แนะนำ 10 จุดท่องเที่ยวที่อาซาฮิกาวะ ฮอกไกโด ทั้งสวนสัตว์ ราเมง และธรรมชาติยิ่งใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์!
อาซาฮิกาวะ (Asahigawa) เมืองในจังหวัดฮอกไกโดที่เต็มไปด้วยธรรมชาติแสนสวยงาม และก็อยู่ใกล้ตัวเมืองเพียงอึดใจเดียว นอกจากจะได้ชื่นชมทิวทัศน์ธรรมชาติแล้ว ที่เมืองแห่งนี้ยังมีทั้งสวนสัตว์ หอศิลป์ และสวนสาธารณะ ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับการชมเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ พืชพรรณและงานศิลป์มากมาย ในบทความนี้จะแนะนำจุดท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังให้ได้อ่านกัน
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
ชมความมีชีวิตชีวาของเหล่าสัตว์ที่ "สวนสัตว์ประจำเมืองอาซาฮิกาวะ"
สวนสัตว์ประจำเมืองอาซาฮิกาวะ (旭川市旭山動物園) เป็นสวนสัตว์ที่ได้รับความนิยมขึ้นเป็นอย่างมากจาก "นิทรรศน์สัตว์ป่า (行動展示)" ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับภาพกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเหล่าสัตว์ จำนวนผู้เข้าชมสวนสัตว์แห่งนี้ถือเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เพราะสามารถชื่นชมสัตว์หลากหลายชนิดแบบตัวเป็นๆ โดยเฉพาะส่วนที่จัดแสดงแมวน้ำซึ่งเป็นทางเดินลอดผ่านอุโมงค์แก้ว เราจะได้เห็นเหล่าแมวน้ำแหวกว่ายอย่างอิสระไปมาทั้งด้านบนและด้านล่างทำให้เหล่านักท่องเที่ยวอดไม่ได้ที่จะต้องหยิบกล้องออกมาเก็บภาพไปเดินไป หรือที่โรงหมีขั้วโลกที่คุณจะได้พบกับเจ้าหมีขาวที่กำลังว่ายน้ำอย่างแข็งขัน และหากไปเที่ยวสวนสัตว์ในช่วงฤดูหนาวแล้วล่ะก็จะได้พบกับเหล่าเพนกวินที่เดินโต๋เต๋อยู่บนพื้นหิมะอีกด้วย เป็นภาพที่หาดูไม่ได้ที่อื่นนอกจากที่สวนสัตว์อาซาฮิกาวะ สวนสัตว์ที่คุณสามารถรับชมภาพของเหล่าสิงสาราสัตว์ที่ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีชีวิตชีวา
ความงดงามบนสีขาวโพลน "หอศิลป์แห่งหิมะ Yuki no Bijutsukan"
หอศิลป์แห่งหิมะ (雪の美術館) เป็นหอศิลป์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลึกอันสวยงามของหิมะที่ตกทับถมกันอยู่บนภูเขา Daisetsuzan (大雪山) การตกแต่งภายนอกนั้นเป็นสไตล์ยุโรป ส่วนการตกแต่งภายในนั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหอศิลป์แห่งนี้ เพราะใช้ภาพของผลึกหิมะที่เกาะตัวกันเป็นต้นแบบ ภายในตัวหอศิลป์เน้นการใช้สีขาวตกแต่งจนเป็นสีขาวโพลนไปทั้งหลังดูสวยงาม และยังมีของตกแต่งรูปผลึกหิมะมากมายกระจายอยู่ทุกที่ จากความสวยงามของตัวอาคารจึงทำให้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานอยู่บ่อยๆ เพราะได้บรรยากาศเสมือนได้จัดงานอยู่ในปราสาทยุโรปยุคกลางเลยทีเดียว ภายในหอศิลป์ยังมีทางเดินน้ำแข็งที่สามารถเข้าชมได้ตลอดปี ไปจนถึงจุดห้ามพลาดอย่างจุดแสดงภาพเกล็ดหิมะ ที่นี่จึงเป็นที่ที่คุณจะได้สัมผัสกับความตระการตาของโลกแห่งหิมะอย่างแน่นอน
"Kamui Kotan" สุดยอดทัศนียภาพธรรมชาติอันเป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้าที่ชาวไอนุเคารพ
"Kamui Kotan (カムイコタン)" เป็นภาษาของชาวไอนุ (ชนพื้นเมืองบนเกาะฮอกไกโดในประเทศญี่ปุ่น) ที่แปลว่า "ที่สถิตย์ของเทพเจ้า" โดยหมายถึงบริเวณสองฝั่งน้ำแม่น้ำ Ishigarikawa (石狩川) และบริเวณพื้นที่ลาดเอียงใต้แม่น้ำซึ่งมีน้ำเชี่ยวกราก ที่นี่เป็นที่รู้จักในฐานะสุดยอดทิวทัศน์อีกแห่งหนึ่งของประเทศ ในฤดูใบไม้ร่วงก็มีทิวทัศน์งดงามของใบไม้แดงซึ่งเป็นหนึ่งในแปดสุดยอดทิวทัศน์ของเมืองอาซาฮิกาวะอีกด้วย ในอดีตนั้นชาวไอนุใช้การเดินทางทางน้ำโดยเรือเป็นหลัก จึงทำให้ ณ บริเวณนี้ของแม่น้ำ Ishigarikawa ซึ่งมีน้ำไหลเชี่ยวที่สุดถือเป็นจุดที่อันตรายมากจนมีการสักการะบวงสรวงเทพเจ้าเพื่อขอให้เดินทางโดยปลอดภัยและเป็นที่มาของชื่อในปัจจุบัน นอกจากนี้ในบริเวณนั้นยังมีเส้นทางเดินป่าอีกด้วยจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เหล่านักเดินป่าไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด
ที่พักกายพักใจของชาวอาซาฮิกาวะ "สวนสาธารณะ Tokiwa Koen"
"สวนสาธารณะ Tokiwa Koen (常盤公園)" ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอาซาฮิกาวะและถือเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของเมืองอีกด้วย ภายในสวนมีพื้นที่กว้างใหญ่ที่ปลูกพืชพรรณนานาชนิดเอาไว้ ช่วงฤดูใบไม้ผลิสามารถชมได้ทั้งดอกซากุระและดอกทิวลิป ช่วงต้นฤดูร้อนก็มีทั้งดอกซัลเวีย (サルビア) และดอกดาวเรือง ช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ยังเต็มไปด้วยใบไม้แดง ทำให้เราสามารถที่จะชื่นชมไปกับความงดงามที่เปลี่ยนผันไปตามแต่ละช่วงเวลาของทั้งสี่ฤดูได้
ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงฤดูร้อนยังสามารถเข้าชมการจัดแสดงดอกไม้ไฟที่สวน Riverine Asahikawa Park ซึ่งตั้งอยู่ติดกันได้ ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีการจัดงาน "ตลาดนัดอาหาร (食のマルシェ - L'autumne marche)" ฤดูหนาวก็มีงานเทศกาลฤดูหนาวที่มีการประดับประดาไฟและจุดพลุดอกไม้ไฟอีกด้วย Tokiwa Koen แห่งนี้จึงถือเป็นสวนสาธารณะที่เปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือนได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
สวนสไตล์อังกฤษโดยเหล่าชาวนาผู้ค้าข้าว "ฟาร์ม Ueno"
"ฟาร์ม Ueno (上野ファーム)" เป็นสวนสไตล์อังกฤษที่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าเกษตรกรที่บริหารจัดการงานกสิกรรมในพื้นที่ แต่เดิมนั้นตระกูลชาวนาตระกูลหนึ่งซึ่งไม่เคยทำสวนดอกไม้มาก่อนได้มีความคิดริเริ่มจะทำสวนสวยๆ ให้ลูกค้าที่มาซื้อข้าวได้ชื่นชมกับทิวทัศน์อันงดงามของที่นี่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของฟาร์มแห่งนี้ จนกระทั่งตอนนี้ได้มีการปรับปรุงหน้าดินปลูกพืชพรรณไม้พุ่มสวยงามหลากสีสันจนเป็นสวนสไตล์อังกฤษอันน่าภาคภูมิใจดังภาพในปัจจุบัน
สำหรับสวนที่มีทิวทัศน์สวยงามนี้เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมได้ตามใจชอบโดยได้มีการปรับปรุงโรงเก็บข้าวให้กลายเป็นคาเฟ่ และจัดจำหน่ายต้นอ่อนของไม้ดอกไม้ประดับต่างๆ อีกด้วย ลูกค้าที่มาเข้าชมจึงสามารถนั่งชมทิวทัศน์ จิบชาอร่อยๆ และซื้อต้นอ่อนพรรณไม้เป็นของที่ระลึกกลับไปปลูกที่บ้านได้ สำหรับเหล่าคนชอบทำสวนแล้วที่นี่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ควรแวะเข้าไปชมบรรยากาศสุดๆ เลย
"สวนสาธารณะอาซาฮิกาวะ" สวนเลื่องชื่อของต้นซากุระและดอกคาตาคุริ
"สวนสาธารณะอาซาฮิกาวะ (旭山公園)" แห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับสวนสัตว์อาซาฮิกาวะโดยเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ชมดอกซากุระชื่อดัง เมื่อถึงฤดูดอกซากุระบานสะพรั่ง เหล่านักท่องเที่ยวมากมายจะเดินทางมารวมตัวกันเพื่อชื่นชมทิวทัศน์อันสวยงามของต้นซากุระที่ปลูกเอาไว้ในสวนกว่า 2300 ต้น ตอนกลางคืนมีการประดับประดาต้นซากุระด้วยแสงไฟทำให้มองเห็นความงามเสมือนอยู่ในเทพนิยาย นอกจากนี้ยังมีดอกคาตาคุริ (ดอกลิลลี่สีชมพูสายพันธุ์หนึ่ง) ปลูกเรียงรายให้ได้ชมอีกด้วย จึงเป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดต้อนรับฤดูใบไม้ผลิของฮอกไกโด
