ชี้เป้า 10 แหล่งท่องเที่ยวน่าไปในจังหวัดเอฮิเมะ (ภูมิภาคชิโกกุ)
เบื่อที่เที่ยวในเมืองดังๆ กันหรือยัง? ถ้าคุณกำลังมองหาที่เที่ยวใหม่ๆ ในประเทศญี่ปุ่นอยู่ล่ะก็ เราขอแนะนำจังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) ที่อยู่ในภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku) ให้คุณไปเยือน เอฮิเมะเป็นจังหวัดที่ล้อมรอบด้วยทะเลเซโตะใน ที่นอกจากจะมีอาหารทะเลอร่อยๆ แล้ว ยังมีศาลเจ้าและปราสาทอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอีกด้วย ในบทความนี้ เราได้รวบรวมแหล่งท่องเที่ยวในเอฮิเมะที่จะทำให้คุณหลงรักแดนอาทิตย์อุทัยมาให้ถึง 10 แห่ง ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. โดโกะออนเซ็น (道後温泉) | มัตสึยามะ
หนังสือเรื่อง "บ๊ตจัง (坊ちゃん)" เขียนโดย นัตสึเมะ โซเซกิ (夏目漱石) นักเขียนชาวญี่ปุ่นชื่อดัง ได้ใช้บ่อน้ำพุร้อนในบริเวณนี้ที่นี่เป็นฉากในการดำเนินเรื่อง จุดเด่นของที่นี่ คือ เสียงกลองที่จะดังขึ้นเพื่อบอกช่วงเวลาของวัน เป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและถูกพูดถึงในงานเขียนเชิงประวัติศาสตร์มากมาย รวมถึง "มันโยฌู (万葉集)" ซึ่งเป็นหนังสือกวีที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นด้วย
นาฬิกาบ๊ตจังคาระคุริ ( 坊っちゃんカラクリ時計)
นาฬิกาเรือนนี้ตั้งตระหง่านอยู่หน้าทางเข้าสถานีรถไฟโดโกะออนเซ็น มีดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับอาคารหลักของบ่อน้ำพุร้อนในช่วงเวลาการแสดง คุณจะได้เห็นฐานนาฬิกายกขึ้นสูง และมีตัวละครจากเรื่องบ๊ตจังออกมาร้องเล่นเต้นรำท่ามเสียงดนตรี ในบริเวณใกล้ๆ กัน ยังมีบ่อแช่เท้าที่นักท่องเที่ยวชอบไปใช้บริการกันด้วย
2. ภูเขาอิชิสึจิ (石鎚山) | ไซโจ
"ภูเขาอิชิสึจิ" ตั้งอยู่ระหว่างเมืองนิชิโจ (西条) และเมืองคุมาโกะเก็น (久万高原) จังหวัดเอฮิเมะ มีความสูงถึง 1,982 เมตร ได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดและเป็น 1 ใน 7 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นอีกด้วย นอกจากจะเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ที่นี่ยังมีวิวสวยๆ ให้ได้ชื่นชมกันตลอดปีอีกด้วย
3. ปราสาทมัตสึยามะ (松山城) | มัตสึยามะ
"ปราสาทมัตสึยามะ" เป็น 1 ใน 12 ปราสาทของญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพหอสังเกตการณ์เดิมของตัวปราสาทอยู่ ที่นี่ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 100 ป้อมปราการมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นในปี 2006 และได้เป็น 1 ใน 100 แหล่งภูมิประเทศเชิงประวัติศาสตร์ที่สวยงามที่สุดในปี 2007 ล่าสุดในปี 2017 ก็ได้รับเลือกเป็นถึงปราสาทที่น่าไปเที่ยวที่สุดอันดับที่ 3 ของประเทศอีกด้วย
สำหรับใครที่อยากไปชมปราสาท เราขอแนะนำให้ใช้บริการกระเช้าหรือลิฟต์ชมวิวในการเดินทางขึ้นไป รับรองว่าคุณจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆ อย่างแน่นอน! หรือถ้าใครมีรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถขับไปจอดที่ปราสาทได้เลยเช่นกัน
พิพิธภัณฑ์ ซากะโนะอุเอะโนะคุโมะ (坂の上の雲ミュージアム)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคเมจิ (ปี ค.ศ. 1868 - 1912) ซึ่งเป็นปีแห่งการปฏิรูปญี่ปุ่นสู่ยุคแห่งความทันสมัยของ โดยอ้างอิงจากเรื่องราวที่ปรากฏในนวนิยายชื่อดัง "ซากะโนะอุเอะโนะคุโมะ (坂の上の雲)" ที่นี่คุณจะได้ชมการจัดแสดงภาพการเปลี่ยนแปลงของตัวเมืองและเหตุการณ์ต่างๆ ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนั้น ใครที่อยากได้เกร็ดความรู้เชิงประวัติศาสตร์ระหว่างการท่องเที่ยวไม่ควรพลาดที่นี่เป็นอย่างยิ่ง รับรองว่าคุณจะรู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในยุคนั้นเลยจริงๆ
4. พิพิธภัณฑ์ผ้าขนหนูอิชิฮิโระ (タオル美術館 ICHIHIRO) | อิมาบาริ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตีนเขาคาสะมัตสึ (笠松山) ในเขตอุทยานแห่งชาติเซโตะไนไก (瀬戸内海) และเป็น 1 ในพิพิธภัณฑ์ผ้าขนหนูแห่งแรกๆ ของโลก ที่นี่จะทำให้คุณเห็นความสำคัญของการมีผ้าขนหนูดีๆ และยังเปิดให้ชมกระบวนการการผลิตผ้าฝ้ายซึ่งใช้ในการทำผ้าขนหนูอีกด้วย
จุดที่ได้รับความสนใจที่สุดของพิพิธภัณฑ์จะเป็นกำแพงไหมพรมหลากสีตามที่เห็นในภาพด้านบน ซึ่งทั้งหมดเป็นด้ายที่ใช้ในการทำผ้าขนหนูและมีมากถึง 200 สี และที่กำแพงนี้ก็มีม้วนด้ายอยู่ถึง 1,800 ม้วนด้วยกัน ขอบอกเลยว่าเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ!
5. ศาลเจ้าโอยามะซึมิ (大山祇神社) | อิมาบาริ
"ศาลเจ้าโอยาซึมิ" เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีสาขาอยู่กว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ ที่ศูนย์กลางของศาลเจ้าแห่งนี้มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คุสุโนะคิ (神木) ที่มีอายุกว่า 2,600 ปีอยู่ ซึ่งต้นไม้ต้นนี้ก็ได้รับเลือกเป็นอนุสรณ์แห่งชาติในปี ค.ศ. 1954 ด้วย แค่ได้ไปเห็นกับตาสักครั้งก็ถือว่าคุ้มค่าเดินทางแล้วล่ะ!
หอสมบัติ (宝物館)
ว่ากันว่าหอสมบัติของศาลเจ้าโอยามะซึมิเก็บสมบัติของจังหวัด และสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่นไว้ถึง 80% ด้วยกัน โดยจะมีจุดทัศนศึกษาแยก 3 จุด และจัดแสดงสิ่งของไว้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะ เกราะศีรษะ ดาบ ฯลฯ
6. ทางจักรยานชิมานามิไคโดะ (しまなみ海道 サイクリング) | อิมาบาริ
"ทางจักรยานชิมานามิไคโดะ" มีความยาวถึง 70 กิโลเมตรและเป็นถนนแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่นที่เราสามารถปั่นจักรยานข้ามทะเลได้ ระหว่างการเดินทางจะมีสะพานสวยๆ มากมายให้คุณได้ข้าม มีอ่างน้ำวนให้ได้ชม และยังมีแหล่งตกปลาที่เหล่าผู้อาศัยท้องถิ่นมักจะมาพบปะกันอีกด้วย สำหรับใครที่ไม่ได้พกจักรยานมาก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะรอบๆ นี้มีร้านจักรยานให้เช่าอยู่เป็นจำนวนมาก และบางที่ก็อาจมีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าด้วย
7. ปราสาทอิมาบาริ (今治城) | อิมาบาริ
ปราสาทแห่งนี้อยู่ติดกับทะเลเซโตะใน และเคยได้ชื่อว่าเป็นถึงปราสาทติดทะเลใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ความจริงแล้วโครงสร้างส่วนใหญ่ของปราสาทถูกทำลายไปในช่วงฟื้นฟูอำนาจในสมัยเมจิ (ปี ค.ศ. 1868 - 1912) จึงเหลือไว้เพียงคูเมืองและส่วนหลักๆ ของกำแพงหินเท่านั้น แต่เมื่อได้รับเลือกให้เป็นโบราณสถานประจำจังหวัดในปี ค.ศ. 1953 ก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1980 เราจึงมีปราสาทอิมาบาริสวยๆ ให้ได้เห็นกันในทุกวันนี้
8. รถไฟอิโยนาดะโมโนกาตาริ (伊予灘ものがたり) | มัตสึยามะ
รถไฟนำเที่ยวอย่างเป็นทางการสายแรกของภูมิภาคชิโคคุ เปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 26 กรกฏาคม ค.ศ. 2014 บนรถไฟขบวนนี้มีหน้าตางบ้านใหญ่ให้เราได้เห็นทิวทัศน์สวยๆ ของทะเลอิโยนาดะ รวมถึงธรรมชาติที่รายล้อมไปตลอดการเดินทาง
ภายในของรถไฟออกแบบให้ดูออกไปทางยุคเก่านิดๆ แต่ก็นำสมัยหน่อยๆ พนักงานรถไฟก็เอาใจใส่ผู้โดยสารไปอย่างดี แถมอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟบนรถไฟก็อร่อยมากเสียด้วย!
สถานีชิโมนาดะ (下灘駅)
สถานีชิโมนาดะ ในเมืองอิโยะ (伊予) เป็นสถานีรถไฟในจังหวัดเอฮิเมะที่ควรจะไปเห็นด้วยตาตัวเองให้ได้สักครั้งในชีวิต ที่นี่ไม่มีพนักงานรถไฟ และด้วยเป็นสถานีที่อยู่ใกล้กับทะเลที่สุดจึงสามารถมองออกไปดื่มด่ำกับวิวสวยๆ ของทะเลเซโตะในกันได้อย่างเต็มที่
9. ศาลเจ้าอิซานิวะ (伊佐爾波神社) | มัตสึยามะ
"ศาลเจ้าอิซานิวะ" เป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าแบบฮาจิมัง (大八幡造*) ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ มีชาวญี่ปุ่นมากมายแวะมาเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งนี้ และก็ไม่ใช่เพียงเพื่อชมความงดงามโอ่อ่าของสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังมาเพื่อสัมผัสกับขนบธรรมเนียมประเพณีในสมัยที่ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วย เรียกได้ว่าเหมือนได้ย้อนอดีตกันเลยทีเดียว!
*ฮาจิมัง เป็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นที่จะเชื่อมโครงสร้างที่อยู่ขนานกัน 2 ที่ด้วยหลังคา เกิดเป็นสิ่งก่อสร้าง 1 หลังที่หากมองจากด้านข้างแล้วดูเหมือนเป็นอาคาร 2 หลัง
10. คฤหาสน์แห่งเขาการิว (臥龍山荘) | โอซุ
คฤหาสน์แห่งเขาการิว ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำฮิจิ (肱川) ที่ไหลผ่านเมืองโอซุ (大洲) ในจังหวัดเอฮิเมะ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในสมัยเมจิโดย โคจิ ทาระจิโร่ (河内寅次郎) พ่อค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองโอซู ภายในคฤหาสน์ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างย่อยๆ เป็นอาคารหลายแห่งกระจัดกระจายอยู่ภายในพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร
มีสถาปนิกชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่นหลายคนที่ออกปากชื่นชมสถาปัตยกรรมของคฤหาสน์แห่งนี้ และยังนำไปเป็นตัวเปรียบเทียบเพื่อแยกประเภทของคฤหาสน์ต่างๆ ในเกียวโตอีกด้วย นอกจากนี้ ชื่อของมันยังไปปรากฏอยู่ในหนังสือนำเที่ยวของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 2011 ด้วย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ใครที่มีความสนใจในด้านสถาปัตยกรรมจะพลาดที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด!
หากคุณอยากสัมผัสญี่ปุ่นให้ได้ครบทุกมุมแล้วล่ะก็ คุณต้องลองไปที่เอฮิเมะกันให้ได้สักครั้ง ยิ่งถ้าใครชอบวิวทัวทัศน์สวยๆ ริมทะเล ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม รวมถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วยแล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่าจะพลาดสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 10 แห่งนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่