โปรแกรมเที่ยวโกเบ 2 วัน มาใช้เวลาอันมีค่าในเมืองโกเบที่เต็มไปด้วยเสน่ห์กันเถอะ

โกเบเป็นหนึ่งในจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ด้วยธรรมชาติเขียวชอุ่ม ภูเขารกโกะที่มีชื่อเสียง และทะเลเซโตะใน ทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย อย่าง"ท่าเรือโกเบ" ที่มีทิวทัศน์สวยงาม "อะริมะ ออนเซ็น" หนึ่งในย่านน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในตอนกลางคืนเมืองนี้ก็จะกลายเป็นสถานที่สุดโรแมนติกระยิบระยับไปด้วยแสงไฟ บทความนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับเมืองโกเบในแบบที่คุณจะประทับใจไม่มีวันลืม

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

เริ่มการเดินทางของคุณที่สถานีรถไฟโมโตมาจิ! (Motomachi Station)

เริ่มการเดินทางของคุณที่สถานีรถไฟโมโตมาจิ (JR Motomachi) ซึ่งถือเป็นประตูสู่โกเบ บริเวณโดยรอบสถานีมีตึกแถวซึ่งเป็นที่นิยมของคนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน และยังมีร้านค้าและร้านอาหารอีกด้วย หากคุณได้แวะไปแถวนี้ อย่าลืมไปสำรวจบริเวณถนนซากาเอะมาจิ (Sakaemachi) และ ถนนโอสึนากะ (Otsunaka) ด้วยล่ะ! เพราะนี่เป็นแหล่งรวมร้านค้าน่ารักๆ แกเลอรี่สุดหรู คาเฟ่ชิคๆ รวมถึงร้านขายของที่ดูแปลกตาน่าสนใจมากมาย ลองแวะไปดูของเล่นๆ หรือหาร้านเนื้อโกเบแถวนั้นทานดูสิ!

มุ่งหน้าสู่ศาลเจ้าอิคุตะกัน! (Ikuta Shrine)

หลังจากที่คุณเพลิดเพลินกับย่านโมโตะมาจิจนพอใจแล้ว เราก็ไปต่อที่เศาลเจ้าอิคุตะกัน ที่นี่มีชื่อเรียกในหมู่คนในพื้นที่ว่า “โกเอนมุสุบิ โนะ อิคุตะซัง (Go-Enmusubi no Ikuta-san)” เป็นศาลเจ้าที่คนนิยมมาภาวนาขอพรให้คลอดลูกได้อย่างปลอดภัย และยังสามารถขอพรให้สมหวังในความรัก ชีวิตแต่งงาน และการดูตัวได้ด้วย

ศาลเจ้าแห่งนี้มีประวัติยาวนานมากว่า 1,800 ปี และเป็นที่มาของชื่อเมืองโกเบ เนื่องจากตระกูลที่ทำหน้าที่ปกป้องเทพเจ้าประจำศาลมีชื่อเรียกว่า "คันเบ" ( 神戸 ใช้คันจิตัวเดียวกันกับคำว่า "โกเบ" ในปัจจุบัน) ที่นี่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะกันมากมายเนื่องจากตั้งอยู่ใจกลางของเมืองโกเบพอดี หากคุณได้มีโอกาสมาเที่ยวโกเบ ก็ควรแวะมาที่นี่กับคนรักหรือเพื่อนของคุณให้ได้สักครั้งนะ!

ห้ามพลาดย่าน คิตาโนะ อิจินคัง เป็นอันขาด! (Kitano Ijinkan District)

ย่าน "คิตาโนะ อิจินคัง" ("อิจินคัง" มีความหมายว่าที่อยู่อาศัยสไตล์ตะวันตก) แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณยอดเขา เป็นแนวเรื่อยไปตามทางลาดต่ำของพื้นที่ เป็นย่านที่จะทำให้คุณได้เห็นภาพในอดีต ในยุคที่ชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่หลังมีการเปิดท่าเรือโกเบเพื่อทำการค้ากับต่างประเทศ บริเวณนี้ก็ถูกสร้างขึ้นโดยชาวต่างชาติที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมา พวกเขาสร้างบ้านบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นทะเล เพื่อเป็นการรำลึกถึงบ้านเกิดตัวเอง เพียงคุณได้ย่างเท้าเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ ก็จะรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตเลยล่ะ

อีกหนึ่งกิจกรรมที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินและสนุกไปกับละแวกคิตาโนะ คือการได้ลิ้มลองอาหารที่มีมากมายจากหลายประเทศ ทั้งร้านอาหารจีน ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน สวิสฯ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่คิตาโนะคุณจะได้ทานอาหารรสชาติต้นตำรับที่พ่อครัวชาวต่างชาติตั้งใจทำเพื่อชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยตั้งแต่ยุคที่ท่าเรือโกเบเพิ่งเปิดเลยล่ะ

และในฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่ก็จะมีการเปิดเพลงแจ๊สดังคลอไปทั่วเมือง และจะทำให้การเดินทางของคุณสนุกและเพลิดเพลินยิ่งขึ้นแน่นอน

บ้านอูโรโกะ (Uroko House) ที่พักสุดหรูแห่งแรกที่เปิดให้เข้าชมในโกเบ ที่นี่ถูกเรียกว่าบ้านอูโรโกะ เนื่องจากผนังนอกบ้านที่ทำจากหินชนวนธรรมชาติเรียงตัวกันในลักษณะเกล็ดปลา (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Uroko) บ้านสไตล์ตะวันตกที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของโกเบแห่งนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่มีรูปร่างและเป็นหนึ่งใน 100 บ้านที่ดีที่สุดของจังหวัดเฮียวโกะ ด้านในตกแต่งอย่างคลาสสิก และหากคุณไปแล้วล่ะก็ อย่าลืมเดินชมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องเรือนโบราณสุดหรูด้วยล่ะ นอกจากนี้ ที่นี่ก็ยังมีชุดเครื่องกระเบื้องตะวันตกที่มีชื่อเสียง รวมถึงเครื่องกังไสหรือเครื่องลายคราม (Meissen) ที่เก่าแก่อีกด้วย

เดินเล่นในคิตาโนะ อิจินคังกันไปแล้ว ก็มาแวะพักที่สตาร์บัคส์กันหน่อย สตาร์บัคส์ที่นี่ตั้งอยู่ในโซนที่พักอาศัยของชาวต่างชาติที่สร้างขึ้นในปี 1970 สำหรับชาวอเมริกัน และถูกปรับปรุงให้กลายเป็นร้านกาแฟในภายหลัง ตัวตึกที่เป็นอาคารไม้สองชั้นได้รับการขึ้นทะเบียนป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่มีรูปร่าง (Tangible Cultural Property) ทาด้วยสีขาวและสีเขียวซึ่งเป็นสีของแบรนด์สตาร์บัคส์นั่นเอง

เมื่อมาถึง คุณอาจพบตัวเองมัวแต่ยืนมองรายละเอียดภายนอกของสถานที่แห่งนี้ด้วยความหลงใหลก็ได้ แต่บอกเลยว่าด้านในก็สวยไม่แแพ้กัน เพราะมีการประดับตกแต่งด้วยภาพวาด หนังสือภาษาต่างประเทศ และเครื่องพิมพ์ดีดโบราณ ร้านกาแฟแห่งนี้จึงสามารถให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่แฟนๆ สตาร์บัคส์ และผู้ที่หลงใหลในสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกจะไม่รู้สึกเบื่อแน่นอน

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

พักค้างคืนที่อาริมะออนเซ็น (Arima Onsen)

เต็มอิ่มกับย่านคิตะโนะ อิจินคังกันไปแล้ว เราจะพาไปพักค้างคืนที่ "อาริมะออนเซ็น" กัน จากสถานีซันโนะมิยะ (Sannomiya) ต่อรถไฟสาย Seishin-Yamate แล้วต่อรถ Kobe Electric Railway สาย Arima Line ไปลงที่สถานีอาริมะออนเซ็น Arima-Onsen 

อาริมะออนเซ็น เป็นหนึ่งในบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศเช่นเดียวกับ โดโกะออนเซ็น (Dogo Onsen) และ ชิราฮามะออนเซ็น (Shirahama Onsen) อีกด้วย

อาริมะออนเซ็นแห่งนี้ มีน้ำพุร้อน 7 ใน 9 ประเภทหลัก ที่ถูกระบุว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสิ่งแวดล้อม (Ministry of Environment) ซึ่งแบ่งออกเป็นน้ำพุร้อนแบบทั่วไป (น้ำพุที่ส่วนประกอบไม่ถึงระดับที่กำหนดจะถูกจัดเป็นน้ำพุร้อนแบบทั่วไป), คลอไรด์, คาร์บอเนต, ซัลเฟต, คาร์บอนไดออกไซด์, ธาตุเหล็ก และ เรเดียม 

แม้แต่ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ขุนนางผู้มีส่วนในการรวมประเทศญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 16 ก็โปรดปรานน้ำพุร้อนในแถบนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการทำสงครามได้เป็นอย่างดี

อาริมะออนเซ็น มีชื่อเสียงในเรื่องของน้ำพุร้อนสีเหลืองทอง หรือที่เรียกว่า "คินเซ็น (Kinsen)" ที่มีธาตุเหล็กผสมในปริมาณสูง และอีกหนึ่งคือน้ำพุร้อนที่ใสไร้สี เรียกว่า "กินเซ็น (Ginsen)" ที่มีส่วนผสมของคาร์บอเนตและธาตุเรเดียม
"คินเซ็น" มีมวลน้ำที่หนาแน่น โดดเด่นในด้านการทำให้ร่างกายอุ่นจากภายใน ซึ่งจะทำให้คุณไม่รู้สึกเย็นหลังการแช่ตัวในบ่อ และยังมีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการของผู้เป็นโรคผิวหนังได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ "กินเซ็น" นั้นจะมีสัมผัสที่เบาสบาย ว่ากันว่าหากดื่มเข้าไปจะทำให้ช่วยเพิ่มความความอยากอาหารให้คุณได้ด้วย

หนึ่งในความพิเศษของการลองแช่บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งหลายๆแห่ง คือจะทำให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ และสามารถเปรียบเทียบ ดูความแตกต่างของแต่ละแห่งได้อย่างชัดแจน ยังไงก็อย่าลืมหาเวลามาพักผ่อนและแช่น้ำคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานของคุณที่นี่ดูนะ

อีกหนึ่งในความสุขของการเข้าพักที่อาริมะออนเซ็น คือ การได้สวมชุดยูกาตะ (Yukata กิโมโนผ้าฝ้ายแบบบาง) ออกไปเดินเล่นชมเสน่ห์ของเมืองโบราณบริเวณรอบๆ ที่พัก และข้างทางก็ยังมีร้านค้าที่น่าสนใจมากมาย เช่น งานฝีมือแบบดั้งเดิมซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวต่างชาติ (เช่น ร้านอาริมะคาโกะ Arima Kago) และ "ทันซัน เซมเบ้ (Tansan Senbei)" (แป้งปิ้งที่มีส่วนผสมของน้ำที่มาจากน้ำพุร้อนคาร์บอเนต) ที่เป็นของขึ้นชื่อเป็นพิเศษของอาริมะออนเซ็น เป็นที่โปรดปรานของบรรดานักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะรสชาติแบบดั้งเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วางขายเป็นครั้งแรก 


นอกจากนี้ยังมีร้านค้าเก่าแก่ที่พัฒนาไปตามวิถีประวัติศาสตร์ของอาริมะออนเซ็นด้วย ดังนั้นรับประกันได้ว่าผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และรักการแช่น้ำพุร้อนจะต้องตกหลุมรักสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน

และที่นี่ยังมีร้านอาหารเก่าแก่ คาเฟ่แฟนซี และสิ่งก่อสร้างที่สวยงามอีกมากมายรอให้คุณมาสัมผัสอยู่ ขอให้คุณได้เพลิดเพลินกับการสำรวจบ่อน้ำพุร้อนหลากหลายชนิดที่มีเฉพาะที่เขตอะริมะ ดื่มด่ำกับอาหารแสนอร่อยและเก็บเกี่ยวความทรงจำที่น่าประทับใจจากการพักผ่อนที่อาริมะออนเซ็นกันนะ

Klook.com

เริ่มต้นวันที่ 2 ด้วยการเดินเที่ยวรอบๆ ย่านชุมชนชาวต่างชาติในอดีตกันเถอะ!

หลังได้พักที่อาริมะออนเซ็นกันจนเต็มอิ่มแล้ว เราจะกลับไปที่ศูนย์กลางของเมืองโกเบกันอีกครั้ง เพื่อเดินชมบริเวณที่เป็นชุมชนชาวต่างชาติในอดีต ที่นี่ เราสามารถเพลิดเพลินไปกับอาคารและร้านค้าที่เรียงรายควบคู่ไปกับทิวทัศน์ของตรอกด้านหลัง คุณสามารถไปเดินเล่นที่ ทอร์โร้ด (Tor Road) ถนนที่เต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายของน่ารักๆ คาเฟ่และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่เป็นที่นิยมกันในหมู่วัยรุ่น

ย่านซากาเอะมาจิ (Sakaemachi) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลาย ร้านอาหาร แกลเลอรี่ และคาเฟ่มากมาย รวมทั้งย่านชุมชนชาวต่างชาติที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องสไตล์ตะวันตกดูโอ่อ่าแปลกตาไปอีกแบบ

ย่านช้อปปิ้งแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟทำให้สะดวกต่อการเดินทาง และยังเป็นที่ที่เหมาะกับการหาของฝากสักชิ้นกลับไปเป็นที่ระลึกถึงการมาเที่ยวโกเบในครั้งนี้ของคุณด้วย

หิวแล้วใช่ไหม? ไปนันคินมาจิกันเถอะ! (Nankinmachi)

หลังจากสนุกสนานกับการช้อปปิ้งที่ใจกลางเมืองโกเบไปแล้ว เราเชื่อว่าคุณต้องหิวอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจะพาคุณไปลิ้มลองอาหารรสเลิศและขนมหวานแสนอร่อยกันที่นันคินมาจิ (Nankinmachi) หรือที่เรียกว่าไชน่าทาวน์โกเบ ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 ไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เช่นเดียวกับอีก 2 แห่งซึ่งอยู่ที่ โยโกฮาม่า (Yokohama) และนางาซากิ (Nagasaki)

นันคินมาจิ ในจังหวัดโกเบนนี้ มีร้านอาหารจีนมากกว่า 100 ร้าน มีชื่อเสียงในด้านความอร่อยเลิศรส และยังมีร้านค้าที่ขายวัตถุดิบสำหรับทำอาหารจีน ร้านค้าทั่วไป และร้านขายของจิปาถะอีกมากมายที่เปิดรับเหล่านักท่องเที่ยวในทุกๆ วัน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีร้านอาหารที่คุณสามารถลิ้มลองรสชาติของอาหารจีนดั้งเดิม เนื้อโกเบ รวมถึงขนมหวานที่แสนอร่อยที่จะทำให้คุณมีความสุขกับการรับประทานอาหารที่นี่อีกด้วย

เดินเล่นชมอ่าว ผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับลมทะเล

หอคอยสีแดงในสวนเมริเคน (Meriken Park) เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่กลายมาเป็นแลนด์มาร์คของเมืองโกเบ ถึงตอนนี้คุณคงรู้สึกเบื่อการท่องเที่ยวในเมืองแล้ว ทำไมไม่ลองซื้อตั๋วขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้าหอคอยสักใบล่ะ? รับรองว่าจากบนนั้น คุณจะเห็นทิวทัศน์เมืองที่สวยมากๆ เลยล่ะ

หรือไม่ คุณจะใช้วิธีถ่ายรูปกับหอคอยสีแดงที่ส่องสว่างสดใสของท่าเรือโกเบ เก็บเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจในการมาเที่ยวโกเบของคุณก็ได้เช่นกัน!

หลังพระอาทิตย์ตก คุณสามารถไปที่ฮาร์เบอร์แลนด์ (Harborland) อาณาจักรความบันเทิงสุดครบครันที่คุณสามารถไปช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร ดูหนัง และสนุกสนานไปกับสวนสนุกได้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำหรับผู้ใหญ่ที่จัดขึ้นในทุกๆ เดือนอีกด้วย คุณสามารถมาเพลิดเพลินไปกับเพลงแจ๊สและการแสดงสดจากศิลปินต่างๆ ได้ที่นี่เลย

ฮาร์เบอร์แลนด์จะมีการเปิดไฟในช่วงเย็น เปลี่ยนบรรยากาศให้ดูสวยงามโรแมนติกซึ่งแตกต่างจากบรรยากาศยามกลางวันโดยสิ้นเชิง มาสร้างความทรงจำแสนโรแมนติกให้กับทริปของคุณด้วยการเดินรับลมทะเลไปกับคนที่คุณรัก ล่องเรือสำราญโมเสก MOSAIC เพื่อชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนของตัวเมืองที่บฮาร์เบอร์แลนด์กันเถอะ!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ปิดการเดินทางที่แสนวิเศษนี้ ด้วยมื้ออาหารบนเรือสำราญ

ปิดท้ายทริปโกเบด้วยการรับประทานอาหารค่ำพร้อมชมคอนเสิร๋ตบนเรือสำราญจากฝั่งฮาร์เบอร์แลนด์ ใช้ช่วงเวลาที่แสนพิเศษกับคนที่คุณรักในขณะที่มองดูสะพาน อากาชิไคเกียว (Akashi Kaikyo Bridge) และทิวทัศน์ยามค่ำคืนแสนงดงามของท่าเรือโกเบ

ค่ำคืนของคุณจะพิเศษยิ่งขึ้นด้วยอาหารจานพิเศษ ที่คุณสามารถเลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นเป็นคอร์สอาหารฝรั่งเศส หรือ คอร์สเทปปันยากิ พร้อมกับฟังดนตรีแจ๊สและดนตรีคลาสสิคที่เล่นสดโดยนักดนตรีมืออาชีพ และการบริการอันยอดเยี่ยมจากพนักงานบนเรือสำราญที่ถูกอบรมมาเป็นอย่างดี

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในการล่องเรือนี้ คือ แพ็กเกจขอแต่งงาน มาทำให้การขอแต่งงานอันแสนวิเศษครั้งหนึ่งในชีวิตนี้น่าจดจำด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกบนเรือสำราญที่ล้อมรอบไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองโกเบ พร้อมมีดนตรีสดอันแสนไพรเราะช่วยสร้างบรรยากาศให้

เพลิดเพลินไปกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในโกเบ!

นอกเหนือจากสถานที่ที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว เมืองโกเบก็ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิเช่น บริเวณภูเขารกโกะ (Mt. Rokko) ที่คุณสามารถเดินทางขึ้นไปได้ด้วยกระเช้า หรือจะเป็นบริเวณชายหาดไมโกะ (Maiko) ที่มีร้านค้า Outlet มากมายให้คุณเพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้ง เป็นต้น


ได้ยินอย่างนี้แล้วคุณจะรออะไรอยู่ล่ะ? เก็บกระเป๋าและจูงมือคนพิเศษของคุณไปสร้างความทรงจำที่แสนพิเศษที่โกเบกันเลย!

 

Header credit: Lee Yiu Tung / Shutterstock.com

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทาง เฟซบุ๊ก  ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

 


บทความนี้ได้รับอนุญาตให้ทำการแปลและเผยแพร่จาก SPIRA (ในอดีตคือ Relux Magazine)
คุณสามารถจองโรงแรมผ่าน Relux (บริหารจัดการโดย SPIRA) ได้ ที่นี่!!
มนต์เสน่ห์คันไซ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

SPIRA
SPIRA / RELUX
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร