ที่เที่ยวแนะนำ 11 แห่งในคานาซาว่า ไปสัมผัสวัฒนธรรมแห่งแคว้นคางะ
"เมืองคานาซาว่า" (金沢) อยู่ในจังหวัดอิชิคาว่า หันหน้าไปทางฝั่งทะเลญี่ปุ่น เป็นอดีตที่ตั้งของแคว้นคางะ (加賀藩) อันรุ่งเรืองในอดีต เนื่องจากมีประชากรเยอะที่นี่จึงเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ วัฒนธรรมแห่งเมืองปราสาทและอุตสาหกรรมก็ยังคงฝังรากลึกอยู่ในเมืองคานาซาว่ามาจนถึงทุกวันนี้ ในคราวนี้เราจะมาแนะนำตั้งแต่สถานที่ท่องเที่ยวคลาสสิกในคานาซาว่า ไปจนถึงประสบการร์แปลกใหม่ให้ทุกคุณได้รู้จัก
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. ประตู Tsuzumi และโดม Motenashi ที่สถานีคานาซาว่า
หลังจากสร้างโฮคุริคุชินคันเซ็น ทำให้สถานีคานาซาว่าสามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น และเมื่อออกจากสถานีรถไฟไปด้านหน้า จะพบกับโดมขนาดใหญ่และประตูที่มีรูปทรงเหมือนกลองอันดึงดูดสายตา
ประตู Tsuzumi (鼓門) หรือประตูกลองถูกสร้างขึ้นมาจากไม้ดักลาสเฟอร์ และมีรูปทรงที่เหมือนกับกลองที่ถูกใช้ในละครโนซึ่งเป็นศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิมตั้งเรียงกัน 2 ลูก ส่วน โดม Motenashi (もてなしドーム) มีโครงสร้างแบบเสาค้ำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์ เพดานคลุมด้วยกระจก ทำให้คุณสามารถออกจากสถานีได้โดยไม่เปียกฝน อีกทั้ง ในตอนกลางคืนยังมีการฉายไฟไลท์อัพ สะท้อนสีสันอันอบอุ่นของไม้ดักลาสเฟอร์และเส้นโค้งสุดงดงาม
2. สวน Kenroku-en
สวน Kenroku-en (兼六園) เป็นหนึ่งในสามสวนขึ้นชื่อของญี่ปุ่นเช่นเดียวกับสวน Kairaku-en (偕楽園) ในมิโตะ และสวน Koraku-en (後楽園) ในโอคายาม่า ถูกสร้างขึ้นในสมัยผู้ครองแคว้นคางะหลายต่อหลายรุ่น ซึ่งชื่อ Kenroku-en นั้นมีที่มาจากการที่สวนนี้ประกอบด้วย "Rokusho (六勝)" หกปัจจัยแห่งทัศนียภาพอันยอดเยี่ยมอยู่อย่างครบถ้วนนั่นเอง
สวน Kenroku-en ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองคานาซาว่า เป็นสวนสาธารณะที่เพลิดเพลินได้ตามฤดูกาลทั้งสี่ที่นอกจากคนญี่ปุ่นเองแล้วก็ยังมีผู้คนแวะมาเยือนจากทั่วโลก ในสวน Kenroku-en นั้นมีห้องสำหรับจัดพิธีชงชาที่มีชื่อว่า Shigure-tei (時雨亭) ที่คุณจะได้ดื่มชาเซ็นฉะพร้อมขนมญี่ปุ่น เพลิดเพลินวิวสวนแสนสวยงามไปพร้อมกันได้
3. ห้องชา Shigure-tei
Shigure-tei (時雨亭) เป็นห้องสำหรับจัดพิธีชงชา อยู่ภายในสวน Kenroku-en สามารถแวะมาเที่ยวชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่จะเสียเงินและใช้ช่วงเวลาดื่มชาแบบไม่รีบร้อนในอาคารอย่างงดงามก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
สำหรับชาเซ็นฉะนั้นจะมาพร้อมกับขนมญี่ปุ่นในราคา 310 เยน ส่วนมัทฉะจะมาพร้อมขนมญี่ปุ่นสดในราคา 720 เยน ซึ่งขนมญี่ปุ่นสดนั้นเป็นขนมสูตรออริจินัลของทาง Shigure-tei เอง และจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดูกาล เราขอแนะนำให้คุณมาลองลิ้มรสชามัทฉะคุณภาพดีพร้อมขนมญี่ปุ่นในขณะที่นั่งฟังการบรรยายใน Shigure-tei เป็นประสบการณ์แปลกใหม่แต่น่าประทับใจแน่นอน
4. สวนสาธารณะปราสาทคานาซาว่า
ปราสาทคานาซาว่า (金沢城) ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1583 ตั้งอยู่ติดกับสวน Kenroku-en และศาลเจ้าโอยามะ (尾山神社) หลังจากที่ถูกฟ้าผ่าเมื่อปี 1602 จนหอคอยกลางปราสาทถูกเผาทำลายไป ก็ไม่ได้มีการฟื้นฟูหอคอยกลางปราสาทขึ้นมาใหม่
จุดที่น่าสนใจของที่นี่นอกจากประตูอิชิคาว่า (石川門) แล้ว ยังมีประตูฮาชิสึเมะ (橋爪門) ประตูคาโฮคุ (河北門) และสวน Gyokusen-in Maru (玉泉院丸庭園) ฯลฯ ที่ได้รับการฟื้นฟูเมื่อไม่นานมานี้ โดยได้รับการฟื้นฟูตามความจริงทางประวัติศาสตร์โดยอ้างอิงมาจากแผนภาพและบันทึกโบราณ กำแพงหินของปราสาทก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งเช่นกัน
จากการที่ทางเข้าออกและสวนต่างๆ ถูกเปลี่ยนดีไซน์ไปตามสถานที่ และได้รับการฟื้นฟูหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ได้เห็นกำแพงหินต่างๆ มากมาย จนบ้างก็ถูกเรียกว่าเป็น "พิพิธภัณฑ์กำแพงหิน" นั่นเอง
5. ป้อมปราการ Hishi Yagura, Gojukken Nagaya, และ Hashizume-mon Tsuzuki Yagura
ที่นี่เป็นสถานที่บูรณะภายในปราสาทคานาซาว่าที่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม โดย Hishi Yagura (菱櫓) และ Hashizume-mon Tsuzuki Yagura (橋爪門続櫓) เคยถูกใช้เป็นหอสังเกตการณ์ ส่วน Gojukken Nagaya (五十間長屋) เคยถูกใช้เป็นคลังอาวุธ
ตัวอาคารทั้งหมดของ Hishi Yagura มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน หน้าตัดขวางทั้งพื้น เสา และเพดานต่างก็มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนเช่นกัน ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่แปลกตาเพราะจำเป็นต้องใช้วิทยาการขั้นสูงยิ่งกว่าสถาปัตยกรรมทั่วไป ถ้ามองจากภายนอกอาจจะเข้าใจยากสักหน่อย แต่ถ้าได้เข้าไปสังเกตเพดานภายในก็จะสัมผัสได้ด้วยตัวเอง
ภายในสถานที่เหล่านี้มีสิ่งจัดแสดงที่เขียนคำอธิบายโครงสร้างและแบบจำลองอาคารตั้งอยู่ด้วย จุดที่เราขอแนะนำเป็นพิเศษคือทัศนียภาพตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปของหอ ซึ่งสามารถกวาดสายตามองไปได้ถึงคนที่เดินเข้าออกประตูและเมืองปราสาท
6. ศาลเจ้าโอยามะ
ศาลเจ้าโอยามะ (尾山神社) เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้ Maeda Toshiie ผู้ครองแคว้นคางะรุ่นแรกและ Omatsu ภรรยาของเขา เมื่อเดินทะลุประตูโทริอิจะพบประตูศาลเจ้า ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองคานาซาว่าที่ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่น จีน และตะวันตกเข้าด้วยกัน
ระดับชั้นที่ 1 ได้ใช้หินโทมุโระ (戸室石) ซึ่งเป็นหินแอนดีไซต์ (หินภูเขาไฟชนิดหนึ่ง) จากคานาซาว่าในการทำ จึงเป็นประตูที่สีออกแดง ส่วนระดับชั้นที่ 3 เป็นหน้าต่างที่ปกคลุมด้วยกระจกที่มีสีซึ่งเรียกว่า diamant ในศาลเจ้าได้เก็บรักษาพวกชุดเกราะ หมวก และดาบซามูไรของตระกูล Toshiie เอาไว้ ส่วนในเขตศาลเจ้าก็มีรูปปั้นของ Maeda Toshiie และ Omatsu ตั้งอยู่อย่างองอาจ
7. เขตเมืองเก่า Higashi Chayagai, Kazuemachi Chayagai, และ Nishi Chayagai
จากการที่ Maeda Toshiie และ Toshinaga ผู้เป็นลูกชายได้ศึกษาศิลปะการชงชามาจาก Sen no Rikyu ผู้เป็นปรมาจารย์ด้านการชงชา ในเมืองปราสาทแห่งแคว้นคางะจึงมีย่านโรงน้ำชาที่รุ่งเรือง ซึ่งย่านโรงน้ำชานั้นมีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ Higashi Chayagai (ひがし茶屋街), Kazuemachi Chayagai (主計町茶屋街), และ Nishi Chayagai (にし茶屋街)
นอกจากภัตตาคารที่ไม่เพียงแค่มีชาและขนมญี่ปุ่นให้รับประทานแล้ว ยังมีร้านเช่าชุดกิโมโน และร้านที่สามารถมาสัมผัสประสบการณ์ไปกับวัฒนธรรมคานาซาว่าได้อย่างง่ายๆ เช่น KAGA-YUZEN (加賀友禅 เป็นเทคนิคการย้อมสีชุดกิโมโนอย่างหนึ่ง) และการเล่นชามิเซน (เครื่องดนตรีของญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง มีสาย 3 สาย ลักษณะคล้ายกีตาร์) เป็นต้น
8. ศูนย์ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอิชิคาว่า
ศูนย์ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอิชิคาว่า หรือ Ishikawa Local Products Center (石川県観光物産館) คุณสามารถทั้งรับประทานอาหาร ทำกิจกรรมสไตล์สัมผัสประสบการณ์ และซื้อของที่ระลึกในอาคารเดียว มีหลายคนที่เลือกจะแวะมาหลังจากการเที่ยวสวน Kenroku-en และบริเวณรอบๆ โดยคุณจะได้เลือกซื้อของที่ระลึกจากร้านชื่อดังที่ชั้น 1 ส่วนชั้นอื่นๆ นอกจากจะมีให้ทำกิจกรรมสไตล์สัมผัสประสบการณ์ 6 อย่าง เช่น การชงชามัทฉะ การทำขนมญี่ปุ่นแฮนด์เมด ฯลฯ แล้ว ยังมีการจัดแสดงงานฝีมือแบบดั้งเดิมและวัฒนธรรมการทำขนมด้วย
9. ตลาดโอมิโจ
ตลาดโอมิโจ (近江町いちば館) เป็นพื้นที่ใจกลางด้านอาหารการกินที่ชั้น 1 มีตลาดขายผักผลไม้ ปลาสด และอื่นๆ อีกมากมาย ชั้น 2 มีย่านร้านอาหาร ส่วนชั้นใต้ดินมีพวกร้านราเมงและร้านขนมปัง ฯลฯ ตั้งเรียงรายอยู่ ถ้าได้มาเลือกซื้อพวกกุ้งหอยปูปลาสดๆ ใหม่ๆ จากตลาดไปเป็นของฝาก และได้มาลิ้มรสอาหารท้องถิ่นที่ชั้น 2 ก็น่าจะดีเหมือนกันนะ
10. พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งศตวรรษที่ 21
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งศตวรรษที่ 21 คานาซาว่า (金沢21世紀美術館) ที่นี่ได้จัดแสดงงานฝีมือ สถาปัตยกรรม และงานศิลปะสมัยใหม่มากมายจากทั่วโลกเอาไว้ และไม่ใช่เฉพาะสิ่งไม่มีชีวิตเท่านั้น แต่ผลงานจากพืชก็มีอยู่เช่นกัน ตัวอาคารมีลักษณะเป็นทรงกระบอกซึ่งด้านข้างคลุมกระจกเอาไว้ ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามาจากหลายๆ ด้านชวนให้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ส่วนสวนที่อยู่ในบริเวณก็มีสิ่งจัดแสดงอยู่เช่นกัน จะเข้าไปข้างในและสนุกไปกับการส่งเสียงก็ได้
จุดเด่นหนึ่งของที่นี่คือ "Swimming Pool" ซึ่งเป็นผลงานของ Leandro Erlich ที่เพลิดเพลินได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก เป็นสระน้ำที่ฝังอยู่ใต้พื้นดินที่คุณจะสามารถมองเห็นเงาของคนที่อยู่ด้านล่างได้
11. เทศกาล Kanazawa Hyakumangoku Festival
หนึ่งในไฮไลท์ของการท่องเที่ยวคานาซาว่าก็คือเทศกาล Kanazawa Hyakumangoku Festival (金沢百万石まつり) ที่จัดขึ้นในเดือนมิถุนายนของทุกปีนั่นเอง! เทศกาลนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อระลึกถึง Maeda Toshiie ผู้ครองแคว้นคางะรุ่นแรกได้เข้ามายังปราสาทคานาซาว่าเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1583 แล้วได้วางรากฐานสำคัญที่คานาซาว่า เป็นเทศกาลที่ได้เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศหลังจากที่ได้มีการแต่งตั้งนักแสดงให้มารับบทเป็น Maeda Toshiie ซึ่งถือเป็นตัวเอกของขบวนแห่ศักดินา
เทศกาลจะถูกจัดขึ้นที่ถนนตั้งแต่ทางออกตะวันออกของสถานีคานาซาว่าไปจนถึงปราสาทคานาซาว่า โดยปิดถนนเอาไว้ให้เป็นถนนคนเดินโดยเฉพาะ สำหรับ "ขบวนแห่ศักดินา" นั้นไม่ได้มีเพียง Maeda Toshiie และ Omatsu ผู้เป็นภรรยาเท่านั้น แต่ยังมีพาเหรดดนตรี การเชิดสิงโต และขบวนแห่ปีนบันไดของหน่วยดับเพลิงด้วย อีกทั้งยังมีขบวนเต้นรำศักดินาและงานเลี้ยงน้ำชาศักดินาที่นักท่องเที่ยวก็สามารถมาเข้าร่วมได้ด้วย
มาสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ที่คานาซาว่ากันเถอะ!
หวังว่าคุณจะรู้จักเมืองคานาซาว่ามากขึ้นจากบทความนี้ไม่มากก็น้อย ยิ่งไปลองสัมผัสจริงๆ ก็จะยิ่งหลงรักเมืองนี้มากขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน สนใจแวะมาในวันหยุดครั้งถัดไปดูหน่อยไหม?
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทาง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
บทความนี้ได้รับอนุญาตให้ทำการแปลและเผยแพร่จาก SPIRA (ในอดีตคือ Relux Magazine)
คุณสามารถจองโรงแรมผ่าน Relux (บริหารจัดการโดย SPIRA) ได้ ที่นี่!!
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่