัวในทุกฤดูกาล และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี (ราวๆ เดือนกันยายน - พฤศจิกายน) ทั้งประเทศจะเริ่มเข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เป็นสีแดง เหลือง ส้ม เติมสีสันให้ญี่ปุ่นดูสวยงามไปอีกแบบ
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ก็จะสามารถพบเจอใบไม้เปลี่ยนสีตามบริเวณต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเขตเมืองเก่าที่คงกลิ่นอายในอดีตไว้ ไปจนถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และตึกรามบ้านช่องทั่วไป ภาพของใบไม้หลากสีที่แซมกันอยู่บนต้น ดูเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว
แน่นอนว่าโตเกียว เมืองใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ก็มีบรรยากาศแบบนี้เช่นกัน แต่แม้จะมีตึกสูงระฟ้าล้อมรอบ ที่นี่ก็มีสวนต่างๆ อยู่มากมายจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีพื้นที่ชมธรรมชาติอย่างสวนสาธารณะในเมืองได้เยอะขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น จุดท่องเที่ยวหลายแห่งในช่วงนี้ก็จะถูกย้อมเป็นสีส้มเหลืองแดงของฤดูใบไม้ร่วงจนทำให้หลายคนหลงเสน่ห์ภาพทิวทัศน์อันสวยงามเหล่านี้ได้ไม่ยาก ในวันนี้ เราได้คัดสรร "11 จุดท่องเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีในกรุงโตเกียว" ที่ไม่ควรพลาดมาแนะนำให้กับคุณ
1. ถนนต้นแปะก๊วย ณ สวนชั้นนอกศาลเจ้าเมจิจิงกู | 明治神宮外苑
เริ่มต้นที่แรกด้วยจุดชมวิวยอดฮิตที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยเห็นผ่านตามาก่อน กับแนวถนนต้นแปะก๊วย ณ "สวนชั้นนอกศาลเจ้าเมจิจิงกู" หรือสวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji Jingu Gaien) ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโตเกียว โดยจุดเด่นของสวนแห่งนี้คือแนวต้นแปะก๊วยกว่า 150 ต้น ที่เรียงรายอยู่เต็มสองข้างทางถนนที่ยาวกว่า 300 เมตร และตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นต้นไป ต้นแปะก๊วยเหล่านี้ต่างพากันผลัดใบเป็นสีเหลืองทองงดงาม จนได้ชื่อเล่นว่า "ถนนสีทอง (黄金ロード)" อีกด้วย ว่ากันว่าที่นี่เป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดในโตเกียวเลยล่ะ
หากใครที่สนใจแวะมาถ่ายรูป เราขอแนะนำให้มาช่วงเช้าที่นักท่องเที่ยวยังน้อยอยู่ หรือใครที่สะดวกมาช่วงเย็น ในบางปีทางสวนจะมีการเปิดไฟประดับในช่วงเย็นไปจนถึงค่ำ ทำให้ได้รูปต้นแปะก๊วยสีเหลืองทองตัดกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวยงาม ซึ่งมักจะมาพร้อมกับร้านแผงลอยขายอาหารสตรีทฟู้ด ไปจนถึงของใช้ ของสะสมที่น่าสนใจอีกด้วย แม้ในปีนี้ทางสวนจะยังไม่มีประกาศว่าจะมีการจัดไฟประดับในช่วงเย็นหรือไม่ แต่เราขอแนะนำถนนเส้นนี้ให้เป็นอันดับหนึ่งจุดชมวิวที่พลาดไม่ได้เลยล่ะ
ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
2. สวนอนุสรณ์โชวะคิเนน | 昭和記念公園
แม้จะตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองมาประมาณ 30 นาที แต่ "สวนอนุสรณ์โชวะคิเนน" (Showa Kinen Memorial Park) ก็นับเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากคนโตเกียวเป็นอย่างมาก โดยสวนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างกว่า 180 เฮกตาร์ (ประมาณ 1,125 ไร่) ภายในมีบริเวณที่เป็นลานกว้าง ป่า และบ่อน้ำอยู่แยกกันเป็นสัดส่วน รายล้อมไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผลิบานในฤดูกาลที่แตกต่างกัน
สำหรับฤดูใบไม้ผลินั้น ภาพของต้นแปะก๊วยสีเหลืองทองอร่ามตัดกับสีแดงเพลิงของใบเมเปิ้ลนั้นเป็นทิวทัศน์ที่สวยจับใจ มีลานน้ำพุใจกลางสวนที่รายล้อมด้วยต้นแปะก๊วยเป็นจุดถ่ายรูปสำคัญ แถมในเดือนพฤศจิกายนที่นี่ยังมีกิจกรรมชมใบไม้เปลี่ยนสียามค่ำคืนอีกด้วย โดยทางสวนจะเปิดไฟประดับเพื่อส่องต้นแปะก๊วยกว่า 100 ต้น และต้นเมเปิ้ลกว่า 300 ต้น คลอไปกับเสียงดนตรีที่สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติก เรียกได้ว่าเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีกิจกรรมให้เพลิดเพลินได้ทั้งวัน หากใครที่สนใจชมทิวทัศน์ยามค่ำคืน แนะนำให้เช็คเวลาเปิดเข้าชมและจองตั๋วแยกไปต่างหากให้เรียบร้อยก่อนนะ (ซื้อตั๋วออนไลน์ราคา 1,100 เยน ซื้อตั๋วหน้างานราคา 1,300 เยน)
*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลาง - ปลายเดือนพฤศจิกายน
3. มหาวิทยาลัยโตเกียว | 東京大学
นอกจากจะเป็นแลนด์มาร์คสำคัญในฐานะสถาบันการศึกษาอันทรงเกียรติแล้ว "มหาวิทยาลัยโตเกียว" (University of Tokyo) หรือโทได ยังมีจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีใจกลางเมืองที่สวยงามไม่แพ้สวนสาธารณะใดๆ อีกด้วยนะ เพราะเมื่อฤดูใบไม้ร่วงเวียนมาถึงในทุกปี ต้นแปะก๊วยที่ตั้งเรียงรายเป็นแถวภายในตัวมหาวิทยาลัยก็จะเปลี่ยนสีและผลัดใบจากสีเขียวเป็นสีเหลืองทอง ปกคลุมทั่วทั้งทางเดินกลายเป็นถนนสีเหลือง โดยมุมถ่ายรูปยอดฮิตคือบริเวณทางเดินไปยังหอนาฬิกาของมหาวิทยาลัย เพราะมีต้นแปะก๊วยตั้งอยู่ทั้งสองข้างทางถนน เป็นทางเดินที่แม้จะเรียบง่ายทว่าก็สวยงามจับใจ ซึ่งแน่นอนว่าการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือแลกบัตรประจำตัวใดๆ สามารถเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยได้เลย อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ระมัดระวังเรื่องการเสียง เพราะเนื่องจากเป็นพื้นที่มหาวิทยาลัยจึงอาจมีการเรียนการสอนภายในอาคารนั่นเอง
ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลาง - ปลายเดือนพฤศจิกายน
4. สวนชินจูกุเกียวเอ็น | 新宿御苑
"สวนชินจุกุเกียวเอ็น" เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโตเกียวที่กินพื้นที่จากเขตชินจูกุไปถึงเขตชิบูย่า ตั้งอยู่ห่างจากสถานีชินจูกุในระยะเดินเท้าเพียงไม่กี่นาที โดยครั้งหนึ่งสวนแห่งนี้เคยอยู่ใต้การครอบครองของขุนนาง ก่อนจะกลายมาเป็นสวนหลวงในราชวงศ์ญี่ปุ่น และเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมได้ในภายหลัง พื้นที่ของสวนกว้างกว่า 58.3 เฮกตาร์ (ประมาณ 364 ไร่) และมีต้นไม้กว่า 10,000 ต้นตั้งเรียงรายอยู่ภายใน เมื่อถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้วใบของต้นเมเปิ้ล (もみじ), ต้นคาเอเดะ (かえで) และแปะก๊วย (いちょう) จะเริ่มเปลี่ยนสี ทำให้กลายเป็นพื้นที่ที่มีสีสันฉูดฉาดสวยงาม
จุดเด่นของที่นี่ คือ ตำแหน่งของสวนที่อยู่ใจกลางกรุงโตเกียวอันแสนวุ่นวายอย่างชินจูกุ เรียกได้ว่าเป็น "โอเอซิส" เมืองกรุงเลยทีเดียว โดยคุณสามารถแวะมาพักผ่อน ออกกำลังกาย ออกเดท ไปจนถึงชื่นชมแมกไม้นานาพันธุ์ที่ผสมผสานความงามอย่างตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัว
*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
5. สวนฮิบิยะ|日比谷公園
"สวนฮิบิยะ" เริ่มเปิดให้บริการในปีค.ศ. 1903 ซึ่งถือเป็นสวนสไตล์ยุโรปแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น และเปรียบเป็นโอเอซิสใจกลางเมืองอีกแห่งในกรุงโตเกียว โดยสวนสาธารณะแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านที่มีสำนักงานใหญ่ของบริษัทชื่อดังหลายแห่งตั้งอยู่ และในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ใบของต้นเมเปิ้ลและต้นแปะก๊วยในสวนแห่งนี้ก็จะพากันเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีเหลืองทองอร่าม
ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่บริเวณใจกลางสวนซึ่งมีต้นแปะก๊วยประวัติศาสตร์ "คุบิคาเคะอิโจ (首かけイチョウ)" ตั้งอยู่ สันนิษฐานว่ามีอายุมากกว่า 400 ปีอยู่ด้วย และชื่อเรียกของมันก็ถูกตั้งโดยผู้ออกแบบสวนที่เป็นคนย้ายต้นแปะก๊วยจากที่อื่นมาปลูกที่นี่ได้สำเร็จ (คุบิคาเคะ แปลว่า เอาคอพาดเขียง เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่าหากทำพลาดก็ยอมสละอาชีพการงานทั้งหมด) โดยเมื่อต้นไม้ใหญ่ต้นนี้เริ่มเปลี่ยนสี ผู้มาชมสวนก็จะได้พบกับความงดงามยิ่งใหญ่ที่หาชมที่อื่นได้ยาก นอกจากนี้ยังมีแนวต้นแปะก๊วยบนทางเดินรูปตัวเอส (S) น้ำพุนกกระสาที่ "บ่ออุนเกียวจิ (雲形池)" ซึ่งเป็นทั้งสัญลักษณ์ของสวนและเป็นจุดชมวิวดีๆ อีกหนึ่งแห่งในสวนนี้อีกด้วย
*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:ปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
6. สวนโยโยกิ | 代々木公園
ด้วยจำนวนของต้นแปะก๊วย เมเปิ้ล และต้นเซลโควากว่า 1,300 ต้นที่กระจัดกระจายกันอยู่ในสวน ทำให้ "สวนโยโยกิ" เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมอีกหนึ่งจุดนั่นเอง นอกจากจะเป็นสวนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของกรุงโตเกียวแล้ว บรรดาต้นไม้แต่ละชนิดต่างก็ให้สีที่แตกต่างกันออกไปทั้งเขียว ส้ม แดง ชวนให้ผู้เยี่ยมชมสวนเพลิดเพลินไปกับสีสันตามช่วงฤดูกาลและเมื่อถึงช่วงชมดอกไม้แดงก็เป็นคิวของแนวต้นแปะก๊วยที่อยู่ทางด้านขวาของประตู "ฮาราจูกุมอน (原宿門)" ที่ตั้งเรียงราย และในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ต้นไม้ในสวนแห่งนี้ก็จะเริ่มเปลี่ยนสีผลัดใบรอให้นักท่องเที่ยวมาชมกัน
"สวนโยโยกิ" นั้น นอกจากจะเปิดให้เข้าชมได้ตลอดแล้วยังไม่คิดค่าบริการอีกด้วย และนอกจากจะมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว คุณยังสามารถใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจคลายความเมื่อยล้าจากการช็อปปิ้งและการท่องเที่ยวหนักๆ ได้อีกด้วย หากมีโอกาสแวะไปแถวชิบุย่าและฮาราจูกุแล้ว ก็อย่าลืมมาแวะพักผ่อนเล่นๆ ที่นี่กันนะครับ จะแวะมาเดินเล่น ปิกนิก หรือขี่จักรยานก็เหมาะเป็นอย่างยิ่งเลย
*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
7. สวนริคุกิเอ็น | 六義園
