แนะนำ 17 พันธุ์สตอเบอรี่ใน "Dragon Farm ชิบะ" ฟาร์มสตอเบอรี่ชื่อดัง พร้อมบอกอันดับ TOP 3 ที่ห้ามพลาด!
หนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมประจำฤดูหนาวญี่ปุ่นก็คงไม่หนีพ้นการ “เก็บสตอเบอรี่” สดใหม่จากในสวน แต่หลาย ๆ คนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่นี่มีฟาร์มที่มีสตอเบอรี่มากถึง 17 สายพันธุ์ด้วย! ในครั้งนี้ เราเลยจะมาแนะนำฟาร์มสตอเบอรี่ยอดนิยมของคนไทยอย่างดราก้อนฟาร์ม “Dragon Farm ชิบะ” ในจังหวัดชิบะ ที่มีสตอเบอรี่หวานฉ่ำให้เลือกอร่อยกันถึง 17 ชนิด แต่ละชนิดมีจุดเด่นอย่างไร และพันธุ์ไหนที่เรายกให้เป็นที่หนึ่ง ไปดูกันเลยดีกว่า!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
พาไปเก็บสตอเบอรี่ที่ Dragon Farm!
Dragon Farm (ドラゴンファーム) ดราก้อนฟาร์มเป็นฟาร์มสตอเบอรี่ในจังหวัดชิบะที่ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นที่นิยมทั้งในหมู่ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ เพราะนอกจากจะเดินทางสะดวกแล้ว ก็ยังมีบริการต่าง ๆ มากมายแบบฟูลเซอร์วิส ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งพักหลังเก็บสตอเบอรี่ เครื่องดื่มฟรี อาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย มันเผาร้อน ๆ ไปจนถึงของฝากติดไม้ติดมือมากมายให้เลือกสรร
แต่จุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ที่นี่มีสตอเบอรี่ให้เก็บกินได้ไม่อั้นถึง 17 ชนิด! ตั้งแต่พันธุ์ที่แพร่หลายในญี่ปุ่น พันธุ์ประจำจังหวัดชิบะ ไปจนถึงพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในฟาร์มอื่นอย่างสตอเบอรี่สีขาวล้วน ที่เรียกว่า Tenshi no Ichigo
วันนี้เราจะมาแนะนำทั้งวิธีเลือกสตอเบอรี่ การเด็ดสตอเบอรี่ และลักษณะเด่นของแต่ละสายพันธุ์ ให้ทุกคนได้จดเก็บไว้ก่อนไปอร่อยที่ญี่ปุ่นกันค่ะ!
วิธีเลือกสตอเบอรี่
ในสวนมีสตอเบอรี่มากมายเต็มไปหมด แล้วจะเลือกเก็บลูกไหนดีล่ะ? ไม่ยากเลยค่ะ ให้เลือกลูกที่มีสีแดงสด ไม่มีสีขาวแซม แต่ถ้าเป็นสตอเบอรี่พันธุ์สีขาวก็ให้เลือกลูกที่เมล็ดเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วก็พอ
เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งที่คนไม่ค่อยรู้กัน คือ สตอเบอรี่ที่มีรอยคล้าย ๆ รอยแตกบริเวณโคน (ในภาพขวา) จะเป็นสตอเบอรี่ที่เจริญเต็มที่แล้ว และมีรสหวานมากเป็นพิเศษแบบที่หาไม่ได้ตามร้านค้าทั่วไป (เพราะไม่สวยน่าทาน) เป็นรสชาติที่ลิ้มลองได้ในสวนเท่านั้น!
วิธีเด็ดสตอเบอรี่
พอได้สตอเบอรี่ที่หมายตาไว้แล้ว ต่อไปก็คือการเด็ดสตอเบอรี่ซึ่งไม่ยากอีกเช่นกัน วิธีที่ดีที่สุดคือ ใช้ระหว่างสองนิ้วเกี่ยวที่บริเวณโคน แล้วหักข้อมือลงมาเพื่อเด็ดให้ผลสตอเบอรี่หลุดจากก้าน
สิ่งที่ควรระวังในขั้นตอนนี้ คือ อย่าดึงกระชากจนเกินไป ไม่ควรบีบส่วนเนื้อสตอเบอรี่ สัมผัสเฉพาะสตอเบอรี่ลูกที่จะทานเท่านั้น และห้ามเด็ดเก็บมาทานนอกบริเวณเรือนกระจกค่ะ
วิธีรับประทานสตอเบอรี่
เด็ดสตอเบอรี่เสร็จแล้วก็สามารถทานได้หลายวิธี จะทานสด ๆ เพื่อลิ้มลองรสชาติของสตอเบอรี่อย่างเต็มที่เลยก็ดี หรือจะจิ้มกับนมข้นก็อร่อย (ทางฟาร์มมีให้บริการ) ส่วนใครอยากจะเอาพริกเกลือไปจิ้มเองก็ได้เหมือนกันค่ะ
แนะนำสตอเบอรี่ 17 สายพันธุ์ของ Dragon Farm ชิบะ
แนะนำฟาร์มกันไปอย่างคร่าว ๆ แล้ว ต่อไป เราก็จะมาแนะนำสตอเบอรี่ทั้ง 17 สายพันธุ์ของ Dragon Farm กันค่ะ! คุณอาจสงสัยว่าแต่ละชนิดมันต่างกันอย่างไรบ้าง เราเลยอยากอธิบายสั้น ๆ ก่อนว่าแต่ละพันธุ์จะมีขนาด สี เนื้อสัมผัส และรสชาติที่แตกต่างกันไป มีทั้งพันธุ์ที่เนื้อนุ่มเบาและเด่นรสหวาน ไปจนถึงพันธุ์ที่เนื้อแน่นและมีรสเปรี้ยวนำ แถมบางพันธุ์ก็ยังมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ด้วย!
ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าสตอเบอรี่ 17 พันธุ์ของที่นี่มีลักษณะเฉพาะอย่างไรบ้าง
1. Kaorino (かおりの)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีออกส้ม , รสหวาน , มีกลิ่นหอม
เริ่มกันที่สตอเบอรี่ Kaorino ซึ่งเป็นพันธุ์ยอดนิยมประจำสวน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าหอม (Kaori = กลิ่นหอม) มีรสหวานนำและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ทานง่าย จึงเป็นที่นิยมของเด็ก ๆ
2. Benihoppe (紅ほっぺ)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีแดง , รสหวานอมเปรี้ยว
พันธุ์นี้เรียกได้ว่าเป็นยอดนิยมของสาว ๆ ญี่ปุ่นเลยทีเดียว ด้วยรสหวานอมเปรี้ยวที่ไม่เหมือนพันธุ์อื่น ทั้งยังเนื้อนุ่มสุด ๆ และเป็นพันธุ์ที่เจ้าของฟาร์มแนะนำด้วย ต้องไปลองกันให้ได้เลยค่ะ
3. Kannahime (かんなひめ)
■ลักษณะเด่น:ขนาดปานกลาง , สีแดง , รสหวานอมเปรี้ยว
พันธุ์นี้มีรสชาติคล้ายกับ Benihoppe แต่จะมีเนื้อสัมผัสที่แข็งกว่า และรสออกหวานมากกว่า แถมยังมีสีแดงสดไปจนถึงเนื้อข้างในเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ทานง่าย อยากให้ไปลองกันค่ะ
4. Hoshi no Kirameki (星の煌めき)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีออกส้ม , รสหวานอมเปรี้ยว
พอได้ลองชิมพันธุ์นี้แล้วก็รู้สึกได้ว่าค่อนข้างนุ่ม และฉ่ำน้ำมากกว่าพันธุ์อื่น ๆ ค่ะ มีรสหวานนำ ตามด้วยความเปรี้ยวที่ลงตัวซึ่งไม่เหมือนรสเปรี้ยวของสายพันธุ์อื่น แถมยังหาทานไม่ได้ง่าย ๆ ด้วยนะ
5. Chiba Berry (チーバベリー)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีแดงเข้ม , มีรสเปรี้ยวนำ
แค่ได้ยินชื่อก็คงจะดูออกว่า Chiba Berry เป็นสตอเบอรี่พันธุ์ของจังหวัดชิบะนั่นเองค่ะ มีจุดเด่นอยู่ที่ขนาดใหญ่ (แต่ในรูปเป็นลูกที่ยังไม่โตเต็มที่) และมีรสเปรี้ยวนำ ใครชอบสตอเบอรี่ที่ออกเปรี้ยว รับรองว่าถูกใจแน่นอน!
6. Sakahonoka (さかほのか)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีออกส้ม , รสหวาน
สตอเบอรี่พันธุ์ Sakahonoka นี้ เจ้าของฟาร์มบอกว่ารสชาติถูกใจเด็ก ๆ มากเพราะมีรสหวานเด่นชัด จนแทบจะหวานที่สุดในบทความนี้เลยค่ะ อีกทั้งยังมีเนื้อนุ่มและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวด้วย สายหวานต้องไม่พลาด!
7. Yotsuboshi (よつぼし)
■ลักษณะเด่น:ขนาดปานกลาง , สีแดงเข้ม , รสหวานอมเปรี้ยว
พันธุ์นี้มีรูปร่างเป็นทรงกรวยน่ารัก เนื้อสตอเบอรี่ไม่แข็งและไม่นุ่มจนเกินไป รสหวานเด่นชัดแต่ก็มีเปรี้ยวติดปลายลิ้นด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีรสชาติเฉพาะตัวเลยค่ะ
8. Tochiotome (とちおとめ)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีแดงเข้ม , รสหวานอมเปรี้ยว
สตอเบอรี่ยอดนิยมอีกพันธุ์หนึ่งจากจังหว้ดโทชิกิที่มีวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตกันอย่างแพร่หลาย และก็เป็นพันธุ์โปรดของผู้เขียนด้วย เพราะเนื้อแน่น และมีรสหวานเด่นที่ทานง่าย พอได้มาเก็บกินสด ๆ จากในสวนแบบนี้แล้วก็บอกได้เลยว่าอร่อยกว่าที่ซื้อตามซูเปอร์ฯ มากค่ะ
9. Akihime (あきひめ)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีออกส้ม , รสหวานนำ
สตอเบอรี่พันธุ์ Akihime เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ยอดนิยมประจำสวนนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ๆ เพราะนิ่มมาก ๆ และค่อนข้างหวาน ใกล้เคียงกับพันธุ์ Sakahonoka เลยล่ะค่ะ
10. Oi C Berry (おいCベリー)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีแดงเข้ม , รสหวานอมเปรี้ยว
พันธุ์นี้เป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี มีรสเปรี้ยวเด่นกว่าหวานแต่ก็ไม่ได้เปรี้ยวจนเกินไป และมีเนื้อสัมผัสค่อนข้างแข็ง ชิมแล้วรู้สึกว่าได้รับวิตามินเข้าไปเต็ม ๆ เลยค่ะ
11. Mouikko (もういっこ)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีแดงเข้ม , รสเปรี้ยวนำ
สตอเบอรี่พันธุ์ที่ได้ลองแล้วอยากจะกินต่ออีกลูกตามชื่อ Mouikko (แปลว่า ขออีกลูก) ด้วยเนื้อสัมผัสที่ออกไปทางแข็ง และรสชาติอมเปรี้ยวนิด ๆ (ใกล้เคียงกับ Oi C Berry) ทำให้สายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมของสาว ๆ เช่นกัน
12. Sachinoka (さちのか)
■ลักษณะเด่น:ขนาดปานกลาง , สีแดงเข้ม , รสหวานอมเปรี้ยว
พันธุ์นี้ก็มีรสสัมผัสที่ค่อนข้างแข็ง และมีรสหวานเด่น ผสมกับรสเปรี้ยวอ่อน ๆ อย่างลงตัว และรู้สึกว่ามีกลิ่มหอมอ่อน ๆ ด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังเป็นพันธุ์ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีด้วยเช่นกัน
13. Koiminori (恋みのり)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีออกส้ม , รสหวานอมเปรี้ยว
สตอเบอรี่พันธุ์นี้มีทรงคล้ายกรวยสั้น หาทานยากในฟาร์มอื่น ส่วนเนื้อสัมผัสรู้สึกว่าแข็งกว่าชนิดอื่น ๆ แต่มีรสหวานเด่นออกมาและมีรสเปรี้ยวปิดท้ายเล็กน้อย อยากให้ทุกคนได้ลองเพราะรู้สึกว่ามีรสที่เป็นเอกลักษณ์มากค่ะ
14. Yayoihime (やよいひめ)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีออกส้ม , รสหวานอมเปรี้ยว
สตอเบอรี่พันธุ์ดังที่มักจะหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาเก็ตเช่นกัน พันธุ์นี้จะเริ่มอร่อยเป็นพิเศษในช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นไป ด้วยรสที่ค่อนข้างหวาน อมเปรี้ยวนิด ๆ และเนื้อสัมผัสไม่นุ่มไม่แข็งจนเกินไป จึงเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบค่ะ หากได้มาในเดือนมีนาคมก็ห้ามพลาด Yayoihime เลยนะ
15. Tokyo Ohisamaberry (東京おひさまベリー)
■ลักษณะเด่น:รูปทรงเรียวยาว , รสหวานอมเปรี้ยว
