24 ชั่วโมงในโอซาก้า: โปรแกรมเที่ยวโอซาก้า 1 วัน เต็มอิ่มครบๆ สำหรับมือใหม่หัดเที่ยว

โอซาก้าในฐานะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของญี่ปุ่น แน่นอนว่าต้องมีสถานที่ท่องเที่ยวและสิ่งที่น่าสนใจให้เยี่ยมชมมากมาย ถึงแม้จะมีเวลาเพียงหนึ่งวันก็ควรจัดสรรอย่างดีไม่ให้พลาดชม ปราสาทโอซาก้า ย่านท่องเที่ยวโดทงบุริ (Dotonburi) ย่านนัมบะ (Namba) อันคึกคักและลิสท์อาหารพื้นเมืองมากมายที่เป็นของต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนที่นี่! และในเมื่อมีเวลาเพียงแค่วันเดียวก็ไม่ควรใช้เวลาอันมีค่าไปกับการเดินทางระหว่างสถานที่มากนัก นี่จึงเป็นโปรแกรมเที่ยวโอซาก้าฉบับกระชับที่ได้รวบรวมเอาสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ต้องห้ามพลาดมาจัดโปรแกรมสำหรับหนึ่งวันในเส้นทางที่สามารถเดินทางโดยรถสาธารณะและใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นาน!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

8:30 น. | ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า การได้เดินเล่นสูดอากาศยามเช้าในสวนรอบปราสาทนั้นเป็นกิจกรรมเริ่มต้นวันใหม่ที่ยอดเยี่ยม พิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้าจะเปิดทำการเวลา 9:00 น. ดังนั้นหากไปแต่เช้าตรู่ก็สามารถเดินเที่ยวชมสวนได้ก่อนเวลาปราสาทเปิด ถ้าเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้วแนะนำว่าให้ไปแต่เช้าและแวะดื่มกาแฟในสวนชื่นชมบรรยากาศอันเงียบสงบ ก่อนที่รถบัสนำเที่ยวจะพานักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่มาถึง

ปราสาทโอซาก้าตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยคูน้ำกว้างและกำแพงหินที่ลาดลงสู่คูน้ำอย่างสง่างาม ตลอดทางขึ้นไปสู่ปราสาทเป็นเส้นทางที่จะทำให้ได้สัมผัสถึงความสวยงามอันซับซ้อนของสถาปัตยกรรมของปราสาทและทิวทัศน์ของเมืองโดยรอบไปด้วย

สวนรอบปราสาทโอซาก้าเป็นที่รู้จักจากความสวยงามของสวนดอกไม้ตามฤดูกาล ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม เป็นฤดูกาลที่ดอกของต้นบ๊วยจะบานสะพรั่งสวยงาม รวมทั้งต้นพีช จะบานในเดือนมีนาคมเช่นกัน ส่วนเดือนเมษายน เป็นเวลาของต้นซากุระที่ปลูกอยู่มากกว่า 3,000 ภายในสวนแห่งนี้ ความสวยงามยามดอกซากุระบานสะพรั่งพร้อมๆ ในสวนรอบปราสาทในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ชมซากุระที่ได้รับความนิยมที่สุดในโอซาก้า!

การเดินเท้าขึ้นไปยังปราสาทนั้นไม่ได้ท้าทายจนเกินไป แต่หากต้องเดินทางกับเด็กเล็กหรือผู้ที่เคลื่อนไหวไม่สะดวก จะมีรถไฟ (ที่วิ่งบนถนน) ให้บริการตั้งแต่เวลา 9:30 น. เป็นต้นไป รถไฟจะขับผ่านสวนให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมบรรยากาศโดยรอบและขับขึ้นไปส่งถึงบริเวณปราสาท ตั๋วเที่ยวเดียวสำหรับผู้ใหญ่ราคา 300 เยน สำหรับเด็กตั้งแต่ 4 ขวบ ถึงชั้นประถม ราคา 200 เยน และสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ราคา 100 เยน (รวมผู้ดูแล 1 คน)

ปราสาทโอซาก้าถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2540 หลังจากถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันตัวปราสาทหลักไม่ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อทดแทนโครงสร้างเดิม แต่ทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ และยังเป็นที่ตั้งของหอสังเกตการณ์ที่สามารถขึ้นไปชมวิวแบบพาโนราม่าของเมืองโดยรอบได้

เพียงแค่ยืนบริเวณลานรอบๆ ปราสาทก็สามารถชมวิวเมืองที่สวยงามได้ หรือถ้าเดินทางตามโปรแกรมไปที่ลานสังเกตการณ์ก็จะทำให้ได้ภาพวิวอันสวยงามน่าประทับใจยิ่งขึ้น หากไม่สนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์มากนักแนะนำว่าอาจจะไม่ต้องเข้าไปเยี่ยมชมภายในพิพิธภัณฑ์ เพียงแค่เดินในบริเวณโดยรอบชื่นชมภูมิทัศน์และสวนอันสดชื่น ภายในพื้นที่ขนาด 15 เอเคอร์ (ประมาณ 38 ไร่) ก็มีอะไรมากมายให้ดูได้อย่างเพลิดเพลินแล้ว

หลังจากใช้เวลาในสวนจนพอใจแล้ว มุ่งหน้าไปที่สถานี Osakajokoen ที่ตั้งอยู่ติดกับขอบแดนทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบริเวณปราสาท และนั่งรถไฟสาย Osaka Loop Line ไปลงที่สถานี Tennoji ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

เนื่องจากพื้นที่บริเวณปราสาทนั้นกว้างใหญ่มาก แนะนำว่าขามาให้ลงที่สถานี Tanimachi Yonchome หรือ Morinomiya เพื่อจะได้เดินผ่านสวนไปถึงสถานี Osakajokoen ได้เลยโดยไม่ต้องย้อนไปย้อนมา จะทำให้มีเวลาเดินเล่นภายในสวนมากขึ้น

10:30 น. | จุดชมวิว HARUKAS 300 (ตึก Abeno Harukas)

เมื่อถึงสถานี Tennoji ให้มุ่งหน้าไปที่ตึก Abeno Harukas ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ที่นี่เป็นอีกที่ต้องห้ามพลาดเพราะมันคือ ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น!

จุดชมวิว HARUKAS 300 ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของตึกคือ ชั้นที่ 58 59 และ 60 ทิวทัศน์จากข้างบนนั้นทำให้มองเห็นวิวที่น่าทึ่งของเมืองโอซาก้าและสิ่งต่างๆ มากมาย

ภายในตึกที่สูงที่สุดในเมืองแห่งนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าและสิ่งน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย แต่ในโปรแกรมท่องเที่ยวฉบับกระชับนี้จะมีเวลาสำหรับสถานที่ช้อปปิ้งตามมาในช่วงหลังของวัน ดังนั้นเราแนะนำให้แวะที่นี่เพื่อชมวิวและลุยต่อกับโปรแกรมถัดไป

นอกจากชมวิวแล้ว ที่ชั้น 58 ยังมีร้านขายของที่ระลึก และพื้นที่เปิดโล่งที่สามารถนั่งรับประทานของว่างหรือจิบเครื่องดื่มชมบรรรยากาศจากมุมสูงได้

หน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานทำให้มองเห็นวิวได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวางสายตา ถ้าไม่กลัวความสูงและอยากลองอะไรท้าทาย มีโซนของชั้นที่ปูพื้นด้วยกระจกให้ไปยืนเช็คดูว่ากำลังยืนอยู่สูงจากพื้นดินมากขนาดไหน

สำหรับคนที่ชอบความท้าทายมากกว่านั้น สามารถลองเครื่องเล่นใหม่ที่ชื่อ EDGE THE HARUKAS ที่คุณจะได้เห็นวิวจากความสูง 300 เมตร เหนือพื้นดินในขณะที่เดินไปตามทางเดินแคบๆ ไร้กระจกกั้น โดยก่อนเล่นจะต้องสวมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยด้วย ดังนั้นหากใครวางแผนจะมาลองเล่น EDGE THE HARUKAS ควรเผื่อเวลาไว้สักหน่อย

11:30 น. | สวนเทนโนจิ (Tennoji Park)

เมื่อเสร็จภารกิจจากการเที่ยวชมวิวบนที่สูงแล้ว ทันทีที่เท้าถึงพื้นสามารถลุยเที่ยวต่อไปที่สวนเทนโนจิ (Tennoji Park) ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป เป้าหมายคือเราจะเดินผ่านสวนนี้ไปที่สถานี Shinsekai แต่ระหว่างทางเดินในสวนก็จะได้พบกับกิจกรรมมากมายที่น่าสนใจไปด้วย

สำหรับผู้มีใจรักศิลปะ อาจจะแวะชมพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์เมืองโอซาก้า (Osaka City Museum of Fine Arts) ที่ตั้งอยู่ภายในอาคารประวัติศาสตร์ เป็นที่รวบรวมผลงานศิลปะสะสมประมาณ 8,000 ชิ้น นับเป็นโอกาสดีที่จะได้เยี่ยมชมงานศิลปะคุณภาพสูงของญี่ปุ่นและที่อื่นๆ จำนวนมากในคราวเดียว

ข้างๆ พิพิธภัณฑ์เป็นสวน Keitakuen Garden สวนญี่ปุ่นอันสวยงามที่ออกแบบโดย Jihei Ogawa (นักออกแบบสวนชื่อดังของญี่ปุ่นผู้มีชื่อเสียงในยุคเมจิและไทโชว) ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสวนชื่อดังในเกียวโตอีกสองแห่ง ได้แก่ สวน Murin-an และสวน Heian Shrine garden

สวนสัตว์เทนโนจิ (Tennoji) ที่ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะถึงจะมีขนาดค่อนข้างเล็กไม่เหมือนสวนสัตว์ตามมาตรฐานสากลทั่วไป แต่ทางสวนสัตว์ก็กำลังพยายามปรับปรุงและเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ด้วยอัตราค่าเข้าชมที่ไม่สูงมากจึงอาจเป็นอีกตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับครอบครัวที่พาเด็กๆ ที่ตื่นเต้นกับการชมสวนสัตว์มาเที่ยว

หากการเดินทางช้ากว่าโปรแกรมที่วางไว้หรือถึงเวลาและพร้อมสำหรับอาหารกลางวันแล้วเราแนะนำให้แวะพักระหว่างทางที่สวน Keitakuen และบริเวณเนินดินสำหรับผู้ล่วงลับ Chausuyama ko-fun ก่อนลุยมุ่งหน้าไปทางประตู Shinsekai ต่อไป

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

13:00 น. | ย่านชินเซไก (Shinsekai) และหอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower)

ย่านชินเซไก (Shinsekai) หรือที่แปลว่า "โลกใหม่" ในภาษาญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นเป็นย่านสถานบันเทิง และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในโอซาก้า ที่นี่ถูกสร้างในปีพ.ศ. 2455 เพื่อเป็นการระลึกถึงถนนหนทางของเมืองปารีสและนิวยอร์กบางส่วนที่ถูกทอดทิ้งช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และที่นี่มีชื่อเสียงอย่างยาวนานในฐานะหนึ่งในย่านกินดื่มยามค่ำคืนของโอซาก้า

ถึงแม้จะไม่ใช่ย่านที่สดใสเหมาะแก่การท่องเที่ยวยามกลางวันเหมือนที่อื่นๆ แต่ด้วยกลิ่นอายที่แปลกประหลาดเป็นพิเศษและหอคอยซึเทนคาคุ ก็ทำให้ที่นี่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก

หอคอยซึเทนคาคุ สร้างขึ้นในปี 2455 แต่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี 2486 จึงได้ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังสงครามในปี 2499 แต่เดิมหอคอยถูกออกแบบมาเพื่อระลึกถึงหอไอเฟลและประตูชัยในเมืองปารีส แต่การออกแบบในปัจจุบันเป็นสไตล์ retro-futuristic (การออกแบบสำหรับอนาคตที่นำเอาเทรนด์ในอดีตมาประยุกต์ใช้) ชั้นล่างของหอคอยเต็มไปด้วยร้านขายขนมและของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีโซนสำหรับคนที่ชอบขอพร โดยมีรูปปั้นของไอคอนประจำถิ่นอย่าง บิลลิเคน (Billiken) ที่เป็นเสมือน "เทพเจ้าแห่งสิ่งต่างๆ" ไว้ให้ขอพรด้วย

ภายในหอคอยซึเทนคาคุมีจุดชมวิวหลายแห่ง แต่อาจจะไม่ตื่นตาตื่นใจเท่าวิวที่ได้ชมมาแล้วจาก HARUKA 300 ดังนั้นสามารถข้ามขั้นนี้ไปได้ หรือถ้าอยากลองขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของหอคอยสามารถซื้อตั๋วขึ้นไปได้ในราคา 800 เยน สำหรับผู้ใหญ่

บริเวณนี้เป็นการผสมผสานมนต์เสน่ห์สองอย่างของโอซาก้าเอาไว้อย่างลงตัว ซึ่งก็คือ ทิวทัศน์ของถนนคนเดินและสุดยอดอาหารพื้นถิ่น ("B-grade gourment") ที่วางขายเรียงรายอยู่นั่นเอง

"B-grade gourment" ไม่ได้สื่อถึงคุณภาพของอาหาร แต่หมายถึงอาหารประเภทที่รับประทานได้ทั่วไป ไม่ได้เน้นเรื่องหน้าตาที่ดูดีแต่เน้นที่รสชาติ และย่านชินเซไกก็เป็นที่ที่จะสามารถสัมผัสประสบการณ์อาหารเหล่านี้ได้อย่างยอดเยี่ยม

เมนูเด็ดสุดโด่งดังของย่านชินเซไกที่เราอยากแนะนำเป็นมื้อเที่ยง ก็คือ คูชิคัทสึ (kushi-katsu) เป็นเนื้อทอดหั่นชิ้น อาหารทะเล หรือผักทอดเสียบไม้ ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นเมนูที่สามารถทานเร็วๆ และทำให้อิ่มท้องได้ ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ทั้งคนในพื้นที่และผู้มาเยือนต่างเดินทางมาที่ชินเซไกเพื่อลิ้มลองเมนูอันโด่งดังนี้ ร้านอาหารบางแห่งยังมีบริการให้ลูกค้าสามารถเลือกเมนูเสียบไม้ที่ชอบและทอดด้วยตัวเองได้ที่โต๊ะด้วย

การรับประทานคูชิคัทสึ มีธรรมเนียมปฏิบัติบางอย่างที่ควรระมัดระวังคือ ภายในร้านอาหาร น้ำจิ้มสำหรับรับประทานคูชิคัทสึนั้นจะเป็นน้ำจิ้มส่วนกลาง การรับประทานไปแล้วนำเนื้อกลับมาจิ้มซ้ำถือเป็นสิ่งไม่ควรทำ หากต้องการน้ำจิ้มเพิ่มให้ใช้ใบกะหล่ำปลีที่เตรียมไว้แทนช้อนตัก

สามารถใช้เวลาเดินเล่นในย่านนี้ได้และแวะหาร้านอาหารเพื่อรับประทานมื้อเที่ยง หลังจากนั้นมุ่งหน้าไปทางสถานี Ebisucho ผ่านหอคอยซึเทนคาคุไปทางทิศเหนือของย่านชินเซไก ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาที จากนั้นนั่ง Osaka Metro Sakaisuji Line ไป 1 สถานี และลงที่สถานี Nippombashi

เคล็ดลับ: หากคุณเป็นคนที่หลงรักอาหาร street food แต่ไม่รู้จักเมืองโอซาก้ามากนัก คนท้องถิ่นสามารถช่วยคุณได้! โปรแกรมทัวร์ชิมอาหารท้องถิ่นในย่านโดทงบุริและชินเซไก จากเว็บไซต์ Magical Trip จะพาคุณเริ่มชิมเสน่ห์ของโอซาก้าไปเรื่อยๆ เริ่มจากคูชิคัทสึในชินเซไก และจุดน่าสนใจอื่นๆ ในย่านโดทงบุริ คุณจะได้ลองชิม street food ที่ดีที่สุดในโอซาก้าไปตลอดเส้นทาง

Klook.com

15:00 น.| สำรวจย่านมินามิ (Minami)

มินามิ (Minami) เป็นย่านที่คึกคักที่สุดในโอซาก้า เป็นแหล่งรวมสำหรับการช็อปปิ้ง ความบันเทิง และย่านร้านอาหาร จริงๆ แล้วสามารถใช้เวลาเดินสำรวจที่นี่ได้ตลอดทั้งวัน แต่หากมีเวลาท่องเที่ยวจำกัดก็ควรวางแผนการเดินทางหรือเลือกสถานที่ที่ต้องการไปอย่างเจาะจงจะดีกว่า

เราจะแนะนำย่านช็อปปิ้งและตลาดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปในตัว ตัวเลือกทั้งหมดนั้นจะอยู่ไม่ไกลและสามารถเดินเท้าจากสถานี Nippombashi ได้โดยสะดวก ดังนั้นหากมีเวลาท่องเที่ยวจำกัด สามารถเลือกสถานที่ที่สนใจจากตัวเลือกต่อไปนี้ได้เลย

ที่นี่เป็นหนึ่งในย่านช็อปปิ้งที่ดีที่สุดในโอซาก้า และในขณะเดียวกันก็อาจเป็นย่านที่วุ่นวายมากเช่นกัน ดังนั้นหากมาที่นี่เพื่อมองหาอะไรบางอย่างและต้องการตัวเลือกที่คุ้มค่ามากที่สุด ลองใช้บริการผู้ช่วยในการซื้อของที่จะสามารถช่วยบอกได้เลยว่าควรไปที่ไหน พร้อมคำแนะนำดีๆ และสามารถช่วยแปลภาษาให้ได้ด้วย! ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Voyagin!

ตลาดคุโรมง อิชิบะ (Kuromon Ichiba Market)

เมื่อเดินออกจากทางออก 10 ของสถานี Nippombashi จะพบตัวเองอยู่ท่ามกลางครัวขนาดใหญ่ของโอซาก้า! ตลาดคุโรมง อิชิบะแห่งนี้คือถนนช็อปปิ้งที่มีความยาว 580 เมตร มีร้านรวงขายอาหารและของชำแทบทุกชนิด ที่นี่สร้างขึ้นราว 190 ปีก่อน จึงให้บรรยากาศที่มีเสน่ห์ของใจกลางย่านอาหารอันคึกคักแห่งโอซาก้า

โดกุยะซุจิ โชเทนไก (Doguyasuji Shotengai) (ถนนเครื่องครัว)

จากสถานี Nippombashi เดินมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกสู่สถานี Namba ประมาณ 7 นาที จะพบกับถนนช็อปปิ้งความยาว 150 เมตร ที่มีสินค้าเครื่องครัวขายอยู่จำนวนมาก เช่น มีดและถ้วยชามแบบญี่ปุ่น รวมทั้งยังมีของตกแต่งร้านอาหาร เช่น โคมไฟ และโนเรน (ผ้าม่านญี่ปุ่นที่มักติดไว้หน้าร้านอาหาร) รวมทั้ง โมเดลอาหารจำลองของญี่ปุ่น

หากเป็นคนที่ชอบหรือสนใจในวัฒนธรรมการทำอาหารของญี่ปุ่นหรือกำลังมองหาของที่ระลึกคุณภาพดีที่สามารถใช้งานได้จริง ที่นี่เป็นอีกที่ที่เหมาะแก่การมาเดินสำรวจ

นิปปงบาชิ เด็นเด็น ทาวน์ (Nipponbashi DenDen Town)

เด็นเด็น ทาวน์ ก็คืออากิฮาบาระในเวอร์ชันเมืองโอซาก้า ที่นี่เป็นเมืองอิเล็กทรอนิกส์และย่านสำหรับเหล่าโอตาคุ (ผู้ที่สนใจในอนิเมะหรือมังงะอย่างคลั่งไคล้) ตั้งอยู่ระหว่างสถานี Ebisucho และ Nipponbashi หากชื่นชมการ์ตูนอะนิเมะ มังงะ วีดีโอเกม หรือต้องการลองใช้บริการเมดคาเฟ่ แนะนำให้ปักหมุดหมายที่นี่ไว้ได้เลย

หรือหากไม่ได้สนใจวัฒนธรรมป๊อปญี่ปุ่นมากนัก แต่ต้องการหาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถตรงไปที่ร้าน BIC Camera ในย่านนัมบะได้เลย

ถนนช็อปปิ้งชินไซบาชิซุจิ และเอบิสึบาชิซุจิ (Shinsaibashi-suji and Ebisubashi-suji Shopping Streets)

ถนนช็อปปิ้งสองสายนี้ตั้งอยู่สองฝั่งของคลองโดทงบุริ และเชื่อมถึงกันที่สะพานเอบิสึบาชิ หากเดินมาจากทางสถานี Nipponbashi ให้เดินตามทางเดินใต้ดิน Namba ทางทิศตะวันตกจนกว่าจะเจอเอบิสึบาชิซุจิ จากนั้นเดินตามถนนช็อปปิ้งไปทางทิศเหนือข้ามคลองไปยังชินไซบาชิซุจิ เพื่อจะได้สำรวจทั้งสองเส้นทาง

ถนนทั้งสองสายนั้นคึกคักและมีคนเยอะมากอย่างไม่น่าเชื่อ รับรองว่าที่นี่จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน! นอกจากแหล่งช็อปปิ้งแล้วยังมีร้านเกม ร้านคาราโอเกะ และแน่นอนว่ามีร้านอาหารด้วย ร้านขายของส่วนใหญ่ในย่านนี้จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากจึงรองรับการช็อปปิ้งแบบปลอดภาษี หรือหากเพียงต้องการเดินเล่นไปเรื่อยๆ ที่นี่เป็นที่ที่จะทำให้ได้สัมผัสวัฒนธรรมบนท้องถนนอันคึกคักของโอซาก้า

หมู่บ้านอเมริกา (อะเมมุระ)

หมู่บ้านอเมริกา หรือรู้จักในนามว่า อะเมมุระ (Amemura) แปลตรงตัวได้ว่า "หมู่บ้านอเมริกา" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของถนนช็อปปิ้งชินไซบาชิ

อะเมมุระ แต่เดิมเคยเป็นย่านอุตสาหกรรม แต่ภายหลังได้กลายมาเป็นย่านของเหล่าวัยรุ่นในยุค 70 ชื่อของที่นี่ได้มาจากการที่มีสินค้าแฟชั่นนำเข้าจากอเมริกามาขายในยุคนั้น ทุกวันนี้ที่นี่คือแหล่งรวมของร้านค้าแฟชั่น บาร์ และคลับที่ทำให้ย่านนี้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับการเดินสำรวจเทรนด์แฟชั่นนอกกระแสและการแต่งตัวแนวสตรีทต่างๆ 

Klook.com

ถนนมิโดซุจิ (Midosuji Avenue)

ในขณะที่ย่านมินามิอันคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนและความเร่งรีบเป็นหนึ่งในย่านต้องห้ามพลาดของโอซาก้า หากต้องการสัมผัสย่านที่ผ่อนคลายและมีบรรยากาศเหนือระดับขึ้นมาหน่อย แนะนำให้ไปที่ ถนนมิโดริซุจิ (Midosuji Avenue) ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของสถานี Namba มุ่งหน้าไปทางสถานี Umeda สัมผัสประสบการณ์เดินบนถนนที่เรียงรายด้วยต้นแปะก๊วยในย่านชินไซบาชิ บริเวณนี้คุณจะได้พบกับโรงแรมบูทีคสุดหรู ร้าน flagship store ของ Apple และห้างสรรพสินค้าไดมารู (Daimaru)

19:00 น. | วัดโฮเซนจิ (Hozenji Temple) และตรอกโฮเซนจิโยโคโช (Hozenji Yokocho)

วัดโฮเซนจิ (Hozenji Temple) ตั้งอยู่ทางใต้ของคลองโดทงบุริ วัดเล็กๆ นี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของวัดขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในพ.ศ. 2180 ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารส่วนหนึ่งหนึ่งถูกทำลายจึงเหลือเพียงส่วนเล็กๆ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญสำหรับผู้อยู่อาศัยโดยรอบ ส่วนที่เหลืออยู่คือที่ตั้งของรูปปั้นที่ปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ เรียกว่า Mizukake-Fudo มีคำกล่าวว่าการพรมน้ำลงบนรูปปั้นจะทำให้โชคดี ดังนั้นหากได้มาที่นี่อย่าลืมแวะพรมน้ำและขอพรล่ะ!

ทางทิศเหนือของวัดโฮเซนจิคือตรอกโฮเซนจิโยโคโช ถนนสายเล็กๆ ปูด้วยพื้นหินที่มีร้านค้าและร้านอาหารเรียงรายมากมาย บรรยากาศบริเวณนี้สวยงามเป็นพิเศษในยามค่ำคืน สามารถแวะหาร้านอาหารสำหรับมื้อค่ำได้ที่นี่เลย

หากไม่มีเมนูที่สนใจในตรอกโฮเซนจิโยโคโช จะมองหามื้อค่ำในย่านมินามิ (Minami) แทนก็ได้ หลังจากได้ลองคุชิคัทสึสำหรับมื้อเที่ยงแล้ว อาจจะลองเมนูต้องห้ามพลาดอื่นๆ ในโอซาก้า เช่น ทาโกะยากิ (เกี๊ยวปลาหมึก) โอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น) หรือปลาปักเป้าก็ได้

ร้านอาหารส่วนใหญ่ในย่านมินามิเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และส่วนมากจะคุ้นเคยกับการให้บริการแขกชาวต่างชาติด้วย ร้านอาหารใหญ่ๆ มักจะมีรูปหรือโมเดลอาหารจำลองตั้งไว้หน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นหน้าตาของอาหารก่อนตัดสินใจ ส่วนร้านที่ขายปลาปักเป้า ก็มักจะมีปลาเป็นๆ ตั้งโชว์อยู่ในตู้ปลาหน้าร้านด้วยทำให้สะดวกและสามารถหาเจอได้ง่าย 

20:00 น. | คลองโดทงบุริ (Dotonburi Canal) และการล่องเรือ

หลังจากเดินในย่านมินามิแล้ว ตรงไปที่คลองโดทงบุริ (Dotonbori Canal) พื้นที่บริเวณคลอง รอบสะพานเอบิสึบาชิ ร้านรวงต่างๆ ที่เริ่มเปิดไฟป้ายร้านและป้ายโฆษณาต่างๆ สร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวามากขึ้นหลังพระอาทิตย์ตกดิน ป้ายรูปคนวิ่งของ Gulico ที่เป็นเอกลักษณ์และแสงสีเหลืองจากชิงช้าสวรรค์ใกล้ห้างดองกิ (Don Quijote) ยิ่งดูแปลกตาและน่าประทับใจมากขึ้นเมื่อมองผ่านผิวน้ำ 

เดินมุ่งหน้าไปทางชิงช้าสวรรค์สีเหลืองสดใสที่อยู่ติดกับห้างดองกิ จะเป็นที่จอดเรือล่องแม่น้ำทมโบริ (Tombori River Cruise) ที่จะออกทุกๆ 30 นาที เรือล่องแม่น้ำใช้เวลาประมาณ 20 นาที ราคา 900 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 400 เยน สำหรับเด็ก การล่องเรือจะทำให้ได้หลีกหนีจากความวุ่นวายบนถนนและชื่นชมบรรยากาศโดยรอบในอีกมุมหนึ่ง

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

21:00 น. | ความบันเทิงยามค่ำคืนในย่านนัมบะ

หากยังไม่พร้อมมุ่งหน้ากลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน ย่านนัมบะและโดทงบุริเป็นย่านท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่คึกคักอยู่เสมอ ไม่ว่าจะแวะเที่ยวบาร์ หาร้านคาราโอเกะสไตล์ญี่ปุ่น หรือชอบนั่งในคลับ ที่นี่ย่านแสงสียามค่ำคืนที่ดีที่สุดในโอซาก้า

เคล็ดลับ: หากเดินทางมาเที่ยวคนเดียวและข้อมูลเพิ่มเติมว่าควรไปเที่ยวที่ไหนอย่างไรบ้าง แนะนำให้ใช้บริการ โปรแกรมทัวร์บาร์กลางคืนในนัมบะ ทัวร์กลุ่มย่อยแบบนี้จะนำคุณไปเจอของดีที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ และยังเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำความรู้จักกับคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ด้วย ! ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมทัวร์และจองได้ที่ Magical Trip

เที่ยวโอซาก้าพักที่ไหนดี?

ถ้าได้ไปเที่ยวตามโปรแกรมที่เราแนะนำจนครบแล้ว และวางแผนจะค้างคืนที่โอซาก้า เราแนะนำให้พักในย่านคิตะ (Kita) บริเวณรอบๆ สถานี Umeda และ Osaka เพราะจากที่นี่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้โดยสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถไฟหรือเครื่องบิน เพราะจะส่วนใหญ่จะต้องเริ่มต้นหรือออกจากสถานีเหล่านี้ หรือถ้ามีเวลาแค่วันเดียว การพักในย่านนี้ก็จะทำให้ได้สัมผัสแหล่งช็อปปิ้งและย่านความบันเทิงหลักๆ ของเมือง หรือแม้แค่เพียงได้ลิ้มลองอาหารเช้ารสชาติแบบโอซาก้าแท้ๆ ก่อนที่จะออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป 

แถบนี้มีร้านอาหารและที่ช็อปปิ้งมากมาย จึงเหมาะกับการเก็บตกซื้อของฝากกรณีที่มีเวลาน้อยจริงๆ รวมทั้งภายในสถานีรถไฟและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ก็มีอะไรเลือกดูมากมาย ตู้ฝากของหยอดเหรียญในบริเวณสถานีอาจจะเต็มเร็วมาก ดังนั้นการเลือกที่พักใกล้ย่านศูนย์กลางการขนส่งจึงสะดวกสบายอย่างมาก เพราะสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมได้ โดยไม่ต้องเสียเวลากลับไปกลับมาเพื่อโยกย้ายกระเป๋าหลายรอบ

และนี่คือโรงแรม 3 แห่ง 3 สไตล์ตามงบประมาณที่เราอยากแนะนำ!

โรงแรมสุดหรู: The Ritz-Carlton Osaka

The Ritz-Carlton เป็นโรงแรมสุดหรูที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเฉพาะเรื่องความหรูหรา ภาพลักษณ์อันงดงาม และการตกแต่งสไตล์ยุโรป The Ritz-Carlton Osaka ตั้งอยู่ที่ใจกลางย่านอุเมดะ เป็นที่พักอันสมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนหลังจากที่เดินทางท่องเที่ยวในย่านวุ่นวายรอบเมืองโอซาก้ามาตลอดทั้งวัน 

และแน่นอนว่าโรงแรมแห่งนี้เตรียมพร้อมรับแขกทุกคนด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก ซึ่งรวมถึงห้องอาหารสุดหรู สระว่ายน้ำในร่มขนาดใหญ่ ห้องน้ำหินอ่อน และบริการคุณภาพไร้ที่ติ สมกับความเป็นโรงแรมระดับไฮเอนด์ นอกจากนี้ยังมีห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่นสำหรับคนที่กำลังมองหาประสบการณ์การพักผ่อนอันหรูหราที่ยังคงเสน่ห์ของความเป็นท้องถิ่นเอาไว้

HotelAffiliate

โรงแรมระดับกลาง: Hotel New Hankyu Osaka

โรงแรม New Hankyu ตั้งอยู่ในย่านสถานี Umeda เพราะจริงๆ แล้วเจ้าของโรงแรมนี้คือบริษัท Hankyu Railway ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟที่วิ่งที่สถานี Umeda เช่นกัน หากมีเวลาท่องเที่ยวจำกัด การเลือกพักที่นี่จะทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศของบริเวณโดยรอบอย่างเต็มอิ่ม และเพิ่มความสะดวกสบายด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางศูนย์กลางการขนส่งหลักของเมือง โรงแรมแห่งนี้ยิ่งเป็นทำเลที่ดีหากจุดหมายปลายทางต่อไปของคุณคือ เมืองเกียวโต เพราะว่ารถไฟสาย Hankyu Kyoto Line ที่ออกจากสถานี Umeda จะพาคุณตรงไปที่ใจกลางเมืองเกียวโตได้ภายในเวลา 30 นาที ด้วยราคาเพียง 400 เยน ซึ่งถูกกว่าการนั่งรถไฟความเร็วสูงมาก! นอกจากนี้ ที่นี่ยังอยู่ติดกับสถานีรถบัสที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังสนามบินหรือเมืองอื่นๆ ทั่วญี่ปุ่นได้โดยง่าย และยังใกล้กับห้างสรรพสินค้า Hankyu ห้างสไตล์หรูหราที่เป็นหนึ่งในห้างที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย

ห้องพักภายในโรงแรมมีความสะอาดสะอ้านและสะดวกสบายด้วยเฟอร์นิเจอร์คุณภาพดีและตัวเลือกอาหารมากมาย เราแนะนำให้เลือกห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นที่ปูด้วยเสื่อทาทามิพร้อมตัวเลือกที่นอนแบบฟูกสไตล์ญี่ปุ่น (ฟูตง) หรือเตียงสไตล์ตะวันตก

HotelAffiliate

โรงแรมสายประหยัด: Hotel Wing International Select Osaka Umeda

Hotel Wing International Select Osaka Umeda เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ได้รับคะแนนมากที่สุดในกลุ่มโรงแรมสายประหยัดในย่านนี้ และเป็นตัวเลือกสุดคุ้มค่า! อุเมดะไม่ใช่ย่านที่พักที่ถูกที่สุดในโอซาก้า ดังนั้นจึงมักไม่ค่อยพบโรงแรมราคาประหยัดในย่านนี้ อันที่จริงโรงแรมเปิดใหม่แห่งนี้ราคาถูกกว่าโรงแรมแคปซูลใกล้ๆ บางที่เสียอีก! 

ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นศูนย์กลางเท่าที่อื่น แต่ก็อยู่ห่างจากสถานีหลักเพียง 5 นาที Hotel Wing International เป็นโรงแรมในเครือประเภท Business Hotel ของญี่ปุ่น Business Hotel โดยทั่วไปจะค่อนข้างมีบริการที่ธรรมดาๆ แต่เน้นเป็นพิเศษในเรื่องความสะอาด พื้นที่พักผ่อนที่สะดวกสบาย ทำเลใกล้กับสถานีรถไฟหลัก พร้อมบริการอื่นๆ เช่น เครื่องซักผ้าและ Wi-Fi ฟรี โรงแรมแห่งนี้เปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2561 จึงยังใหม่มากและมีการออกแบบที่มีสไตล์ ตกแต่งภายในสไตล์อาร์ตเดคโค (การใช้เส้นโค้งและเส้นตรงที่เรียบง่ายแต่แข็งแรง) ที่ช่วยสร้างความโดดเด่นและแตกต่างจากโรงแรมในเครืออื่นๆ 

แหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการท่องเที่ยวในโอซาก้า

สรุป

การจัดทริป 1 วัน เพื่อเก็บตกสถานที่สำคัญในโอซาก้าทั้งหมดนั้นไม่ได้ยากจนเกินไป ถึงจะมีเวลาเพียงน้อยนิดก็มีอะไรให้สำรวจตั้งมากมาย! บริเวณรอบๆ สถานี Osaka และ Umeda เป็นทั้งแหล่งช็อปปิ้งและย่านร้านอาหารที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้โอซาก้ายังเป็นบ้านของสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกอย่าง Universal Studios ประจำประเทศญี่ปุ่นด้วย 

อย่างไรก็ตาม ถ้าได้ลองเที่ยวตามโปรแกรมที่เราแนะนำด้านบนนี้แล้ว รับรองว่าจะทำให้ได้สัมผัสความเป็นโอซาก้าที่แท้และกลับบ้านไปไม่เสียเที่ยวแน่นอน! และเมื่อมาเที่ยวในแถบนี้แล้ว ถ้ามีเวลาเราขอแนะนำให้ไปเที่ยวเมืองน่าสนใจใกล้เคียง อย่าง นารา เกียวโต และโกเบด้วย!

 

หากต้องการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ มีไอเดียเด็ดๆ หรือเพียงแค่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเที่ยวญี่ปุ่น เชิญชวนแวะมาทักทายเราได้เสมอที่ Facebook Twitter หรือ Instagram!

มนต์เสน่ห์คันไซ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

tsunagu
tsunagu Japan
นี่คือแอ็คเคาท์ทางการของ tsunagu japan
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร