50 สถานที่ที่ควรไปสัมผัสที่กินซ่า ฉบับอัพเดทปี 2024
กินซ่า ย่านช็อปปิ้งอันเป็นที่น่าหลงใหลสำหรับคนทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้ เป็นย่านที่ท่านสามารถใช้เวลาไปกับเรื่องแฟชั่น อาหารรสชาติดี รวมถึงเรื่องความบันเทิงอย่างมีระดับได้ไม่รู้จบ ซึ่งเราจะขอเลือกสรรสถานที่ที่ท่านไม่ควรพลาดในพื้นที่กินซ่า ตั้งแต่สถานที่คลาสสิกๆ ไปจนถึงสถานที่ดีๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้มานำเสนอให้ท่านได้รู้จักกัน
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. สี่แยกกินซ่า บล็อกที่ 4 (銀座4丁目交差点)
หากพูดถึงหัวใจของย่านกินซ่า เราเชื่อว่าทุกคนคงต้องนึกถึงสี่แยกกินซ่า บล็อกที่ 4 (Ginza 4-Chome) อย่างแน่นอน แค่ยืนอยู่ตรงใจกลางของแยกนี้ คุณจะสัมผัสได้ถึงความหรูหรามีระดับ ตลอดจนความมีชีวิตชีวาของย่านกินซ่าอย่างเต็มเปี่ยม ที่นี่ไม่ว่าจะกลางวันกลางคืนก็จะมีผู้คนสัญจรไปมาอย่างคึกคักอยู่เสมอ ภาพของห้างสรรพสินค้าดีไซน์หรูที่ตั้งตระหง่านขนาบ 2 ข้างทางของถนนนับเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่ไม่ว่าใครก็อยากมาแชะภาพ นอกจากนี้ยังมีร้านรวงต่างๆ เบียร์ฮอลล์ที่มีมาแต่อดีต ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ตลอดจนคาเฟ่เก๋ๆ มากมาย ใครที่มาเที่ยวย่านกินซ่าแล้วไม่รู้จะเริ่มที่ไหน เราขอแนะนำให้เริ่มจากที่นี่เลย!
2. ช็อปปิ้งที่ถนนสายหลักกินซ่า (銀座中央通り)
Ginza Central Street หรือถนนสายหลักกินซ่าแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของแฟชั่นและแบรนด์เนมเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าคุณจะมองหาสินค้าแฟชั่นจากดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่น หรือแบรนด์หรูระดับโลกก็หาได้ที่นี่ทั้งสิ้น แน่นอนว่าสกินแคร์ เมคอัพ ไปจนถึงร้านเครื่องประดับต่างตั้งเรียงรายรอให้คุณแวะไปช็อป บอกเลยว่าแค่เดินดูอย่างเดียวก็เพลิดเพลินได้ไม่รู้จบแล้ว จะแวะมาช็อปปิ้งหรือมาเดินเล่นและแวะจิบชาดีๆ ที่คาเฟ่มีระดับที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในถนนสายนี้ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย
3. SHISEIDO THE STORE
แม้ย่านกินซ่าจะเต็มไปด้วยร้านสกินแคร์และเครื่องสำอางค์มากมาย แต่หากพูดถึงแบรนด์สุดพรีเมียมอย่างชิเซโด้แล้วก็ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน! โดยร้าน Shiseido the Store สาขานี้มีขนาดใหญ่ถึง 4 ชั้น คุณสามารถเลือกสรรบรรดาผลิตภัณฑ์ของชิเซโด้ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ เครื่องสำอางค์ ตลอดจนน้ำหอมได้ตั้งแต่เดินเข้าร้านในชั้นแรก และรับคำแนะนำเรื่องการดูแลผิวและใบหน้าของคุณจากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามได้ในชั้น 2 พบกับสปาสุดพรีเมียม และรายการทรีทเมนต์ความงามที่รังสรรค์มาให้เฉพาะสำหรับคุณในชั้น 3 นอกจากนี้ยังมีซาลอนผมและบริการแต่งหน้าสุดพิเศษในชั้นที่ 4 ด้วยนะ
แอบกระซิบว่าตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2024 เป็นต้นไป จะมีผู้เชี่ยวชาญด้าน Color analysis มาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโทนสีประจำตัวสำหรับลูกค้าที่สนใจด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนของแบรนด์ชิเซโด้อยู่แล้วหรือไม่ หากได้ลองแวะมาที่สาขานี้ รับรองว่าถูกใจแน่นอน!
4. ร้านเครื่องเขียนกินซ่าอิโตยะ (銀座伊東屋)
หากจะเรียกร้านเครื่องเขียนอิโตยะว่าเป็น "สวรรค์ของคนรักเครื่องเขียน" ก็คงไม่ผิดนัก ด้วยประวัติอันยาวนานกว่า 120 ปี แบรนด์นี้มีคอนเซปท์เฉพาะตัวซึ่งก็คือ "เติมความสวยงามและสบายใจให้แก่เวลาแห่งความสร้างสรรค์" แน่นอนว่าสาขาหลักที่กินซ่าแห่งนี้มีขนาดใหญ่ถึง 12 ชั้น และรวบรวมไว้ซึ่งสินค้าเครื่องเขียน ของใช้ทั้งในบ้านและที่ทำงาน ตลอดจนสินค้าสำหรับงานอดิเรกต่าง ๆ ไว้อย่างครบครัน อีกทั้งยังมีการจัดอีเวนท์ต่างๆ อยู่เป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นงานเวิร์คช็อป ท็อล์คโชว์ งานจัดแสดงศิลปะ ตลอดจนกิจกรรมสำหรับคุณหนูๆ ที่สามารถสนุกได้ทั้งครอบครัว ไม่ว่าใครก็สามารถเพลิดเพลินกับสวรรค์น้อยๆ ของคนรักเครื่องเขียนแห่งนี้ได้ทุกเพศทุกวัยเลยล่ะ
5. บาร์ลูแปง (銀座ルパン)
หากใครชื่นชอบการได้นั่งจิบเครื่องดื่มดีๆ ในบาร์เก่าแก่สไตล์เรโทรล่ะก็ เราขอแนะนำบาร์ลูแปง (Lupin) แห่งนี้เลย บาร์เล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินแห่งนี้ได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1928 และแม้ทางร้านจะต้องปิดให้บริการชั่วคราวในช่วงหลังสงคราม ทว่าก็ยังคงได้รับความนิยมมาตลอด แม้ตัวบาร์จะมีขนาดเล็ก ทว่าการตกแต่งร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และแสงไฟสีส้มอุ่นๆ ทำให้บาร์แห่งนี้กลายเป็นฐานทัพลับๆ ให้แก่เหล่านักประพันธ์ชั้นแนวหน้าในยุคโชวะของญี่ปุ่นแวะเวียนมาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอังโงะ ซากางุจิ (坂口安吾) โอซามุ ดาไซ (太宰治) ชินอิจิ โฮชิ (星新一) เป็นต้น มีนักเดินทางจำนวนไม่น้อยที่แวะมาที่บาร์แห่งนี้เพื่อลิ้มลองเครื่องดื่มที่นักเขียนในดวงใจชอบสั่งด้วยล่ะ
ว่ากันว่าเหล้าไฮบอล (เครื่องดื่มที่ทำจากวิสกี้หรือเหล้าที่ผสมกับโซดาหรือน้ำขิงและเสิร์ฟในแก้วทรงสูง) ที่เจ้าของร้านเป็นคนชงนั้น มีรสชาติลึกล้ำและให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด หากได้ลองแวะมาบาร์เล็กๆ ที่เป็นที่รักในแวดวงศิลปินแห่งนี้ คุณอาจจะได้ทั้งไอเดียดีๆ และความทรงจำไม่รู้ลืมกลับไปก็ได้นะ
6. โรงละครคาบุกิสะ (歌舞伎座)
อาคารสีงาช้างที่มีรูปทรงสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมนี้ นับเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมอันสำคัญแห่งหนึ่งในย่านกินซ่าเพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของคาบุกิสะ หรือโรงละครคาบุกิซึ่งถูกก่อตั้งครั้งแรกในปีค.ศ. 1889 ก่อนจะผ่านการบูรณะฟื้นฟูมานับครั้งไม่ถ้วน โดยภายหลังจากการรีโนเวทครั้งล่าสุดที่เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา ปัจจุบันโรงละครแห่งนี้สามารถรองรับผู้ชมได้กว่า 1,900 ที่นั่ง มาพร้อมทั้งระบบเสียงที่ทันสมัยและคำแปลภาษาอังกฤษ ให้ผู้ชมต่างชาติสามารถเพลิดเพลินไปกับละครคาบุกิซึ่งนับเป็นศิลปะการละครโบราณของญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่
นอกจากจะสามารถดื่มด่ำกับการแสดงแล้ว โรงละครแห่งนี้ยังมีแกลเลอรี ร้านอาหารและของฝาก ตลอดจนสวนสไตล์ญี่ปุ่นบนชั้นดาดฟ้าที่ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลายอีกด้วย เหมาะจะแวะมาพักผ่อนในวันที่อากาศดีมากเลยล่ะ
7. ตลาดนอกสึคิจิ (築地場外市場)
พื้นที่ในละแวกสึคิจิยงโจเมะ (สึคิจิหมู่ 4) และโรคุโจเมะ (สึคิจิหมู่ 6) ในเขตจูโอนั้นถูกเรียกรวมกันว่าสึกิจิโจไก หรือตลาดนอกสึกิจิ หนึ่งในตลาดปลาชื่อดังในโตเกียวที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหารทะเลน้อยใหญ่ มีผลิตภัณฑ์จากทะเลสดๆ ให้คุณได้เลือกอย่างจุไจ คับคั่งด้วยบรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวาตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ว่าคุณจะอยากรับประทาน กุ้ง หอย ปู ปลา ก็มีพร้อม หรือจะเป็นวัตถุดิบทะเลขึ้นชื่ออย่างไข่ปลาแซลมอน หอยเม่น รวมถึงปลาทูน่าที่ตกขึ้นมาสดๆ ใหม่ ๆ ก็มีมาส่งที่นี่อยู่ตลอด ภาพของผู้คนที่มาต่อแถวซื้อซูชิ ข้าวหน้าทะเล และเทนด้ง (ข้าวหน้าเทมปุระ) กันตั้งแต่เช้าจึงมีให้เห็นอย่างคุ้นตา แถมที่นี่ยังมีร้านขายอุปกรณ์เครื่องครัวที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อพร้อมรับ Tax refund ได้จำนวนไม่น้อยเลยล่ะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราอยากแนะนำให้คุณมาสัมผัสกับเสน่ห์และกลิ่นอายของตลาดอาหารทะเลสดด้วยตัวเอง แต่แอบกระซิบว่าตลาดสดแห่งนี้เปิดตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงช่วงเที่ยงและบ่ายแก่ๆ หากมาช่วงเย็นเกินไป ระวังจะพลาดของดีเอานะ
8. ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว Sony Park Mini
ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ที่โครงการ Sony Park Mini แห่งนี้ เป็นสเปซเล็กๆ ที่ให้บริการสนับสนุนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะข้อมูลสถานที่และกิจกรรมในกินซ่าในแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยข้อมูลและไอเดียต่างๆ ก็ถูกนำเสนอโดยหนุ่มสาวและผู้คนที่อาศัยและแวะเวียนมาที่ย่านกินซ่าบ่อยๆ นั่นเอง เหมาะสำหรับคนที่มองหาอะไรทำนอกเหนือจากการเดินช็อปปิ้งทั่วไป แม้ปัจจุบันโครงการนี้จะปิดให้บริการไปแล้ว แต่คุณยังสามารถเข้าไปดูแผนที่และรายการกิจกรรมที่ทางทีมงานรวบรวมไว้ได้นะ ไม่ว่าคุณจะนึกอยากดื่มชานมไข่มุก มองหาร้านที่ขายเสื้อผ้าวินเทจ อยากชมร้านขายต้นไม้น่ารักๆ หรือแวะชมมิวเซียมต่างๆ ที่นี่รวบรวมไว้ให้คุณแล้ว!
※โครงการนี้ได้ปิดทำการแล้ว
9. ห้างสรรพสินค้ากินซ่ามิตสึโกชิ (銀座三越)
ณ ใจกลางของแยกกินซ่าหมู่ที่ 4 คุณจะได้พบกับแลนด์มาร์คสำคัญของย่านกินซ่า ได้แก่ ห้างสรรพสินค้ามิตสึโกชิ (Ginza Mitsukoshi) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงข้ามกับห้างสรรพสินค้าวาโค (Ginza Wako) โดยห้างมิตสึโกชิแห่งนี้นับเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความมีระดับของย่านกินซ่า ครอบคลุมพื้นที่ 15 ชั้นและจัดจำหน่ายสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องเพชรและเครื่องประดับ ตลอดจนสินค้าแบรนด์เนมทั้งในและต่างประเทศ เรียกได้ว่าภาพของคุณหญิงคุณนายที่สวมชุดกิโมโนมีระดับมาเดินห้างนั้นเป็นภาพที่เห็นอยู่คุ้นตา และหากใครหามุมถ่ายรูปกับแลนด์มาร์คของห้างนี้ เราแนะนำให้แวะไปถ่ายรูปกับรูปปั้นสิงโตทองแดงที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้า ซึ่งถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมในย่านนี้เลยทีเดียว
10. ยูนิโคล่ (ユニクロ)
จากบรรดาร้าน Uniqlo กว่า 2,000 สาขาทั่วโลก Uniqlo Flagship store ที่กินซ่าแห่งนี้ นับเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่กว่า 12 ชั้น คุณสามารถสัมผัสถึงเอกลักษณ์ของยูนิโคลสาขานี้ได้ตั้งแต่ในก้าวแรกที่เดินเข้าร้าน ด้วยขนาดร้านที่ใหญ่กว้างขวาง และการตกแต่งที่ผสานเอาศิลปะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอย่างกลมกลืน ให้ความรู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของยูนิโคล แน่นอนว่าที่นี่มีสินค้าของยูนิโคลทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสินค้าสำหรับผู้ชาย ผู้หญิง เด็กและเด็กเล็ก ตลอดจนเสื้อยืดกราฟฟิคที่คอลแลปร่วมกับแบรนด์และศิลปินน้อยใหญ่ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีบริการออกแบบเสื้อยืดและกระเป๋าผ้าตามใจคุณ แถมยังมีร้านกาแฟ Uniqlo Coffee ที่ตั้งอยู่บนชั้น 12 ด้วย หลังจากเดินชอปในสาขาที่ใหญ่ขนาดนี้มาทั้งวัน ให้รางวัลคุณด้วยกาแฟสักแก้วก็คงดีไม่น้อยเลย
11. บุลการี กินซ่า บาร์ (BULGARI GINZA BAR)
หากพูดถึงกินซ่า ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องนึกถึงความหรูหรามีระดับ แน่นอนว่าที่ Bulgari Ginza Bar แห่งนี้ ท่านจะได้ลิ้มลองของหวานและเครื่องดื่มสุดพรีเมียมสมความเป็นกินซ่า หากแวะมาในช่วงกลางวัน คุณสามารถอิ่มอร่อยกับเมนูมื้อเที่ยง หรือสั่งอาฟเตอร์นูนทีที่ประกอบด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยและของหวานกว่า 13 ชิ้น เสิร์ฟมาในกล่องสำรับ 3 ชั้นอย่างพิถีพิถัน แต่หากแวะมาในช่วงเย็น เราขอแนะนำให้คุณมาเพลิดเพลินกับบาร์ค็อกเทล ที่รังสรรค์เมนูคลาสสิกต่างๆ ตลอดจน Signature cocktail ที่ขึ้นชื่อของบุลการี ถ้าถามว่าที่นี่พิเศษขนาดไหน ก็ต้องขอการันตีด้วยรางวัลหนึ่งใน 50 บาร์ที่ดีที่สุดในโลก (50 Best Bars' Discovery list) ในปีค.ศ. 2024 ที่ผ่านมาเลยทีเดียว!
