21 แลนด์มาร์คน่าเช็คอินเมื่อมาเยือนโยโกฮาม่า
โยโกฮาม่า เมืองที่ความทันสมัยผสานเข้ากับประวัติศาสตร์อันละเอียดอ่อนของประเทศญี่ปุ่นเข้าอย่างลงตัว ตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นปิดประเทศมาอย่างยาวนาน หลังจากเปิดประเทศอีกครั้ง โยโกฮาม่าก็ได้กลายเป็นดั่งประตูสำคัญที่เปิดรับการติดต่อและรักษาความสัมพันธ์กับต่างประเทศเรื่อยมา ในวันนี้ เราขอเชิญทุกท่านตามมาดูร่องรอยความเปลี่ยนแปลงในอดีต ผ่านสถานที่ 21 แห่งในบทความนี้ ที่ยังคงเสน่ห์ของโยโกฮาม่าให้เห็นสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. สวนลอยฟ้า Sky Garden บนตึก Landmark Tower
Takashi Hososhima/FlickrSky Garden ณ โยโกฮาม่าแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้นที่ 69 ของตึก Landmark Tower ที่ความสูง 273 เมตรเหนือพื้นดิน นับเป็นสวนลอยฟ้าที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งลิฟต์ที่นำท่านขึ้นสู่สวนลอยฟ้าแห่งนี้ ก็เป็นลิฟต์ที่มีความยาวสูงสุดในญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน โดยใช้เวลาเพียง 40 วินาทีจากชั้น 2 ก็สามารถมาถึงแลนด์มาร์คสำคัญของโยโกฮาม่าที่ชั้น 69 ได้
จุดชมวิวที่มองได้รอบ 360 องศานี้ ไม่เพียงเผยทิวทัศน์ของโตเกียวทาวเวอร์และบรรดาตึกสูงในชินจูกุอย่างเดียวเท่านั้น เพราะท่านยังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ในวันที่อากาศดีอีกด้วย สำหรับท่านที่มองหาจุดถ่ายรูปพาโนราสวยๆ ล่ะก็ต้องให้คะแนนเต็มกับที่นี่เลย
เว็บไซต์: www.yokohama-landmark.jp/web/english/
เว็บไซต์: www.yokohama-landmark.jp/web/chinese_02/ (ภาษาจีน)
ที่ตั้ง: 2-2-1, Minatomirai, Nishi-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
2. สวนสาธารณะยามาชิตะ (Yamashita Park)
naitokz/Flickrสวนสาธารณะยามาชิตะ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะแห่งที่เก่าแก่ที่สุดในโยโกฮาม่านี้ ได้รวบรวมเอาความหลากหลายทางวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ มาให้ชื่นชมกัน ไม่ว่าจะ "รูปปั้นเทวดาผู้พิทักษ์น้ำ" ที่ได้รับมาจากเมืองพี่เมืองน้องอย่างเมือง Sandiego ในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ "หอคอยเก็บน้ำอินเดีย" ที่สมาคมคนอินเดียในประเทศญี่ปุ่นบริจาคมาให้ ก็ล้วนถูกประดับอยู่ตามจุดต่างๆ ในสวน
ด้วยม้านั่งที่มีให้บริการจำนวนมาก ไม่ต้องแย่งกันจับจอง จึงสามารถใช้เวลาผ่อนคลายอย่างสบายๆ กับทิวทัศน์ที่หากมองลอดผ่านราวจับออกไป จะมองเห็นเหล่าสัตว์น้ำแหวกว่ายอยู่ในผืนทะเลสดใส นอกจากนี้แล้ว สวนดอกกุหลาบที่มีชื่อเสียงของที่นี่ มีกุหลาบงามกว่า 2,600 ต้นที่พร้อมเบ่งบานให้เชยชมกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน) อีกด้วย
เว็บไซต์: www.yokohamajapan.com/things-to-do/yamashita-park/
เว็บไซต์: www.welcomeyokohama.com/tc/jingdian_nr.php?id=1010 (ภาษาจีน)
ที่ตั้ง: 279 Yamashita-cho, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
3. ถนนช็อปปิ้งสตรีท Motomachi (Motomachi Shopping Street)
Jun Takeuchi/Flickrการเปิดท่าเรือโยโกฮาม่าในปี 1859 นั้น นอกจากจะนำพาชาวต่างชาติมาลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่กันมากมายแล้ว ยังนำมาซึ่งชอปปิ้งสตรีทโมโตะมาจิแห่งนี้อีกด้วย โดย 3 ร้านเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานของที่นี่ ได้แก่ Kitamura (キタムラ) Fukuzo (フクゾー) และ Mihama (ミハマ)
แบรนด์กระเป๋าที่เปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 1882 อย่าง Kitamura นั้น มีจุดเด่นอยู่ที่ "ความอบอุ่นใจดี ความน่ารักสดใส และคุณภาพชั้นเลิศ" ความประณีตในทุกรายละเอียดตั้งแต่ดีไซน์ สีสัน วัสดุที่เลือกใช้ ไปจนถึงราคาที่เหมาะสมล้วนถูกสื่อผ่านโลโก้ตัว K ที่สาวญี่ปุ่นทั่วประเทศต่างหลงรัก
"Fukuzo" แบรนด์เสื้อผ้าที่ยังคงคุณภาพชั้นเลิศไม่เปลี่ยนแปลงจากครั้งเปิดกิจการเมื่อปี 1946 ตั้งแต่การถักทอเส้นด้าย ย้อมสีผ้า ไปจนถึงการตัดเย็บที่ประณีตบรรจง สรรค์สร้างอย่างละเอียดด้วยมือทุกขั้นตอนแม้กระทั่งการเย็บกระดุม สินค้าทุกชิ้นมีลายถักรูปม้าน้ำแสดงถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์
และสุดท้าย "Mihama" ร้านรองเท้าที่ผลิตพื้นรองเท้าจากเนื้อไม้ที่หลากหลายกว่า 300 ชนิด ส่งต่อความชำนาญผ่านช่างฝีมือเปี่ยมทักษะมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น
เว็บไซต์: www.motomachi.or.jp/en/
เว็บไซต์: www.motomachi.or.jp/cn/ (ภาษาจีน)
ที่ตั้ง: 1 Motomachi, Naka-ku, Yokogama-shi, Kanagawa (Google Map)
4. พิพิธภัณฑ์ราเมงชินโยโกฮาม่า (Shin-Yokohama Ramen Museum)
cyberwonk/Flickrแม้เดิมทีราเมงจะเคยเป็นอาหารดั้งเดิมของประเทศจีน แต่เมื่อถูกนำมาเติมเต็มด้วยลักษณะเฉพาะตัวแล้ว ปัจจุบันราเมงก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของอาหารญี่ปุ่น แค่น้ำซุปเพียงอย่างเดียวก็กลมกล่อมด้วยเนื้อหมู เนื้อไก่ แต่งแต้มด้วยรสของเกลือ มิโสะและโชยุ ส่วนเส้นราเมงก็มีทั้งหนานุ่มและเรียวบาง แตกต่างกันไปตามตำรับของแต่ละภูมิภาคในญี่ปุ่น ที่ที่ได้รวมไว้ซึ่งทุกรายละเอียดของอาหารประจำชาติชนิดนี้ก็คือที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งนี้นี่เอง
ที่นี่มีชั้นจำลองที่ท่านสามารถชมบรรยากาศของร้านที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นช่วงปี 1950 ได้ อีกทั้งที่นี่ยังมีเมนูวีแกนและเมนูสำหรับท่านที่ทานมังสวิรัติอีกด้วย นอกจากนี้ ที่ชั้น 1 ยังมีร้านขายขนมรับประทานเล่นราคาเบากระเป๋า ที่รับรองว่าคุณหนูๆ ต้องถูกใจ แถมยังชวนให้หวนนึกถึงวัยเด็กอีกด้วย หากไม่ลองสักคำจะเสียดายเอานะคะ
เว็บไซต์: www.raumen.co.jp/english/
เว็บไซต์: www.raumen.co.jp/hantai/ (ภาษาจีน)
ที่ตั้ง: 2-14-21 Shinyokohama, Kohoku-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
5. โกดังสินค้าอิฐแดงโยโกฮาม่า (Yokohama Red Brick Warehouse)
jun560/Flickrโกดังสินค้าอิฐแดงแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เพื่อเป็นคลังเก็บสินค้าที่ทำการค้าขายกับต่างชาติ ในช่วงเริ่มต้นเปิดท่าเรือโยโกฮาม่า แม้ข้าวของจะถูกยึดไปในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่คันโต (ปี 1923) และถูกยึดโดยทหารอเมริกันในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ปี 1945) ทว่าอาคารที่ได้เดินทางข้ามผ่านความยากเข็ญของยุคสมัยนั้น เมื่อได้รับการปฏิสังขรณ์ฟื้นฟูอย่างดี ปัจจุบันก็ได้กลายเป็นศูนย์การค้าที่รวบรวมร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารบรรยากาศดีมากมายไว้ข้างใน โดยที่ภายนอกยังคงรูปลักษณ์ดังเดิมอย่างในอดีตไว้ นอกจากนี้แล้ว บริเวณลานกิจกรรมใกล้ๆ ตัวอาคารยังมีการจัดงานอีเวนต์ขึ้นอยู่บ่อยครั้ง คอยดึงดูดผู้คนมากมายหลากหลายให้แวะเวียนมาร่วมงาน
เว็บไซต์: www.yokohama-akarenga.jp/en/
เว็บไซต์: www.yokohama-akarenga.jp/tw/index.html (ภาษาจีน)
ที่ตั้ง: 1-1 Shinko,Naka-ku,Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