เนื่องจากตัวสวนสาธารณะตั้งอยู่บนที่สูงทำให้มองลงมาเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างของเมืองอาซาฮิกาวะได้อีกด้วย ทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองอาซาฮิกาวะก็งดงาม บรรยากาศเหมาะสำหรับการมาเดทเป็นอย่างยิ่ง
ฤดูใบไม้ผลิมีซากุระ ต้นฤดูร้อนพบกับความเขียวชอุ่มของไม้นานาพรรณ ฤดูใบไม้ร่วงก็พบกับใบไม้สีแดงสดที่แซมอยู่ในทุกมุมสวน สวนสาธารณะอาซาฮิกาวะแห่งนี้จึงเปิดรับเหล่านักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
สักการะเหล่าวีรชนทหารหาญผู้สละชีพแห่งฮอกไกโดที่ "ศาลเจ้า Hokkaido Gokoku Jinja"
"ศาลเจ้า Hokkaido Gokoku Jinja (北海道護国神社)" เป็นศาลเจ้าซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงรัชสมัยเมจิโดยมีวัตถุประสงค์ในการน้อมสักการะวิญญาณของเหล่าวีรชนผู้สละชีพในสงครามที่ฮอกไกโดและเกาะซาฮาลิน (เกาะที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย)
ภายในอารามศาลเจ้านั้นมีอาคารที่ชื่อ Heiseikan (平成館) หรืออดีตอาคารรำลึกวีรชนทหารผู้กล้ากองทัพบกหน่วยที่ 7 ซึ่งได้รับการลงทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมประจำชาติในปีค.ศ. 2015 (ปีเฮย์เซย์ที่ 27) โดยภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ทางการทหารและวัตถุต่างๆ เพื่อรำลึกถึงกิจกรรมทางการทหารภายในฮอกไกโดในฐานะพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ และยังทำหน้าที่เป็นศาลเจ้าบรรพชนทหารอันเป็นที่สถิตย์อย่างสงบสุขหลังจากที่ได้สละชีพในการรบเพื่อฮอกไกโดอีกด้วย
ในแต่ละปีที่นี่จะมีการจัดงาน Dontoyaki (どんと焼き) ในเดือนมกราคมเพื่ออัญเชิญเครื่องรางที่ใช้มาครบหนึ่งปีไปเผาในกองไฟ งานนี้เป็นงานเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดของศาลเจ้า มีผู้เข้าเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก
หอจดหมายเหตุบันทึกประวัติสาเกเลื่องชื่อตั้งแต่ยุคเอโดะ "หอจดหมายเหตุประวัติการผลิตสุราญี่ปุ่น Otokoyama"
"Otokoyama (男山)" เป็นเหล้าสาเกเลื่องชื่อที่ผลิตมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เหล้าญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับในเวทีระดับโลกชนิดนี้ผลิตโดยใช้น้ำบาดาลของภูเขา Daisetsuzan ซึ่งตั้งอยู่ในเกาะฮอกไกโด น้ำชนิดนี้ถูกเรียกขานว่า "สายธารแห่งอายุวัฒนะ" ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยกันดีสำหรับประชาชนพื้นเมืองของอาซาฮิกาวะ
ภายใน "หอจดหมายเหตุประวัติการผลิตสุราญี่ปุ่น Otokoyama (男山酒造り資料館)" แห่งนี้มีการจัดแสดงอุปกรณ์และเอกสารต่างๆ มากมายเกี่ยวกับการผลิตสุราตั้งแต่สมัยเอโดะ ทำให้เราสามารถสัมผัสกับประวัติศาสตร์การผลิตเหล้าสาเกชนิดนี้ได้อย่างใกล้ชิด ยิ่งกว่านั้นเหล้า Otokoyama นั้นยังเป็นเหล้าที่มีการปรากฏในภาพวาดศิลปะต่างๆ มาตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะ จึงถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์ยอดสุราที่โด่งดังและได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยุคอดีตให้พวกเราได้ชมกัน ภายในหอจดหมายเหตุนี้ยังมีการนำภาพวาดบางส่วนมาจัดแสดงให้ได้ชม ซึ่งก็มีภาพหลักฐานทางประวัติศาสตร์การเฉลิมฉลองด้วยสุราตามวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นจัดแสดงให้ได้ชมกันอีกด้วย
อาคารสถานีกระจกสุดวิจิตร "สถานีอาซาฮิกาวะ"
"สถานีอาซาฮิกาวะ (旭川駅)" เป็นหนึ่งในสถานีหลักของฮอกไกโดซึ่งมีการปรับปรุงก่อสร้างและเปิดให้บริการใหม่ในปีค.ศ. 2013 (ปีเฮย์เซย์ที่ 23) ตัวอาคารใช้กระจกเป็นวัสดุหลักทำให้ภายในมีแสงธรรมชาติส่องลอดผ่านเข้ามารวมถึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกของภูเขา Daisetsuzan และแม่น้ำ Chubetsu-gawa (忠別川) ที่อยู่เบื้องล่างได้ การออกแบบคำนึงถึงบรรยากาศที่ดูอบอุ่นจากวัสดุไม้ จึงใช้วัสดุที่ทำจากไม้มาประดับตกแต่งทั้งเสา เพดานและอื่นๆ ถ้ามองเผินๆ อาคารคอนกรีตแห่งนี้อาจดูเหมือนอาคารที่ทำจากไม้เลยทีเดียว
นอกจากนี้รถไฟด่วนพิเศษอย่าง "Kamui (カムイ)" และ "Soya (宗谷)" ยังจอดที่สถานีนี้ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ "Asahikawa Dobutsuen-go (旭山動物園号)" รถไฟด่วนขบวนพิเศษระหว่างสถานีซัปโปโร (Sapporo) กับสถานีอาซาฮิกาวะที่มีจุดให้ถ่ายรูปที่ระลึกกับสตาฟที่แต่งตัวเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ ก็ยังเปิดให้บริการที่สถานีนี้อีกด้วย สำหรับแฟนๆ สายรถไฟถือเป็นสถานีที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ลิ้มรสราเม็งอาซาฮิกาวะที่ "Asahikawa ramen mura"
"Asahikawa ramen mura (あさひかわラーメン村)" แห่งนี้ได้รวบรวมเหล่าร้านราเม็งชื่อดังในอาซาฮิกาวะมาไว้ในที่เดียว เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1996 เพื่อมุ่งเผยแผ่วัฒนธรรมราเม็งแบบฉบับอาซาฮิกาวะให้เป็นที่รู้จัก โดยสถานที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าขนาดมหึมาที่ชื่อว่า Asahikawa Powers Shopping (旭川パワーズショッピング)
เนื่องจากสถานที่อยู่ใกล้กับสวนสัตว์อาซาฮิกาวะจึงทำให้เป็นสถานที่ที่แต่ละปีมีนักเดินทางเข้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย ร้านที่เปิดให้บริการที่นี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ มีทั้ง "Aoba (青葉)" "Santoka (山頭火)" ซึ่งเป็นร้านชื่อดังประจำเมืองอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีศาลแห่งเทพเจ้าราเม็งให้อธิษฐานขอพรให้มีความสัมพันธ์ยืนยาวดั่งเส้นราเม็ง และยังมีม้านั่งรูปถ้วยข้าวอีกด้วย เป็นที่ที่สายราเม็งห้ามพลาด!
การท่องเที่ยวที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ วิวสวยๆ เหล่าสัตว์น่ารักๆ และอร่อยไปกับราเม็งรสเลิศ
เนื่องจากเมืองอาซาฮิกาวะนั้นอยู่ไม่ไกลจากซัปโปโรมากนัก แถมยังมีจุดเด่นตรงที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติกับตัวเมืองไม่ได้ห่างกันนัก การเข้าไปท่องเที่ยวที่นี่ไม่ว่าจะเป็นสวนสัตว์หรือหอศิลป์จะทำให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของเมืองอาซาฮิกาวะจนอาจถึงขั้นต้องมนต์เสน่ห์ของที่นี่เลยทีเดียว อาซาฮิกาวะจึงเป็นเมืองหนึ่งในฮอกไกโดที่คุณไม่ควรพลาดที่จะสัมผัสกับธรรมชาติและวัฒนธรรมของเมืองอย่างเต็มที่
Header Image: Omjai Chalard / Shutterstock
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทาง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
บทความนี้ได้รับอนุญาตให้ทำการแปลและเผยแพร่จาก SPIRA (ในอดีตคือ Relux Magazine)
คุณสามารถจองโรงแรมผ่าน Relux (บริหารจัดการโดย SPIRA) ได้ ที่นี่!!
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่