12. ช็อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีที่ LAOX (ラオックス)
ที่นี่เป็นร้าน Flagship store ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นของเครือร้านสินค้าปลอดภาษีอย่าง LAOX ด้วยความที่เป็นร้านค้าปลอดภาษีที่รวบรวมสินค้าเครื่องใช้ญี่ปุ่นคุณภาพดีได้มากมาย จึงเป็นร้านที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ยา ของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือของฝากสำหรับแจก ถ้าท่านได้มาที่นี่ก็คิดว่าจะได้ของส่วนใหญ่ครบเลยล่ะ แล้วก็อย่าลืมพกพาสปอร์ตไปด้วยนะ!
※สาขานี้ได้ปิดกิจการแล้ว
13. ช็อปปิ้งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่โตคิวแฮนส์ (東急ハンズ) ใน MARRONNIER GATE (マロニエゲート)
เป็นที่รู้กันดีว่าที่ญี่ปุ่นมีเครื่องเขียน ของใช้กระจุกกระจิก และสินค้าเบ็ดเตล็ดคุณภาพสูงอยู่มากมาย หากคุณอยากช็อปสินค้าเบ็ดเตล็ดที่กินซ่าละก็ เราขอแนะนำให้แวะมาที่โตคิวแฮนส์ สาขาห้างสรรพสินค้า MARRONNIER GATE โดยห้างแห่งนี้สร้างขึ้นมาด้วยคอนเซปท์การดึงดูดผู้หญิงวัยทำงาน และแน่นอนว่าโตคิวแฮนส์สาขานี้นั้นเป็นศูนย์รวมสินค้ากุ๊กกิ๊ก และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ดหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเขียน อุปกรณ์ใช้ในบ้าน อุปกรณ์เดินป่า เครื่องประดับตกแต่ง ไปจนถึงสินค้า DIY ประเภทต่างๆ ขอบอกว่าแค่ได้เดินอย่างเดียวก็เพลินมากเลยล่ะ
14. กินซ่าฮาคุฮินคัง (銀座博品館) TOY PARK
นอกจากกินซ่าจะเป็นสวรรค์ของนักช็อปปิ้งหลายๆ ท่านแล้ว รู้หรือไม่ว่าที่นี่มีสวรรค์สำหรับคุณหนูๆ ตลอดจนนักสะสมของเล่นไม่ว่าจะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ด้วยนะ เพราะที่ "กินซ่าฮาคุฮินคัง" หรือ Hakuin Toy Park แห่งนี้ นับเป็นห้างสรรพสินค้าของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นนั่นเอง ตั้งแต่ชั้นใต้ดินไปจนถึงชั้น 4 ที่นี่มีการแบ่งโซนสินค้าไว้อย่างเป็นสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นของเล่นสำหรับเด็ก ตุ๊กตาแฟชั่นลิขสิทธิ์ สินค้าเกมส์และงานอดิเรก ตลอดจนของสะสมอย่างโมเดลจำลอง ท่านไหนที่มีเวลาแวะมาโตเกียวสั้นๆ แต่ไม่มีโอกาสได้ไปย่านร้านอนิเมะใหญ่ๆ อย่างอากิฮาบาระ (秋葉原) หรืออิเคะบุคุโระ (池袋) รับรองว่าถ้าได้มาที่นี่ก็คงไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
15. ช็อปเครื่องรางเซนจาฟุดะ (千社札ストラップ) ที่ร้าน STOCK+
ใครที่เบื่อการซื้อเครื่องรางญี่ปุ่นตามวัดหรือศาลเจ้าที่หน้าตาเหมือนๆ กันไปหมดแล้ว สนใจรับเซนจาฟุคุดะที่มีหนึ่งเดียวในโลกไปไว้บ้างไหม? เซนจาฟุคุดะนั้นหมายถึงป้ายชื่อไม้แกะสลักที่ผู้ชมจะได้เป็นที่ระลึกจากการชมละครที่โรงละครอย่างคาบุกิสะ เป็นที่รู้จักกันในฐานะยันต์ที่ทิ้งไว้ที่แผ่นดินเพื่อเป็นที่ระลึกในการนมัสการศาลเจ้า ซึ่งแม้แต่ในปัจจุบันเองก็ยังเป็นไอเท็มที่คนในวงการบันเทิงรวมถึงเกอิชานิยมพกติดตัวไว้ โดยคุณสามารถสลักชื่อของท่านเป็นตัวคันจิลงไปในแผ่นไม้ได้อีกด้วย จะพกติดตัวเองหรือให้เป็นของขวัญก็คงถูกใจผู้รับไม่ต่างกัน ส่วนราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 1,700 - 2,800 เยนเท่านั้น นับว่าเป็นไอเดียของขวัญที่เก๋ไม่แพ้ใครเลย
16. ขนมอังปังร้านคิมุรายะ (キムラヤのあんぱん)
ร้านคิมุรายะแห่งนี้ นับเป็นร้านเบเกอรี่เก่าแก่ที่ได้ชื่อว่าเป็นร้านเบเกอรี่แห่งแรกในญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นผู้คิดค้นขนม "อังปัง (あんパン)" ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีขึ้นมาเป็นที่แรก อังปังนับเป็นขนมที่ผสมผสานวัฒนธรรมการกินขนมปังอย่างตะวันตก เข้ากับรสชาติที่คุ้นเคยของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้าด้วยกันเป็นอย่างดี นับตั้งแต่ที่ร้านคิดค้นและวางขายอังปังตั้งแต่ปีค.ศ. 1874 ขนมชนิดนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในหมู่คนญี่ปุ่นเรื่อยมา จนทุกวันนี้ร้านก็ได้แผ่ขยายสาขาไปทั่วประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีสินค้าที่มีรสชาติตามฤดูกาลวางจำหน่ายตลอดปี ใครชอบเบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่นบอกเลยว่าห้ามพลาด
17. กินซ่าอาซามิ (銀座あさみ)
"กินซ่าอาซามิ" เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ ที่เปิดทำการมาแล้วกว่า 24 ปี ภายในมีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์และห้องพักส่วนตัวร้องรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มถึง 3 ห้อง ให้บรรยากาศทั้งอบอุ่นและสงบเงียบ โดยของขึ้นชื่อของที่นี่คือไทฉะสึเคะ (鯛茶漬け) (ข้าวต้มชาเขียวใส่ปลาไท) ที่ใส่ปลาไทสด ๆ ใหม่ ๆ ปรุงและเสิร์ฟอย่างมีระดับ เหมาะสำหรับจะรับประทานในมื้อกลางวัน และหากแวะมาในช่วงเย็น ท่านก็สามารถเลือกเมนูอาหารทะเลที่ทางร้านเลือกวัตถุดิบสดใหม่จากตลาดปลาโทโยสุได้ในทุกวันอีกด้วย นับว่าเป็นร้านที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับด้วยคุณภาพและความพิถีพิถันใส่ใจของทางร้านเลยล่ะ
18. มิโดริซูชิ (美登利寿司)
ใครว่าที่กินซ่ามีแต่ของแพง เพราะที่ร้าน "มิโดริซูชิ" แห่งนี้เสิร์ฟซูชิคุณภาพดี สดใหม่ไม่แพ้ร้านหรูๆ ในกินซ่า ในราคาที่จับต้องได้ ที่นี่เป็นร้านซูชิชื่อดังที่มีผู้คนต่อแถวโดยไม่ขาดสายในทุกวัน โดยของขึ้นชื่อของร้านนี้ คือ นิกิริซูชิปลาไหลทะเลยักษ์ ซึ่งเป็นสุดยอดเมนูที่เสิร์ฟปลาไหลทะเลไซส์ใหญ่ที่ทานไม่หมดในคำเดียว ท็อปบนข้าวซูชินุ่มๆ เป็นความอร่อยที่ลงตัวสุดๆ ใครที่อยากแวะมาชิมความอร่อยที่นี่ ขอบอกว่าทางร้านไม่รับจองออนไลน์นะจ๊ะ สามารถมาต่อคิวเข้าแถวได้ตั้งแต่ 10 โมงเช้าของทุกวัน
19. ตลาดปลาสึคิจิ (築地市場)
ตลาดปลาสึคิจิที่ขึ้นชื่อในฐานะศูนย์กลางตลาดขายส่งในญี่ปุ่นนั้น เป็นสถานที่มีชาวประมงมารวมตัวกันแต่เช้ามืด แล้วประมูลราคาปลากันอย่างมีชีวิตชีวา ซึ่งถ้าท่านได้จองคิวไว้ก็จะสามารถเข้าชมการประมูลได้ด้วย ดังนั้นเราขอแนะนำให้เช็คไว้ก่อนล่วงหน้า อีกทั้งเมื่อเลยช่วงบ่ายก็จะมีร้านที่ปิดร้านอยู่มาก ฉะนั้นขอให้แวะไปเยือนแต่เช้าตรู่เลยจะดีกว่า
※ปัจจุบันตลาดแห่งนี้ได้ทำการย้ายไปที่ตลาดโทโยสุโดยถาวร
20. สวนฮามะริคิว (浜離宮恩賜庭園)
หากเดินจากตลาดปลาสึคิจิเพียงประมาณ 10 นาที ท่านจะได้พบกับสวนฮามะริคิว ที่เรียกได้ว่าเป็นดั่งโอเอซิสใจกลางเมืองใหญ่ สวนสวยที่อยู่ท่ามกลางตึกระฟ้าแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ครั้งนึงเคยเป็นสมบัติของโชกุนสืบมาหลายต่อหลายรุ่น ก่อนจะกลายมาเป็นสวนของจักรพรรดิ และเปิดสู่สาธารณชนต่อมาในปี 1948 โดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพของพืชพันธุ์ต้นไม้และดอกไม้ในสวนแล้ว เนื่องจากสวนตั้งอยู่ในบริเวณที่ใกล้กับอ่าวโตเกียว ระดับน้ำขึ้นและลงของน้ำในบ่อใหญ่ใจกลางสวนจึงสอดคล้องกับระดับน้ำทะเลนั่นเอง นับเป็นอีกเสน่ห์เฉพาะตัวของสวนฮามะริคิวแห่งนี้ จะแวะมาชมดอกซากุระในเดือนเมษายน หรือแวะมาจิบมัทฉะรสชาติดีที่ร้านน้ำชาในสวน เพื่อพักผ่อนจากการช็อปปิ้งก็คงดีไม่น้อย
หน้าต่อไป : สิ่งที่น่าไปสัมผัสที่ย่านกินซ่า อันดับที่ 21-40
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่