10 สุดยอดร้านแกงกะหรี่จาก 100 อันดับสุดยอดร้านแกงกะหรี่โตเกียวโดย Tabelog [อัพเดตปี 2020!]
Tabelog เว็บไซต์รีวิวร้านอาหารชื่อดังได้ประกาศผลการคัดเลือก "สุดยอด 100 ร้านแกงกะหรี่" จากกว่า 2,000 ร้านแกงกะหรี่ในโตเกียว! สำหรับบทความนี้เราจะคัดสรร 10 ร้านที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาในลิสต์นี้ถึง 3 ปีซ้อน ทั้งร้านลับและร้านดัง หากคุณเป็นสาวกแกงกะหรี่อย่าลืมแวะไปลองชิมแกงกะหรี่อร่อยๆ จากร้านที่เราแนะนำกันให้ได้!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
10 ร้านคัดสรรจาก "สุดยอด 100 ร้านแกงกะหรี่ Tabelog 2019"
1. Tomato
ร้าน "Tomato" ใช้เวลาเดินจากสถานีโอกิคุโบะ (荻窪駅) เพียง 5 นาทีเศษๆ เป็นร้านขนาดเล็กที่มีเพียง 15 ที่นั่งเท่านั้น ร้านนี้ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 100 สุดยอดร้านแกงกะหรี่ของ Tabelog 3 ปีซ้อนมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017 โดยบรรยากาศร้านเป็นเหมือนกับร้านกาแฟใจกลางชุมชนทั่วๆ ไปแต่รสชาตินั้นเป็นหนึ่งไม่แพ้ใครในโตเกียวแน่นอน
สำหรับเมนูแนะนำนั้นก็คือ "แกงกะหรี่เนื้อสไตล์ญี่ปุ่น" ที่อัดแน่นไปด้วยความอร่อย รสเผ็ดร้อนและความขมนิดๆ ที่กลมกลืนเข้ากันเป็นอย่างดี ผสมผสานเข้ากันกับเนื้อญี่ปุ่นที่เคี้ยวเพียงคำเดียวรสชาติทั้งหมดก็จะแผ่ซ่านออกไปทั่วทั้งปากเลยทีเดียว
แกงกะหรี่ที่นี่มีราคาตั้งแต่ 1,950 เยน ไปจนถึง 3,400 เยน แม้จะมีภาพลักษณ์เป็นร้านข้าวแกงกะหรี่ที่ราคาแพงกว่าร้านทั่วๆ ไป แต่ก็สามารถรับรองความเป็นร้านดังของที่นี่เป็นอย่างดี
2. SPICY CURRY Roka
"SPICY CURRY Roka" ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินจากประตูทิศใต้ของสถานีโอคุโบะ (大久保駅) ไปเพียง 2 นาทีเท่านั้น เป็นร้านขนาดเล็กที่มีเพียง 9 ที่นั่ง ซึ่งร้านนี้เองก็ได้รับการโปรโมทจาก Tabelog 3 ปีซ้อนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017 เช่นกัน
เสน่ห์ของร้านอยู่ที่แกงกะหรี่แบบพิเศษที่เปลี่ยนไปแทบทุกครั้งที่เข้าร้าน ราคาก็ประหยัดสุดคุ้มที่ 900 เยนเท่านั้น เมนูแนะนำคือแกงกะหรี่ซี่โครงหมูตุ๋นพร้อมกับสลัด เมนูนี้ใช้เนื้อซี่โครงหมูที่คัดสรรจากร้านขายเนื้อเฉพาะทางมาตุ๋นเข้ากับยอดอ่อนชาแดงจนกระทั่งเปื่อย แล้วเติมวัตถุดิบสำหรับทำแกงกะหรี่ แค่ชาแดง มะเขือเทศ และหัวหอมที่ละลายกลืนไปกับซุปก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว!
3. DELHI สาขาอุเอโนะ
สำหรับเมนูแนะนำของที่นี่ก็คือ "Kashmir Curry" ซึ่งดูแล้วแทบไม่มีความเผ็ดอะไรเลยแต่พอกลืนลงไปเท่านั้นแหละความเผ็ดจะค่อยๆ แผ่ซ่านออกมาจากภายในทำให้รับรู้ถึงรสชาติอันซับซ้อนที่ซ่อนอยู่และความเข้มข้นของน้ำแกงที่รับประทานโดยไม่ต้องจิบน้ำแก้เผ็ดก็สามารถตักเข้าปากได้เรื่อยๆ แถมผักแกล้มอย่างแตงกวาและหัวหอมยังสามารถเติมได้ไม่อั้นอีกด้วย
4. Dharmasagara
ร้านนี้ใช้เวลาเดินจากประตูหมายเลข 5 ของสถานีกินซ่า (銀座駅) เพียงนาทีเดียวโดยตั้งอยู่ในตึก Ginza Eight ชั้น 2 มีป้ายโดดเด่นว่า "Dharmasagara" แน่นอนว่าร้านนี้ก็เป็น 1 ในร้านแนะนำ 3 ปีซ้อนเช่นกัน ที่นี่สามารถชมวิวอันสวยงามยามกลางคืน จึงเหมาะจะเป็นสถานที่สำหรับมาเดทหรือมาจัดปาร์ตี้เฉพาะคุณสาวๆ อีกด้วย
รสชาติแกงกะหรี่ของร้านนี้จะเน้นไปทางจัดจ้านเข้มข้นสไตล์อินเดียใต้ โดยเฉพาะแกงกะหรี่ที่ใส่กะทิมีรสชาตินุ่มละมุนออกหวานทำให้สาวๆ และเด็กๆ สามารถรับประทานได้ สามารถจองที่นั่งได้แม้แต่ในช่วงมื้อเที่ยงของวันธรรมดา โดยมีเพียงเมนูเดียวก็คือ Dharmasagara meals ที่ถึงแม้จะเดินทางมาคนเดียวก็สามารถอิ่มอร่อยได้เช่นกัน
5. Katchar Batchar
ร้าน "Katchar Batchar" ใช้เวลาเดินจากสถานีชินโอทซึกะ (新大塚駅) เพียง 3 นาที ซึ่งนอกจากจะเป็น 1 ใน 100 ร้านที่ได้รับการคัดเลือกจาก Tabelog ถึง 3 ปีซ้อนแล้วยังได้รับเหรียญทองแดงจาก Tabelog อีกด้วย กรรมวิธีการใช้เครื่องเทศของที่นี่ไม่ธรรมดาถึงขนาดที่เรียกว่าดึงรสชาติอันน่าหลงใหลของวัตถุดิบแต่ละอย่างออกมาได้อย่างน่าทึ่งจนกระทั่งเหล่าลูกค้าต่างผันตัวกันมาเป็นแฟนของร้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยทีเดียว
ร้านนี้ได้รับคำวิจารณ์ถึงขั้นถูกเรียกว่าเป็นสุดยอดร้านแกงกะหรี่อินเดียที่ดีที่สุดในโตเกียวเลยทีเดียว สำหรับเมนูแนะนำก็คือ Butter Chicken curry และ Cheese Kulchar ซึ่งคุณจะพบกับรสชาติแกงกะหรี่ที่มีความเปรี้ยวและหวานของมะเขือเทศเจืออยู่ในน้ำแกงแบบที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนแน่นอน
6. Curry Rice Dylan
เมื่อออกเดินจากประตู B3 ของรถไฟใต้ดินสถานีโอกาว่ามาจิ (小川町駅) ไป 2 นาทีคุณจะได้พบกับ "Curry Rice Dylan" ซึ่งมีที่นั่งเคาน์เตอร์เพียง 14 ที่นั่ง เป็นร้านเล็กๆ ที่น้อยคนจะรู้จัก แต่ Tabelog รู้จักและการันตีด้วยการรับรองเป็น 1 ใน 100 สุดยอดร้านแกงกะหรี่ที่ได้รับคัดเลือกถึง 3 ปีซ้อนเลยทีเดียว ยิ่งถ้าเป็นช่วงเที่ยงแล้วล่ะก็ร้านจะเนืองแน่นไปด้วยเหล่าพนักงานบริษัทจนเต็มร้านเลยทีเดียว
สำหรับเมนูแนะนำก็คือ Chicken (แกงกะหรี่ไก่) & Chicken Khema (แกงกะหรี่ไก่ใส่ไข่และผักโสภณ) อย่างละครึ่งครึ่ง สำหรับ Chicken ที่ถึงแม้จะมีรสเผ็ดเล็กน้อยแต่เมื่อใส่ไข่เข้าไปแล้วจะทำให้มีรสนุ่มละมุนลิ้นตัดเผ็ดได้เป็นอย่างดี รวมถึงรสชาติผักชีที่จะทำให้รู้สึกสดชื่นตามมา
7. Curry&Oriental bar Momo no Mi สาขา Suidobashi
"Curry&Oriental bar Momo no Mi สาขา Suidobashi" เป็นร้านที่ใช้เวลาเดินจากสถานีซุยโดบาชิ (水道橋駅) เพียง 5 นาที ได้รับรางวัล 1 ใน 100 สุดยอดร้านแกงกะหรี่ 3 ปีซ้อนเช่นกัน ร้านขนาดเล็กเพียง 16 ที่นั่งที่มาพร้อมบรรยากาศทำให้ไม่ว่าจะใช้บริการเพียงคนเดียวหรือจะมากันเป็นกลุ่มก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน
เมนูแนะนำที่อยากให้ไปลิ้มลองก็คือ Khema curry ครับ รสชาติเข้มข้นของเนื้อสับละเอียดทำให้มีความรอร่อยกลมกล่อม เครื่องเทศที่นี่ไม่เผ็ดมากจนเกินไปแต่ก็มีรสชาติที่เข้มข้น หากต้องการท็อปปิ้งเพิ่มก็มีท็อปปิ้งที่เหล่าคนญี่ปุ่นนั้นชื่นชอบจัดเตรียมเอาไว้เต็มไปหมด ทำให้มีลูกค้าแวะมาซ้ำกันเป็นประจำครับ
8. Suna no Misaki
"Suna no Misaki" เป็นร้านที่ใช้เวลาเดินจากสถานีซากุระชินมาจิ (桜新町駅) เพียง 5 นาที โดยเป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 100 สุดยอดร้านแกงกะหรี่ 3 ปีซ้อน ที่นี่มีเพียง 12 ที่นั่งก็จริงแต่ก็มีห้องแยกสำหรับลูกค้าที่ต้องการเป็นส่วนตัว ลูกค้าที่ต้องการจัดปาร์ตี้ส่วนตัวเฉพาะสาวๆ หรืออยากฉลองเล็กๆ กับเพื่อนสนิทก็สามารถใช้บริการได้ ร้านเปิดขายจนกว่าแกงกะหรี่จะหมดจึงควรโทรเช็คเสียแต่เนิ่นๆ แล้วค่อยไปกัน
สาเหตุที่ร้านต้องใช้วันหยุดถึง 3 วันต่อสัปดาห์ก็เพื่อใช้เวลาจัดเตรียมเครื่องเทศต่างๆ แน่นอนว่าร้านที่ใส่ใจมากขนาดนี้จะต้องอร่อยอย่างแน่นอน! แกงกะหรี่ไก่และแกงกะหรี่ผักรวมที่มี Chana Masala (เครื่องแกงที่ผลิตจากเครื่องเทศนานาชนิด) โรยอยู่ด้านบนถือเป็นสุดยอดเมนูแนะนำที่ห้ามพลาดเด็ดขาด นอกจากนี้ยังมีแกงกะหรี่เย็นที่มีส่วนผสมของหัวหอม ขิงและถั่วเขียวที่อยากให้คุณได้ลิ้มลองกันดูสักครั้ง
9. Shiva curry wara
ร้านนี้มีชื่อว่า "Shiva curry wara" ใช้เวลาเดินจากสถานีซังเค็นชายะ (三軒茶屋駅) เพียง 3 นาที และแน่นอนว่าเป็น 1 ใน 100 ร้านแนะนำของ Tabelog มาแล้ว 3 ปีซ้อน ที่นั่งทั้งหมดรวมเคาน์เตอร์แล้วมีเพียง 11 ที่นั่งเท่านั้น เป็นร้านเล็กๆ ที่ตกแต่งภายในให้ดูน่ารัก ถ้าหากไปผิดช่วงเวลาล่ะก็ได้เข้าแถวรอกันยาวเลยทีเดียวแน่ๆ
ที่นี่ถือว่าเป็นร้านระดับสูงในฐานะร้านอาหารอินเดียต้นตำรับ รสชาติของอาหารที่นี่เองก็ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับลิ้นของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแกงกะหรี่รสชาติเข้มข้นอย่าง Pork chilli khema ที่มีรสเข้มข้นผสมกันอย่างพอดีกับเนื้อหมูอาราบิกิ ส่วน Meen Bartharachar เป็นเมนูที่ใช้ Masala (เครื่องเทศชนิดหนึ่งของอินเดีย) มาอบจนกรอบแล้วใช้รสชาติของมะพร้าวเพื่อลดความเผ็ดของเครื่องแกงให้น้อยลง
10. Beet eat
สำหรับร้าน "Beet eat" ซึ่งอยู่ห่างจากประตูทิศเหนือของสถานีคิตะมิ (喜多見駅) สายโอดะคิวเพียงเล็กน้อยนั้นมีที่นั่งตรงเคาน์เตอร์เพียง 7 ที่เท่านั้น เมนูอาหารที่นี่พิถีพิถันเป็นอย่างมากเพราะจะมีเมนูที่คุณไม่เคยเห็นที่อื่นมาก่อนเช่น Biryani เนื้อหมีดำ เจ้าของร้านนั้นเป็นนายพรานสาวนักล่าที่จะหาเหยื่อมาทำเป็นเมนูด้วยตัวเอง
เราสามารถรับประทานเมนูอาหารสุดพิถีพิถันไม่ว่าจะเป็นแกงกะหรี่ที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ป่าหรือเมนูอาหาร Macrobiotic (อาหารที่รักษาสมดุลของร่างกาย) นอกจากนี้ยังมีเมนูแกงกะหรี่ปลาหมึกบินญี่ปุ่น แกงกะหรี่คีม่าเนื้อกวาง แกง Vindaloo หมู ซึ่งเป็นเมนูเฉพาะที่แทบจะหารับประทานในร้านอื่นไม่ได้เลย สำหรับข้าวที่นี่นั้นให้มาค่อนข้างน้อยแต่ก็สามารถขอสั่งเป็นจานใหญ่ได้เช่นกัน หากต้องการรับประทานอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ป่าอย่างจุใจขอแนะนำให้ไปใช้บริการในช่วงตอนมื้อเย็น
แกงกะหรี่อุ่นๆ ยังรอคุณอยู่! ร้านที่ยังไม่ได้แนะนำก็ยังมีอีกมาก!
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับวันนี้ รู้สึกเริ่มน้ำลายสออยากทานแกงกะหรี่กันขึ้นมาบ้างแล้วหรือยังครับ? แกงกะหรี่ในญี่ปุ่นนั้นถูกนำมาพลิกแพลงจนเป็นอาหารมากมายหลายชนิดเลยทีเดียว ร้านที่ยังไม่เคยไปเองก็ยังมีอีกมากมาย แถมสไตล์ก็ยังแตกต่างกันออกไป ทั้งแบบยุโรป แบบอินเดีย หรือจะเป็นแบบญี่ปุ่นอีกด้วย หากมีโอกาสก็อยากให้ไปลองรับประทานร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงกันดูนะครับ
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทาง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
บทความนี้ได้รับอนุญาตให้ทำการแปลและเผยแพร่จาก SPIRA (ในอดีตคือ Relux Magazine)
คุณสามารถจองโรงแรมผ่าน Relux (บริหารจัดการโดย SPIRA) ได้ ที่นี่!!
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่