สถานที่ดีๆ ที่คนไม่รู้จัก 6 แห่งรอบอาซากุสะที่สนุกไปกับเด็กๆ ได้
"อาซากุสะ" เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายสไตล์ย่านพ่อค้าและช่างฝีมือ ซึ่งโดดเด่นถึงขั้นเป็นตัวแทนของโตเกียวเลยก็ว่าได้ ซึ่งการท่องเที่ยวโดยพาเด็กๆ มาในสถานที่ที่เนืองแน่นอยู่เสมอไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์สถานที่ขึ้นชื่ออย่างวัดเซนโซจิ (浅草寺) หรือประตูคามินาริมง (雷門) ที่โด่งดัง รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาเดินรับประทานอาหารนั้น ก็คงจะลำบากพอสมควรใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นในคราวนี้ เราจะมานำเสนอสถานที่ดีๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักที่สามารถทำให้ท่านพึงพอใจได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. Cocomo สถานที่แปลงโฉมเป็นไมโกะ/เกอิชา [อาซากุสะ]
เมื่อมาถึงประเทศญี่ปุ่น สิ่งแรกที่เราอยากให้ท่านมาสัมผัสประสบการณ์ก็คือ "ชุดกิโมโน (着物)" นั่นเอง ถ้าท่านได้สวมชุดกิโมโนแล้วมาเดินเล่นสบาย ๆ ตามอาคารบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแล้วล่ะก็ คงจะได้ลิ้มรสความรู้สึกที่ราวกับว่าได้เดินทางข้ามกาลเวลามายังประเทศญี่ปุ่นยุคสมัยเก่าแก่ ซึ่งแม้ว่าที่อาซากุสะจะมีร้านที่ให้เช่าชุดกิโมโนเรียงรายอยู่หลายแห่งก็จริง แต่ร้านที่เราอยากจะแนะนำเป็นพิเศษก็คือร้านนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเดินเท้ามาได้ใน 30 วินาทีจาก "ประตูคามินาริมง (雷門)" และ "วัดเซนโซจิ (浅草寺)" ที่ได้รับความนิยมในฐานะแหล่งท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม ดังนั้น แม้ว่าจะท่านจะเพิ่งเคยมาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกก็วางใจได้ แน่นอนว่าที่ร้านนี้มีชุดกิโมโนให้เช่า รวมถึงยังมีของกระจุกกระจิกอย่างพวกรองเท้าและกระเป๋าให้เช่าอีกด้วย ท่านจึงไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมอะไรมาล่วงหน้าเลย นอกจากนี้ ยังมีบริการรับฝากสัมภาระซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่ายินดีมากๆ สำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
สำหรับที่ร้านนี้จะมีแพลนเช่าชุดกิโมโนในราคาตั้งแต่ 3,900 เยน (ไม่รวมภาษี) ขึ้นไป ซึ่งนอกจากผู้หญิงจะได้สวมชุดกิโมโนธรรมดาๆ แล้ว ยังสามารถเช่าชุดสุดหรูหราที่ "โอยรัน (花魁)" สวมใส่ (โอยรัน หมายถึง นางโลมชั้นสูงในช่วงกลางของศตวรรษที่ 18) และ "ไฮคาระซัง (はいからさん)" (สไตล์ชุดกิโมโนที่สวมใส่เป็นชุดนักเรียนหญิงในช่วงปี 1890-1930) ได้อีกด้วย จึงแนะนำสำหรับผู้ที่อยากเดินชิลๆ ในชุดสุดพิเศษเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับผู้ชายเองก็มีแพลนในราคาเดียวกันอยู่ด้วย ซึ่งจะสามารถเลือกสวม "ชุดยูกาตะ (浴衣)" "กางเกงฮากามะ (袴)" (เครื่องแต่งกายที่มีรอยพับที่สวมทับชุดกิโมโนคลุมตั้งแต่เอวไปจนถึงเท้า คล้ายกางเกงสไตล์ตะวันตก) และ "ชุดซามูไร/นินจา" ได้ อีกทั้งยังสามารถเลือกดาบญี่ปุ่นเป็นออปชั่นเสริมได้ด้วย สำหรับท่านที่ชอบอะไรที่เต็มรูปแบบมาลองเช่าไปด้วยก็น่าจะดี นอกจากนี้ ที่นี่ยังจัดเตรียมชุดซามูไร/นินจา กางเกงฮากามะ ชุดยูกาตะ และชุดกิโมโนสำหรับเด็กไว้ด้วย การที่สามารถมาสนุกไปด้วยกันได้ทั้งครอบครัวก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของร้านนี้
