5 สุดยอด "ร้านข้าวหน้าปลาไหล" ต้องลองในโตเกียว
"อุนากิ" (うなぎ) หรือ "ปลาไหลน้ำจืดญี่ปุ่น" เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นอาหารอันโอชะที่สามารถหารับประทานได้ตลอดทั้งปี แต่ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูร้อน เพราะเมื่อความร้อนอันโหดร้ายสูบพลังงานของเราไปจนหมดเกลี้ยง ปลาไหลนี่เองคือเมนูที่คนญี่ปุ่นรู้กันว่าจะช่วยเติมพลังงานให้กับร่างกายได้ เนื่องจากช่วยเพิ่มความอยากอาหาร แถมยังย่อยง่ายและอุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน และแคลเซียม! ที่สำคัญ ปลาไหลเป็นวัตถุดิบแสนอร่อยที่ให้รสสัมผัสที่ละเอียดอ่อนสุดๆ ! น้ำลายไหลแล้วล่ะสิ ตามเรามาลิ้มลองปลาไหล ณ "5 ร้านข้าวหน้าปลาไหล" สุดหรูคู่เมืองโตเกียวกันได้เลย!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. Suzuki - ร้านข้าวหน้าปลาไหลที่ไฟ (เคย) ไหม้ก็ไม่หวั่น (สถานี Kamata)
สุซุกิ (寿々喜) ร้านข้าวหน้าปลาไหลชื่อดังแห่งนี้เริ่มกิจการครั้งแรกเมื่อปี 1935 ในละแวก Kanda ของเมืองโตเกียว แต่เนื่องจากเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น ร้านจึงย้ายมายังที่อยู่ปัจจุบันบริเวณคามาตะในปี 1945
ชั้นหนึ่งของร้านมีทั้งที่นั่งแบบโต๊ะธรรมดาและที่นั่งแบบซาชิกิ (โต๊ะเตี้ยสำหรับนั่งกับพื้น) ในขณะที่ชั้นสองจะมีเฉพาะที่นั่งแบบซาชิกิ
เราขอแนะนำให้ลองรับประทานอุนะจู (Unajyu / 2,600 เยน) ซึ่งเป็นข้าวในกล่องเคลือบเงารูปทรงสี่เหลี่ยมโปะหน้าด้วยปลาไหลย่างชุ่มซอสสูตรพิเศษของทางร้าน
นอกจากนี้ ทางร้านยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ภูมิใจนำเสนออย่าง อุนากิ ทาทาคิ (Unagi Tataki / 3,300 เยน) ปลาไหลย่างไฟอ่อนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำวางลงบนกองหัวหอมหั่นบางๆ และราดหน้าด้วยซอสพอนสุ (โชยุผสมกับน้ำผลไม้ตระกูลส้ม) ที่จะช่วยดึงรสชาติของปลาไหลออกมาผสมกับความสดชื่นของหัวหอมและพอนสุ
ส่วนถ้าใครอยากลองเมนูที่หรูหราขึ้นมาหน่อย ขอแนะนำให้สั่งอาหารแบบคอร์ส (เริ่มต้นที่ 5,100 เยน ต้องจองล่วงหน้า 3 วัน) อาหารเซ็ตสุดหรูประกอบไปด้วยเมนูอุนากิ ยากิโทริ (ไก่เสียบไม้ย่าง) ผักดอง ชาวังมุจิ (ไข่ตุ๋นญี่ปุ่นเนื้อเนียน) และอื่นๆ อีกมายมาย
2. Nodaiwa - ร้านข้าวหน้าปลาไหล 200 ปี (สถานี Ginza)
ร้านโนไดวะ (野田岩) เป็นร้านข้าวหน้าปลาไหลเก่าแก่ที่มีสาขาในโตเกียวทั้งหมด 4 สาขา แถมยังมีสาขาต่างประเทศอยู่ที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย
ร้านนี้ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 ทางร้านจึงภาคภูมิใจในบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมาตลอด 200 กว่าปี แม้แต่ไดเมียว (เจ้าเมืองที่มีความสำคัญรองลงมาจากโชกุน) ในสมัยนั้นยังเลือกมารับประทานอาหารที่นี่ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ในคุณภาพและรสชาติของอาหารที่ร้านข้าวหน้าปลาไหลโนไดวะ
เมนูประจำร้านคือ ชิระยากิ (Shirayaki) หรือปลาไหลย่างไม่ราดซอส (3,500 เยน) ซึ่งรังสรรค์ขึ้นด้วยกรรมวิธีดั้งเดิมแบบเดียวกับวันแรกที่เปิดร้าน คงไว้ซึ่งรสชาติที่ตกทอดกันมากว่าสองร้อยปี นอกจากนี้ยังมีอาหารแบบคอร์สสุดหรูในราคาเริ่มต้นที่ 4,800 เยน อีกด้วย อย่าลืมลองไปชิมดูล่ะ
3. Izuei - ร้านข้าวหน้าปลาไหลทายาทรุ่นที่เก้า (สถานี Ueno)
ร้านข้าวหน้าปลาไหลอิซุเออิ (伊豆栄) สร้างชื่อเสียงมายาวนานกว่า 300 ปี จนปัจจุบันธุรกิจของร้านและซอสสูตรลับอันล้ำค่าได้ตกทอดผ่านกาลเวลามาอยู่ภายใต้การบริหารของทายาทรุ่นที่เก้า ร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับรางวัลด้านอาหารตลอดมา และพวกเขายังคงปรุงข้าวหน้าปลาไหลอย่างสุดฝีมือให้ได้เป็นเมนูที่เป็นที่สุดทั้งด้านคุณภาพและราคาให้กับลูกค้าทุกๆ ท่าน
บรรยากาศในร้านเป็นแบบญี่ปุ่นแท้ๆ มีที่นั่งให้บริการทั้งแบบโต๊ะธรรมดาและแบบซาชิกิ (โต๊ะเตี้ยสำหรับนั่งนั่งพื้น)
สำหรับคนที่มาครั้งแรก แนะนำให้ลองข้าวหน้าปลาไหลใส่ในชามที่เรียกว่ามัตสุ (Matsu) ซึ่งประกอบด้วยปลาไหล 110 กรัม ซุป และผักดองเป็นเครื่องเคียง (3,240 เยน) หรือถ้าอยากลองมัตสุแบบใส่ในกล่องข้าวเคลือบเงาทรงสี่เหลี่ยมก็เลือกได้เช่นกัน
หากใครยังไม่จุใจ ขอแนะนำตัวเลือกเพิ่มเติม ได้แก่ ทาเคะ (Take) ซึ่งจะเพิ่มปลาไหลเป็น 150 กรัม (4,320 เยน) และอุเมะ (Ume) ซึ่งให้ปลาไหลมากถึง 190 กรัม (5,400 เยน)
ส่วนเมนูคอร์สจะมีราคาตั้งแต่ 6,480 เยนถึง 21,600 เยน เลือกรับประทานตามความชอบและงบประมาณของตัวเองได้เลย!
4. Unagi Hashimoto - ร้านข้าวหน้าปลาไหลติดดาวมิชลิน (สถานี Edogawabashi)
อุนากิ ฮาชิโมโตะ (はし本) คือร้านข้าวหน้าปลาไหลที่ได้รับรางวัลดาวมิชลิน ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 1835 และเจ้าของร้านคนปัจจุบันคือทายาทรุ่นที่หกแล้ว
ตัวร้านมีสองชั้น ชั้นหนึ่งมีทั้งที่นั่งแบบโต๊ะธรรมดาและแบบซาชิกิ (โต๊ะเตี้ยสำหรับนั่งกับพื้น) ส่วนชั้นสองเป็นพื้นที่สำหรับห้องส่วนตัวสามห้องด้วยกัน เมนูหลักของร้านคือ อุนะจู (Unaju) หรือข้าวหน้าปลาไหลในกล่องเคลือบเงาทรงสี่เหลี่ยม มีให้เลือกสามขนาด ได้แก่ ขนาดเล็ก (3,100 เยน) ขนาดกลาง (3,800 เยน) และขนาดใหญ่ (4,500 เยน)
ทุกเช้า เจ้าของร้านจะเป็นคนคัดเลือกปลาไหลอย่างพิถีพิถันด้วยตนเอง และนำมาผ่านการปรุงอย่างสุดความสามารถ ลูกค้าทุกท่านจึงแน่ใจได้ว่าจะได้ลิ้มรสปลาไหลที่มีผิวนอกกรอบอร่อยและเนื้อในนุ่มฟูละมุนลิ้นในทุกจาน เป็นรสชาติอันประณีตที่เกิดจากการผสมกันอย่างลงตัวของผิวนอกที่เกรียมน้อยๆ กลิ่นเฉพาะตัวของปลาไหล และรสชาติละเมียดละไมของซอสหวาน!
นอกจากเมนูข้าวหน้าปลาไหลแล้ว ทางร้านยังมีเมนูข้าวหน้าไก่และไข่ หรือโอยะโกะด้ง (Oyakodon / 1,300 เยน) ออมเล็ตกับปลาไหล (Egg Omelette with Eels) สำหรับสองคนขึ้นไป (1,700 เยนต่อคน) ก้างปลาไหลทอดกรอบ (Fried Eel bones / 250 เยน) และไก่ย่างเสียบไม้ หรือยากิโทริ (700 เยน) และเมนูน่าลองอีกมากมาย
สุดท้าย อย่าลืมทำให้มื้อของคุณสมบูรณ์แบบด้วยการเลือกเหล้าญี่ปุ่นหรือสาเกที่ชอบมาเป็นเครื่องดื่มแกล้มกับเมนูโปรด แล้วก็ดื่มด่ำความอร่อยแบบญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ได้เลย
5. Hitsumabushi Bincho - อิ่มอร่อยพลางดูเชฟย่างปลาไหลโชว์สดๆ (บริเวณ Tokyo Skytree)
ร้านข้าวหน้าปลาไหลฮิตสุมะบุชิ บินโช (ひつまぶし名古屋 備長) มีอยู่หลายสาขาในโตเกียว แต่สาขาโตเกียวสกายทรีนี้พิเศษตรงที่มีบรรยากาศทันสมัยและครัวที่เปิดให้คุณสามารถนั่งชมการย่างปลาไหลของเชฟมากฝีมือได้ระหว่างรับประทานอาหาร
เมื่อพูดถึงร้านนี้ ก็ต้องพูดถึงซอสสูตรพิเศษที่ทำจากซอสถั่วเหลืองเกรดสูง ผสมอย่างพิถีพิถันกับน้ำตาลที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี และมิริน (เหล้าหวานที่ใช้ในเมนูสไตล์ญี่ปุ่น) ซึ่งจะช่วยขับเน้นรสชาติของปลาไหลให้อร่อยขึ้นไปอีกระดับ
ร้านนี้มีเมนูหลากหลายมาก แต่เมนูยอดนิยมก็คงหนีไม่พ้นฮิตสุมะบุชิ (Hitsumabushi) หรือข้าวร้อนๆ โปะหน้าด้วยปลาไหลไม่ติดมันย่างและตัดเป็นชิ้นพอดีคำ (3,500 เยน) แน่นอนว่าเมนูคลาสสิกประจำร้านข้าวหน้าปลาไหลอย่างข้าวหน้าปลาไหลในกล่องสี่เหลี่ยมหรืออุนะจู (3,700 เยน) และข้าวหน้าปลาไหลไม่ราดซอสหรือชิระยะกิ (2,980 เยน) ก็มีขายอยู่ที่ร้านนี้เช่นกัน
ถ้าคุณอยากให้รางวัลตัวเองด้วยอาหารที่หรูหราขึ้นมาอีกหน่อย ลองสั่งเมนูที่ชื่อ Special Hitsumabushi ดูสิ (เริ่มต้นที่ 6,200 เยน) คุณจะได้ลิ้มรสข้าวร้อนหน้าปลาไหลย่างขนาดพอดีคำที่วางเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ อย่างประณีต และปรุงรสด้วยซอสหอมอร่อย
นอกจากนี้ หากคุณเหนื่อยกับการเที่ยวมาทั้งวันเกินกว่าจะรับประทานอาหารนอกบ้าน คุณยังสามารถเลือกสั่งข้าวหน้าปลาไหลกลับไปรับประทานที่ที่พักได้อีกด้วย
ข้าวหน้าปลาไหลหรืออุนากิ อาจจะเป็นเมนูที่มีราคาค่อนข้างสูงสักหน่อย แต่ว่าเมื่อนึกถึงรสชาติแสนพิเศษของมันก็นับว่าคุ้มค่า อย่าพลาดที่จะลองชิมข้าวหน้าปลาไหลสักมื้อในทริปญี่ปุ่นของคุณเพื่อเพิ่มพลังไว้ต่อสู้กับความเหน็ดเหนื่อยจากการเที่ยวในฤดูร้อนหรือฤดูไหนๆ
หากคุณมีข้อคิดเห็นเกี่ยวกับบทความของเรา มีไอเดียดีๆ ที่อยากจะนำมาบอกเล่าบนเว็บไซต์ มีเรื่องที่อยากให้เราเขียนถึง หรือมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น สามารถทักเข้ามาพูดคุยกับทีมงาน Tsunagu ได้เลยในทุกช่องทางทั้ง Facebook Twitter และ Instagram! :)
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่