จุดท่องเที่ยว 20 แห่งในเมกุโระที่ต้องโดนหากมีโอกาสได้ไปเมกุโระ!
เมืองเก๋ๆ อย่างเมกุโระนั้นมีจุดชมซากุระอันโด่งดังอย่างแม่น้ำ Megurokawa และคาเฟ่ชิคๆ อีกมากมายหลายแห่ง ในวันนี้เราได้คัดสรรจุดที่อยากให้ทุกท่านได้มีโอกาสไปสัมผัสหากได้ไปที่เมกุโระมาแนะนำทุกท่านกันครับ! แถมยังมีจุดที่คนไม่ค่อยจะรู้จักกันอยู่หลายจุดมาแนะนำอีกด้วย เก็บข้อมูลกันไว้เยอะๆ นะครับ
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
จุดท่องเที่ยวชื่อดัง 10 แห่งของเมกุโระ
1. แม่น้ำ Megurokawa
"แม่น้ำ Megurokawa" เป็นแม่น้ำที่ชาวเมืองคุ้นเคยกันดีเพราะไหลเชื่อมต่อตั้งแต่เขต Setagaya ไปจนถึงเขต Shinagawa ในฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระที่ตั้งเรียงรายอยู่สองฝั่งของแม่น้ำจะเบ่งบานออกดอกเต็มที่ทำให้เป็นหนึ่งในจุดชุมซากุระชื่อดังแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย เมื่อถึงฤดูกาลนั้นเหล่าร้านชื่อดังต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงจะพากันมาออกร้านแผงลอยและร้านรถเข็นต่างๆ ทำให้นักท่องเที่ยวมากันจนมืดฟ้ามัวดิน ถนนแน่นขนัดจนแทบจะเดินผ่านไม่ได้เลยทีเดียว
บริเวณใกล้ๆ แม่น้ำ Megurokawa ยังมีร้านอาหารและร้านเสื้อผ้าตั้งเรียงรายกันอยู่เป็นจำนวนมาก ยิ่งฤดูซากุระด้วยแล้วร้านจะยิ่งแน่นจนแทบจะจองที่นั่งไม่ได้กันเลยทีเดียวครับ แต่ถ้าไปช่วงที่ไม่ใช่ฤดูซากุระแล้วล่ะก็ ร้านก็พอจะมีที่ว่างให้ลูกค้าเข้าไปใช้บริการโดยไม่ต้องจองอยู่เหมือนกัน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ยังสามารถมาชมใบไม้แดงอันสวยงามที่นี่ได้อีกด้วยครับ!
2. พิพิธภัณฑ์จดหมายเหตุเมกุโระ
"พิพิธภัณฑ์จดหมายเหตุเมกุโระ" เป็นหอจดหมายเหตุที่สามารถค้นคว้าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมกุโระได้ โดยเก็บหลักฐานสำคัญตั้งแต่ยุคหินเก่ามาจนถึงยุคปัจจุบันเอาไว้ให้ศึกษา คุณสามารถที่จะสัมผัสกับประวัติศาสตร์แต่ละยุคได้ตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงทางออกเลยทีเดียว! นอกเหนือจากนี้ยังมีนิทรรศการจำลองให้ได้ลองทำอะไรหลายอย่างอีกด้วย จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถจะสนุกได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ทีเดียวครับ
นอกจากอุปกรณ์ที่ทำจากหินและดินแล้ว ยังมีข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านต่างๆ ไปจนถึงเสื้อผ้าแนวตะวันตกต่างๆ มาจัดแสดงอีกด้วย ที่นี่จึงเหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจประวัติศาสตร์ไม่ใช่แค่เพียงชาวเมืองเมกุโระเท่านั้น
3. ร้านหนังสือ TSUTAYA Nakameguro
"ร้านหนังสือ TSUTAYA Nakameguro" เป็นคาเฟ่ที่อยู่ในอาคารสถานี Nakameguro ภายในร้านเต็มไปด้วยหนังสือและนิตยสารตั้งเรียงรายกันอยู่เก๋ๆ ข้างในยังมีร้านสตาร์บัคส์ให้สามารถนั่งละเลียดเครื่องดื่มชิลๆ ไปพลางอ่านหนังสือไปพลางได้อีกด้วย
ภายในร้านแบ่งออกเป็น 4 พื้นที่ ได้แก่ "MEET" "TALK" "WORK" "SHARE" โดยมีการตกแต่งภายในรวมถึงจัดหนังสือที่เหมาะสมกับหัวข้อแต่ละพื้นที่อีกด้วย จะไปคนเดียวหรือจะไปกับเพื่อนๆ หาที่นั่งเล่นเหมาะๆ ก็ยังได้ เนื่องจากร้านเปิดถึงกลางดึก ลองแวะมานั่งพักกันหลังอาหารมื้อเย็นดีไหมครับ?
4. อดีตคฤหาสถ์ญี่ปุ่นของมาร์ควิสมาเอดะ
"อดีตคฤหาสถ์ญี่ปุ่นของมาร์ควิสมาเอดะ" เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะโคมาบะ โดยเป็นคฤหาสถ์หลักของตระกูลมาเอดะซึ่งเคยเป็นเจ้าครองแคว้น Kaga เก่า คฤหาสถ์ญี่ปุ่นแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมญี่ปุ่นให้แก่แขกชาวต่างชาติโดยสถาปนิกในสมัยนั้นเป็นผู้ออกแบบและสร้างขึ้น
จุดท่องเที่ยวแห่งนี้ยังได้รับการลงทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมประจำชาติอีกด้วย ที่บริเวณชั้น 1 เป็นจุดที่เปิดให้เข้าชมได้ ภายในห้องโถงถูกประดับประดาอย่างปราณีตทำให้เราสามารถสัมผัสบรรยากาศความเป็นอยู่ของชนชั้นสูงในสมัยนั้นได้ สวนที่สวยจนแทบลืมหายใจตรงส่วนกลางบ้านนั้นสามารถมองเห็นได้จากห้องโถงใหญ่ที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ อยากให้ทุกคนไปลองชมบ้านหลังนี้ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสดูนะครับ จะเป็นการท่องเที่ยวคนเดียวหรือจะเที่ยวรวมกันของสาวๆ ก็สนุกได้เหมือนกัน
5. พิพิธภัณฑ์วรรณกรรมร่วมสมัยญี่ปุ่น
"พิพิธภัณฑ์วรรณกรรมญี่ปุ่นร่วมสมัย" เป็นพิพิธภัณฑ์วรรณกรรมไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่จัดเก็บผลงานล้ำค่าเอาไว้เป็นจำนวนมาก โดยสามารถเข้าใช้บริการได้เฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปเท่านั้น ที่นี่มีบรรยากาศเคร่งขรึมและเงียบสงบเหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะสัมผัสความรู้ด้านวรรณกรรมญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง เหล่านักท่องเที่ยวต่างประเทศเองก็มาเที่ยวชมที่นี่จำนวนไม่น้อยอีกด้วย
ภายในพิพิธภัณฑ์วรรณกรรมญี่ปุ่นร่วมสมัยนั้นยังมีร้านคาเฟ่ยอดนิยมที่ชื่อว่า BUNDAN COFFEE&BEER อีกด้วย เมนูภายในร้านยังเป็นที่ชวนให้เข้าไปลองชิมอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานวรรณกรรมอีกด้วย ลองเข้าไปอ่านหนังสือให้จุใจไปพร้อมๆ กับจิบชากันดูสิครับ?
6. โบสถ์คาธอลิคไฮมองยะ
"โบสถ์คาธอลิคไฮมองยะ" นั้นเป็นโบสถ์ที่มีลักษณะภายนอกอันสวยงามจากอาคารที่หรูหราโอ่อ่าสีขาว ภายในโบสถ์ยังมีบรรยากาศไม่เหมือนอยู่ในญี่ปุ่นเลยทีเดียว บนเพดานมีภาพวาดเฟรสโกและกระจกหลากสีตกแต่งอย่างสวยงามให้ได้ชื่นชม จากความสวยงามของสถานที่ทำให้ศิลปินและนักแสดงหลายคนเลือกมาจัดงานแต่งงานขึ้นที่นี่อีกด้วย ที่โบสถ์แห่งนี้ยังมีชื่อเรียกว่าโบสถ์ซาเรจิโอ แต่ชื่ออย่างเป็นทางการนั้นถูกตั้งโดย Catholic Tokyo Daishi Kyoku
ปัจจุบันได้ถูกรวมเข้ากับพิพิธภัณฑ์โตเกียว โดยมีการประดับแบบจำลอง "ซานตามาเรียแห่งเอโดะ" เอาไว้อีกด้วย จะลองไปดูภาพวาดที่ทำให้เราได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ของคาธอลิคในประเทศญี่ปุ่นกันดูไหมครับ?
7. วัด Ryusenji(โบสถ์ Fudo Meguro)
"วัด Ryusenji" มีอีกชื่อว่าโบสถ์ Fudo Meguro โดยเป็นหนึ่งในห้าวัด Fudo ห้าสีที่ Iemitsu Tokugawa เลือกเข้าไปสักการะบวงสรวงฟ้าดินอีกด้วย วัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 808 โดยมหาเถระ Jikaku
วัด Ryusenji ยังเป็นที่นิยมของเหล่าสุภาพสตรีในฐานะจุดเสริมดวงชะตาอีกด้วย ว่ากันว่าหากมาสักการะขอพรที่นี่แล้วไม่ว่าขอสิ่งใดก็จะสมตามประสงค์! ภายในวัดยังมีพื้นที่กว้างขวางสามารถเดินเล่นได้ไม่รู้เบื่อ! แถมยังเป็นที่ที่เหมาะสำหรับให้คู่รักไปเดทกันด้วยนะครับ
8. สวนสาธารณะ Shimizuchi
"สวนสาธารณะ Shimizuchi" เป็นสวนที่ได้รับความนิยมจากชาวเมืองเมกุโระเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีทั้งที่ตกปลาแบบไม่เสียค่าบริการและที่ออกกำลังกายฟรี ภายในสวนยังมีส่วนที่เป็นพื้นที่ธรรมชาติอยู่เยอะ แถมโซนออกกำลังกายยังมีพื้นที่กว้างขวาง สามารถไปเที่ยวเล่นกับเด็กๆ ได้อย่างจุใจอีกด้วย
ในส่วนจุดตกปลาภายในสวนนั้นยังสามารถตกปลาได้หลากหลายชนิด เช่น Herabuna และอื่นๆ แต่ที่นี่ไม่มีบริการการให้เช่ายืมเบ็ดตกปลานะครับ หากจะมาด้วยรถยนต์ที่นี่ก็มีบริการที่จอดรถฟรีอีกด้วยครับ!
9. สวนเดินเล่นกลางแจ้งเมกุโระ
"สวนเดินเล่นกลางแจ้งเมกุโระ" เป็นสวนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จุดพักรถของทางด่วนกลางเมือง โดยสวนมีลักษณะเป็นพื้นที่วงกลมอยู่บนจุดพักรถทางด่วน แม้จะตั้งอยู่บนดาดฟ้าอาคารแต่ก็มีการปลูกต้นไม้เอาไว้จนเต็มให้เราได้เดินเล่นชมสวนด้วยบรรยากาศสบายๆ
เส้นทางภายในสวนสาธารณะมีความยาวราว 400 เมตรถือเป็นพื้นที่ที่กว้างพอสมควร นอกจากนั้นที่นี่ยังมีกฎละเอียดๆ หลายอย่าง เช่น การห้ามเล่นฟุตบอล แต่ก็ยังเป็นจุดท่องเที่ยวที่สามารถให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นได้อย่างเพลิดเพลินอีกด้วย
10. Starbucks Reserve Roastery Tokyo
"Starbucks Reserve Roastery Tokyo" เปิดในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 โดยถือเป็นร้านลำดับที่ 5 จากทั่วโลก ภายในยังมีเครื่องคั่วกาแฟซึ่งช่วยให้คุณได้ลิ้มรสกาแฟจากเมล็ดที่คั่วเสร็จใหม่ๆ แถมยังมีเค้กและเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่สามารถหาดื่มที่ร้านสตาร์บัคส์ทั่วไปได้อีกด้วย
ภายใน Reserve Roastery ยังมีร้าน TEAVANA ซึ่งจำหน่ายชาฝรั่ง หรือจะเป็นร้านเบเกอรี่ PRINCI BAKERY ที่จำหน่ายขนมปัง และ ARRIVIAMO bar การตกแต่งภายนอกเป็นฝีมือของสถาปนิกชื่อก้องชาวญี่ปุ่น Kengo Kuma ที่สวยงามจนจะทำให้คุณจ้องจนไม่วางตา ส่วนใหญ่แล้วมักจะต้องใช้เวลารอถึง 2-3 ชั่วโมง จึงทำให้อาจจะต้องเผื่อเวลาไปรอหน่อยนะครับ
จุดท่องเที่ยวแนะนำอื่นๆ บริเวณรอบสถานีเมกุโระ
1. สวนธรรมชาติบ้านโบราน Miyano
"สวนธรรมชาติบ้านโบราน Miyano" เป็นสถานที่ที่จะแสดงให้คุณเห็นภาพการใช้ชีวิตในสมัยเอโดะ ตัวบ้านหลังใหญ่นั้นถูกลงทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ประจำเมืองเมกุโระ พื้นที่ภายในสวนนั้นเป็นพื้นที่ที่คงบรรยากาศในสมัยเอโดะเอาไว้มีบรรยากาศเต็มไปด้วยมนต์ขลัง แถมยังมีไกด์นำชมภายในทำให้สามารถที่จะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้อย่างเต็มอิ่ม! ถือเป็นจุดพักผ่อนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก
ภายในสวนยังมีอุปกรณ์การเกษตรและอุปกรณ์การใช้ชีวิตประจำวันตั้งแต่สมัยเอโดะอีกด้วย เนื่องจากมีไกด์คอยอธิบายอย่างดีทำให้สามารถเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้อย่างแน่นอน คนก็ไม่ได้เยอะบรรยากาศเงียบสงบชิลๆ อีกด้วยครับ
2. สวนสาธารณะนากะเมกุโระ
"สวนสาธารณะนากะเมกุโระ" เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองเมกุโระ พอเข้าวันหยุดมักจะเต็มไปด้วยครอบครัวที่พาเด็กๆ มาวิ่งเล่น ปิคนิคหรือคู่รักและกลุ่มเพื่อนที่มาใช้เวลาเดินเล่นกัน ที่สวนสาธารณะแห่งนี้นั้นยังมีพื้นที่สำหรับเด็กอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นอ่าง Jabujabu Ike และบ่อโชว์สัตว์ต่างๆ มากมาย ยังไงก็ลองแวะไปเที่ยวดูสักครั้งนะครับ!
ในสวนสาธารณะนากะเมกุโระนั้นเป็นจุดท่องเที่ยวที่ชาวเมืองเมกุโระทั้งหญิงชายหนุ่มสาวและผู้สูงอายุต่างก็สามารถใช้เวลาได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนั้นภายในยังมีสวนดอกไม้ที่ชาวเมืองช่วยกันเพาะปลูกอีกด้วย แค่เข้าไปเดินเล่นโดยไม่ต้องคิดอะไรมากก็สามารถฟื้นฟูความเหนื่อยล้าได้แล้วล่ะครับ ในฤดูใบไม้ผลิยังถือเป็นหนึ่งในสถานที่ชมดอกซากุระอันโด่งดังอีกด้วย
3. พิพิธภัณฑ์ศิลป์ Kume
"พิพิธภัณฑ์ศิลป์ Kume" สามารถเดินได้จากสถานีเมกุโระโดยใช้เวลาเพียงนาทีเดียว ที่นี่ยังเป็นสถานที่อันโด่งดังซึ่งจัดแสดงประวัติศาสตร์ของ Kunitake Kume และลูกชายของเขา Keiichiro Kume อีกด้วย แถมที่นี่ยังมีนิทรรศการที่จัดแสดงอัตชีวประวัติของ Keiichiro Kume อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการหมุนเวียนสับเปลี่ยนไปมาให้ไม่รู้เบื่ออีกด้วย ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะขนาดกะทัดรัด ลองหาเวลาว่างๆ ไปแวะเยี่ยมชมระหว่างมื้ออาหารหรือตอนช้อปปิ้งกันดูนะครับ
4. พิพิธภัณฑ์ศิลปะสวนกลางกรุงโตเกียว
"พิพิธภัณฑ์ศิลปะสวนกลางกรุงโตเกียว" นั้นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงานศิลปะสวนธรรมชาติเอาไว้ เดิมทีพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นคฤหาสถ์ของ Asaka no Miya ในปี 1933 โดยต่อมาได้ถูกปรับปรุงใหม่ขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะดังปัจจุบัน ช่วงที่ถูกตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ใหม่ๆ นั้นยังโด่งดังในฐานะอาคารทัศนศิลป์ นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ศิลปะสวนกลางกรุงโตเกียวยังถูกลงทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอีกด้วย
หลังจากการก่อสร้างปรับปรุงใหม่ในเดือนพฤศจิกายนปี 2014 ในตอนนี้สามารถใช้แอพพลืเคชั่นมือถือคอยแนะนำสิ่งต่างๆ ภายในอาคารได้ ไกด์ที่ประจำแต่ละพื้นที่ก็คอยแนะนำสถานที่ให้เข้าใจง่ายด้วยครับ! นอกจากชมศิลปะแล้วที่นี่ยังเหมาะสำหรับการเดทของคู่รักอีกด้วยครับ
5. วัดไดเอ็นจิ
"วัดไดเอ็นจิ" นั้นว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นโดยการถางเส้นทางลาด Gyojinsaka โดยพระมหาเถระ Taikai Hoin ในปี 1624 ต่อมาในปี 1772 ที่มหาวิหารได้เกิดไฟไหม้ขึ้น ทำให้อาคารบ้านเรือนแถบนั้นถูกไฟไหม้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมากในสมัยเอโดะ จึงได้สร้างวัดไดเอ็นจิเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกและสักการะเหยื่อในเหตุการณ์นั้น
วัดไดเอ็นจิยังเป็นที่โด่งดังในเรื่องจุดเสริมดวงชะตาของเมกุโระ ภายในเขตอารามยังมี "พระพุทธรูป Toroke Jizo" ที่คอยปัดเป่าความทุกข์ยาก หรือพระพุทธรูปพระไภษัชยคุรุซึ่งคอยปัดเป่าอาการเจ็บป่วยต่างๆ ของร่างกายโดยการปิดแผ่นเปลวบนสังขารของพระพุทธรูปอีกด้วย นอกจากนี้ในภาพยังเป็นภาพแผ่นศิลาของ Yaoya Oshichi Kisso ซึ่งให้พรในเรื่องของการสมหวังกับคู่ครองอีกด้วย
จุดท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก 5 แห่งของเมืองเมกุโระ
1. โรงแรม Hotel Gajoen Tokyo
"โรงแรม Hotel Gajoen Tokyo" เป็นสิ่งปลูกสร้างเอนกประสงค์ที่รวมทั้งสถานที่จัดงานแต่งงาน ภัตตาคารและโรงแรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานไว้ในแห่งเดียวกัน ภายในยังมีประตู "Maneki no Daimon" ที่ถูกนำไปใช้เป็นโมเดลในเรื่อง Spirited away และบันไดวัด "Hyakudan Kaidan(บันไดร้อยขั้น)" ที่ถูกประกาศให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอีกด้วย
Hyakudan Kaidan นั้นเป็นบันไดที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1935 ในตัวอาคาร ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในการจัดงานเทศกาลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นอีกด้วย ที่นี่ยังมี Earphone Guide ราคา 500 เยนให้เช่ายืมเพื่อฟังคำอธิบายเกี่ยวกับสมบัติทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ต่างๆ อีกด้วย
2. PEANUTS Cafe
"PEANUTS Cafe" เป็นคาเฟ่ยอดนิยมของเมกุโระที่ต้องจองผ่านอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ที่คาเฟ่นี้ได้เปิดทำการหลังการปรับปรุงใหม่ในเดือนมีนาคมปี 2019 เมนูส่วนใหญ่ของร้านมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหมาน้อยสนูปปี้แสนน่ารักที่ทุกคนต่างชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มหรืออาหารก็มีอะไรๆ ที่เกี่ยวข้องกับสนูปปี้ซ่อนอยู่รอให้เราไปค้นหากันครับ!
แถมที่นี่ยังมีจานและสินค้าอื่นๆ ที่มีรูปวาดสนูปปี้เก๋ๆ วางขายอยู่ด้วยครับ ภายในคาเฟ่เองก็ตกแต่งด้วยสรูปปี้น่ารักๆ ไปทั่วทำให้สามารถถ่ายรูปไปอวดในโซเชียลเน็ตเวิร์คได้เกือบทุกมุมร้านเลยทีเดียว! คาเฟ่น่ารักขนาดนี้ต่อให้ไม่ใช่แฟนๆ ของสนูปปี้ก็ยังเข้าไปเที่ยวชมได้อย่างสนุกสนานแน่นอนครับ!
3. สวนสาธารณะ Saigoyama Koen
"สวนสาธารณะ Saigoyama Koen" นั้นเป็นสวนที่ใช้พื้นที่คฤหาสถ์ของ Tsugumichi Saigo ซึ่งเป็นน้องชายของ Takamori Saigo มาทำเป็นสวนสาธารณะ ในสวนยังมีน้ำตกจำลอง จุดชมวิวและจุดท่องเที่ยวให้ชมอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีสนามหญ้ากว้างขวางเหมาะกับการไปปิคนิคอีกด้วยครับ!
จากจุดชมวิวภายในสวนนั้นสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ในวันที่อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส จุดชมวิวนี้ตั้งอยู่บนเนินจึงทำให้มองเห็นทิวทัศน์ได้อย่างสวยงาม ทิวทัศน์ยามค่ำคืนก็เช่นกัน สวนแห่งนี้ยังเป็นจุดที่ใช้ถ่ายทำละครทีวีมากมายอีกด้วย
4. ร้านขนมปัง Meguro Yagumo Mushipan
"ร้านขนมปัง Meguro Yagumo Mushipan" มีขนมปังนึ่งอยู่หลายสิบชนิดวางจำหน่ายอยู่ด้วยกัน ขนมปังนึ่งที่นี่ก็อร่อยไม่แพ้ใคร มีความนุ่มหนึบหนับเคี้ยวอร่อยด้วยครับ ช่วงเย็นมักจะเป็นช่วงที่ขายจนหมดจึงควรจะรีบไปเข้าเสียแต่เนิ่นๆ
ขนมปังที่นี่มีทั้งรสคาราเมล ช็อคโกแลต แกงกะหรี่วางจำหน่าย แต่รสชาติแนะนำคือขนมปังนึ่งรสพิซซ่าครับ บนขนมปังนุ่มหนึบโรยซอสพิซซ่าและเครื่องเคียงรสจัดจ้านด้านบน ทั้งเข้มข้นทั้งอร่อยเลยล่ะครับ!
5. พิพิธภัณฑ์ปรสิต Meguro Kiseichu
"พิพิธภัณฑ์ปรสิต Meguro Kiseichu" เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในเมกุโระซึ่งจัดแสดงปรสิตชนิดต่างๆ โดยถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงปรสิตเพียงแห่งเดียวในโลก จากความแปลกประหลาดนี้ทำให้ไม่ได้มีเพียงนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังคงมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเที่ยวชมกันเลยทีเดียว ที่นี่ยังไม่เก็บค่าบริการสำหรับเข้าชม และมีสินค้าที่ระลึกต่างๆ วางจำหน่ายในแต่ละจุดของพิพิธภัณฑ์อีกด้วย
งานที่นำมาจัดแสดงก็มีทั้งปรสิตแช่ฟอร์มาลีนและภาพถ่ายต่างๆ แถมยังมีตู้ล็อคเกอร์ให้ฝากของเพื่อเดินทัศนศึกษาได้อย่างสบายใจอีกด้วย ของจัดแสดงบางอย่างก็ดูแปลกประหลาดดี แต่สำหรับคนที่มีความสนใจในปรสิตวิทยาแล้วที่นี่ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
เมกุโระเมืองสมัยใหม่บรรยากาศเก๋ๆ
เป็นยังไงกันบ้างครับ? ในเมกุโระนั้นนอกจากจะมีคาเฟ่เก๋ๆ กับจุดท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักแล้ว ยังมีศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและแลนด์มาร์คจุดท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นยังเป็นช่วงที่คุณจะได้ประทับใจกับดอกซากุระริมสองข้างทางของแม่น้ำ Megurokawa อีกด้วย! แถมที่นี่ยังคงมีจุดท่องเที่ยวใหม่ๆ อีกมากมาย เช่น Starbucks Reserve Roastery Tokyo คนที่เคยไปแถบเมกุโระแล้วก็ยังสามารถจะไปสัมผัสกับที่เที่ยวใหม่ๆ ในช่วงปีนี้ได้อีกด้วย ที่นี่เองก็ไม่ได้ห่างจากใจกลางเมืองมากนัก หากมีโอกาสไปโตเกียวก็ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะครับ!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทาง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
บทความนี้ได้รับอนุญาตให้ทำการแปลและเผยแพร่จาก SPIRA (ในอดีตคือ Relux Magazine)
คุณสามารถจองโรงแรมผ่าน Relux (บริหารจัดการโดย SPIRA) ได้ ที่นี่!!
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่