แนะนำ 20 ที่น่าเที่ยวในจังหวัดชิบะ ถ่ายรูปสวยสบายๆ ไม่เบียดใคร
นอกจาก Tokyo Disney Land ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ชิบะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไล่ไปตั้งแต่ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมไปจนถึงสถานที่ลับที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ซึ่งในครั้งนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว 20 แห่งในชิบะที่ควรไปให้ได้สักครั้งในชีวิต!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
3 สถานที่ท่องเที่ยวในละแวก Makuhari (幕張)
1. สะพาน Mihama-Oohachi (美浜大橋)
หากมองวิวไปยังอ่าวโตเกียวก็จะสามารถมองเห็นแสงไฟจากอาคารนิคมอุตสาหกรรมของเขต Ichihara หรือวิวทิวทัศน์ของสะพาน Aqua Line Gate ได้ นับว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดทของคู่รักเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีสะพาน Mihama-Oohashi ที่ตั้งอยู่ที่เมือง Mihama ซึ่งมีชื่อเก่าที่คุ้นหูคนในพื้นที่ว่า Nanpahashi (ナンパ橋) จากมุมนี้เราสามารถมองเห็นภาพวิวพระอาทิตย์ตกอันงดงามในยามเย็นเป็นภาพเบื้องหลังของสะพาน และยิ่งไปกว่านั้นหากวันไหนอากาศดีๆ ก็อาจจะมองเห็นภาพภูเขาไฟฟูจิอยู่เหนืออ่าวโตเกียวได้เช่นกัน
2. Chiba Port Tower (千葉市ポートタワー)
จุดเด่นสำคัญของ Chiba Port Tower แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าคู่รัก ที่สามารถใช้เวลาร่วมกับคนรักชมวิวยามค่ำคืนอันสวยงามอย่างเต็มตา นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสามสถานที่นัดเดทสำคัญในชิบะ ที่ยังประกอบไปด้วยสะพาน Nakanoshima ในเขต Kisaratsu และสวนกุหลาบ Keisei ในเขต Yachiyo
ที่ชั้น 2 ของหอคอยก็มีลานแห่งความรักที่มีชื่อว่า Tenku-enmusubi (天空縁結び) ที่แปลได้ว่า การอธิษฐานต่อฟากฟ้า เป็นจุดเดทที่ได้รับความนิยมจากคู่รักเป็นอย่างมาก ซึ่งช่วงนี้จุดถ่ายรูปที่ชื่อว่า Tenshi no Hane (天使の羽) หรือปีกแห่งนางฟ้า กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากใน Instagram มีทั้งมุมสำหรับถ่ายคนเดียวและถ่ายเป็นคู่จึงทำให้เหล่าคู่รักสามารถใช้เวลาอันแสนสุขร่วมกันได้อีกด้วย
3. ชายฝั่ง Egawa (江川海岸)
ที่นี่เปรียบเสมือนเป็น Uyuni Salt Lake ของญี่ปุ่น ซึ่งชายฝั่ง Egawa ที่จังหวัดชิบะแห่งนี้เป็นชายฝั่งตามธรรมชาติที่มีกระแสน้ำขึ้นน้ำลงหลายร้อยเมตร ซึ่งมีโอกาสที่จะจับหอยลายได้ตามจุดต่างๆ ตลอดชายฝั่ง นอกจากนี้ความพิเศษอีกสิ่งของที่นี่คือ เสาไฟฟ้าจำนวนมากที่ตั้งเรียงรายอยู่กลางทะเลซึ่งถือว่าแปลกตาและหาดูได้ยากจากที่อื่น จึงเป็นสถานที่ที่กำลังได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นเหล่าชายหนุ่มที่ชอบถ่ายภาพ หรือสาวๆ สายโพสต์ภาพสวยๆ ลงโซเชียลก็สามารถมาชมวิวอันงดงามที่นี่ได้เช่นเดียวกัน
ที่นี่เป็นที่ตั้งของโรงงานหลายแห่ง ในวันที่อากาศสงบไม่มีลมหรือพายุก็จะมีโอกาสได้เห็นทั้งวิวพระอาทิตย์ตก วิวยามค่ำคืน และพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณเบื้องหลังของโรงงาน เป็นสถานที่ที่สามารถชมความงดงามของสิ่งต่างๆ อย่างอาคารโรงงาน ท้องฟ้า และเสาไฟ ถึงจะดูแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่เมื่อนำมาอยู่รวมกันแล้วกลับสวยงามน่าหลงใหลไม่น้อย
**ปัจจุบันเสาไฟฟ้าได้ถูกถอนออกไปแล้ว
3 สถานที่ท่องเที่ยวในละแวก Maihama (舞浜) และ Funabashi (船橋)
1. Tokyo Disney Resort (東京ディズニーリゾート)
ตั้งอยู่ที่เขต Urayasu ใน Maihama ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “ดินแดนแห่งความฝัน” แบ่งเป็นสวนสนุก 2 ดินแดนใหญ่ๆ นั่นก็คือ Disney Land และ Disney Sea เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความฝันและความหวัง แค่ได้ไปเยือนก็ดั่งมีมนต์ขลังทำให้รู้สึกสนุกสดใสขึ้นมาในทันที จนสามารถดึงดูดผู้คนทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาเยี่ยมเยือนดินแดนเวทย์มนต์แห่งนี้กันอย่างไม่ขาดสาย ทั้งสถานที่และการแสดงอันแสนวิเศษจะทำให้คุณสามารถยิ้มได้ไปตลอดทั้งวัน
2. สวน Funabashi H.C. Andersen Park (ふなばしアンデルセン公園)
เป็นสวนยอดนิยมในเขต Funabashi ของจังหวัดชิบะ เพราะมีกังหันลมขนาดใหญ่พร้อมกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งตลอด 4 ฤดู โดยเฉพาะเมื่อถึงฤดูกาลที่ดอกทิวลิปบานที่ให้กลิ่นอายราวกับกำลังท่องเที่ยวอยู่ในประเทศเดนมาร์ก เนื่องจากสวนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม จึงทำให้มีผู้คนแวะเวียนมาเที่ยวชมความงามของทุ่งทิวลิปและกังหันลมกันอย่างไม่ขาดสาย ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ต้นซากุระกำลังบานเต็มที่ ก็จะพบกันผู้คนในเมือง Funabashi จับกลุ่มกันนั่งชมความงดงามของซากุระกันอยู่เช่นกัน
3. สวน Urayasu-shi Sogo Park (浦安市総合公園)
สวน Urayasu-shi Sogo แห่งนี้ ถ้าวันไหนที่อากาศดีๆ ก็จะสามารถมองเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของจุดจอดรถกลางทะเลอย่าง Chiba Bay Aqualine ได้ด้วย ถึงที่นี่จะเป็นสวนพักผ่อนที่ไม่ต้องเสียค่าใช้ได้ใดๆ แต่ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับผืนน้ำและสายลมผ่อนคลายได้ตลอดทั้งวัน บริเวณ Niconico Plaza ที่ตั้งอยู่ภายในสวน เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพื้นหญ้าสีเขียวชะอุ่ม สามารถใช้พื้นที่บริเวณนี้เพลิดเพลินไปกับการจัดแคมป์และปาร์ตี้บาร์บีคิวได้ในฤดูร้อน นอกจากนี้ในบริเวณสวนยังเป็นสนามสำหรับการแข่งขันขับเครื่องบิน Red Bull Air Race ที่ถ้าหากได้มาเที่ยวชมในช่วงที่มีการแข่งขันพอดี ก็คงน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
3 สถานที่ท่องเที่ยวในละแวก Choshi (銚子)
1. ประภาคาร Inubosaki Todai (犬吠埼灯台)
ประภาคารสีขาวแห่งนี้ เป็นประภาคารที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ประภาคารที่ดีที่สุดในโลก คลื่นที่ซัดสาดเข้ากับโขดหินรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดและโขดหินขนาดใหญ่ยักษ์เหล่านั้นให้บรรยากาศน่าตื่นเต้นและดึงดูด ซึ่งภาพน้ำทะเลสาดเข้าโขดหินของที่นี่ได้ถูกนำไปใข้เป็นฉากเปิดของภาพยนต์ในค่าย Toei ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง ประภาคาร Inubosaki Todai ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ยื่นออกไปในมหาสมุทร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่ที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่น ดังนั้นในวันขึ้นปีใหม่ที่นี่จึงเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเฝ้ารอชมแสงอาทิตย์แรกแห่งปี
สำหรับผู้ที่ต้องการชื่นชมธรรมชาติของประภาคาร Inubosaki Todai ไปพร้อมๆ กับการพักผ่อน สามารถแช่บ่อน้ำพุร้อนร้อนที่เปิดให้บริการอยู่โดยรอบ นอกจากนั้นยังสามารถเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพของประภาคารที่กำลังส่องแสงยามค่ำคืน พร้อมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวตั้งแต่เวลา 22:00 น. เป็นต้นไป
2. สะพาน Toyohashi (樋橋)
เสียงน้ำไหลจากสะพาน Toyohashi นี้ถือว่าเป็น 1 ใน 100 แห่งที่มีเสียงน่าฟังที่สุดในญี่ปุ่น เสียงน้ำนั้นดังกังวาลไปตามถนน Koedo เป็นสิ่งที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ชื่นชอบการฟังเสียงน้ำไหลและต้องการหาที่พักผ่อนสบายๆ
ที่นี่มีชื่อที่รู้จักในท้องถิ่นว่า "jaajaa hashi (สะพานซ่าซ่า)" เพราะมีเสียงน้ำหลั่งไหลอยู่ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นต้นหลิวที่เรียงรายอยู่ที่ริมแม่น้ำ Ono ก็ยังทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของเมืองได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในเทศกาลฤดูร้อน (Sahara no Taisai Natsu Matsuri) สุดยิ่งใหญ่ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเก่าแก่ของญี่ปุ่นได้เช่นกัน
3. ศาลเจ้า Naritasan Shinshoji (成田山新勝寺)
ศาลเจ้า Naritasan Shinshoji เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐานของเทพ Fudomyo-o (หนึ่งในเทพผู้พิทักษ์ในพระพุทธศาสนา) ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการขอพรในด้านการจับคู่และการผูกสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังลือกันว่าเทพ Aizen Myoo ที่ประดิษฐานอยู่ ณ อุโบสถ Komyodo นั้น สามารถอวยพรให้เหล่าผู้คนมีพลังในการดำเนินชีวิตอย่างแข็งขันมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ในเมือง Mozencho ยังเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย ทั้ง Naritasan Omotesando ที่เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายของยุคสมัย Edo ซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องปลาไหลซึ่งเราสามารถลิ้มรสปลาไหลสูตรพิเศษ พลางเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของเมือง Mozencho ไปพร้อมๆ กัน
3 สถานที่ท่องเที่ยวในละแวก Kujukuri (九十九里)
1. ชายหาด Kujukuri Hama (九十九里浜)
ที่ชายหาด Kujukuri Hama กลายเป็นที่รู้จักของเมือง เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากพบว่ามีภาพวาด Graffiti ที่มีชื่อว่า "Girl with Balloon" โดยศิลปินนิรนามที่ชื่อ Banksy อยู่บนกำแพงของท่าเรือประมง Katagai Fishing Port และยิ่งทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นเนื่องจากที่ชายหาด Kujukuri Hama แห่งนี้ ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ MV เพลงของศิลปินชื่อดังอย่าง Orion ของ Kenshi Yonezu และเพลง Hagan ของ Fujifabric สถานที่นี้จึงได้กลายเป็นสถานที่ที่แฟนๆ หลายคนเดินทางมาเพื่อตามรอยเพลงจากศิลปินที่ชื่นชอบ
หาดทรายเรียบไร้โขดหินความยาวกว่า 66 กิโลเมตร ถูกเชื่อมต่ออย่างสวยงามจากคาบสมุทร Taitozaki มาจนถึงแหลม Kyobe เนื่องจากอยู่ใกล้กับโตเกียว ที่นี่จึงเป็นชายหาดที่ได้รับความนิยมมากเมื่อถึงช่วงฤดูร้อน
2. ศาลเจ้า Namikiri Fudo-in (浪切不動院)
Namikiri Fudo-in เป็นศาลเจ้าที่อยู่ห่างจากสถานี JR สาย Naruto ใช้เวลาเดินเพียงแค่ 5 นาที หลังจากเดินขึ้นบันไดและผ่านประตู Niomon Gate เข้ามาแล้ว ก็จะพบกับอุโบสถสีแดงเข้มขนาดใหญ่ดูน่าเลื่อมใสตั้งตระหง่านอยู่ ระหว่างทางเดินไปอุโบสถใหญ่เราจะได้พบกับอุโบสถสำหรับประกอบพิธีแต่งงานและอุโบสถสำหรับการทำสมาธิ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีผู้คนแวะเวียนมายังศาลเจ้าแห่งนี้เป็นจำนวนมากในทุกปี
ดูเหมือนว่าอุโบสถแห่งนี้จะตั้งอยู่บนหน้าผาแนวตั้ง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในช่วงเวลาที่ก่อสร้างอุโบสถแห่งนี้ขึ้นด้านล่างของที่นี่จะเป็นพื้นที่ทะเล ซึ่งวิวด้านบนที่งดงามจากอุโบสถใหญ่จะทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ของเมือง Naruto ได้อย่างรอบทิศทาง
3. สวน Kujukuri Herb Garden (九十九里ハーブガーデン)
สวนที่เต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพรหอมๆ ช่วยผ่อนคลายแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับการจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวหรือแคมป์ปิ้งเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพื้นที่กว่า 9,000 ตารางเมตร ที่มีพร้อมทั้งลานวิ่งและพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงเพื่อให้ลูกค้าสามารถเดินทางมาพักผ่อนพร้อมกับสัตว์เลี้ยงที่รักได้ เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการมาท่องเที่ยวที่นี่คือช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน หลังจากเพลิดเพลินกับการเดินเล่นสบายๆ ในสวนแล้ว ขอแนะนำให้ลองสนุกกับการลองชิมอาหารกลางวันที่ปรุงจากสมุนไพรชนิดต่างๆ ได้ที่ร้านอาหารและคาเฟ่ของสวน ให้กลิ่นหอมของสมุนไพรของที่นี่ช่วยบำบัดความอ่อนล้าของร่างกายและจิตใจ
3 สถานที่ท่องเที่ยวในละแวก Minamiboso (南房総)
1. Tateyama Family Park (館山ファミリーパーク)
ถ้าพูดถึงช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่ Minamiboso แล้วล่ะก็คงหนีไม่พ้นการเก็บดอกไม้อย่างแน่นอน ลองแวะมาเดินเล่นสบายๆ ตั้งแต่ทุ่งดอกไม้ Chikura Shiramazu มาจนถึง Family Park ที่มีสวนดอกไม้ Hana Hiroba ขนาดใหญ่ ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคม จะมีดอกป๊อปปี้บานสะพรั่งเต็มพื้นที่ถึงกว่า 100,000 ดอกเลยทีเดียว พออากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นก็ขับรถรับลมที่ Minamiboso ไปพลางชมความงดงามของดอกไม้ตามข้างทางไปพลาง และแวะลงมาเก็บดอกไม้สวยๆ ที่ Tateyama Family Park กันเถอะ
นอกจากทุกคนที่มาท่องเที่ยวจะได้รับการบำบัดจิตใจจากดอกไม้หลากหลายสีสันแล้ว ในสวนยังมีประติมากรรมซึ่งเป็นศิลปะจากทรายที่มีขนาดกว่า 3 เมตรจัดแสดงให้ได้ชมด้วยเช่นกัน
2. ทุ่งดอกไม้ Shiramazu (白間津のお花畑)
ที่ทุ่งดอกไม้ Shiramazu แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่สามารถสนุกสนานไปกับการเก็บดอกไม้ในขณะที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นของดอกไม้และลมทะเลตลอดเส้นทางหลวงหมายเลข 410 ซึ่งในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ดอกไม้หลากหลายพันธุ์เช่นดอกป๊อปปี้ ดอกดาวเรือง หรือดอกสต๊อกจะเบ่งบานเรียงรายอย่างเต็มที่ เป็นช่วงที่เหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีร้านค้าใกล้กับสวน ที่ทุกคนสามารถแวะเวียนไปซื้อดอกไม้สดติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยได้
นอกจากนี้สถานที่ที่เรียกว่า Flower Line ยังเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ภาพท้องทะเลที่เป็นสีมรกต ต้นไม้และภูเขาที่ตัดกับสีสันของสวนดอกไม้คือความสวยงามของวิวทิวทัศน์อย่างแท้จริง
3. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kamogawa Sea World (鴨川シーワールド)
