4 วัดและศาลเจ้าใน "คาวาโกเอะ" จุดชมประวัติศาสตร์ตระกูลโทคุงาวะที่ไม่ควรพลาด!

1. วัดคาวาโกเอะ ไดชิ คิตะอิน

"วัดคาวาโกเอะ ไดชิ คิตะอิน" (Kawagoe Daishi Kita-in Temple) หรือ "วัดคิตะอิน" กสร้างขึ้นใน ค.ศ. 830 เป็นวัดพุทธที่มีชื่อเสียงและเป็นวัดหลักของนิกายเทนไดในเขตคันโต มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะในช่วงที่พระเทนไคดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส อีกทั้งยังได้รับการอุปถัมภ์จาก "โชกุน" (ผู้นำทางทหารของญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ) ตระกูลโทคุงาวะใน 3 รุ่นแรก

ด้วยเหตุนี้ เมื่อวัดคิตะอินถูกไฟไหม้ใน ค.ศ.1683 โชกุนโทคุงาวะ อิเอมิตสึจึงได้ตัดสินใจย้ายส่วนหนึ่งของปราสาทเอโดะมาใช้ในการบูรณะวัดคิตะอิน ทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่เดียวที่ยังคงมีโครงสร้างดั้งเดิมของปราสาทเอโดะหลงเหลืออยู่ เช่น โถงรับรองที่เคยเป็นสถานที่เกิดของโชกุน "โทคุงาวะ อิเอมิตสึ" และหอเขียนหนังสือซึ่งเคยเป็นห้องแต่งตัวที่ "คาซูงะ โนะ สึโบเนะ" (Kasuga no Tsubone) แม่นมที่อิเอมิตสึเคยใช้

นอกจากโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทคุงาวะแล้ว "โถงจิเก็นโดะ" (慈眼堂) ซึ่งเคยเป็นหอสวดมนต์ของเจ้าอาวาสเทนไคก็ควรค่าแก่การเยี่ยมชมเช่นกัน ที่นี่ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

สิ่งที่เป็นที่นิยมอีกอย่างหนึ่งภายในบริเวณวัด คือ รูปปั้นของ "ราคัง" (สาวกของพระพุทธเจ้า) 540 รูปที่เรียกว่า "โกะเฮียคุ ราคัง" (五百羅漢) ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 สุดยอดรูปปั้นราคังของญี่ปุ่น ใบหน้าของรูปปั้นนั้นจะมีการแสดงอารมณ์แบบมนุษย์ออกมาอย่างชัดเจน อีกทั้งรูปปั้นนี้ยังช่วยเสริมทัศนียภาพอันสวยงามของวัดได้อย่างไร้ที่ติในทุกฤดูกาลด้วย ถือเป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมเป็นอย่างมาก!

2. ศาลเจ้าเซ็มบะโทโชกู

"ศาลเจ้าเซ็มบะโทโชกู" (Semba Toshogu Shrine) เป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าโทโชกูที่สำคัญของญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดคิตะอินหลังจากโชกุนโทคุงาวะ อิเอยาสุเสียชีวิตลงที่ซุนปุ (จังหวัดชิซูโอกะในปัจจุบัน) ขณะที่มีการเคลื่อนย้ายศพไปยังนิกโก้ พระเทนไคก็ได้จัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตขึ้นระหว่างทางที่วัดคิตะอิน เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลให้มีการสร้างศาลเจ้าเซ็มบะโทโชกูขึ้นใน ค.ศ. 1633

ทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนตัวแทนที่บอกเล่าทั้งประวัติศาสตร์และความรุ่งเรืองในอดีตได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่สัญลักษณ์ "มิตสึบะ อาโออิ" (ใบฉัตรทอง 3 ใบ) ของตระกูลโทคุงาวะที่อยู่ในหอสักการะไปจนถึงแนวโคมไฟหินที่มีการสลักชื่อของขุนนางศักดินาคาวาโกเอะในรัฐบาลเอโดะ

โครงสร้างหลายอย่างในศาลเจ้าถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ เช่น ประตูคารามง, รั้วมิซูงาคิ, ไฮเด็น (สถานที่สำหรับไหว้พระขอพรซึ่งอยู่บริเวณหน้าวิหารหลัก), เฮเด็น (โถงบูชา), ประตูซุยจิมงและโทริอิหินอันสง่างาม

อาคารหลักของศาลเจ้าได้รับการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามมีสีสัน และเสาต่างๆ ในตัวศาลามีการแกะสลักลวดลายที่ละเอียดอ่อนปราณีตเช่นเดียวกับศาลเจ้าโทโชกูที่นิกโก้ด้วย

3. ศาลเจ้าคาวาโกเอะ ฮาจิมังกู

"ศาลเจ้าคาวาโกเอะ ฮาจิมังกู" (Kawagoe Hachimangu Shrine) ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1030 โดยมินาโมโตะ โยริโนบุ (ซามูไรจากตระกูลมินาโมโตะอันแข็งแกร่ง) ในฐานะ "อิจิโนะมิยะ" ซึ่งหมายถึง "ศาลเจ้าแห่งแรก" ที่อุทิศให้กับฮาจิมัง (เทพชินโตผู้อุปถัมภ์นักรบ) ในคาวาโกเอะ

หนึ่งในบรรดาผู้ศรัทธาที่มีชื่อเสียงมากมาย ได้แก่ "โอตะ โดคัง" (Ota Dokan) ผู้เป็นทั้งซามูไร นักบวช และเป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้สร้างปราสาทคาวาโกเอะและปราสาทเอโดะ ด้วยเหตุนี้หลังจากที่เขาเสียชีวิตลง สถูปของเขาจึงถูกนำมาบูชาที่ศาลเจ้าคาวาโกเอะ ฮาจิมังกูในฐานะผู้คุ้มครองปราสาท

มีนิทานพื้นบ้านหลายเรื่องที่เชื่อมโยงกับศาลเจ้าแห่งนี้ รวมถึงเรื่องของสุนัขจิ้งจอก "มินบุ" ที่อาศัยอยู่ใน "ศาลเจ้ามินบุ อินาริ" (ศาลเจ้าที่ตั้งแยกอยู่ในบริเวณศาลเจ้าคาวาโกเอะ ฮาจิมังกู เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ซุโมะ อินาริ") คนญี่ปุ่นเชื่อว่าการบริจาคแผ่นไม้ที่เรียกว่า "เอมะ" ในศาลเจ้าแห่งนี้จะช่วยป้องกันการฟกช้ำและอาการเคล็ดขัดยอกได้ จึงมีนักกีฬาจำนวนมากเดินทางมาอธิษฐานขอพรที่ศาลเจ้ามินบุ อินาริและฮาจิมังเพื่อให้ได้รับชัยชนะ

ศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักกันว่ามี "ต้นแปะก๊วยศักดิ์สิทธิ์" ที่เรียกว่า "Nuptial-Tie Gingko" อยู่ด้วย

เดิมทีต้นไม้ 2 ต้นนี้ปลูกแยกกันเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติขององค์จักรพรรดิเฮเซย์ แต่ต่อมากลับโตขึ้นและรวมเป็นต้นเดียวกัน จึงเกิดเป็นความเชื่อว่าคาวาโกเอะ ฮาจิมังกูมีพลังทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งและเป็นเหมือนศาลเจ้าแห่งการจับคู่

 

4. ศาลเจ้าคาวาโกเอะ ฮิคาวะ

เชื่อกันว่าศาลเจ้าคาวาโกเอะ ฮิคาวะ (Kawagoe Hikawa Shrine) อันเก่าแก่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 1,500 ปีที่แล้วโดยจักรพรรดิคินเมอิ และใน ค.ศ.1842 มัตสึไดระ นาริสึเนะ (ผู้ครองแคว้นคาวาโกเอะในสมัยนั้น) ก็ได้บริจาคโครงสร้างหลักที่มีการแกะสลักอย่างปราณีตให้กับทางศาลเจ้า

เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพที่เป็นคู่สมรสกัน ที่นี่จึงมีชื่อเสียงในด้านการอธิษฐานขอพรให้มีความสุขในชีวิตแต่งงาน ความสุขในครอบครัวและการหาคู่ มีคนมากมายแวะเวียนมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อเขียนคำอธิษฐานลงบน "เอมะ" (แผ่นไม้สำหรับเขียนคำอธิษฐาน) และแขวนไว้ในบริเวณซุ้มที่จัดไว้เพื่อให้ความปรารถนาของพวกเขาเป็นจริง นอกจากนี้ คุณยังสามารถเดินลอดผ่านซุ้มเอมะที่เต็มไปด้วยความฝันและคำอธิษฐานของผู้คนได้อีกด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่นิยมในศาลเจ้าคาวาโกเอะ ฮิคาวะแห่งนี้ คือ "ไอไต โอมิคุจิ" (あい鯛おみくじ) หรือคำทำนายเกี่ยวกับความรักบนแผ่นกระดาษที่ซ่อนอยู่ในงานศิลปะกระดาษรูปปลาไท เป็นเครื่องรางที่มีเอกลักษณ์ซึ่งใช้ใส่คำทำนายเรื่องความรักของผู้คน นอกจากนี้ ชื่อของเครื่องรางยังเป็นการเล่นคำพ้องเสียงของคำว่า "ไอไต" (逢いたい) ที่แปลว่า คิดถึงหรืออยากพบเจอด้วย

ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีการจัดเทศกาลกระดิ่งลมที่ผู้มาเยือนจะได้เพลิดเพลินไปกับซุ้มไม้ที่ประดับด้วยกระดิ่งลมหลากสีหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีการเขียนคำอธิษฐานลงบนแถบไม้ที่ห้อยติดกับกระดิ่งลมด้วย

ไปชมเสน่ห์ของคาวาโกเอะด้วยกันนะ!

นอกจากวัดและศาลเจ้าที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทคุงาวะแล้ว คาวาโกเอะก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมายให้ไปเยือน หากได้มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ก็ต้องไปเที่ยวให้ได้เลยนะ!

ที่มาของบทความ: Relux Magazine

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !