5 เมนูที่ไม่ควรพลาดพร้อม 10 ร้านอาหารแนะนำในวาคายาม่า
จังหวัดวาคายาม่า (Wakayama) เป็นจังหวัดที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติและเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่รสชาติยอดเยี่ยม อาหารของที่นี่จึงมีความแปลกใหม่และโดดเด่นกว่าที่อื่น ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำ 5 เมนูที่ต้องทานให้ได้ของวาคายาม่า รวมไปถึงร้านอาหารที่ต้องแวะไปชิม โดยมีตั้งแต่อาหารราคาย่อมเยาไปจนถึงอาหารที่ดูหรูหราเลยทีเดียว
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. เต้าหู้โคยะ
เต้าหู้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในฐานะอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม มีผู้คนไม่มากนักที่จะรู้จัก "เต้าหู้โคยะ (高野豆腐)" ซึ่งเป็นเต้าหู้ที่นำไปแช่เย็นแล้วนำมาหมัก จากนั้นก็นำมาทำให้แห้งอีกที ชื่อ "โคยะ" นั้นมาจาก "โคยะซัง (高野山)" สถานที่ฝึกบำเพ็ญเพียรซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดวาคายาม่า ว่ากันว่าเหล่าพระสงฆ์ในสถานที่นี้เป็นผู้คิดค้นวิธีทำขึ้นเมนูนี้ขึ้นมา
เต้าหู้โคยะจะถูกนำไปทำให้คืนรูปในดาชิ (น้ำซุปปลาแห้งและสาหร่ายคอมบุ) แล้วค่อยนำมาปรุง ทำให้ได้ความอร่อยที่แตกต่างจากเต้าหู้ทั่วไป มีรสสัมผัสที่มีความเด้งดึ๋ง และมีน้ำซุปทะลักออกมาทุกครั้งที่กัด จะรับประทานเดี่ยวๆ หรือนำไปปรุงกับผักต่างๆ ก็ได้
1-1. Nakamoto Meigyokudo [โคยะซัง]
"Nakamoto Meigyokudo (中本名玉堂)" เป็นร้านขายของที่ระลึกในโคยะซังที่เน้นสินค้าประเภทเครื่องสังฆภัณฑ์เป็นหลัก แต่ก็มีส่วนของร้านอาหารที่สามารถไปรับประทานเต้าหู้โคยะได้เช่นกัน ที่นี่มีเมนูมากมาย เช่น "โชจินเรียวริ (อาหารสำหรับผู้ถือศีล)" และ "ชุดเทมปุระ" ซึ่งทุกเมนูจะมีเต้าหู้โคยะ เต้าหู้งา และเต้าหู้ขาวรวมอยู่ด้วย
เต้าหู้โคยะมีขนาดพอดีคำและชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซุป เพียงแค่กัดลงไปรสอูมามิก็จะแผ่ซ่านไปทั่วปาก ที่ร้านมีเต้าหู้โคยะแบบแห้งวางจำหน่ายอยู่ด้วย หากคุณติดใจรสชาติก็สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับไปได้
1-2. Umaimondokoro Shunkai
ปกติแล้วเต้าหู้โคยะมักจะถูกเสิร์ฟเป็น "โชจินเรียวริ" ซึ่งแต่เดิมเป็นอาหารสำหรับพระสงฆ์ที่อยู่ระหว่างบำเพ็ญเพียร ผู้ที่เป็นมังสวิรัติก็สามารถรับประทานได้เพราะไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์หรือปลา แต่สำหรับผู้ที่ไม่ใช่มังสวิรัติและชื่นชอบปลาแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำ "Umaimondokoro Shunkai (旨いもん処 旬海)" ร้านที่สามารถรับประทานเมนูปลาที่มีเต้าหู้โคยะเป็นเครื่องเคียงได้