"สวนริคุกิเอ็น" ที่สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1702 แห่งนี้ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน " 2 สุดยอดสวนแห่งเอโดะในโตเกียว (江戸の二大庭園)" ด้วยกลิ่นอายและบรรยากาศสวนสวยแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมราวกับหลุดออกมาจากวรรณกรรมย้อนยุค ทำให้ได้รับเลือกเป็นสวนสวยประจำชาติเลยทีเดียว ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนั้นของสวนนี้จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน และเปล่งสีสันเต็มที่ในช่วงปลายเดือน มีต้นคาเอเดะและต้นแปะก๊วยเป็นตัวชูโรง และต้นไม้ชนิดอื่นๆ ที่ล้วนช่วยแต่งแต้มสีสันให้สวนแห่งนี้กว่า 500 ต้น
จุดเด่นของที่นี่คือแอ่งน้ำ "ซุยโคโนะเอะ (水香江)" ที่อยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของสวน เพราะนอกจากจะสามารถชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงกลางวันได้แล้ว ยังมีการประดับไฟฤดูใบไม้ร่วงในช่วงกลางคืนหลังพระอาทิตย์ตกดินให้ได้ชมอีกด้วย ภาพของใบไม้และแสงไฟที่สะท้อนกับน้ำนิ่งในแอ่งน้ำนั้นสวยราวกับโลกแห่งความฝันเลยทีเดียว ทั้งนี้หากอยากได้รูปดีๆ และชื่นชมบรรยากาศได้เต็มที่ เราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการมาเยี่ยมชมในคืนวันอาทิตย์ เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยวและผู้มาชมใบไม้เปลี่ยนสีจำนวนมาก โดยสามารถซื้อตั๋วเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่นี่เลย
*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี :ปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
ช่วงเปิดไฟประดับตอนกลางคืน 18:00 - 20:30 น.
8.สวนโคอิชิคาวะโคระคุเอ็น | 小石川後楽園
"สวนโคอิชิคาวะโคระคุเอ็น" เป็นอีกหนึ่งสวนที่รู้จักกันในนาม "2 สุดยอดสวนแห่งเอโดะ" ในกรุงโตเกียว เคียงคู่มากับสวนริคุกิเอ็น ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสวนสวยประจำชาติที่มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 300 - 400 ปีที่แล้ว และมีสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์อย่าง "คฤหาสถ์ตระกูลโทคุกาวะ (徳川将軍家)" ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนหลายต่อหลายรุ่น และ "เอโดะ ฮันเท ( 江戸藩邸)" หรือคฤหาสถ์สำหรับผู้นำที่สละตำแหน่งแล้ว อีกทั้งภายในสวนยังมีอาคารที่เป็นสถาปัตยกรรมเก่าสไตล์ญี่ปุ่นและจีนกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่อีกด้วย
หากพูดถึงจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงของเกียวโต ผู้คนก็มักจะนึกถึง "วัดโทฟุคุจิ (東福寺)" ซึ่งมี "สะพานสึเท็นเคียว (通天橋)" เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมที่สุด ซึ่งที่ "สวนโคอิชิคาวะโคระคุเอ็น" แห่งนี้ก็มีสะพานในชื่อเดียวกันอยู่ และใกล้ๆ "สะพานสึเท็นเคียว" นั้นก็มีจุดชมวิวของสวนโคอิชิคาวะโคระคุเอ็นที่ได้ชื่อว่าสวยสุดๆ อยู่ด้วย เราสามารถมองเห็นใบไม้หลากสีสันเรียงเป็นแนวกว้างได้อย่างเต็มตาครับ หากใครมีโอกาสได้ไปที่สวนนี้ ก็อย่ามองข้ามสะพานสึเท็นเคียวกันนะครับ
*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี :ปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
9. สวนอุเอโนะอนชิ | 上野恩賜公園
"สวนอุเอโนะอนชิ" นั้นถูกจัดเป็น "สวนสาธารณะ" ครั้งแรกในปีค.ศ. 1876 มีชื่อเรียกโดยทั่วไปว่า "สวนอุเอโนะ (上野公園)" หากจะบอกว่าที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นก็คงไม่ใช่คำพูดที่พูดเกินไปนัก ด้วยพื้นที่กว่า 530,000 ตารางเมตร ภายในมีทั้งพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และอาคารแลกเปลี่ยนเผยแพร่วัฒนธรรมต่างๆ อยู่ในพื้นที่ ทำให้นอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองแล้ว ยังเป็นจุดศูนย์รวมศิลปะวัฒนธรรมอีกด้วย