6. ไชน่าทาวน์โยโกฮาม่า (Yokohama China town)
Scott Lin/Flickrนับตั้งแต่ท่าเรือได้ถูกเปิดขึ้น ก็เริ่มมีชาวตะวันตกหลั่งไหลเข้ามาในโยโกฮาม่า ทว่าญี่ปุ่นในช่วงนั้นอยู่ในระหว่างการปิดประเทศ ผู้คนที่นี่จึงไม่สามารถสื่อสารภาษาตะวันตกได้ ในขณะที่ชาวจีนสมัยนั้นรู้ภาษาตะวันตก อีกทั้งในภาษาเขียนก็มีตัวคันจิที่ใช้ร่วมกันกับภาษาญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้จึงมีชาวจีนจำนวนมากที่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นเพื่อเป็นล่าม การรวมตัวกันใช้ชีวิตของพวกเขาจึงนำมาซึ่งจุดเริ่มต้นของไชน่าทาวน์แห่งนี้นี่เอง ปัจจุบันมีร้านรวงกว่า 620 ร้านคอยดึงดูดลูกค้าให้แวะเวียนเข้ามาในทุกๆ วัน อีกทั้งยังมีเคาน์เตอร์แลกเงินพร้อมให้บริการ ท่านจึงสามารถช็อปในไชน่าทาวน์แห่งนี้ได้อย่างสบายใจ
เว็บไซต์: www.chinatown.or.jp/ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่น)
ที่ตั้ง: Yamashita-cho, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
7. พิพิธภัณฑ์บะหมี่ถ้วย (Yokohama Cup Noodles Museum)
Fujimitsu/Flickrทราบหรือเปล่าคะว่า บะหมี่ถ้วย หรือ cup noodle ที่ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจากทั่วโลกนั้น เริ่มต้นคิดค้นขึ้นมาในประเทศญี่ปุ่น! ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ท่านสามารถเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และยังสามารถสร้างบะหมี่ถ้วยของตัวเองได้อีกด้วย เพียงเลือกถ้วยโปรดที่ลงตัวจากน้ำซุปที่มีให้เลือกถึง 4 ประเภท และท็อปปิ้งมากมายกว่า 12 ชนิด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริการนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ผู้ที่สนใจทำบะหมี่ถ้วยจึงต้องมารับบัตรคิวเสียก่อน หรือสามารถจองล่วงหน้าได้ทางร้านสะดวกซื้อ Lawson ที่มีอยู่ทั่วไป
เว็บไซต์: www.cupnoodles-museum.jp/english/index.html
เว็บไซต์: www.cupnoodles-museum.jp/chinese2/index.html (ภาษาจีน)
ที่ตั้ง: 2-3-4 Shinko, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
8. เรือฮิคาวะมารุ (Hikawa Maru Ocean liner)
SHENGYI ZHOU/Flickrหากเดินเล่นในสวนสาธารณะยามาชิตะแล้วมองเห็นเรือลำโตก็ไม่ต้องนึกสงสัย มันคือเรือฮิคาวะมารุ (Hikawa Maru ocean liner) เรือโดยสารขนาดใหญ่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 1930 บนเส้นทางโดยสารที่มุ่งหน้าสู่เมือง Seattle ในประเทศสหรัฐอเมริกานี้ ทั้งเหล่าเชื้อพระวงศ์ญี่ปุ่น และนักแสดงตลกอย่างชาลี แชปลินเคยก็เคยขึ้นมาแล้ว
ภายในตัวเรือมีทั้งภัตตาคารอาหารชั้นเลิศที่ประดับประดาด้วยศิลปะอาร์ตเดโค (Art Deco) อีกทั้งห้องเครื่องและห้องควบคุมขนาดใหญ่ก็ยังเปิดให้เข้าชมได้อีกด้วย ส่วนดาดฟ้าเรือก็มีที่นั่งมากมายให้ท่านได้นั่งผ่อนคลายขณะชมวิวโดยรอบของท่าเรือโยโกฮาม่า จึงไม่น่าแปลกใจที่เรือฮิคาวะมารุแห่งนี้ ได้กลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นในปี 2016 ที่ผ่านมา
เว็บไซต์: www.nyk.com/rekishi/e/
ที่ตั้ง: Yamashita Park, Yamashita-cho, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
9. อาคารผู้โดยสาร เรือโดยสารต่างประเทศ โยโกฮาม่า โอซันบาชิ (Osanbashi Yokohama International Passenger Terminal)