คุณจะได้สัมผัสกับช่วงเวลาอันแสนสุข ลิ้มรสความอร่อยของอาหารทะเลไปพร้อมๆ กับเต้าหู้โคยะสูตรดั้งเดิมที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เต้าหู้โคยะอาจไม่ใช่อาหารหลักของร้านนี้ แต่ถ้าคุณค่อยๆ รับประทานแล้วล่ะก็ รับรองว่าจะสัมผัสได้ถึงรสชาติอันล้ำลึกของมันอย่างแน่นอน
·ที่นี่ได้ปิดทำการแล้ว
2. คุเอะนาเบะ
"คุเอะ (クエ)" เป็นปลาน้ำเค็มที่มีลำตัวยาวมากกว่า 1 เมตร และเป็นที่รู้จักกันในฐานะวัตถุดิบชั้นเลิศ เนื่องจากสามารถจับได้ในทะเลเปิดของจังหวัดวาคายาม่า จึงเป็นเมนูที่มักหารับประทานได้ไม่ยากในจังหวัดนี้
คุเอะสามารถรับประทานแบบดิบๆ เป็นซาชิมิได้ แต่ส่วนมากมักจะถูกนำมาทำเป็นวัตถุดิบสำหรับนาเบะ (เมนูหม้อไฟ) กลายมาเป็นเมนูที่ชื่อว่า "คุเอะนาเบะ (クエ鍋)" เนื้อปลาคุเอะแม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็มีรสชาติที่อร่อยอย่าบอกใคร ผักและน้ำซุปที่ซึมซับไขมันจากปลาคุเอะนั้นก็อร่อยไม่แพ้กัน
2-1. Katsugyo Naberyori Fusha [ชิราฮามะ]
"Katsugyo Naberyori Fusha (活魚・鍋料理 風車)" เป็นร้านที่มีอาหารจากปลาคุเอะสดใหม่ให้รับประทานได้ตลอดทั้งปี เมนูคอร์สที่มีอยู่มากมายของร้านนี้มีคุเอะนาเบะเป็นอาหารจานหลักทั้งหมด คุณจะได้ลิ้มรสเนื้อปลาคุเอะชิ้นหนาแสนอร่อยอย่างแน่นอน
ในบางคอร์สก็จะมีเมนูเนื้อปลาคุเอะทอดกรอบและซาชิมิให้รับประทานด้วยเช่นกัน มาลองด้วยตัวคุณเองดูสิว่าคุเอะในหลากหลายเมนูจะมีรสชาติที่แตกต่างกันอย่างไร
นอกจากจะเป็นร้านที่เชี่ยวชาญในการรังสรรค์เมนูปลาคุเอะรสเลิศแล้ว ตัวร้านยังตกแต่งอย่างหรูหรา โดยหน้าร้านมีรูปปั้นปลาคุเอะที่สลักจากไม้ตั้งสง่าคอยต้อนรับทุกคนอยู่ ราคาอาหารต่อหนึ่งคอร์สอาจจะสูงสักหน่อยโดยเริ่มต้นที่ 10,000 เยน แต่หากมีโอกาสได้ไปวาคายามะแล้ว ที่นี่ก็เป็นหนึ่งร้านที่ควรแวะไปลองให้ได้
2-2. Ikesu Waroda [ชิราฮามะ]
"Ikesu Waroda (いけす円座)" ร้านโฉมใหม่ที่รีโนเวทมาจากร้านเดิมที่ชื่อ "Kue Tei (九絵亭)" เป็นร้านอาหารผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเมนูปลาคุเอะโดยเฉพาะ มีปลาคุเอะสดๆ ให้รับประทานได้ตลอดทั้งปี คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับเมนูนาเบะ (หม้อไฟ) ราคาย่อมเยาที่เริ่มต้นเพียง 5,000 เยน แม้ว่าคุเอะนาเบะจะอร่อยโดยตัวมันเองอยู่แล้ว แต่ถ้าเติมผักเครื่องเคียงอย่างงาหรือต้นหอมลงไปก็จะทำให้มีรสชาติที่อร่อยไปอีกแบบเช่นกัน
