ออนเซ็นสุดหรู 19 แห่งในฮาโกเน่ สำหรับทริปวันหยุดพักผ่อนสุดชิล!
ฮาโกเน่เป็นเมืองแห่งออนเซ็นหรือน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ในจังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงอย่างโตเกียวเพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง และล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาสวยๆ รวมไปถึงสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นอย่างภูเขาฟูจิ ออนเซ็นปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาช้านาน ซึ่งปัจจุบันน้ำจากออนเซ็นที่ช่วยเยี่ยวยาร่างกายผู้คนก็ถูกนำมาใช้ในสปาและโรงแรมน้อยใหญ่อย่างนับไม่ถ้วน สำหรับใครที่กำลังตามหาทริปการท่องเที่ยวแบบหรูๆ เพื่อเติมพลังในช่วงวันหยุด ต้องไม่พลาดออนเซ็นที่จะแนะนำดังไปต่อนี้!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. Yamagaso [Yumoto]
Yamagaso ตั้งตนว่าเป็นสถานที่ที่ให้ผู้คนได้มาพักพิงในยามที่ต้องการหลบหนีจากความเร่งรีบวุ่นวายในชีวิตประจำวัน และบรรยากาศของที่นี่ก็ดีสมคำพูด
รูปภาพด้านบนเป็นสระกลางแจ้งที่เราจะได้แช่น้ำร้อนอย่างเงียบๆ มีเพียงเสียงสายน้ำไหลและเสียงนกร้องเบาๆ ชวนให้ผ่อนคลายเป็นเสียงประกอบฉากเท่านั้น
หากจะว่ากันจริงๆ แล้วสเน่ห์ของที่นี่กลับอยู่ที่ตัวห้องพัก โดยที่พักถูกแยกออกเป็นอะพาร์ตเมนต์เล็กๆ 6 อาคารกระจัดกระจายอยู่รอบสวนญี่ปุ่นตรงกลาง เรียกได้ว่าเป็นส่วนตัวและสงบสุดๆ ภายนอกอาจจะดูโบราณคร่ำครึไปสักหน่อยสำหรับบางคน แต่ภายในห้องก็มีทั้งห้องน้ำแบบตะวันตก โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ตไร้สายและอุปกรณ์อื่นๆ อย่างครบครัน
ถ้าแค่นี้ยังไม่พอ เราก็ขอเสริมทัพกันด้วยอาหาร โดยเมนูของที่นี่จะเปลี่ยนไปทุกๆ 2 เดือนตามฤดูกาลเพื่อการันตีว่าอาหารทั้งหมดที่เสิร์ฟให้แขกจะอร่อยและสดใหม่เสมอ ไม่ว่าจะสั่งในเวลาไหนทางเรียวกังก็จะนำสำรับอาหารมาเสิร์ฟให้ถึงห้องพัก บอกเลยว่าเป็นรสชาติที่ลืมไม่ลงอย่างแน่นอน
2. Fukuzumiro [Tonosawa]
เรียวกังไม้ที่เริ่มเปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1890 จัดวางออกแบบโดยเล่นกับเอกลักษณ์ของไม้ใผ่จนเกิดเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ที่สำคัญความสวยงามนี้ยังได้รับการยอมรับจากสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศให้เป็น 1 ใน 20 มรดกของญี่ปุ่นช่วงศตวรรษที่ 20 เลยทีเดียว เป้าหมายของแขกที่มาเข้าพักหลายๆ คนก็คงจะหนีไม่พ้นการแช่น้ำร้อนๆ ในอ่างไม้ไผ่กลมของที่พัก ซึ่งน้ำในอ่างนั้นจะถูกเติมให้เต็มตลอดทั้งวันผ่านท่อไม้ไผ่ที่ทอดยาวมาจากด้านนอก
เมื่อแช่น้ำผ่อนคลายกันจนหนำใจแล้วก็มาดูห้องพักกันสักหน่อย ห้องพักของเรียวกังนี้มีทั้งหมด 17 ห้อง โดยแต่ละห้องจะมีสไตล์ที่แตกต่างกันไปให้แขกเลือกได้ตามชอบ ใครที่อยากรู้รายละเอียดก็สามารถเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของทางเรียวกังได้ ส่วนห้องในภาพด้านบนนี้มีชื่อว่า Seseragi ถ้าไปเข้าพักในช่วงปลายเมษายน - ต้นกรกฎาคมก็จะมีโอกาสได้ยินเสียงร้องของกบอื้ออึงคู่ไปกับเสียงสายน้ำเบาๆ จากแม่น้ำใกล้ๆ เป็นเพลงกล่อมให้ตอนนอนด้วย
นอกจากออนเซ็นกับห้องพักแล้ว อาหารก็ดีไม่แพ้กัน ห้องอาหาร Fukuzamiro ของที่นี่จะเสิร์ฟอาหารแบบ Kaiseki หรืออาหารชุดญี่ปุ่นที่การันตีคุณภาพและความสดใหม่ของวัตถุดิบอย่างถึงที่สุด โดยสามารถเลือกได้ระหว่างชุดธรรมดากับชุดพิเศษตามฤดูกาล สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศการอยู่เรียวกังก็ต้องที่นี่ล่ะครบครันที่สุดแล้ว!
3. Musashino Bekkan [Miyanoshita]
Musashino Bekkan เป็นโรงแรมที่มีบริการอบอุ่นน่าประทับใจสุดๆ เช่น บริการรับ-ส่งจากสถานีรถไฟ ทำให้คุณไม่ต้องเดินแบกกระเป๋าหนักๆ หาโรงแรมกันให้วุ่นวาย ส่วนพนักงานก็ใจดีมากๆ นอกจากจะพยายามตอบทุกคำถามอย่างเต็มที่แล้วบางครั้งยังช่วยบอกทางแบบพาไปส่งกันถึงที่เลยด้วย!
ออนเซ็นมีหลายแบบให้เลือกทั้งแบบในอาคารและกลางแจ้ง ซึ่งสามารถจองล่วงหน้าเพื่อเข้าใช้บริการคนเดียวสวยๆ ได้อีกต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ก็มีสปาพร้อมโปรแกรมนวดโดยใช้น้ำมันหอมระเหยอังกฤษ Neil's Yard Remedies ให้ได้ไปใช้บริการกันอีกด้วย
ตัวห้องพักเองก็กว้างและสว่างสดใส โดยมีทั้งหมด 20 ห้องด้วยกัน ห้องในภาพด้านบนเรียกว่าห้อง Kaede ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กับอะพาร์ตเมนต์ มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องญี่ปุ่นพร้อมโต๊ะอุ่นขา ไปจนถึงระเบียงวิวภูเขาที่มีบ่อน้ำกลางแจ้งแบบส่วนตัวให้ได้แช่กัน ไม่ว่าจะมาฮันนีมูนหรือแค่อยากสัมผัสประสบการณ์หรูๆ ก็พลาดไม่ได้ทั้งนั้น!
4. Manatei Hakone [Miyanoshita]
มองแวบแรกอาจดูเหมือนโรงแรมหรูๆ แต่แท้จริงแล้วนี่คือเรียวกังที่เปิดทำการในปี 2012 ล็อบบี้ของที่นี่ประดับตกแต่งด้วยวัตถุโบราณและยังมีการจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่นเอาไว้ด้วย
ห้องพักให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณผสมผสานกับความโมเดิร์นเล็กๆ น้อยๆ จากโซฟาและเตียงแบบตะวันตก ภาพด้านบนเป็นหนึ่งในห้องสวีทสองห้องของโรงแรม ซึ่งมีอ่างอาบน้ำส่วนตัวแบบกึ่งกลางแจ้งและเตียงแบบเดย์เบดสำหรับนอนกลางวันไว้ให้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่
ที่นี่เสิร์ฟอาหารแบบญี่ปุ่นผสมตะวันตก โดยมีให้เลือกทานอย่างหลากหลายทั้งผักออร์แกนิกอร่อยๆ อาหารทะเลสดๆ จากอ่าว Sagami และ Suruga ไปจนถึงเนื้อท้องถิ่นคานากาว่าเลยทีเดียว
5. Gora Kadan [Gora]
โรงแรมบริการทุกระดับประทับใจพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่นี่เราจะได้รับการดูแลอย่างดีราวกับเจ้าชายเจ้าหญิงกันตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าโรงแรมไปจนถึงก้าวสุดท้ายตอนเดินออกเลยล่ะ
นอกจากบริการจะไร้ที่ติแล้ว ตัวสถานที่เองก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ห้องพักทุกห้องไม่ว่าจะเป็นห้องพิเศษหรือห้องธรรมดาล้วนแต่ล้อมรอบไปด้วยทัศนียภาพของธรรมชาติที่สวยงามจนแทบลืมหายใจ หลายๆ ห้องมีอ่างอาบน้ำกลางแจ้งไว้ให้ใช้กันแบบส่วนตัว ให้บรรยากาศโรแมนติก เอาใจคู่รัก คู่แต่งงานใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยากอาบน้ำกับคนข้างๆ โชว์รอยสักสวยๆ บนตัว อันที่จริงแล้วที่นี่มีบริการให้ใช้สถานที่ในการจัดงานแต่งงานด้วย จึงมีโอกาสไม่น้อยที่เราจะได้เจอกับคู่บ่าวสาวเดินวนเวียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
ภายในห้องพักมีเฟอร์นิเจอร์ให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นทีวีจอแบน ห้องน้ำส่วนตัว หรืออินเทอร์เน็ตไร้สายที่ใช้งานได้ฟรี นอกจากนี้ในเขตโรงแรมก็ยังมีสระน้ำ สปา และฟิตเนสให้บริการด้วย หลังจากไปออกกำลังใช้แรงกันจนเหนื่อยก็สามารถกลับมาเติมพลังด้วยอาหารชุดตามฤดูกาลสไตล์ญี่ปุ่นของร้านอาหารในโรงแรมกันได้เลย
6. Shiunso [Tonosawa]
ถ้าใครชอบบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งแบบใหญ่ๆ ก็ต้องที่นี่เลย! Shiunso เป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นอยู่ท่ามกลางร่มไม้สีเขียวขจีของฮาโกเน่ ภายในมีบ่อน้ำร้อน 2 บ่อที่เปิดให้แช่คนเดียวสบายๆ โดยไม่ต้องแย่งกับใครเมื่อทำการจองล่วงหน้า และบ่อครอบครัวที่ให้สิทธิ์ผู้เข้าพักแบบเป็นกลุ่มได้จองกันแบบฟรีๆ
น้ำในออนเซ็นของโรงแรมมาจากบ่อน้ำร้อนธรรมชาติของ Tonosawa เป็นน้ำด่างอ่อนๆ อุณหภูมิประมาณ 54.2 องศาเซลเซียส (129.5 องศาฟาเรนไฮต์) ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ เส้นประสาท ไขข้อ รวมไปถึงอาการเหนื่อยล้าทั่วไปได้เป็นอย่างดี หลายๆ คนจัดทริปแบบไป-กลับเพื่อมาแช่บ่อน้ำร้อนของที่นี่โดยเฉพาะ แต่ถ้าจะมาพักที่โรงแรมสักคืนสองคืนเราก็ว่าเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
ด้วยทำเลที่ตั้งของโรงแรม ทำให้ไม่ว่าจะพักผ่อนอยู่ที่ห้องพักหรือนั่งผ่อนคลายในบ่อน้ำร้อนก็สามารถเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพธรรมชาติสวยๆ ได้ตลอดปี อย่างในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้เห็นกัน อันที่จริงจะลองไปพักหลายๆ ครั้งเพื่อเก็บวิวทิวทัศน์ในแต่ละฤดูกาลก็นับว่าคุ้มค่าไม่น้อย
7. Kijitei Hoeiso [Yumotochaya]
ที่พักท่ามกลางเทือกเขาที่ให้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นโบราณๆ ออกแบบอย่างเรียบง่ายไม่หวือหวา แต่ก็เป็นที่ที่เราจะสามารถสัมผัสกับบรรยากาศผ่อนคลายแบบชาวญี่ปุ่นได้ดีที่สุด
บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งของที่พักตั้งอยู่ริมแม่น้ำและมีวิวทิวทัศน์อันสวยงามทอดยาวไปสุดสายตา ไม่ว่าจะไปเยือนในฤดูกาลไหนก็มีสเน่ห์เป็นเอกลักษณ์ทั้งนั้น มาทำตัวสบายๆ นั่งยืดเหยียดให้เต็มที่แล้วดื่มด่ำกับธรรมชาติให้เต็มที่กันไปเลย แอบกระซิบไว้สักนิดว่าที่นี่จะอุ่นน้ำด้วยเครื่องต้มที่ใช้เศษไม้เป็นเชื้อเพลิงจึงเป็นมิตรกับธรรมชาติมากๆ
นอกจากนั้นสวนภายในเขตที่พักเองก็สวยไม่แพ้กัน ถ้าใครมีโอกาสได้เข้าพักไม่ควรพลาดไปชมอย่างยิ่ง
ห้องพักมีทั้งหมด 19 ห้อง หน่ึงในนั้นถูกแยกออกไปอยู่ในอาคารต่างหาก ตัวห้องและเฟอร์นิเจอร์มีการออกแบบจัดวางอย่างสวยงามและเป็นแบบญี่ปุ่นทั้งหมด
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่พลาดไม่ได้ของที่นี่คือเมนูอาหารและวัตถุดิบสุดขึ้นชื่ออย่างไก่ฟ้าเขียวที่ถูกปรุงด้วยวิธีพื้นบ้าน โดยไก่ฟ้าเขียวที่ว่านี้เป็นไก่ที่เนื้อมีปริมาณโปรตีนและกรดอะมิโนสูงมาก เรียกว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพสุดๆ
8. Tensui Saryo [Gora]
เมื่อก้าวเข้าไปในเรียวกังแห่งนี้จะเห็นบาร์ที่มีบ่อแช่เท้าอยู่ใต้ที่นั่ง ที่นี่เราสามารถสั่งเครื่องดื่มมานั่งดื่มพลางแช่เท้าไปได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่าเจอออนเซ็นกันตั้งแต่หน้าทางเข้าเลยทีเดียว
ในส่วนของบ่อน้ำร้อนเองก็มีหลายแบบให้ได้เลือกกันตามชอบ บางส่วนสามารถจองล่วงหน้าเพื่อใช้แบบส่วนตัวได้ รูปที่เรานำมาให้ดูด้านบนจะเป็นบ่ออาบน้ำรวม แต่นอกจากนี่แล้วก็ยังมีบ่อกลางแจ้งอย่างดีอยู่ด้านนอกด้วย โดยบ่อทั้งหมดจะกำหนดเวลาให้ชายหญิงใช้แยกกัน
ห้องพักตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นแบบโมเดิร์นและมีถึง 11 ชนิดให้เลือก บ้างก็ใช้เป็นฟูกนอนแบบญี่ปุ่น บ้างก็เป็นเตียง หรือบางห้องก็มีออนเซ็นกลางแจ้งแบบส่วนตัวอยู่ในห้องกันเลย แต่ไม่ว่าจะห้องไหนๆ ก็สะดวกสบายและมีอุปกรณ์ครบครัน ถือเป็นที่พักที่ให้บรรยากาศแตกต่างจากที่อื่นๆ ที่เรารวบรวมมานำเสนออยู่สักหน่อย ถ้าใครสนใจก็ต้องลองไปเข้าพักกันดู
9. Ryuguden [Moto Hakone]
สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นชั้นยอดที่สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อ 70 ปีที่แล้วและเพิ่งได้รับการบูรณะใหม่เมื่อไม่นานมานี้ น้ำในออนเซ็นของที่พักมาจาก Takogawa ซึ่งเป็นน้ำพุร้อนที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาน้ำพุร้อน 17 บ่อของฮาโกเน่ โดยที่พักมีทั้งบ่อปิดและบ่อกลางแจ้งให้สามารถเข้าไปใช้บริการกันได้โดยไม่เกี่ยงว่าเป็นแขกที่เข้ามาพักหรือไม่ วิวที่มองจากบ่อกลางแจ้งนั้นสวยงามมากจนเราต้องนำภาพหลักฐานมาให้ดูกันที่ด้านบน เมื่อมองไปไกลๆ จะสามารถเห็นภูเขาฟูจิได้ด้วย
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือห้องอาหารซึ่งจะเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นแบบที่เรารู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็นเทมปุระ โซบะ ไปจนถึงทงคัตสึ (หมูชุบเกล็ดขนมปังทอด) แถมยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะลงมาที่ภัตตาคารหรือทานอยู่ที่ห้องสบายๆ
ในอาคารหลักมีบริการต่างๆ อย่างบ่ออาบน้ำ สปา และร้านอาหาร ขณะที่ตัวห้องพักจะอยู่ในส่วนต่อขยาย ซึ่งมีให้เลือกทั้งห้องที่มีระเบียงที่มองออกไปเห็นทิวทัศน์สุดตระการตาของฮาโกเน่ และห้องที่มีบ่ออาบน้ำส่วนตัวที่ตั้งอยู่กลางป่าเขาและทะเลสาบให้ได้ใช้เวลาพักผ่อนกันอย่างสงบๆ
10. Senkyoro [Sengokuhara]
Senkyoro เป็นเรียวกังขนาดใหญ่และมีหลายห้อง ตัวอาคารตั้งอยู่ท่ามกลางสวนที่จัดไว้อย่างโอ่อ่าและให้บรรยากาศที่สวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล สำหรับใครที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่นี่จะเปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นในการพักผ่อนหย่อนใจและใช้ชีวิตอยู่กับธรรมขาติกันอย่างเต็มที่เลยล่ะ
บ่อน้ำร้อนทั้งหมดของที่นี่นั้นรับน้ำมาจาก Owakudani ซึ่งเป็นน้ำร้อนที่เกิดจากภูเขาไฟ น้ำที่ใช้จึงมีปริมาณซัลเฟอร์สูง ปรากฏเป็นน้ำสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนม ภาพด้านบนที่เรานำมาเป็นบ่อสำหรับผู้หญิง แต่ตัวที่พักเองก็มีบ่อหลายแบบให้ทั้งหญิงชายได้ใช้บริการกันแบบไม่ต้องเป็นกังวล
หลังจากไปสปาแล้วก็สามารถมาลิ้มลองอาหารชุดแบบญี่ปุ่นหรือ Kaiseki ที่รังสรรค์โดยเชฟมืออาชีพได้ที่ห้องอาหาร เมนูจะเปลี่ยนไปทุกเดือนตามวัตถุดิบที่หาได้ในแต่ละฤดู ได้ลองแล้วจะต้องติดใจไม่รู้ลืมแน่นอน!