PRONaoya Fujii/Flickr"โอซันบาชิ (Osanbashi)" อาคารผู้โดยสารทางเรือขนาดใหญ่ที่เป็นดั่งประตูเชื่อมโลกประเทศญี่ปุ่นสู่โลกภายนอก หรือที่คุ้นเคยกันกับชื่อเล่นที่ว่า "แผ่นหลังของปลาวาฬ" ด้านบนเป็นดาดฟ้าเรือเนื้อไม้และสนามหญ้าขนาดเล็กที่ถูกปรับแต่งให้สวยงามเข้ากับยุคสมัย หากยืนอยู่บนดาดฟ้าแห่งนี้ เมื่อลืมตาขึ้นจะมองเห็นทิวทัศน์ของหมู่เรือที่ลอยล่องอยู่ในทะเลสีคราม ลมทะเลอ่อนๆ ที่ปะทะกับใบหน้าให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้ดียิ่ง หากโชคดี ท่านจะสามารถพบเห็นเรือโดยสารขนาดใหญ่ที่เข้ามาเทียบท่าในวันนั้นอีกด้วย นอกจากนี้ บริเวณลานกิจกรรมภายในตัวอาคารผู้โดยสารยังมีการจัดงานอีเวนต์ต่างๆ อย่างนิทรรศการแสดงสินค้าหรืองานแสดงดนตรีเป็นระยะอีกด้วย
เว็บไซต์: osanbashi.jp/english/
ที่ตั้ง: 1-1-4, Kaigandori, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
10. หอคอย Marine Tower
Chitaka Chou/Flickrสัญลักษณ์ของโยโกฮาม่าที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1961 นี้ ตั้งตระหง่านอยู่กลางท่าเรือโยโกฮาม่าด้วยความสูง 106 เมตร จึงสามารถมองเห็นวิวของแลนด์มาร์คสำคัญต่างๆ อย่างสะพาน Yokohama Bay Bridge และเรือฮิคาวะมารุ (Hikawa Maru Ocean liner) ได้โดยรอบ อีกทั้งหอคอย Marine Tower แห่งนี้ยังเป็นแหล่งรวมภัตตาคารอาหารและบาร์ต่างๆ ที่สำคัญ สำหรับท่านที่กำลังมองหาสถานที่เพื่อขอคนสำคัญแต่งงาน หากมาทานดินเนอร์คอร์สของที่นี่ ท่านยังสามารถจองพื้นที่ชั้นจุดชมวิวได้เป็นเวลา 10 นาทีอีกด้วย รับรองว่าการขอแต่งงานท่ามกลางวิวสุดโรแมนติกของท่าเรือยามค่ำคืน จะกลายเป็นความทรงจำอันแสนวิเศษสำหรับคนรักของคุณอย่างแน่นอน
เว็บไซต์: marinetower.jp/eng.html
เว็บไซต์: marinetower.jp/cn.html (ภาษาจีน)
ที่ตั้ง: 15 Yamashita-cho, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
11. ห้างสรรพสินค้า Queen's Square Yokohama
Kabacchi/Flickrห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานีรถไฟ Minatomirai เป็นทั้งแหล่งช็อปปิ้ง ศูนย์อาหาร โรงแรม คอนเสิร์ตฮอลล์ และหอศิลป์ เรียกได้ว่ารวบรวมทุกอย่างที่ท่านมองหาไว้ในที่เดียวกัน ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยภายนอกเป็นสีขาวล้วน ส่วนเพดานแต่งแต้มด้วยดีไซน์โค้งมน ราวกับเกลียวคลื่นที่หยอกล้อกับลมทะเล Queen's Square Yokohama จึงเหมาะสมที่จะเรียกว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งโยโกฮาม่าอย่างเป็นที่สุด
เว็บไซต์: www.qsy-tqc.jp/english/
ที่ตั้ง: 2-3 Minatomirai, Nishi-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
12. พิพิธภัณฑ์เด็กอันปังแมน โยโกฮาม่า และชอปปิ้งมอลล์ (Yokohama Anpanman Children's Museum & Mall)
Tomohiro Ohtake/Flickrเด็กๆ แทบทุกคนล้วนรู้จัก "อันปังแมน" ตัวละครเอกในอนิเมะชื่อดังของญี่ปุ่นเรื่อง "ยอดมนุษย์อันปังแมน" กันทั้งนั้น เพราะอนิเมะเรื่องนี้ได้รับความนิยมและผูกพันกับชีวิตของคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน หากจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในอนิเมะประจำชาติก็คงไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงแต่อย่างใด หากคุณหนูๆ ใฝ่ฝันจะได้พบปะกับอันปังแมนและผองเพื่อนของเขาล่ะก็ ต้องมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เลย แต่ขอกระซิบหน่อยว่าช่วงสุดสัปดาห์มีผู้มาใช้บริการเยอะมาก ถ้าไม่อยากเจอฝูงคนจำนวนมากแนะนำให้แวะมาในวันธรรมดานะคะ
แน่นอนว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เหมาะสำหรับคุณหนูๆ เป็นที่สุด ทว่าสำหรับอันปังแมนแล้ว "ถ้ามีคนที่เดือดเนื้อร้อนใจอยู่ หากรู้จักเสียสละตัวเองบ้างไม่ว่าเล็กน้อยเพียงใด ก็นับว่าได้ช่วยเขาแล้ว" เป็นอนิเมะที่สอดแทรกข้อคิดดีๆ และค่านิยมการเสียสละตัวเองที่คนญี่ปุ่นสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน สำหรับท่านที่เลยวัยเด็กไปแล้ว หากลองแวะมาก็อาจเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่สบายใจไม่น้อยเลย
เว็บไซต์: www.yokohama-anpanman.jp/pdf/foreign_brochure.pdf
เว็บไซต์: www.yokohama-anpanman.jp/pdf/foreign_brochure.pdf (ภาษาจีน)
ที่ตั้ง: 4-3-1 Minamitomirai, Nishi-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
13. สวนสาธารณะ Harbor View Park
Toshihiro Gamo/Flickrเมื่อครั้งเปิดท่าเรือโยโกฮาม่า พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นเขตที่พักอาศัยของชาวต่างชาติมาก่อน โดยเฉพาะเหล่าทหารอังกฤษและทหารฝรั่งเศสที่ใช้เป็นที่ตั้งค่ายทหารชั่วคราว ด้วยเหตุนี้เอง ปัจจุบันบริเวณนี้จึงยังมีบ้านและสิ่งก่อสร้างสไตล์ยุโรปหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะที่ดินจะถูกยึดไปหลังเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง ทว่าหลังจากนั้นก็ได้มีการปรับเปลี่ยนกลายมาเป็นสวนสาธารณะในที่สุด
ทิวทัศน์ของ Yokohama Bay Bridge โดดเด่นยิ่งนักเมื่อมองจากมุมมองของผู้ที่แวะเวียนมาเดินเล่นในสวน อีกทั้งเหล่าดอกกุหลาบ 330 สายพันธุ์รวมกว่า 2,200 ต้นในสวนกุหลาบที่เปิดตัวไปในปี 2015 แห่งนี้ ต่างคอยแย้มบานเชื้อเชิญให้ผู้สัญจรผ่านเข้ามาเชยชมอีกด้วย โดยช่วงที่เหมาะจะชมดอกกุหลาบ คือ ฤดูใบไม้ผลิ (กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน) และฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน)
เว็บไซต์: www.yokohamajapan.com/things-to-do/harbor-view-park/
เว็บไซต์: www.welcomeyokohama.com/tc/jingdian_nr.php?id=1013 (ภาษาจีน)
ที่ตั้ง: 114 Yamate-cho, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
14. พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาโยโกฮาม่า (Yokohama Doll Museum)
NelC/Flickrที่พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาโยโกฮาม่าแห่งนี้ ไม่ได้มีเพียงตุ๊กตาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่มีตุ๊กตากว่า 14,000 ตัวจาก 140 ประเทศทั่วโลกจัดแสดงอยู่ โลกของตุ๊กตานั้นไม่ได้มีเพียงแต่ความน่ารัก เพราะตุ๊กตาช่วยสืบทอดความเป็นเชื้อชาติ อีกทั้งยังถ่ายทอดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี ตุ๊กตาแต่ละตัวล้วนมีทั้งเอกลักษณ์เฉพาะและความน่ารักอยู่ในตัว หรือกระทั่งตัวที่แฝงมุมน่ากลัวก็มีเช่นกัน ลองแวะมาพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้วตามหาตุ๊กตาที่ถูกใจดูไหมคะ? นอกจากนี้แล้ว ท่านยังสามารถดื่มด่ำรสชาติของเอสเพรสโซ่ชั้นเลิศ ที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟเปี่ยมคุณภาพได้ที่คาเฟ่ Café Elliott Avenue ร้านกาแฟชื่อดังจากประเทศอเมริกา ที่ตั้งอยู่ในชั้น 1 ของพิพิธภัณฑ์ได้อีกด้วย
เว็บไซต์: www.doll-museum.jp/ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่น)
ที่ตั้ง: 18 Yamashita-cho, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
15. สวนสนุก Yokohama Cosmo World
Toshihiro Gamo/Flickrสวนสนุกขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่อยู่ติดกับตึก Landmark Tower และห้าง Queen's Square Yokohama แห่งนี้ รวบรวมเอาเครื่องเล่นมากมายกว่า 30 ชนิดมาให้ทุกท่านได้สนุกเต็มที่ เริ่มจากโซนเครื่องเล่นเด็กที่เป็นมิตร บ้านผีสิงชวนขนหัวลุก ไปจนถึงรถไฟเหาะสุดหวาดเสียวอย่าง "Vanish" ที่นำท่านเหินฟ้าไปพร้อมละอองน้ำที่สาดกระเซ็น ก่อนพาลอดผ่านลอดผ่านอุโมงค์ใต้ดินมืดสนิทด้วยความเร็วสูง
ที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือ เครื่องเล่นที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งอย่างชิงช้าสวรรค์ยักษ์ "Cosmo Clock 21" ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 100 เมตรและความสูง 112.5 เมตร ความตระการตาที่ทวีคูณด้วยไฟสีที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม และวิวยามค่ำคืนของโยโกฮาม่านี้ ทำให้พูดได้อย่างเต็มปากว่า ชิงช้าสวรรค์ที่นี่โดดเด่นในระดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว นอกจากนี้แล้ว Cosmo Clock 21 ยังนับเป็นชิงช้าสวรรค์บอกเวลาที่ใหญ่อันดับหนึ่งของโลก (อ้างอิงจากสถิติของ Guinness World Record) ให้ท่านดื่มด่ำกับวิวของโยโกฮาม่าได้เต็มที่ตลอด 15 นาทีของรอบหมุน
เว็บไซต์: cosmoworld.jp/ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่น)
ที่ตั้ง: 2-8-1 Shinko, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
16. สวนซังเคเอ็น (Sankei-en)
ume-y/Flickrสวนซังเคเอ็น (Sankei-en) เป็นสวนญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 180,000 ตารางเมตร เปิดให้ใช้บริการครั้งแรกในปี 1906 โดย "Sankei Hara" นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ที่ครั้งหนึ่งมีส่วนสำคัญในการค้ำจุนเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น จากความสำเร็จในการบริหารกิจการอุตสาหกรรมค้าไหมของเขา ภายในสวนประดับประดาด้วยอาคารเก่าแก่ที่ถูกเคลื่อนย้ายมาจากเมืองโบราณอย่างเกียวโตและคามาคุระมากกว่า 20 หลัง อีกทั้งยังมีเหล่าดอกไม้ที่คอยแต่งแต้มสีสันสวยงามให้กับสวนตลอดทั้งสี่ฤดู นอกจากนี้ยังมีชาเขียวสูตรต้นตำรับให้ได้ลิ้มลองในราคาครั้งละ 500 เยนอีกด้วย แม้จะอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองโยโกฮาม่าสักเล็กน้อย แต่เป็นสวนที่แนะนำให้แวะไปให้ได้เลยค่ะ
เว็บไซต์: www.sankeien.or.jp/guide/map.html
ที่ตั้ง: 58-1 Honmokusannotani, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
17. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Hakkeijima Sea Paradise
昀浚 李/Flickrที่นี่นับเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยพื้นที่ที่แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ครอบคลุมไปถึงสวนสนุกที่ครบเครื่องด้วยเครื่องเล่นกว่า 15 ชนิด อีกทั้งยังมีร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ มากมาย เป็นสถานที่ที่ไม่ว่าจะมากันเป็นครอบครัวพร้อมลูกน้อย มากับกลุ่มเพื่อน หรือมากับรัก ก็สามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน
ประทับใจไปกับโชว์โลมาที่สามารถลองแตะตัวได้จริง และตระการตาไปกับการลอดอุโมงค์น้ำ "Aqua Tube" ที่ให้ความรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรสีฟ้าสวย ระยะเวลาวันเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะเที่ยวดูได้ครบด้วยซ้ำ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะภายในตัวพิพิธภัณฑ์เองมีโรงแรมคอยให้บริการอยู่ด้วย หรือหากเขยิบออกมาเล็กน้อย บริเวณรอบ Sea Paradise ก็มีโรงแรมมากมายให้ท่านเลือกพัก หากท่านกำลังมองหาพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่จะให้ความทรงจำไม่รู้ลืมอยู่ล่ะก็ ห้ามพลาดที่นี่เลยนะคะ
เว็บไซต์: www.seaparadise.co.jp/english/
เว็บไซต์: www.seaparadise.co.jp/chinese/ (ภาษาจีน)
ที่ตั้ง: Hakkeijima, Kanazawa-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
18. โรงงานเบียร์ Kirin Yokohama Beer Village
นอกจาก Asahi, Santory, Sapparo และ Yebisu แล้ว ก็มี Kirin นี่แหละ ที่นอกจากจะมีประวัติความเป็นยาวนานมาตั้งแต่ยุคเมจิแล้ว ยังเป็นแบรนด์เครื่องดื่มเบียร์ยักษ์ใหญ่ที่ครองตลาดเบียร์ญี่ปุ่นในปัจจุบันอีกด้วย หากมีโอกาสได้แวะมาที่โรงงานแห่งนี้ ท่านสามารถศึกษากระบวนการทำเบียร์ในแต่ละขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ และหากไปต่อยังร้านอาหาร SPRING VALLEY BREWERY ท่านสามารถลิ้มลองเบียร์รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นมาสำหรับจำหน่ายในโยโกฮาม่าเท่านั้น พร้อมอิ่มเอมไปกับอาหารชั้นเลิศที่เข้ากับรสเบียร์เป็นอย่างดี ที่โรงงานแห่งนี้มีจุดจำหน่ายของที่ระลึกหลากหลาย ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ แผ่นรองแก้วดีไซน์เรโทรสุดเก๋ไก๋ พิมพ์ลายโลโก้ Kirin ในอดีต
ท่านใดที่สนใจมาชมขั้นตอนการผลิตเบียร์ที่โรงงาน จำเป็นต้องจองคิวผ่านอินเทอร์เน็ตเสียก่อน ซึ่งสามารถทำได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์สำหรับการจอง โดยวันที่แสดงสีฟ้าบนปฏิทินคือวันที่ยังว่างอยู่ สีแดงคือวันที่คิวถูกจองเต็มแล้ว และสีเหลืองคือวันที่ยังมีคิวที่ต้องยืนยันทางโทรศัพท์ ซึ่งการจองและการเข้าชมไม่มีค่าบริการแต่อย่างใด
เว็บไซต์ (สำหรับจอง): kirinbrewery1.secure.force.com/WebCalender?p=Y#_ga=1.207455120.260888490.1466836622
เว็บไซต์: www.kirin.co.jp/entertainment/factory/yokohama/ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่น)
ที่ตั้ง: 1-17-1 Namamugi, Tsurumi-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
19. สวนสัตว์ Yokohama Zoorasia
จะลิงจมูกยาวหรือโอคาพี (ocapi) ก็ล้วนแต่หาชมได้ที่นี่ เพราะ Zoorasia เป็นสวนสัตว์ที่รวบรวมสัตว์หลากหลายชนิดจากทั่วทุกมุมโลกไว้ด้วยกัน ภายใต้ธีมหลักคือ "ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ" เพราะถึงที่นี่จะมีสัตว์มากมายให้ดูชม ทว่าสัตว์เหล่านี้ไม่ได้ถูกจองจำอยู่ในกรงขังเหมือนสวนสัตว์ที่อื่น พวกมันสามารถใช้ชีวิตอย่างเสรีท่ามกลางพืชพันธุ์ไม้ที่ปลูกเหมือนธรรมชาติป่าจริง ราวกับว่าสัตว์ทั้งหลายได้กลับคืนสู่ถิ่นที่อยู่เดิมอีกครั้ง ผู้เข้าชมสวนสัตว์จึงมีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมตามธรรมชาติที่แท้จริงของเจ้าสัตว์ทั้งหลายอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว ที่สวนสัตว์แห่งนี้ยังมีกิจกรรมมากมายจัดขึ้นอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะกิจกรรมสำหรับคุณหนูๆ ที่เปิดโอกาสให้ลองสัมผัสกับสัตว์เล็กน่ารัก หรือกิจกรรมขี่ม้าเดินเล่นในป่าภายในสวนสัตว์ เป็นต้น Zoorasia แห่งนี้เปิดต้อนรับทุกท่านให้มาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนสวนสัตว์ที่ไหน หากมีโอกาส อย่าลืมแวะมาใช้เวลาไปกับการถูกโอบล้อมโดยธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยมที่นี่นะคะ
เว็บไซต์: http://www.hama-midorinokyokai.or.jp/zoo/zoorasia/ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่น)
ที่ตั้ง: 1175-1 Kamishirane-cho, Asahi-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
20. สนามกีฬา Yokohama Stadium
ความเป็นมาของสนามกีฬาโยโกฮาม่าสเตเดียมนั้นสืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 1874 โดยเริ่มต้นขึ้นเพื่อเป็นสนามกีฬาคริกเก็ต (Cricket) สำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ในสมัยนั้น ในขณะที่ปัจจุบันมีบทบาทเป็นสนามเหย้าของทีมเบสบอลมืออาชีพที่ชื่อ "Yokohama BayStars"
สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วนั้น เบสบอลอาชีพถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงมาก ถึงขั้นที่ว่าในช่วงซีซั่นการแข่งขัน จะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันแต่ละแมตช์ทางโทรทัศน์แทบจะทุกวัน และนักกีฬาเบสบอลก็เป็นที่นิยมชมชอบและได้รับการนับถืออย่างมาก ขนาดที่ว่าเคยมีผู้ได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งชาติเลยทีเดียว
สิ่งที่แตกต่างกับการแข่งขันเบสบอล Major League ในสหรัฐอเมริกา ก็คือวิธีการให้กำลังใจนั่นเอง เพราะวิธีการให้กำลังใจนักกีฬาเบสบอลของคนญี่ปุ่นนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนที่ไหน ทั้งการปรบมือและเคาะโทรโข่งให้เข้าจังหวะเอย หรือเหล่าแฟนๆ ที่จับกลุ่มกันตะโกนกู่ก้องร้องเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อให้กำลังใจนักกีฬาเองก็มี ส่วนมากแล้วการแข่งขันมักจัดขึ้นในคืนวันธรรมดา และช่วงกลางวันของวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้ามีโอกาส จะลองมาสัมผัสประสบการณ์คึกคักของการเชียร์กีฬาเบสบอลญี่ปุ่นดูก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนะคะ
เว็บไซต์: www.yokohama-stadium.co.jp/ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่น)
ที่ตั้ง: Yokohama-Koen, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
21. เรื่องเล่า 3 หอคอยแห่งโยโกฮาม่า (三塔物語)
สำหรับอันดับสุดท้ายนี้ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวแต่อย่างใด ทว่าหากท่านมีโอกาสได้มาเยี่ยมเยียนโยโกฮาม่า ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะลองฟังเรื่องราวนี้ดู เพราะมันเป็นดั่งเครื่องรางนำโชคเลยล่ะค่ะ
ว่ากันว่าในโยโกฮาม่า มีหอคอย 3 แห่งที่มีชื่อเล่นว่าคิง ควีน และแจ๊คอยู่ โดยคิงคือ อาคารสำนักงานรัฐบาลจังหวัดคานากาว่า (神奈川県庁) โดยอาคารแห่งนี้มีจุดเด่นที่หลังคา เพราะมีลักษณะคล้าย Gojunoto (หอคอย 5 ชั้นที่ใช้เป็นที่เก็บกระดูกของพระพุทธเจ้า) ส่วนควีนนั้นคือ อาคารศุลกากรโยโกฮาม่า (横浜税関) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตรงยอดหอคอยที่กลมมนคล้ายมัสยิดในศาสนาอิสลาม และท้ายที่สุดคือแจ็ค ซึ่งได้แก่ อนุสรณ์รำลึกการเปิดท่าเรือโยโกฮาม่า (横浜市開港記念会館) ซึ่งมีหอนาฬิกาเป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัว
มีเรื่องเล่าที่พูดต่อกันมาว่า หากใครได้ไปเยือนจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทั้งคิง ควีน และแจ็คได้ในคราวเดียวล่ะก็ พรของเขาคนนั้นจะเป็นจริงขึ้นมา เอ๊ะ แล้วจุดชมวิวที่ว่านี่มันคือที่ไหนกันนะ? คำตอบนั้นมีอยู่ในบทความนี้แล้ว มันเป็นหนึ่งในจุดที่สามารถมองเห็นอาคารผู้โดยสารเรือโดยสารโอซันบาชิในอันดับที่ 9 ได้ ใบ้ว่าอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิดแน่ๆ ยังไงก็อย่าลืมหาโอกาสไปที่โอซันบาชิ และอธิษฐานให้คำขอเป็นจริงกันดูนะคะ
ที่ตั้ง: 1-1-4 Kaigandori, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa (Google Map)
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่