แม้ว่าช่วงมื้อกลางวันจะไม่มีการเสิร์ฟเมนูนาเบะ แต่ก็มีเมนูอาหารจากปลาคุเอะให้เลือกรับประทานในราคาเริ่มต้นเพียง 2,000 เยน เหมาะสำหรับคนที่อยากรับประทานปลาคุเอะในราคาสบายกระเป๋าอย่างยิ่ง
3. ชิราสุด้ง
ปลาตัวเล็กๆ สีขาวเหล่านี้เรียกว่า "ชิราสุ (しらす)" ชิราสุนั้นไม่ใช่ชื่อปลา แต่เป็นชื่อทั่วไปที่ใช้เรียกลูกปลาไหลหรือปลาอิวาชิ เนื่องจากจังหวัดวาคายาม่าเป็นสถานที่ที่สามารถจับชิราสุได้มาก จึงมีร้านขาย "ชิราสุด้ง (しらす丼)" เมนูข้าวที่โปะหน้าด้วยปลาชิราสุ ให้เห็นอยู่เสมอ
วิธีการปรุงชิราสุในชิราสุด้งมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบ "คามาอาเกะชิราสุ (釜揚げしらす)" ซึ่งเป็นการนำชิราสุไปต้มเกลือ มีจุดเด่นเป็นรสชาติที่เค็มกำลังดีและให้รสสัมผัสที่อ่อนนุ่ม และแบบ "นามะชิราสุ (生しらす)" หรือชิราสุดิบ ซึ่งมีรสหวานและให้รสสัมผัสที่เหนียวนุ่ม ชิราสุด้งอาจมีหน้าตาที่ดูน่ากลัวสักหน่อย แต่ก็เป็นอาหารอีกจานหนึ่งที่คุณควรลองให้ได้
3-1. Kadoya Shokudo [ยุอาซะ]
"Kadoya Shokudo (かどや食堂)" เป็นร้านที่คุณจะได้ลิ้มลองทั้งคามาอาเกะชิราสุด้งและนามะชิราสุด้ง ในช่วงมื้อกลางวันร้านนี้จะมีชุดชิราสุด้งที่มาพร้อมกับซาชิมิหรืออุด้งให้คุณได้เลือกรับประทาน
เนื่องจากชิราสุเป็นวัตถุดิบที่เสียง่าย ร้านที่เสิร์ฟชิราสุแบบดิบจึงมีอยู่ค่อนข้างจำกัด แม้ว่าร้าน Kadoya Shokudo จะมีชิราสุให้รับประทานได้ตลอดทั้งปี แต่หากอยากลิ้มลองรสชาติที่สดใหม่เป็นพิเศษแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้มาในเดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงที่มีปลาชิราสุมากเป็นพิเศษ
Kadoya Shokudo ตั้งอยู่ใน "คิชูยุอาซะ (紀州湯浅)" ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานและเป็นเขตอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ทำให้มันเป็นร้านที่ได้รับความนิยมทั้งจากผู้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว
3-2. Shirasuya Yuasawan Noritane [ฟุจินามิ]
สำหรับผู้ที่อยากรับประทานคามาอาเกะชิราสุและนามะชิราสุพร้อมๆ กัน เราขอแนะนำ "Shirasuya Yuasawan Noritane (しらす屋 ゆあさ湾 則種)" ร้านที่มีเมนูสุดหรูที่โปะคามาอาเกะชิราสุและนามะชิราสุไว้บนชามข้าวใบเดียวกัน
จุดเด่นของร้านนี้คือความหลากหลายของเมนูชิราสุด้ง ตั้งแต่โปะหน้าด้วยอิคุระ (ไข่ปลาแซลมอน) เนื้อปลาแซลมอน หอยเม่น ไปจนถึง "อุเมะโบชิ (梅干し)" หรือบ๊วยดอง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของวาคายาม่า ทำให้คุณสามารถลิ้มลองรสชาติที่หลากหลายได้ในชามเดียว
4. เมฮาริซูชิ
เจ้าก้อนกลมๆ สีเขียวคล้ายลูกบอลนี้เรียกว่า "เมฮาริซูชิ (めはり寿司)" เป็นข้าวปั้นสูตรดั้งเดิมของละแวกคุมาโนะซึ่งทอดตัวอยู่ระหว่างจังหวัดวาคายาม่ากับจังหวัดมิเอะ เมฮาริซูชิเป็นข้าวปั้นที่ห่อด้วยผักกาดเขียวดองเกลือ แตกต่างกับข้าวปั้นปกติที่จะห่อด้วยสาหร่าย
เมฮาริซูชิที่มีสีเขียวสดใสน่ารับประทานนี้ เดิมเป็นอาหารแบบง่ายๆ ที่มีแค่ข้าวกับใบผักกาด แต่ปัจจุบันได้มีการใส่ไส้ต่างๆ อย่างแซลมอนและไข่ปลาเข้าไปด้วย
4-1. Sohonke Mehariya Shingu Honten [ชินกู]
"Sohonke Mehariya Shingu Honten (総本家めはりや 新宮本店)" ร้านที่นอกจากจะมีเมฮาริซูชิแบบจานเดี่ยวให้รับประทานแล้ว ยังมีเมนูเซ็ตที่เสิร์ฟเมฮาริซูชิพร้อมกับโอเด้งหรือคุชิคัตสึ (ของทอดเสียบไม้) อีกด้วย เมฮาริซูชิขนาดใหญ่ถึง 8 เซนติเมตรที่อัดแน่นไปด้วยปริมาณนี้จะทำให้คุณอิ่มท้องไปได้นานแน่นอน
เมฮาริซูชิของที่นี่มีก้านผักกาดใส่ไว้ข้างในด้วย ส่วนไส้นั้นก็มีทั้งที่เป็นวัตถุดิบเฉพาะฤดูกาลและกุ้งเทมปุระเน้นๆ ทั้งตัว เนื่องจากเป็นเมนูที่สามารถถือรับประทานได้ด้วยมือเดียว จะสั่งกลับบ้านหรือนำไปทานยามเดินทางก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน
4-2. Mehari Honpo Sangenjaya Korikian [คิอิทานาเบะ]
เมฮาริซูชิมักจะมีรสชาติต่างกันไปตามการปรุงรสของแต่ละร้าน เนื่องจากเป็นเมนูที่เรียบง่าย จึงบ่งบอกถึงลักษณะเฉพาะตัวของร้านนั้นๆ ได้ดีเป็นอย่างยิ่ง เมฮาริซูชิของ "Mehari Honpo Sangenjaya Korikian (めはり本舗三軒茶屋 弘力庵)" นั้นมีการใช้ส้มยูซุในขั้นตอนการหมักผักกาด ทำให้มีเอกลักษณ์เป็นกลิ่นหอมชวนให้สดชื่นทุกครั้งที่ทาน
แม้ว่าเมฮาริซูชิจะสามารถสั่งแบบนำกลับได้ แต่หากมีเวลาแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้ลองสั่งชุดโซบะมารับประทานดูสักครั้ง เมฮาริซูชิจะถูกเสิร์ฟพร้อมกับโซบะสีดำที่เรียกว่า "อินากะโซบะ (田舎そば)" ซึ่งมีความเหนียวนุ่มและให้รสชาติที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง
5. เนื้อคุมาโนะ
เนื้อคุมาโนะ หรือ "คุมาโนะกิว (熊野牛)" เป็นเนื้อวัววากิวสายพันธุ์ดีที่เลี้ยงกันมาในจังหวัดวาคายาม่าตั้งแต่โบราณ เนื่องจากไม่ค่อยมีการส่งไปจำหน่ายนอกพื้นที่ จึงเป็นเนื้อที่หาพบได้ยากในจังหวัดอื่น ไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อจนเป็นลวดลายสวยงามเหล่านี้เป็นหลักฐานที่บอกได้ว่านี่คือเนื้อคุณภาพดี
เนื้อคุมาโนะมีเสน่ห์เป็นกลิ่นหอมที่ส่งออกมาในตอนย่าง อีกทั้งไขมันของเนื้อคุมาโนะยังมีจุดละลายตัวที่ต่ำ ทำให้รสอูมามิละลายและแผ่ซ่านไปทั่วทันทีที่นำเข้าปาก อาจจะดูว่ามีไขมันอยู่เยอะ แต่ก็เป็นเนื้อที่รับประทานได้ง่ายมาก
5-1. Yakiniku Hige [ชินกู]
"Yakiniku Hige (焼肉ひげ)" ร้านที่มีเนื้อคุมาโนะหลากหลายส่วนให้คุณได้รับประทานในสไตล์ยากินิคุ (เนื้อย่างแบบญี่ปุ่น) เนื่องจากส่วนที่เป็นไขมันของเนื้อคุมาโนะละลายได้ง่ายมาก จึงขอแนะนำให้ย่างแค่เพียงแป๊บเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังมีเนื้อหมูและเนื้อไก่จากฟาร์มในท้องถิ่นให้ลองสั่งรับประทานอยู่อีกด้วย
ในช่วงมื้อกลางวันทางร้านจะเสิร์ฟอาหารชุดเนื้อคุมาโนะในราคาเพียง 1,500 เยน ในชุดนอกจากเนื้อคุมาโนะแล้ว ยังมีผัก ข้าว กิมจิ และซุปมิโซะให้อีกต่างหาก หากเทียบกับราคาแล้วถือได้ว่าถูกจนน่าตกใจ ใครอยากลองเนื้อคุมาโนะแบบสบายกระเป๋าก็ตบเท้าเข้ามาได้เลย
แม้ที่นี่จะเป็นร้านเนื้อย่าง แต่ก็มีเมนูข้าวอย่าง "ข้าวแกงกะหรี่เนื้อ (ビーフカレー)" อยู่ด้วยเช่นกัน แม้เนื้อที่ใช้จะไม่ใช่เนื้อคุมาโนะ แต่ก็อัดแน่นไปด้วยเนื้อในปริมาณที่สามารถทำให้คุณอิ่มแปล้ได้อย่างแน่นอน ในส่วนของรสชาติก็ไม่เป็นรองร้านผู้เชี่ยวชาญด้านแกงกะหรี่เลย
5-2. Nikuryori Dinning Kumano [วาคายาม่า]
หากคุณไม่เกี่ยงเรื่องการต่อแถวรอแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำร้าน "Nikuryori Dinning Kumano (肉料理ダイニングくまの)" ร้านอาหารที่บริหารโดยร้านขายเนื้อแห่งนี้มีสเต็กเนื้อคุมาโนะให้คุณได้ลองรับประทาน คุณสามารถบอกระดับความสุกที่ชอบแล้วเพลิดเพลินไปกับเนื้ออันชุ่มฉ่ำได้อย่างหนำใจ ถ้าจองไว้ล่วงหน้าก็จะสามารถเลี่ยงการต่อคิวได้
แม้ว่าเนื้อชนิดอื่นนอกจากเนื้อคุมาโนะจะมีรสชาติยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แต่ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว ขอแนะนำให้ลองลิ้มรสเนื้อคุมาโนะดูสักครั้ง คุณสามารถสั่ง "คอร์สเนื้อคุมาโนะ (熊野牛コース)" ที่มีทั้งออเดิร์ฟ สลัด ข้าว เครื่องดื่ม และของหวานได้ในราคาประมาณ 5,000 เยน
อาหารที่ได้แนะนำไปในครั้งนี้ล้วนแต่เป็นเมนูที่ค่อนข้างหารับประทานได้ยากนอกตัวจังหวัดวาคายาม่า หากได้ลองรับประทานอาหารวาคายาม่าดูแล้วล่ะก็ คุณอาจจะรู้จักวาคายาม่ามากขึ้นก็เป็นได้ มาสัมผัสกับวัฒนธรรมวาคายาม่าอย่างสนุกสนานและเอร็ดอร่อยกันเถอะ
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่