12 ความลับเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิที่น้อยคนจะรู้!? มารู้จักฟูเขาไฟอันทรงพลังนี้กัน!
"ภูเขาไฟฟูจิ" ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยามานาชิและจังหวัดชิซูโอกะ มีความสูงถึง 3,776 เมตร ถือว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ ภูเขาไฟฟูจิที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นนี้ยังมีความลับที่น้อยคนจะรู้จักอยู่ ในบทความนี้ เราจะมานำเสนอ 12 ความลับของภูเขาไฟฟูจิ ที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็อาจไม่เคยรู้มาก่อน!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. ยอดภูเขาไฟฟูจิไม่ใช่พื้นที่ของรัฐ แต่เป็นพื้นที่ของเอกชน ?!
พื้นที่ของภูเขาไฟฟูจินั้นเป็นพื้นที่ของรัฐไปจนถึงฐานที่พักสำหรับการปีนเขาสถานีที่ 7 แต่หลังจากสถานีพักที่ 8 ขึ้นไปนั้นเป็นพื้นที่ของเอกชนที่มีเจ้าของคือ "ศาลเจ้าฟูจิซังฮอนกูเซนเกนไทชะ (富士山本宮浅間大社)" นอกจากนี้ ในขณะที่พื้นที่ไปจนถึงสถานีที่ 7 ได้ถูกระบุให้เป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างจังหวัดยามานาชิกับจังหวัดชิซูโอกะ บริเวณจากสถานีที่ 8 เป็นต้นไปนั้นไม่ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ของจังหวัดใด
2. จริงไหมที่สามารถจัดงานแต่งงานบนภูเขาไฟฟูจิได้ ?
คุณสามารถจัดงานแต่งงานได้ที่ศาลเจ้าฟูจิซังฮอนกูที่อยู่บนยอดภูเขาไฟฟูจิ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาคารศาลเจ้าหลักมีขนาดที่ไม่ค่อยใหญ่ จึงจัดได้แต่งานขนาดเล็กที่มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 10 คนเท่านั้น อีกทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว รวมไปถึงแขกที่มาร่วมงาน ยังจำเป็นต้องเดินขึ้นเขาด้วยตัวเองอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจ คุณจำเป็นต้องติดต่อทางศาลเจ้าล่วงหน้า 3 เดือนก่อนวันจัดงาน และมีเงินค่าทำพิธี 50,000 เยน + ค่าสินน้ำใจที่จะต้องมอบในระหว่างการทำพิธีในศาลเจ้า ในทุกๆ ปีดูเหมือนว่าจะมีผู้มาจัดงานแต่งประมาณ 3 กลุ่มในช่วงฤดูปีนเขาของภูเขาไฟฟูจิ หากได้จัดงานแต่งบนยอดภูเขาไฟฟูจิพร้อมกับดื่มด่ำไปกับความภูมิใจที่ได้พิชิตภูเขาไฟฟูจิแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงอย่างแน่นอน
3. ภาพของภูเขาไฟฟูจิที่เห็นอยู่บ่อยๆ ในอินเตอร์เน็ตนั้นสามารถรับชมได้ที่ไหน ?
ทะเลสาบยามานากะ (จังหวัดยามานาชิ)
"ทะเลสาบยามานากะ (山中湖)" จะกลายเป็นแหล่งอพยพของบรรดาหงส์ขาวในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม โดยจะมีหงส์ให้เห็นมากเป็นพิเศษในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ภาพของภูเขาไฟฟูจิที่มีหงส์สีขาวเป็นฉากหน้านั้นสวยงามจนน่าตกตะลึง โดยหงส์เหล่านี้เป็นสายพันธุ์ที่ชื่อว่า โอฮาคุโจ (オオハクチョウ) หากกางปีกออกแล้วจะมีขนาดใหญ่ได้ถึง 2 เมตรเลยทีเดียว
ปกติแล้วหงส์ขาวเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในแถบไซบีเรีย คาบสมุทรโอค็อตสค์ และประเทศไอซ์แลนด์ แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวจะพากันบินอพยพหนีความหนาวมายังญี่ปุ่น จุดที่โด่งดังเป็นพิเศษในฐานะจุดชมหงส์คือ ด้านหน้าของโรงแรม "Coyou Club Yamanakakohan Salon (コーユー倶楽部山中湖サロン)" ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบยามานากะ ถือเป็นจุดที่มอบความสุขให้กับทั้งนักท่องเที่ยวและผู้คนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน
โอชิโนะฮัคไค (จังหวัดยามานาชิ)
"โอชิโนะฮัคไค (忍野八海)" หรือที่รู้จักกันในชื่อหมู่บ้านน้ำใส คือ 8 บ่อน้ำพุที่มีต้นน้ำเป็นน้ำใต้บาดาลจากภูเขาไฟฟูจิ ถือเป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่น และยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 น้ำชื่อดังทั่วญี่ปุ่นโดยกระทรวงสิ่งแวดล้อม บ้านหลังคาฟางและเขื่อนดินในละแวกนี้เข้ากันกับวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างลงตัว สร้างความหลงใหลให้กับผู้คนมากมายที่แวะมาเยี่ยมชม
ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (จังหวัดยามานาชิ)
"ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (河口湖)" ตั้งอยู่บนระดับความสูงที่ต่ำที่สุดในบรรดาห้าทะเลสาบแห่งภูเขาไฟฟูจิ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ บริเวณรอบๆ คาวากุจิโกะจะเบ่งบานไปด้วยชิบะซากุระกว่า 8 แสนต้น ที่สวนสาธารณะใกล้ๆ กันนี้เป็นที่ตั้งของ "โมโตซูโกะรีสอร์ท (本栖湖リゾート)" ซึ่งจะมีเทศกาล "ฟูจิชิบะซากุระมัตสึริ (富士芝桜まつり)" จัดขึ้นในทุกฤดูใบไม้ผลิ ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้จะมีการให้บริการรถบัสสาย "ชิบะซากุระไลน์เนอร์ (芝桜ライナー)" ซึ่งวิ่งตรงมาจากสถานีคาวากุจิโกะ ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นมาก
นิฮอนไดระ (จังหวัดชิซูโอกะ)
"นิฮอนไดระ (日本平)" เนินขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือจากระดับน้ำทะเล 307 เมตร เนินแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น เมโช (名勝, มรดกทางวัฒนธรรมประเภทหนึ่งที่ทางรัฐจะระบุให้กับพื้นที่ที่มีคุณค่าทางความงามสูง) และเป็นที่รู้จักกันในฐานะอันดับหนึ่งของ 100 สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น
คุณสามารถเดินทางไปนิฮอนไดระได้โดยรถกระเช้า ที่นี่ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับรับชมภูเขาไฟฟูจิและอ่าวชิมิซุในมุมกว้าง จุดหนึ่งที่เราอยากให้แวะเมื่อมีโอกาสได้มานิฮอนไดระคือ "Nihondaira Yume Terrace (日本平夢テラス)" ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปี 2018 นอกจากจะมีจุดชมวิวที่เป็นระเบียงคลุมด้วยหลังคาและห้องกระจกแล้ว ที่นี่ยังมีคาเฟ่และมุมจัดแสดงที่สามารถมาเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของนิฮอนไดระได้อีกด้วย
ทะเลสาบทานูกิ (จังหวัดชิซูโอกะ)
"ทะเลสาบทานูกิ (田貫湖)" ตั้งอยู่บนมุมหนึ่งของที่ราบสูงอาซากิริ เป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทั้งยังมีวิวทิวทัศน์อันสวยงามที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นพื้นหลังให้ได้รับชม ขอแนะนำให้ลองมาเดินหาจุดถ่ายภาพสวยๆ บริเวณริมทะเลสาบทานูกิด้วยตัวเองดูสักครั้ง
4. ภูเขาไฟฟูจิกลับหัว!?
ภาพของภูเขาไฟฟูจิที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำถูกเรียกว่า "ฟูจิกลับหัว" หรือ "ซากาซะฟูจิ (逆さ富士)" มีความสวยงามถึงขนาดที่ถูกนำไปใช้เป็นภาพบนด้านหลังของธนบัตร 1,000 เยนเลยทีเดียว คุณสามารถรับชมฟูจิกลับหัวในมุมมองที่ต่างกันได้จากทะเลสาบทั้ง 5 แห่งของภูเขาไฟฟูจิ แต่การจะมาชมฟูจิกลับหัวนี้ก็มีข้อแม้คือ สภาพอากาศต้องแจ่มใสไม่มีลมหรือหมอก และน้ำในทะเลสาบต้องนิ่งไม่มีคลื่น หากได้รับชมภูเขาไฟฟูจิกลับหัวที่สมบูรณ์แบบแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่คุณลืมไม่ลงอย่างแน่นอน
5. ฟูจิแดง ฟูจิเพชร และฟูจิไข่มุก
ฟูจิแดง
"ฟูจิแดง" หรือ "อากะฟูจิ (赤富士)" คือ ปรากฏการณ์ที่ภูเขาไฟฟูจิถูกย้อมกลายเป็นสีแดง สามารถพบเห็นได้ในช่วงเช้าตรู่ของปลายฤดูร้อนไปจนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากต้องอาศัยปัจจัยทางสภาพอากาศหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเมฆ หมอก หรือแสงอาทิตย์ตอนเช้า ในบางกรณีอาจมีให้เห็นได้เพียงชั่วพริบตาเดียว จึงถือกันว่าเป็นสิ่งที่จะนำโชคดีมาให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็น
ฟูจิเพชร
"ฟูจิเพชร" หรือ "ไดมอนด์ฟูจิ (ダイヤモンド富士)" เป็นปรากฏการณ์ทางแสงที่มองเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิทับซ้อนกับพระอาทิตย์ เนื่องจากมีปัจจัยเกี่ยวกับอุณหภูมิและวงโคจรของพระอาทิตย์มาเกี่ยวข้อง จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถรับชมได้ง่ายๆ อย่างที่คิด
ฟูจิไข่มุก
"ฟูจิไข่มุก" หรือ "เพิร์ลฟูจิ (パール富士)" เป็นคำที่ใช้เรียกปรากฏการณ์ที่พระจันทร์เต็มดวงที่ดูเหมือนไข่มุก ปรากฏทับซ้อนอยู่บนยอดภูเขาไฟฟูจิ ปรากฏการณ์นี้ไม่สามารถรับชมได้ในฤดูฝนหรือฤดูร้อนที่มีหมอกเยอะ แต่จะมีให้ชมได้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น ทั้งยังจำเป็นต้องมีพระจันทร์เต็มดวงและท้องฟ้าโปร่งใส ภายในหนึ่งปีอาจมีให้ชมได้เพียงไม่กี่ครั้ง ถือเป็นปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ที่ต้องอาศัยโชคอย่างสูงในการรับชม
6. ยูกิฮิเมะ
ที่บริเวณฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของภูเขาไฟถือฟูจิเป็นที่ตั้งของภูเขาโฮเอ (宝永山) ที่เมื่อหิมะตกทับถมกันในบริเวณทางลาดฝั่งตะวันตกของภูเขานี้ ในบางครั้งจะเกิดเป็นภาพที่คล้ายกับหญิงสาวผมยาวยืนอยู่ ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ยูกิฮิเมะ (雪姫, เจ้าหญิงหิมะ)" หรือ "คางุยะฮิเมะ (かぐや姫, เจ้าหญิงคางุยะ จากนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น)" นั่นเอง
7. ฟูจิบิไต
"ฟูจิบิไต (富士額)" คือคำที่ใช้เรียกไรผมบริเวณหน้าผากที่มีลักษณะคล้ายภูเขาไฟฟูจิ ภาพของหญิงสาวที่มีฟูจิบิไตสามารถพบเห็นได้เป็นจำนวนมากในภาพอุกิโยะเอะ (浮世絵, ภาพพิมพ์ไม้ชนิดหนึ่ง) ของยุคเอโดะ กล่าวกันว่าฟูจิบิไตถือเป็นลักษณะความงามอย่างหนึ่งในสมัยนั้นเลยทีเดียว
8. ญี่ปุ่นมีภูเขาที่คล้ายคลึงกับภูเขาไฟฟูจิอยู่หลายแห่ง
เอโซะฟูจิ
ญี่ปุ่นมีภูเขาที่ดูคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิอยู่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นก็คือภูเขา "เอโซะฟูจิ (蝦夷富士)" ในฮอกไกโด แม้ว่าจะตั้งอยู่ในระดับความสูงเหนือน้ำทะเลที่ 1,898 เมตรที่ค่อนข้างต่ำกว่าภูเขาไฟฟูจิ แต่ปากปล่องภูเขาไฟที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว้างถึง 700 เมตร และมีความลึกถึง 200 เมตร ก็ทำให้กล่าวไ้ด้ว่าเอโซะฟูจิแห่งนี้มีขนาดที่ใกล้เคียงกับภูเขาไฟฟูจิเลยทีเดียว
ซัตสึมะฟูจิ
ภาพภูเขาที่เห็นอยู่ด้านบนนี้คือภาพของ "ซัตสึมะฟูจิ (薩摩富士)" ในจังหวัดคาโกชิม่า เป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาชื่อดังของญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนสุดขอบทางทิศใต้ของเกาะคาโกชิม่า อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 924 เมตร เป็นที่รู้จักในชื่อนี้เพราะภูเขาลูกนี้มีรูปร่างที่เหมือนกับภูเขาไฟฟูจิเป็นอย่างมาก ที่นี่เหมาะสำหรับมาแวะชมระหว่างท่องเที่ยวสถานที่ชื่อดังของคาโกชิม่าอย่าง คิริชิมะ ยาคุชิมะ หรืออิบุซุกิ
9. "หนึ่งฟูจิ สองเหยี่ยว สามมะเขือยาว" จริงไหมหากฝันแรกของปีเป็นภูเขาไฟฟูจิจะทำให้โชคดี?
หนึ่งในวลีความเชื่อที่บอกต่อกันมาของญี่ปุ่น กล่าวกันว่าหากฝันแรกของปีเห็นสิ่งดังต่อไปนี้จะทำให้ปีนั้นเป็นปีที่โชคดี อันดับหนึ่งคือภูเขาไฟฟูจิ (เนื่องจากสูงและใหญ่) อันดับสองคือเหยี่ยว (เนื่องจากจับสิ่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ) และสามคือมะเขือยาว (เนื่องจากพ้องเสียงกับคำว่า "นาซุ" ที่แปลว่า ทำบางอย่างสำเร็จ ในภาษาญี่ปุ่น)
มีข้อสันนิษฐานว่าความเชื่อนี้มีที่มาจาก โทคุคาวะ อิเอยาสุ โชกุนในยุคเอโดะ (1603 - 1868) ผู้ที่ข้องเกี่ยวอย่างลึกซึ้งอยู่กับแคว้นซุรูกาโนะ (ชิซูโอกะในปัจจุบัน) ซึ่งมีภูขาไฟฟูจิเป็นของขึ้นชื่อ ภายในภูเขาไฟฟูจิก็มีเหยี่ยวอาศัยอยู่ ทั้งยังเป็นแคว้นที่เก็บเกี่ยวมะเขือยาวได้เร็วกว่าแคว้นอื่นๆ อีกด้วย
10. ภูเขาไฟฟูจิเกิดขึ้นจากภูเขา 4 ลูก
ภูเขาไฟฟูจิที่เราคุ้นเคยกันนั้นเกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ทางภูเขาไฟ 4 ขั้น ขั้นแรกคือการปะทุของภูเขา "เซนโกมิทาเกะ (先小御岳)" เมื่อหลายหมื่นปีก่อนจนเกิดเป็นฐานของภูเขาไฟฟูจิ ต่อมาก็มีการปะทุขึ้นของภูเขา "โคมิทาเกะ (小御岳)" ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 2,400 เมตร หลังจากนั้นภูเขาลูกเดียวกันนี้ได้ปะทุตัวขึ้นในตำแหน่งที่ห่างออกไปเล็กน้อย ส่งผลให้เกิดเป็นภูเขาที่ชื่อว่า "โคฟูจิ (古富士)" เมื่อราวๆ 1 แสนถึง 1 หมื่นปีก่อน
สุดท้าย เมื่อประมาณ 1 หมื่นปีก่อน ภูเขาแต่ละลูกก็ได้ปะทุขึ้นเรื่อยๆ จนกลบทับตัวเอง ในที่สุดก็เกิดเป็น "ชินฟูจิ (新富士)" ภูเขาไฟฟูจิที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ สันนิษฐานว่าการปะทุ 3 ครั้งของภูเขาไฟในอดีตได้สร้างฐานให้กับภูเขาไฟฟูจิ และการปะทุครั้งสุดท้ายก็ได้ทับถมกันในรูปโคนสูง จนทำให้เกิดเป็นรูปร่างของภูเขาไฟฟูจิในปัจจุบัน
11. ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาแห่งความอมตะ ?
บริเวณรอบๆ ภูเขาไฟฟูจิมีตำนานเกี่ยวกับความไม่แก่ไม่ตายมาตั้งแต่สมัยโบราณ กล่าวกันว่ามีจุดเริ่มต้นจากเรื่องเล่า "ทาเกโทริโมโนกาตาริ (竹取物語)" หรือ "ตำนานคนตัดไผ่" ในสมัยเฮอัน (794 - 1185) ซึ่งในตอนที่เจ้าหญิงคางุยะกลับไปยังพระจันทร์ องค์จักรพรรดิก็รู้สึกสิ้นหวังในชีวิต จึงได้นำยาอายุวัฒนะไปเผาทำลายบนยอดภูเขาไฟฟูจิ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มันถูกเรียกว่า "ฟุชิยามะ (不死山)" ซึ่งมีความหมายว่า "ภูเขาแห่งความอมตะ"
มีข้อสันนิษฐานว่าชื่อ "ฟูจิยามะ (富士山)" หรือ "ภูเขาไฟฟูจิ" ในปัจจุบันนี้ เป็นชื่อที่เริ่มใช้กันตั้งแต่สมัยคามาคุระ ในส่วนของความหมายนั้น ทฤษฎีหนึ่งกล่าวไว้ว่าอาจหมายถึง "ภูเขาที่เต็มไปด้วยนักรบ" เนื่องจากในอดีตเคยมีนักรบปีนขึ้นมาเพื่อพิชิตเขาลูกนี้นั่นเอง
12. กาแฟที่ชงบนภูเขาไฟฟูจินั้นอร่อยมาก
เมื่อระดับความสูงเหนือน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลให้จุดเดือดของน้ำเปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยทุกๆ 300 เมตรที่ระดับความสูงเพิ่มขึ้น จุดเดือดของน้ำจะลดลง 1 ℃ ในความสูงปกติจะมีแรงกดอากาศอยู่ที่ 1,013 hPa และน้ำจะมีจุดเดือดที่ 100 ℃ ในขณะที่บนบริเวณยอดภูเขาไฟฟูจิที่สูงประมาณ 3,700 เมตร แรงกดอากาศจะอยู่ที่ 650 hPa และน้ำจะมีจุดเดือดอยู่ที่ประมาณ 88 ℃ นั่นเอง
เนื่องจากกล่าวกันว่าอุณหภูมิที่ดีที่สุดในการชงกาแฟคือราวๆ 90 ℃ กาแฟที่ชงบนภูเขาไฟฟูจิจึงมีรสชาติดีสุดๆ หลังจากที่ได้พิชิตภูเขาไฟฟูจิแล้ว ไม่ควรพลาดที่จะลองดื่มดูสักครั้ง !
มาชมภูเขาไฟฟูจิกันเถอะ!!
ภูเขาไฟฟูจิ หนึ่งในมรดกโลกและสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลกถือเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่ว่าใครๆ หากมีโอกาสได้มาญี่ปุ่นแล้ว ก็ต้องอยากลองรับชมหรือปีนภูเขาลูกนี้ดูสักครั้ง
แม้ว่าภูเขาไฟแห่งนี้จะเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง แต่ภูเขาไฟฟูจิก็ยังมีความลับอยู่มากมายที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็อาจไม่เคยรู้ ปัจจุบันภูเขาไฟฟูจิมีจำนวนนักปีนเขาที่เป็นชาวต่างชาติอยู่ถึง 30% และเป็นภูเขาที่ยังคงได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หากคุณวางแผนที่จะเดินทางไปชมภูเขาไฟฟูจิแล้วล่ะก็ ลองเซฟบทความนี้เก็บไว้เป็นผู้ช่วยในทริปของคุณดูนะ!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่