สายพันธุ์นี้มีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์คือ ค่อนข้างเรียวยาว สีแดงสวยจนคนนิยมเอาไปทำแยม ส่วนเนื้อสัมผัสจะออกไปทางแข็ง และมีรสหวานอ่อน ๆ จัดเป็นสตอเบอรี่ที่หาทานยากของจังหวัดโตเกียว (ตามซุปเปอร์ในโตเกียวจะไม่มีขายพันธุ์นี้)
16. Niji Homare (虹ほまれ)
■ลักษณะเด่น:ขนาดใหญ่ , สีออกส้ม , รสหวานอมเปรี้ยว
มาถึงพันธุ์ที่ 16 กันแล้ว พันธุ์ Niji Homare จะมีเนื้อสัมผัสค่อนไปทางแข็งอีกเหมือนกัน และมีรสหวานอมเปรี้ยวแบบอ่อน ๆ อร่อยไม่แพ้สายพันธุ์อื่นเลยค่ะ
17. Tenshi no Ichigo (天使のいちご)
■ลักษณะเด่น:ขนาดปานกลาง , สีขาว , รสหวาน
ปิดท้ายด้วยสตอเบอรี่สีขาวที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เคยลอง แต่บอกเลยว่าห้ามพลาด! พันธุ์นี้มีสีขาวล้วน เวลาเลือกให้เลือกลูกที่เมล็ดเปลี่ยนเป็นสีแดงทั่วลูกแล้ว เพราะมันคือลูกที่โตเต็มที่แล้วนั่นเอง
ในส่วนของเนื้อสัมผัส พันธุ์นี้จะมีความแข็งแบบพอดี ๆ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมและรสหวานที่บอกได้เลยว่าต่างจากทุกสายพันธุ์ อร่อยแบบที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อนเลยค่ะ
Top 3 สตอเบอรี่ยอดฮิตของ Dragon Farm ชิบะ จากทีมงาน tsunagu Japan
แนะนำสตอเบอรี่ 17 สายพันธุ์กันไปแล้ว หลาย ๆ คนก็อาจจะเลือกไม่ถูกว่าจะลองพันธุ์ไหนดี ทีมงาน tsunagu Japan เลยจัดอันดับสตอเบอรี่ที่ลองแล้วชอบที่สุดมาให้ค่ะ!
เริ่มจากตัวผู้เขียนเลยค่ะ บอกได้เลยว่ายากมาก ๆ เพราะอร่อยไปหมด แต่ถ้าต้องเลือกก็ขอยกให้~
1. Benihoppe
2. Tochiotome
3. Tenshu no Ichigo (สตอเบอรี่สีขาว)
เพราะส่วนตัวชอบสตอเบอรี่รสหวานค่ะ และสามพันธุ์นี้ก็มีรสเด่นหวานที่เป็นเอกลักษณ์ แล้วก็เข้ากับเนื้อสัมผัสสุด ๆ เลย
แต่เสียงเดียวอาจจะไม่พอ เราเลยขอให้ทีมงาน tsunagu Japan อีกคนที่ไปด้วยกันช่วยเลือก Top 3 มาให้เหมือนกันค่ะ!
1. Akihime
2. Yayoihime
3. Tenshi no Ichigo
เพราะทีมงานคนนี้ชอบสตอเบอรี่ที่เด่นรสหวาน เนื้อนุ่ม และชอบกลิ่นกับความหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของสตอเบอรี่สีขาวค่ะ ชอบสตอเบอรี่สีขาวกันทั้งคู่แบบนี้ การันตีว่าอร่อยแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม แต่ละคนอาจจะมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน ใครได้ไปลองแล้วชอบพันธุ์ไหนเป็นพิเศษ ก็มาบอกเล่ากันได้นะคะ!
สตอเบอรี่หวาน ๆ นุ่ม ๆ ต้องมาที่ Dragon Farm ชิบะ!
จบไปแล้วกับการแนะนำสตอเบอรี่แสนอร่อยของ Dragon Farm รวมถึงสตอเบอรี่ในดวงใจของทีมงาน แถมเรายังได้ข่าวจากเจ้าของฟาร์มมาว่าจะไม่หยุดแค่ 17 พันธุ์ แต่จะเพิ่มสตอเบอรี่พันธุ์อร่อย ๆ ให้ทุกคนได้ลิ้มลองกันมากขึ้นไปอีก อย่างปีหน้าพันธุ์ Kannahime จะไม่มีให้ได้ชิมกันแล้ว แต่ว่าจะมีพันธุ์ใหม่ Doukun (桃薫 : とうくん) ที่มีผลออกสีส้มและมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลเพิ่มมาแทน
สำหรับวิธีการจองก็ไม่ยากเลย จะโทรไปจอง หรือจองผ่านเว็บไซต์ในตารางด้านล่างนี้ก็ได้
ถ้าคุณมาญี่ปุ่นก็อย่าลืมแวะไปที่ Dragon Farm กันนะคะ รับรองว่าจะได้เก็บสตอเบอรี่กันจนหนำใจเลยล่ะค่ะ~
สุดท้ายนี้อยากทำความรู้จักกับ Dragon Farm ชิบะ มากขึ้น เรามีบทความสัมภาษณ์ คุณป้า "อุชิดะ คาโฮรุ" เจ้าของฟาร์มสตอเบอรี่ชื่อดัง Dragon Farm ชิบะ มาให้ได้อ่านกันด้วย
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่