นอกจากบริการเช่าชุดกิโมโนแล้ว ก็ยังมีแพลนถ่ายภาพโดยช่างกล้องมืออาชีพ ซึ่งจะแต่งตัวเป็นบุคคลที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นไมโกะ (舞妓 หมายถึง นางรำ) โอยรัน ซามูไร/นินจา หรือนักแสดงละครคาบุกิ (歌舞伎) แล้วมาถ่ายรูปให้ที่สตูดิโอภายในร้าน แต่ถ้าท่านจะเลือกแพลนเดินเล่นไปพลางถ่ายรูปไปพลาง ซึ่งจะออกไปข้างนอกพร้อมๆ กับเจ้าหน้าที่ก็สามารถทำได้เช่นกัน
2. Jidaiya Edokura [อาซากุสะ]
"Jidaiya Edokura (時代屋江戸蔵)" สถานที่เพื่อการสัมผัสวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ค่อนข้างใกล้กับสถานีรถไฟแห่งนี้ ท่านสามารถมาสัมผัสไปกับวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้ง่ายๆ เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับเด็กๆ และคนที่เบื่อง่ายเวลาที่ไปเดินชมแหล่งท่องเที่ยวเฉยๆ อีกทั้ง ที่นี่ยังจัดเตรียมของที่จำเป็นไว้พร้อมทุกอย่าง จึงเป็นอะไรที่น่ายินดีมากๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระเยอะ
สำหรับท่านที่อยากจะสนุกไปด้วยกันกับลูกๆ ก็มาลอง "สัมผัสประสบการณ์การเขียนชื่อลงโคมไฟโชจิน (7,000 เยน (ไม่รวมภาษี))" และ "สัมผัสประสบการณ์การเขียนชื่อลงโคมไฟอันดง (5,000 เยน (ไม่รวมภาษี))" กันดูค่ะ โคมไฟโชจิน นั้นหมายถึงโคมไฟแบบพกพาที่ใส่เทียนไว้ในเรือนไฟทรงกรงนกที่คลุมด้วยกระดาษ ส่วนโคมไฟอันดง นั้นหมายถึงอุปกรณ์ให้แสงสว่างที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงแทนเทียนนั่นเอง (โดยมากจะตั้งไว้ในห้อง) ซึ่งการสัมผัสประสบการณ์นี้ ท่านจะได้สร้างสรรค์โคมไฟโชจินหรือโคมไฟอันดงที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก โดยสามารถเขียนชื่อ ตัวอักษรที่ชอบ หรือวาดลายภาพลงบนกระดาษที่จะใช้คลุมโคมไฟได้ เพราะเป็นงานศิลปหัตถกรรมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั่นเอง มันจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการให้เป็นของฝากอีกด้วย
นอกจากนี้ ท่านยังสามารถมาสัมผัสประสบการณ์การเล่น "ชามิเซน (三味線 หมายถึง เครื่องดนตรีสามสายของญี่ปุ่น)" ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้อีกด้วย (5,000 เยน (ไม่รวมภาษี)) ซึ่งอาจารย์ผู้สอนจะคอยแนะนำให้ตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของชามิเซน วิธีถือ และวิธีเล่นให้ทั้งหมด แม้แต่ผู้ที่เพิ่งเคยเล่นเป็นครั้งแรกก็วางใจได้ อีกทั้ง ยังมีตัวเลือกเสริมเป็นแพลนสวมชุดกิโมโนแล้วลองเล่นชามิเซน (9,000 เยน (ไม่รวมภาษี)) อยู่ด้วย จึงแนะนำสำหรับผู้ที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้มากขึ้นไปอีกเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความที่เป็นเครื่องดนตรีที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้มาสัมผัสนั่นเอง เราก็คงอยากที่จะให้เด็กๆ ได้มาลองสัมผัสกันดูสักครั้งใช่ไหมล่ะ
3. Asakusa Hanayashiki [อาซากุสะ]
"Asakusa Hanayashiki (浅草花やしき)" ที่เลื่องชื่อในอาซากุสะนี้ เป็นสวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่เปิดสวนสนุกถึงกว่า 160 ปีเลยทีเดียว ซึ่งที่นี่มีเครื่องเล่นต่างๆ ถึงกว่า 20 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นคลาสสิกอย่างรถไฟเหาะหรือม้าหมุน รวมถึงบ้านผีสิงและ "มุมงานวัด" ที่จำลองร้านค้าแผงลอยที่เป็นที่นิยมในงานเทศกาลของญี่ปุ่นขึ้นมาด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอแนะนำเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่พาเด็กอายุตั้งแต่ 4 ขวบลงไปมาด้วย แม้ว่าด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย เด็กที่อายุตั้งแต่ 4 ขวบลงไปจะต้องมีผู้ที่อยู่ในระดับมัธยมต้นขึ้นไปมาเป็นผู้ดูแลด้วยก็ตาม แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่คิดค่าใช้จ่ายในการขึ้นพาหนะเครื่องเล่นสำหรับผู้ดูแล 1 คนนั้น นั่นก็หมายความว่าผู้ดูแล 1 คนนั้นจะจ่ายแค่ค่าเข้าสวนสนุกเท่านั้น จากนั้นก็สามารถสนุกไปกับพาหนะเครื่องเล่นได้เกือบทั้งหมดเลย เพียงแต่ว่าสำหรับบางเครื่องเล่น อาจจะมีการกำหนดอายุของผู้ดูแลหรืออาจไม่ฟรีด้วย ฉะนั้น ขอให้สอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ให้แน่ใจก่อนด้วยนะ
เครื่องเล่นที่เป็นที่นิยมของที่นี่ก็คือ "เขาวงกตอาซากุสะ ป้อมปราการนินจา (浅草大迷路 忍ノ砦) (400 เยน (รวมภาษี))" ที่จะเดินหน้าข้ามกับดักที่นินจาวางไว้ ซึ่งเราจะต้องก้าวข้ามอุปสรรคและกลไกต่าง ๆ นานาไม่ว่าจะเป็นห้องที่เต็มไปด้วยคูน้ำหรือกำแพงเอียงแล้วมุ่งหน้าสู่เส้นชัย ตัวอาคารเป็นอาคาร 3 ชั้นซึ่งในขณะที่เราไม่ทันรู้ตัวก็จะถูกย้ายตำแหน่งบนล่างซ้ายขวา ทำให้ประสาทรับรู้ด้านทิศทางอืดลง พอรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในเขาวงกตไปซะแล้ว เรียกได้ว่าเป็นเครื่องเล่นรูปแบบเขาวงกตขนาดใหญ่ยักษ์ที่ต้องมาท้าชนโดยใช้ทั้งมันสมองและร่างกายเลยก็ว่าได้ (กำหนดสำหรับผู้ที่อายุ 3 ขวบขึ้นไป) ท่านสนใจที่จะมาท้าทายความสามารถไปพร้อมๆ กับเด็กๆ ดูหน่อยไหม?
4. Asakusa ROX Matsuri-yu [อาซากุสะ]
ถ้าหากว่าท่านต้องการเยียวยาร่างกายที่เหนื่อยล้ามาจากการท่องเที่ยวก็ต้องที่นี่เลย มันอยู่ใน "Asakusa ROX (浅草ROXまつり湯) " อาคารขนาดใหญ่ที่โดดเด่นดึงดูดสายตาและอยู่ตรงหน้าสถานีรถไฟเลย ที่นี่มีห้องอาบน้ำ 11 รูปแบบและซาวน่า 3 รูปแบบอยู่อย่างเพียบพร้อม สถานที่รับประทานอาหารอีก 2 แห่ง ที่นั่งเอนตัวพร้อมโทรทัศน์ก็เตรียมไว้ให้ อีกทั้งยังมีบริการบอดี้แคร์และดูแลเรื่องความงามอยู่อีก ท่านจึงสามารถมารีเฟรชร่างกายที่เหนื่อยล้าได้อย่างเต็มที่เลย
สถานที่ที่เราอยากให้ท่านเข้าไปให้ได้ก็คือ "ที่อาบน้ำกลางแจ้งจากหยก" ซึ่งเป็นที่อาบน้ำยอดฮิตที่สามารถชมโตเกียวสกายทรี (東京スカイツリー) ที่อยู่ตรงหน้าได้ ด้วยความที่พื้นของที่อาบน้ำแห่งนี้นำหยกธรรมชาติซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นพาวเวอร์สโตน (หินมงคลที่มอบพลังด้านบวก) มาปูไว้นั่นเอง ท่านสนใจที่จะมาสัมผัสพลังของหยกในขณะที่แช่น้ำร้อนกันดูหน่อยไหม?
ที่มุมเล่นเกมที่น่าแวะไปหลังขึ้นมาจากการแช่น้ำนั้น มีเครื่องเกมหลากหลายชนิดตั้งอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็คงจะใจจดใจจ่ออยู่กับมันจนลืมเวลาอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ
5. ศาลเจ้านกฮูก OWL SHRINE [อาซากุสะ]
"ศาลเจ้านกฮูก (ふくろう神社) " เป็นสถานที่ที่สามารถมาเพลิดเพลินไปด้วยกันกับเด็ก ๆ ที่ชื่นชอบสัตว์ได้ ท่านสามารถสนุกไปกับการสัมผัสบรรดานกฮูกสุดน่ารักที่เชื่องกับมนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแตะตัว ให้อาหาร รวมถึงทำให้หลับ ด้วยความที่สามารถเฝ้าดูนกฮูกที่ปกติไม่ค่อยพบเห็นได้อย่างใกล้ชิดนี่เอง ที่จะทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเป็นการใหญ่!
สำหรับที่นี่ท่านสามารถเรียกนกฮูกขนาดใหญ่พันธุ์ Eurasian eagle-owl (ユーラシアワシミミズク) ให้มาเกาะที่มือแล้วให้มันบินไปได้ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเมื่อมันกางปีกออกแล้วจะมีขนาดถึงกว่า 1.6 เมตรเลย! สถานที่ที่จะสามารถเรียกให้นกฮูกที่ตัวใหญ่ขนาดนี้บินไปมาได้ในญี่ปุ่นก็มีแค่ที่นี่เท่านั้น จึงน่ามาลองสัมผัสกันดูสักครั้ง เด็กที่เป็นนักเรียนประถมเป็นต้นไปก็สามารถมาสัมผัสประสบการณ์ได้ มาสร้างความทรงจำสุดวิเศษไปด้วยกันทั้งพ่อแม่ลูกกันเถอะ
ภายในร้านนี้ตกแต่งด้วยภาพลักษณ์ในสไตล์ญี่ปุ่นเพื่อให้ถ่ายรูปออกมาแล้วดูดี มีการตั้งท่อนซุงและพืชที่เป็นของจริงไว้ เพื่อให้สามารถถ่ายรูปนกฮูกในลักษณะที่เป็นธรรมชาติได้ อีกทั้งยังใส่ใจในเรื่องแสงไฟเพื่อให้สามารถถ่ายรูปส่วนที่ละเอียดของปีกนกฮูกออกมาได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ ยังตั้งแท่นบูชาขนาดเล็กไว้ และมีการนำกระดาษสาญี่ปุ่นมาทำเป็นวอลล์เปเปอร์ การที่เราสามารถเก็บภาพวัฒนธรรมญี่ปุ่นไว้ในรูปถ่ายได้ก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่
·ที่นี่ได้ปิดทำการแล้ว
6. Asakusa Nakamise [อาซากุสะ]
"ย่านร้านค้า Asakusa Nakamise (浅草仲見世商店街)" ที่ตั้งอยู่ภายในวัดเซนโซจิแห่งนี้ เป็นหนึ่งในย่านร้านค้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยในหมู่คนญี่ปุ่นมาตั้งแต่อดีตแล้ว เมื่อท่านได้เดินลอดผ่าน "ประตูคามินาริมง" ซึ่งได้กลายเป็นจุดถ่ายรูปสุดคลาสสิกสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วล่ะก็ สิ่งที่กระโจนสู่สายตาของท่านเป็นอันดับแรกก็คือป้ายไฟสวยงามและสิ่งตกแต่งตามฤดูกาล ส่วนใต้ป้ายก็จะได้เห็นร้านรวงที่ตั้งเรียงรายอยู่ถึง 89 ร้านที่จะทำให้ท่านเปล่งเสียงแห่งควาามตกตะลึงออกมาโดยที่ไม่ทันรู้ตัวเลยล่ะ
ร้านที่น่าไปเยือนสำหรับพ่อแม่ลูกก็คือร้านของเล่น "TOYS Terao (TOYS テラオ)" ซึ่งร้านที่มีประวัติความเป็นมาถึงกว่า 120 ปีแห่งนี้ มีของเล่นที่จะทำให้ผู้คนในทุกวัยรู้สึกตื่นเต้นได้อยู่มากมาย ที่เราอยากจะแนะนำเป็นพิเศษก็คือ "คิตตี้จังในเทศกาล (おまつりキティーちゃん) (420〜525 เยน)" ซึ่งเป็นสินค้าลิมิเต็ดที่หาซื้อได้จากร้านนี้เท่านั้น อย่างอื่นก็มีสินค้าลิมิเต็ดของทางร้านอย่างเช่น "มอนชิชิในเทศกาล (おまつりモンチッチ) (815〜1,680 เยน)" และ "ตุ๊กตาสัตว์ประหลาดจากซอฟท์ไวนิล (怪獣ソフビ) (730〜1,260 เยน)" จากเรื่องก๊อตซิลล่า หรืออุลตร้าแมน เป็นต้น ถ้าเป็นของเล่นญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลกล่ะก็ ท่านสามารถหาได้จากที่นี่เลย ยังไงก็ซื้อไปเป็นของฝากเพื่อนหรือคนในครอบครัวกันด้วยล่ะ
สำหรับพ่อแม่ลูกที่สนใจในนินจาหรือขุนพลซามูไรในญี่ปุ่นกันแบบจริงจังล่ะก็ เราขอแนะนำร้าน "Koyama Shoten" ร้านนี้มีสินค้าที่มากมายหลากหลายจัดจำหน่ายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าศิลปหัตถกรรม อุปกรณ์ประกอบการเต้นรำ รวมถึงดาบญี่ปุ่นโดยจะเน้นไปที่ดาบจำลองเป็นหลัก สำหรับท่านที่ชอบนินจาก็ต้องนี่เลย "ดาวกระจายสี่แฉกขนาดใหญ่สีดำรมควัน (900 เยน (รวมภาษี))" ซึ่งเป็นรูปทรงคลาสสิกที่เมื่อพูดถึงดาวกระจายก็จะนึกถึงทรงนี้ขึ้นมาเลย เมื่อได้ถือมันก็จะรู้สึกราวกับว่าเป็นนินจาขึ้นมาจริงๆ เลยล่ะ นอกจากนี้ ก็ลองมาดู "เซ็ตมินิมินิริว A (ลวดลายสีทอง-พร้อมแท่นวางดาบ) (ミニミニ竜セット(A) (金柄・掛け台付)) (9,700 เยน (รวมภาษี))" ซึ่งเป็นดาบสำหรับตั้งโชว์กันหน่อยไหม บนฝักดาบสีดำจะมีการวาดลวดลายมังกรที่เปล่งประกายเป็นสีทองเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นดาบที่มีขนาดเล็กๆ แต่ก็ดูมีพลังแบบสุดๆ แต่เนื่องจากมันเป็นของสำหรับตั้งโชว์จึงไม่สามารถนำมากวัดแกว่งได้ก็จริง แต่เพียงแค่ได้มองก็คงจะรู้สึกพึงพอใจแล้วล่ะ อีกทั้ง ด้วยขนาดที่เล็กของมัน ถ้ามีกระเป๋าเดินทางใหญ่ๆ หน่อยก็สามารถใส่มันกลับไปได้เลย
เป็นอย่างไรกันบ้าง? แหล่งท่องเที่ยวคลาสสิกในอาซากุสะไม่ว่าจะที่ไหนก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนแบบสุดๆ ทั้งนั้น ก็คงจะมีสถานที่ที่พาเด็กไปด้วยยากอยู่ไม่น้อย สถานที่ที่เราได้นำเสนอไปในคราวนี้ เมื่อเทียบเคียงแล้วก็ถือว่ามีความแออัดคับคั่งที่ค่อนข้างน้อย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่สามารถสนุกไปด้วยกันกับเด็กๆ ได้ แม้จะไปกันแบบพ่อแม่ลูกก็วางใจได้ ท่านใดที่กำลังวางแผนเที่ยวอาซากุสะกันอยู่ล่ะก็ ขอให้ลองนำบทความนี้ไปพิจารณากันดูได้เลยนะ
※ ที่มารูปภาพขนาดย่อ : Pierre-Alexandre Garneau/Flickr
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่