สัญลักษณ์ของ "สวนอุเอโนะอนชิ" คือ รูปปั้นของ "ทาคาโมริ เซโกะ (西郷隆盛)" อดีตนักการทหารและนักการเมืองของญี่ปุ่น โดยรูปปั้นนี้ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าสวนสาธารณะ และด้านหลังรูปปั้นก็เต็มไปด้วยต้นแปะก๊วยที่ถูกย้อมเป็นสีเหลืองสด กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แน่นอนนี่ว่าเป็นจุดถ่ายรูปขวัญใจช่างภาพ หากมีโอกาสอย่าลืมไปเก็บภาพสวยๆ กันนะครับ
*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
ต้นไม้ในสวน:ต้นแปะก๊วย ต้นการบูร ต้นเซลโควา ซากุระ และดอกบัว
10. สวนฮามะริคิวอนชิเทเอ็น | 浜離宮恩賜庭園
"สวนฮามะริคิวอนชิเทเอ็น" นอกจากจะเป็นจุดท่องเที่ยวที่สวยงามแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัจิศาสตร์อีกด้วย ตัวสวนมีการคงสภาพให้เป็นแบบดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเอโดะ (ย้อนไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1603) ไฮไลท์ของ "สวนฮามะริคิวเทเอ็น" คือ ภาพวิวของบ่อน้ำที่มีกระแสน้ำไหลย้อนกลับว่า "สระชิโอะอิริ โนะ อิเคะ (潮入の池)" บริเวณรอบบ่อมีต้นไม้อยู่หลายชนิดทั้งต้นคาเอเดะ ต้นแปะก๊วย และซากุระ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่จึงเต็มไปด้วยสีสัน และสระน้ำแห่งนี้เองก็สะท้อนภาพของใบไม้หลากสีที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดทิวทัศน์แห่งหนึ่งเลยทีเดียว
จากในสวน คุณยังสามารถมองเห็น "โตเกียวทาวเวอร์ (東京タワー)" ได้อีกด้วย ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอันกลมกลืนระหว่างธรรมชาติและกับสิ่งปลูกสร้างที่สวยทันสมัยได้ในเวลาเดียวกัน
*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม
11. ภูเขาทาคาโอะ | 高尾山
ขอปิดท้ายบทความด้วยจุดชมวิวสุดพิเศษด้วยสวนสาธารณะแห่งชาติอย่าง "ภูเขาทาคาโอะ" ที่แม้จะไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว แต่ก็สามารถเดินทางจากชินจูกุโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ด้วยอากาศสดชื่น ธรรมชาติที่ผ่อนคลาย และเสียงนกร้องและแมลงต่างๆ ในอากาศ ทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักในฐานะ "ภูเขาที่มีนักปีนเขาเข้ามาเยือนมากที่สุดในโลก" อีกด้วย โดยในทุกปีมีนักปีนเขาแวะเวียนมาที่นี่ถึงปีละ 3 ล้านคนเลยทีเดียว
เมื่อถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ต้นไม้ในที่ปกคลุมภูเขาทาคาโอะจะพร้อมกันเปลี่ยนสีในคราวเดียว ทำให้ทิวทัศน์ตั้งแต่เนินเขาขึ้นไปถึงยอดเต็มไปด้วยสีสันงดงาม เหมาะแก่การนั่งเคเบิลคาร์และกระเช้าขึ้นไปชมจากมุมสูงจริงๆ ครับ ส่วนบริเวณตอนกลางของภูเขานั้น ยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์อย่าง "หอบุชชาริโต (仏舎利塔)" หรือ "วิหารฮันโจเคนเก็นโดะ (飯縄権現堂)" ที่ตั้งอยู่ในแมกไม้สีแดง เกิดเป็นทัศนียภาพที่งดงามตรงใจกลางหุบเขาธรรมชาติอีกด้วย
*ช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสี:กลาง - ปลายเดือนพฤศจิกายน
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่