11. Hakone Kowakien Ten-yu [Ninotaira]
เรียวกังสุดหรูที่ถือคติว่าจะให้แขกที่มาพักได้สนุกไปกับทริปท่องเที่ยวฮาโกเน่ที่เติมเต็มได้ทั้ง 5 สัมผัส ทุกห้องของโรงแรมมีบ่อกลางแจ้งส่วนตัวไว้ให้เพลิดเพลิน ถ้าใครชอบออนเซ็นกับสระน้ำไร้ขอบ (Inifinity Pools) ล่ะก็ขอบอกเลยว่าต้องถูกใจแน่นอน นอกจากจะสามารถแช่น้ำร้อนสบายๆ บำรุงผิวพรรณได้แล้วยังมีวิวสวยๆ ไว้ให้มองระหว่างแช่ไม่ให้เบื่อ แถมแถบนั้นยังเงียบสงบมากๆ ไม่มีเสียงอะไรมารบกวนใจ จะมีก็แต่เสียงสายลมสายน้ำแว่วมาพอให้ได้ยินเท่านั้นเอง
ถ้าหากหิวขึ้นมาเมื่อไรก็สามารถไปใช้บริการภัตตาคารของทางที่พักได้ หรือจะขอให้พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟที่ห้องก็ทำได้เช่นกัน โดยเมนูจะเป็นอาหารคอร์สที่ผสมผสานระหว่างอาหารญี่ปุ่นและอาหารตะวันตก อย่างโซบะที่ทำจากน้ำพุร้อนของฮาโกเน่ ไปจนถึงชาบูเนื้อและทะเลสุดพรีเมี่ยม หรือถ้าใครคอแห้งก็สามารถสั่งเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ จาก Ten-yu Bar & Lounge ได้ ไม่ว่าจะเป็นเมนูไหนก็รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่อน!
ห้องพักของที่นี่มีจำนวนค่อนข้างมากและมีหลายประเภทให้เลือก ตั้งแต่แบบบ้านเล็กๆ ไปจนถึงห้องชั้นธุรกิจ โดยที่น่าสนใจเป็นพิเศษจะเป็นห้องสวีทซึ่งตกแต่งในธีมที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งที่ดีไซน์เลียนแบบบรรยากาศของญี่ปุ่นยุคก่อนๆ และดีไซน์เป็นธีมหลักตามธรรมชาติและฤดูกาล จะเลือกห้องกันทีนี่ต้องคิดหนักเลยทีเดียว
12. Kitanokaze Saryou [Sengokuhara]
Kitanokaze Saryou หรือบ้านพักสายลมเหนือแห่งนี้เป็นเรียวกังที่มีบ่อน้ำกลางแจ้งอยู่ในห้องพักทุกห้อง ย้ำว่าทุกห้อง! และยังเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นร่วมกับอาหารทะเลสดๆ ส่งตรงจากฮอกไกโดเลยทีเดียว ในวันที่อยากหนีจากชีวิตยุ่งๆ วุ่นวายไปพักผ่อนจะมีอะไรดีไปกว่าการแช่น้ำพุร้อนๆ และกินอาหารอร่อยๆ อีกล่ะ!