ที่พิพิธภันฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้มีทั้ง ปลาวาฬเพชฌฆาต ปลาโลมา สิงโตทะเล และปลาโลมาขาวที่หาชมได้ยากจัดแสดงอยู่ นอกจากนี้มียังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และจัดแสดงสัตว์น้ำและสัตว์ทะเลจำนวนมากกว่า 11,000 ตัวจาก 800 สายพันธุ์อีกด้วย และจุดเด่นของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้คือ ปลาวาฬเพชฌฆาต ซึ่งที่นี่เป็นเพียง 1 ใน 2 ที่ญี่ปุ่นที่สามารถหาชมปลาวาฬเพชฌฆาตแบบเป็นๆ ได้
การแสดงโชว์ของปลาวาฬเพชฌฆาตเป็นการแสดงทีได้รับความนิยมจากทุกเพศทุกวัย ซึ่งมีผู้สนใจเป็นจำนวนมากจนที่นั่งเต็มแน่นทุกรอบ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่สามารถสนุกสนานไปกับเหล่าคุณสัตว์น้ำอีกมากมายให้ได้ลองเข้าไปเที่ยวชม เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่สามารถมาเพลิดเพลินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อีกทั้งยังมีรถบัสรับส่งฟรีจากสถานี JR Awa Kamogawa จึงหมดห่วงเรื่องการเดินทางไปได้เลย
5 สถานที่ท่องเที่ยวในละแวกอื่นๆ
1. เส้นทางรถไฟ Railway Kominato (小湊鉄道)
เส้นทางรถไฟ Railway Kominato แห่งนี้ เป็นเส้นทางรถไฟท้องถิ่นของเมือง Ichihara ที่ฉลองครบรอบ 100 ปีไปเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่รักการทั้งรูปทั้งหลาย เนื่องจากมีภูมิทัศน์ที่เหมาะแก่การถ่ายภาพหลากหลายจุด อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานทีถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Manbiki Kazoku (Shoplifters) ของผู้กำกับ Kokusa Hirokazu อีกด้วย
หากต้องการนั่งรถไฟเราขอแนะนำให้ใช้รถไฟสาย Kominato เพื่อชมภาพวิวของหุบเขา Yoro ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิที่จะสามารถมองเห็นต้น Yoichiro Sakura หรือที่รู้จักกันในชื่อ Oshima sakura ที่มีอายุกว่า 100 ปีบริเวณรอบๆ สถานนี Satomi นอกจากนี้ในฤดูกาลอื่นๆ ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติตามแต่ฤดูกาลของเมือง Ichihara ด้วยรถไฟได้เช่นกัน
2. Umihotaru Parking Area (海ほたるパーキングエリア)
พื้นที่จอดรถกลางทะเลที่ตั้งอยู่ที่ Tokyo Bay Aqua Line แห่งนี้เป็นจุดเชื่อมต่อไปสู่เมือง Kawazaki จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) และเมือง Kisarazu จังหวัดชิบะ ซึ่งกลับมาเปิดใหม่อีกครั้งหลังจากการปิดปรับปรุงในเดือนเมษายน 2019 ด้านในอาคารให้บรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงเรือสำราญอันหรูหรา และสามารถหยุดพักจอดรถพลางชมภาพสวยงามของมหาสมุทรแปซิฟิกได้
ยิ่งในวันที่อากาศแจ่มใสยังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมาเที่ยวกับคู่รักเป็นอย่างยิ่ง! ซึ่งที่นี่มีความเชื่อว่าหากเสียงของ “ระฆังแห่งความสุข” ดังขึ้นในขณะที่กำลังคิดถึงคนสำคัญ ความรักของทั้งคู่อาจจะสมหวังก็เป็นได้
3. Country Farm Tokyo German Village (東京ドイツ村)
เป็นสวนสนุกสร้างขึ้นมาจากแนวความคิดที่อยากสร้างหมู่บ้านชนบทของเยอรมันขึ้นในเมือง Sodegaura ของจังหวัดชิบะ ซึ่งในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะงดงามไปด้วยแสงไฟสวยงามของงานประดับไฟ illumination ในหมู่บ้านเยอรมัน! ซึ่งที่นี่เป็นจุดแสดงการประดับไฟ illumination และชมวิวยามค่ำคืนที่สวยงามติดอันดับ 1 ใน 3 ของภูมิภาคคันโต
ที่นี่ได้มีโอกาสต้อนรับทั้งเหล่านักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัว เหล่าคู่รัก หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ซึ่งอีกหนึ่งจุดสำคัญที่หลายคนสนใจ คือการชมดอกไม้ภายในสวน ที่จะมีดอกไม้ตามฤดูกาลสวยงามเบ่งบานตลอดทั้งปี ซึ่งเราขอแนะนำกิจกรรมปาร์ตี้บาร์บีคิวแสนอร่อยในช่วงฤดูร้อน และชมดอกไม้ไฟอันแสนงดงามในช่วงฤดูหนาวพร้อมกับอากาศเย็นสบาย
4. เกาะ Niemon-jima (仁右衛門島)
เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวะชิบะ ซึ่งสามารถเดินทางได้จาก เขต Futomi เมือง Kamogawa ได้โดยใช้เรือพายประมาณ 5 นาที มีพื้นที่ประมาณ 30,000 ตารางเมตร ซึ่งเกาะแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมวิวอันงดงามของญี่ปุ่น เกาะแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับ Minamoto Yorimoto (โชกุนคนแรกของคามาคุระ) เช่นเรื่องหลุมหลบภัยแห่งแรกที่ Inari Daimyojin ซึ่งว่ากันว่าตระกูล Hirano ที่เคยให้ความช่วยเหลือ Minamoto Yorimoto ในครั้งอดีตก็ยังคงอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้เช่นกัน
บนเกาะที่มีดอกไม้บานตลอดทั้งปีแห่งนี้ เราสามารถเพลิดเพลินไปกับการว่ายน้ำและเก็บหอยตามชายฝั่ง นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Yomogijima Benzai-ten no Hokora หรือศาลข้างทาง ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานเทพเจ้าแห่งการมีอายุยืนยาว ดังนั้นจึงมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาขอพรเพื่อความรุ่งเรืองและอายุยืนยาวอย่างไม่ขาดสาย
5. เขา Nokogiriyama (หน้าผา Jigoku Nozoki)
เขา Nokogiriyama แห่งนี้ เป็นหน้าผาสูงชันในจังหวัดชิบะ เป็นจุดชมวิวที่สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของการฝึกฝนพลังแบบชาวพุทธ ซึ่งมีหอสังเกตการณ์ที่มีลักษะคล้ายกับใบเลื่อยเช่นเดียวกับชื่อของเขาแห่งนี้ (คำว่า 鋸 Nogiri ที่เป็นชื่อของผาแปลว่า ใบเลื่อย) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งของรูปปั้นพระอรหันต์ 1,500 องค์ รูปปั้นพระพุทธรูป Hyakukaku Kannon และพระพุทธรูปหินต่างๆ นอกจากนี้ยังมีซากปรักหักพังของเมืองที่สร้างจากหินเรียกว่า กำแพง Laputa ที่ผู้คนมากมายต่างแวะเวียนมาเยี่ยมชม
ที่วัด Nihonji ที่กินพื้นที่ปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา เป็นจุดแนะนำสำหรับการถ่ายภาพด้วยโดรน ถึงแม้จะเป็นเส้นทางสำหรับปีนเขา แต่ก็น่าจะเป็นความคิดที่ดีที่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศกลางแจ้งและสามารถชาร์จพลังที่มาจากธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
ถึงเวลาไปเที่ยวจังหวัดชิบะกันแล้ว!
ที่ชิบะไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่แสนดึงดูดมากมายในทุกฤดูกาล ด้วยวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่ไม่ค่อยได้พบเจอตามปกติจะนำพาความอ่อนโยนของธรรมชาติมาสู่หัวใจของคุณ ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะมาเที่ยวชมชิบะ จังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวกันนะ
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทาง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
บทความนี้ได้รับอนุญาตให้ทำการแปลและเผยแพร่จาก SPIRA (ในอดีตคือ Relux Magazine)
คุณสามารถจองโรงแรมผ่าน Relux (บริหารจัดการโดย SPIRA) ได้ ที่นี่!!
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่