แวบแรกที่มองหลายคนคงจะคิดว่าเจ้าออนเซ็นในภาพด้านบนนี้เป็นบ่อสาธารณะที่ให้แขกในโรงแรมมาใช้ร่วมกัน แต่ผิดแล้ว! อ่างในรูปเป็นอ่างอาบน้ำส่วนตัวในห้องพักห้องหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับป่าไผ่ต่างหาก และที่สำคัญยังเป็นแค่หนึ่งในหลายๆ แบบที่ทางเรียวกังมีให้เลือกด้วย ดูดีจนไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นบ่อที่ให้แช่สบายๆ คนเดียวอยู่ในห้อง
ตัวอย่างของห้องพักของเรียวกังมีทั้งห้องที่มีซาวน่า (แน่นอนว่ามีบ่อน้ำร้อนด้วย) ห้องสวีทที่มีทั้งบ่อในร่มและบ่อกลางแจ้ง รวมไปถึงห้องที่มีระเบียง ดีไซน์ภายในอาคารเป็นสไตล์ญี่ปุ่นแบบโมเดิร์น เฟอร์นิเจอร์และของใช้ทุกอย่างก็ถูกจัดไว้อย่างสะอาดเรียบร้อย นับว่าเป็นอีกที่หนึ่งที่จะพลาดไม่ได้เลยถ้ามาเที่ยวฮาโกเน่
13. Yoshiike Ryokan [Yumoto]
ขอบอกเอาไว้ก่อนว่าเราไม่ได้เอารูปจากที่ไหนมาโม้ แต่รูปด้านบนนั้นเป็นสวนภายในเรียวกังจริงๆ! Yoshiike เป็นเรียวกังที่มีอาณาเขตกว้างขวาง แค่ตัวสวนเองก็กินพื้นที่ถึง 33,000 ตารางเมตรเข้าไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ได้กว้างเฉยๆ แต่มีกิจกรรมให้ทำเยอะขนาดที่จะต้องมีแผนที่ติดตัวไว้เพื่อสำรวจกันเลยทีเดียว สิ่งที่น่าสนใจก็อย่างเช่นบ้านตระกูล Iwasaki (ผู้ก่อตั้งกลุ่มการเงิน Mitsubishi) หรือห้องน้ำชาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเป็นต้น
หลังจากสำรวจจนพอใจแล้วก็มาเติมพลังด้วยอาหารตามฤดูกาลอร่อยๆ ของทางที่พัก โดยวัตถุดิบหลักของที่นี่เป็นอาหารทะเลจากอ่าว Suruga ที่นอกจากจะรสชาติดีแล้วยังสีสันสดใสหน้าตาน่าทานสุดๆ เรียกได้ว่าทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจเลยล่ะ
ห้องพักมีทั้งหมด 64 ห้องและมีหลายแบบให้เลือก เช่น ห้องใหญ่ที่จุ 10 คนก็ยังไหว ห้องส่วนใหญ่เมื่อมองออกไปจะเห็นสวนอันงดงาม แต่ถ้าต้องการความมั่นใจว่าจะไม่พลาดวิวสวนก็สามารถแจ้งกับพนักงานได้ตอนจอง ในส่วนของบ่อน้ำพุร้อนก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะทุกห้องมีสปาส่วนตัวให้อยู่แล้ว และขอกระซิบอีกสักหน่อยว่าน้ำในบ่อก็มาจากน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ทางที่พักเป็นเจ้าของเสียด้วย
14. Hakone Tokinoshizuku [Miyanoshita]
เรียวกังแบบผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตกที่เพิ่งปรับปรุงใหม่สดๆ ร้อนๆ ตัวอาคารสร้างขึ้นด้วยไม้เป็นหลักแบบที่มองจากภาพถ่ายก็คงเดาออก แล้วขอบอกไว้เลยว่ารูปนี้ไม่ใช่บ่อรวม แต่เป็นบ่อกลางแจ้งส่วนตัวในห้อง Grand Suite ขนาด 200 ตารางเมตรต่างหาก!
ที่นี่เสิร์ฟเป็นอาหารชุดแบบญี่ปุ่น โดยจะเปลี่ยนเมนูไปตามฤดูกาลเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่คงคุณภาพและรสชาติดีที่สุด ที่ห้องอาหารเราสามารถมองออกไปเห็นวิวพระอาทิตย์ตกเคลื่อนคล้อยระหว่างเทือกเขาได้ เป็นการทานอาหารเย็นที่ใครได้ลองสัมผัสแล้วก็ต้องประทับใจจนลืมไม่ลงแน่นอน
นอกจาก Grand Suite แล้วที่นี่ยังมีห้องสวีทแบบ Premier และ Standard ซึ่งมีที่กว้างและตกแต่งได้สวยงามไม่แพ้กัน หน้าต่างเป็นกระจกบานใหญ่ให้แสงแดดสองผ่านเข้ามาและสามารถมองออกไปเห็นทัศนียภาพธรรมชาติสีเขียวชอุ่มโดยรอบได้ แน่นอนว่าทุกห้องจะต้องมีบ่อน้ำพุร้อนให้ใช้กันแบบส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างพวกเครื่องสุขภัณฑ์ ชุดยูกาตะ ชุดคลุมอาบน้ำและอุปกรณ์อย่างตู้เก็บไวน์ แช่น้ำเสร็จแล้วก็เปลี่ยนไปสวมชุดคลุมนุ่มๆ แล้วนอนสบายๆ ชื่นชมวิวกันได้เลย!
15. Seikansou [Yumotochaya]
เรียวกังสุดหรูที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและเหมาะจะใช้พักผ่อนหย่อนใจสุดๆ ในฤดูใบไม้ผลิเราจะเห็นป่าต้นสนสีเขียวชอุ่ม ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงก็จะรายล้อมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี ราคาต่อคืนอาจจะสูงอยู่สักหน่อย แต่รับรองว่าเข้าพักแล้วจะไม่มีเสียดายเงินแน่นอน
ทางที่พักเสิร์ฟอาหารชุดแบบญี่ปุ่นที่ปรุงอย่างพิถีพิถันและมีการเปลี่ยนเมนูทุกๆ เดือนให้เข้ากับฤดูกาล ซึ่งแน่นอนว่ารสชาติน่าประทับใจมากๆ เรียกได้ว่าแค่อาหารอย่างเดียวก็กินขาดแล้ว
ห้องพักทั้งหมดเป็นห้องแบบญี่ปุ่นเอาใจใครที่อยากจะสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นกันอย่างเต็มที่ ที่นอนเป็นฟูกหรือไม่ก็เตียงคละๆ กันไป โดยตัวห้องพักเองจะแบ่งย่อยออกเป็น 2 แบบ แบบแรกมีบ่อน้ำกลางแจ้งแบบส่วนตัวอยู่ที่ระเบียง และอีกแบบจะหันหน้าไปทางถนนทะเลตะวันออกเก่าหรือ Kyu-Tokaido ซึ่งตัวบ่อน้ำร้อนจะแยกออกไปไว้อีกที่หนึ่ง
16. Takumino Yado Yoshimatsu [Hakone]
เรียวกังริมทะเลสาบ Ashi ที่มีสวนญี่ปุ่นสวยๆ รายล้อม ขึ้นชื่อว่าเป็นเรียวกังสำหรับครอบครัวด้วยบริการอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างที่จอดรถ บ่อน้ำที่ใหญ่พอจะให้คนทั้งครอบครัวลงไปแช่ด้วยกันได้ ไปจนถึงเครื่องครัวสำหรับเด็กที่มีไว้ให้ใช้กันในห้องเลยแบบไม่ต้องขอเพิ่ม
เราสามารถเลือกที่จะแช่น้ำสบายๆ ดูวิวทิวทัศน์ด้านนอกที่บ่อกลางแจ้งทั้ง 2 แห่ง (Sumo no Yu กับ Suruga no Yu) หรือใครอยากจะแช่อยู่ที่อ่างเปิดในห้องตัวเองก็ยังได้ นอกจากนี้ยังมีบ่อขนาดใหญ่อยู่อีกแห่งที่สามารถไปนั่งแช่กับสมาชิกในครอบครัวอีกด้วย
นอกจากเราจะสามารถเลือกได้ว่าจะจองห้องที่มีอ่างส่วนตัวหรือไม่แล้ว ยังเลือกขนาดของห้องได้ด้วย ห้องพักของเรียวกังนี้มีตั้งแต่แบบสตูดิโอขนาดเล็กๆ ไปจนถึงห้องใหญ่ที่นอนกันได้ถึง 6 คน รับรองว่าถูกใจทั้งคู่รักที่อยากสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกและครอบครัวที่อยากพักผ่อนด้วยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ยิ่งไปกว่านั้นอาหารของที่พักนี่อร่อยสุดๆ แล้วยังมีการเสิร์ฟให้ถึงในห้องอีกด้วย
17. Hotel Hatsuhana [Sukumogawa]
เรียวกังขนาดใหญ่ใกล้ตีนเขา Yusaka ซึ่งเปิดให้บริการมายาวนานกว่า 25 ปี มีห้องสำหรับพักผ่อนหย่อนใจที่รอบล้อมไปด้วยป่าอันเงียบสงบให้เราได้ลืมชีวิตประจำวันที่แสนวุ่นวายและดื่มด่ำไปกับธรรมชาติอย่างเต็มที่
รูปภาพทางด้านบนเป็นบ่อน้ำพุร้อนหินกลางแจ้งสำหรับผู้หญิงเท่านั้น และนอกจากบ่อนี้แล้วสาวๆ ก็ยังสามารถเข้าไปแช่ในสระน้ำไร้ขอบ อ่างอาบน้ำแบบถัง อ่างจากุซซี่และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนหนุ่มๆ ก็อย่าเพิ่งเสียใจไป เพราะบ่อสำหรับผู้ชายก็มีให้ใช้เยอะไม่แพ้กัน ทั้งอ่างอาบน้ำในห้อง บ่อหินด้านนอก และอ่างจากุซซี่ หรือถ้าใครอยากจะเสียเหงื่อสักหน่อยก็ไปเข้าซาวน่าได้เลย
หลังจากแช่น้ำพักผ่อนกันจนพอใจแล้วก็มาเติมพลังงานกันด้วยอาหารอร่อยๆ ห้องอาหารของทางที่พัก Tsutsuji no Chaya จะเสิร์ฟอาหารตามฤดูกาลและอาหารท้องถิ่นที่จัดเป็นคอร์สแบบญี่ปุ่นโดยเชฟมืออาชีพ สามารถไปจับจองที่นั่งกันได้ โดยห้องส่วนตัวห้องหนึ่งสามารถจุได้ทั้งหมด 18 คน
18. Hyatt Regency Hakone Resort and Spa [Gora]
นอกจากเรียวกังแล้ว โรงแรมในฮาโกเน่ก็มีอยู่เยอะไม่แพ้กัน หนึ่งในนั้นก็คือรีสอร์ท 5 ดาวสุดหรูในเครือ Hyatt นี่เอง ที่นี่มีห้องพักกว้าง เครื่องเรือนครบครัน เรียกได้ว่าอยู่กันได้สุขสบายยิ่งกว่าที่บ้านเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสปาให้บริการ และมีอาหารรสเลิศให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย
ด้วยความที่เป็นที่พักแบบรีสอร์ทจึงมีอาณาเขตกว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสปาที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอย่าง Izumi หรือบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่นำน้ำแร่จากน้ำพุร้อน 2 บ่อมาผสมกันอย่างลงตัว ซึ่งดีต่อสุขภาพสุดๆ ในภัตตาคารเองก็มีอาหารให้เลือกทานอย่างหลากหลาย ตั้งแต่อาหารญี่ปุ่นอย่างซูชิไปจนถึงอาหารตะวันตก และยังมีห้องนั่งเล่นให้ได้ไปนั่งจิบกาแฟชมดนตรีสดกันได้อีกต่างหาก
ห้องพักมีทั้งหมด 80 ห้อง ล้วนแต่ทั้งสะอาดและอยู่ได้อย่างสะดวกสบาย ภายในห้องใช้เฟอร์นิเจอร์แบบตะวันตกผสมผสานกับการออกแบบภายในที่ให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นๆ จุดเด่นของที่นี่คือบางห้องจะอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงมาได้ด้วย! หลังจากทำความสะอาดและแปรงขนแล้วก็สามารถพาน้องหมาเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจในห้องด้วยกันได้เลย ปลอดภัยแน่นอน 100%
19. Fontaine Bleau Sengokutei [Sengokuhara]
เรียวกังสุดอบอุ่นที่เปิดให้บริการมาแล้วถึงกว่า 20 ปี จุดเด่นของที่นี่อยู่ที่เมนูอาหารซึ่งเป็นอาหารฝรั่งเศสแท้ๆ และบ่อน้ำพุร้อนชมวิวกลางแจ้งที่มีไว้ให้ใช้ประจำห้องพัก เรียกได้ว่าดูแลกันอย่างดีทั้งจากภายนอกและภายในเลยทีเดียว
วัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาลทั้งหมด โดยบางส่วนจะเป็นผลผลิตท้องถิ่นอย่างมันฝรั่ง Mishima และบางส่วนก็เป็นส่วนผสมที่นำเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก เชฟของที่นี่เคยทำงานให้กับโรงแรมของราชสำนักมาถึง 19 ปีและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารฝรั่งเศสด้วย เชื่อใจได้เลยว่าอาหารที่เสิร์ฟนั้นถึงจะไม่ได้ปรุงแต่งมากก็ต้องรสเลิศสมกับคุณภาพของวัตถุดิบอย่างแน่นอน
นอกจากของกินที่ยอดเยี่ยมแล้วของใช้ที่เรียวกังจัดสรรไว้ให้ก็ถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันไม่แพ้กัน ในขณะที่สุขภัณฑ์เลือกใช้เป็นแบบออร์แกนิก ส่วนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก็เป็นสูตรของทางเรียวกังเอง อุปกรณ์ต่างๆ ในสปาล้วนแต่เป็นอุปกรณ์ชั้นเลิศทั้งสิ้น ห้องพักถูกออกแบบอย่างสวยงามเป็นเอกลักษณ์และยังมีลำโพงให้ใช้เปิดเพลงคลอระหว่างพักผ่อน เรียกได้ว่าจัดวางพื้นที่ไว้อย่างดีให้เราได้อยู่กันอย่างสะดวกสบายจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว
ในโรงแรมและเรียวกังเหล่านี้เราจะได้สัมผัสกับความหมายของการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเลือกพักที่ไหนก็มั่นใจได้เลยว่ามันจะต้องเป็นประสบการณ์ดีๆ ที่ลืมไม่ลงอย่างแน่นอน หาวันว่างกันสักหน่อย หลบจากชีวิตอันแสนวุ่นวายมาพักผ่อนหย่อนใจไปกับบ่อน้ำร้อนสุดวิเศษของฮาโกเน่กันดีกว่า!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่