ถึงคุมาโมโตะแล้วนะ รู้ยัง ! 7 อันดับ สถานที่ต้องแชะภาพแห่งเมืองน้องหมีคุมะมง

*บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Visit Kyushu

1. Shirakawa Suigen [Minamiaso Shirakawasuigen]

บ่อน้ำใส Shirakawa Suigen ตั้งอยู่ในอาณาเขตของศาลเจ้าชิราคาวะ (Shirakawa Yoshimi Shrine) โดยว่ากันว่าน้ำจากบ่อแห่งนี้นั้นใสและสะอาดสุดๆ และด้วยความเขียวขจีของพืชพันธุ์รอบๆ บวกกับแสงแดดตอนกลางวันที่ตกกระทบบนผืนน้ำ จะทำให้คุณเก็บภาพสถานที่แห่งนี้ออกมาได้อย่างสุดแสนวิเศษ

ผู้คนกล่าวขานกันว่ามีน้ำผุดขึ้นมาจากบ่อน้ำ Shirakawa Suigen แห่งนี้ถึง 60 ตันต่อชั่วโมง และจัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางแหล่งน้ำที่โด่งดังที่สุดในจังหวัดคุมาโมโตะ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่บรรดานักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในธรรมชาติ จะแวะมาเยี่ยมเยียนสถานที่นี้อย่างคับคั่ง นอกจากนี้ คุณยังสามารถพกขวดน้ำเปล่ามาเพื่อตักน้ำกลับไปส่วนหนึ่งอีกด้วย ให้คุณได้ลิ้มลองน้ำที่อร่อยที่สุดจากคุมาโมโตะ ในอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมตลอดปี (ประมาณ 14 องศาเซลเซียส)

2. ถนนสิ่งทอแห่ง Kawaramachi [Kawaramachi]

ถนนสิ่งทอ หรือ Kawaramachi Textile Street คือทางเดินภายใต้หลังคาซึ่งขนาบข้างไปด้วยตึกและสิ่งปลูกสร้างอันเก่าแก่ โดยถูกตั้งชื่อว่าถนนสิ่งทอเนื่องจาก เมื่อนานมาแล้วสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่สำหรับนักซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งทอ ได้มาพบปะกัน โดยปัจจุบันป้ายโฆษณาค้าขาย รวมถึงตึกรามเก่าๆ ยังคงตั้งอยู่เหมือนอย่างสมัยก่อนอย่างไรอย่างนั้น สร้างความน่าสนใจและความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับผู้ที่มาเยือนทางเดินแห่งนี้ได้อย่างดี หากคุณมีโอกาสแวะมาละก็ คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับร้านขายเสื้อผ้ามือสอง และคาเฟ่วินเทจๆ มากมายอีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าศิลปิน นักออกแบบ และสถาปนิก ยังได้รังสรรค์ผลงานแสดงของพวกเขาไว้ตามจุดต่างๆ อย่างในภาพด้านบนนี้ด้วยล่ะ

3. ถนนบนท้องทะเล Nagabeta Seabed Road [Sumiyoshi]

ทิวทัศน์อันสวยงามของ Nagabeta Seabed Road แห่งนี้ แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับน้ำขึ้นและน้ำลง นั่นแปลว่าคุณจะได้ลุ้นสนุกๆ ว่าภาพที่ได้ในวันนั้นจะออกมาอย่างไร ถนนอันแสนแปลกตาเส้นนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับชาวประมงเพื่อเพาะพันธุ์สาหร่าย และจะปรากฏให้เห็นเฉพาะเวลาที่น้ำลง เมื่อน้ำขึ้น ถนนจะถูกกลืนกินหายไป เหลือให้เห็นเพียงแค่เสาไฟฟ้าเรียงรายจนสุดตา

ภาพที่คุณเห็นในตอนกลางวันนั้นงดงาม และจะยังงดงามมากขึ้นไปอีกตอนพลบค่ำจนถึงกลางคืน ตอนที่ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มไปด้วยสีส้มจากดวงอาทิตย์ตกดิน และเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว ไฟจากเสาไฟจะถูกเปิดขึ้น ทำให้ได้ภาพสุดพิเศษที่คุณไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน

4. ชายฝั่ง Okoshiki [Oda]

ชายหาด Okoshiki เป็นจุดชมวิวที่คุณไม่ควรพลาด โดยสามารถไปเยี่ยมเยียนได้เพียงระยะเดินเท้าจากสถานี Oda เท่านั้น ! โดยภาพที่คุณจะได้ติดไม้ติดมือกลับไปในวันที่ฟ้าโปร่ง คือภาพผืนน้ำทะเลอาริอาเกะสีฟ้าสดใส พร้อมด้วยทิวเขา Unzen (Mt. Unzen) ประดับอยู่ด้านหลัง และหากคุณโชคดีมาถูกจังหวะแล้วล่ะก็ คุณจะได้เห็นหาดทรายที่อยู่ในรูปแบบระลอกคลื่นอันสวยงาม ดังเช่นในรูปด้านบนนี้อีกด้วย

หากคุณคิดว่าสถานที่นี้ในตอนกลางวันนั้นงดงามไม่มีที่ติแล้ว คุณจะต้องประทับใจมากขึ้นไปอีกเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกดิน ทั้งนี้ ทางสถานที่ยังได้จัดตั้งหอสังเกตการณ์ไว้เพื่อให้คุณสามารถเก็บภาพความประทับใจได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น แต่อ๊ะ ! ถ้าคุณนำขาตั้งกล้องไป สามารถใช้ขาตั้งกล้องถ่ายได้เฉพาะข้างล่างหอสังเกตการณ์เท่านั้นนะ

5. ท่าเรือ Misumi West Port [Misumi]

ท่าเรือมิสุมิตะวันตก (Misumi West Port) ถูกบันทึกให้เป็นแหล่งมรดกโลก (UNESCO World Heritage site) หนึ่งในสามของท่าเรือที่ถูกสร้างขึ้นในยุคเมจิ (ค.ศ. 1868 - 1912) ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยก่อสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1887 ณ เมืองมิสุมิ และด้วยลักษณะเฉพาะของท่าเรือ ซึ่งเป็นหินวางต่อกันยาวกว่า 756 เมตร เรียงรายด้วยตึกรามบ้านช่องสไตล์ตะวันตก ทำให้สถานที่แห่งนี้อบอวลไปด้วยความรู้สึกเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์อย่างน่าอัศจรรย์

เพียงแค่คุณนั่งลงบนม้านั่งสักตัว และทอดสายตาออกไปยังผืนทะเลตรงหน้า คุณจะได้เพลิดเพลินกับวิวสวยๆ ของเกาะ Amakusa และสะพาน Tenmon และเมื่อหันกลับไปบนฝั่ง คุณสามารถเยี่ยมชมสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ในบริเวณ เช่นโกดังสินค้าทางทะเล (Kyu Misumi Kaiun Soko) ซึ่งปัจจุบัน ได้กลายเป็นร้านอาหารชั้นเลิศ ที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาแวะเวียน ณ ท่าเรือแห่งนี้

6. Kinparo [Hinagu Onsen]

Kinparo คือโรงบ่อน้ำพุร้อนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารไม้ 3 ชั้นดังในภาพข้างต้น และเปิดให้บริการมาแล้วมากกว่า 100 ปี ! การันตีด้วยชื่อเสียงอันโด่งดัง โดยเมื่อตอนสร้างขึ้น ถูกจัดให้เป็นโรงบ่อน้ำพุร้อนอันดับ 1 แห่งเกาะคิวชู ปฏิเสธไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ ว่าสถาปัตยกรรมสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมของที่นี่ ทำให้คุณอยากไปแวะชมดูสักครั้งให้ได้

ไม่เพียงแค่ภายนอกของตัวอาคารเท่านั้น ที่ให้คุณได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบสุดๆ เพราะภายในของโรงบ่อน้ำพุร้อน ทั้งพื้นไม้ที่เคลือบเงาจนน่ามอง รวมถึงเสาและราวจับตามทางเดินซึ่งทำจากไม้ญี่ปุ่นล้วนๆ ยังสร้างบรรยากาศอันน่าจดจำให้กับผู้ที่แวะมาได้เป็นอย่างดี รับรองว่าสถานที่แห่งนี้ เหมาะสำหรับใครที่อยากสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ อย่างแน่นอน

7. เนินเขา Kusasenri (Kusasenri Plateau) [Aso]

หากคุณไม่อยากพลาดสถานที่ยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวแล้วล่ะก็ เนินเขา Kusasenri (Kusasenri Plateau) แห่งนี้ ต้องเป็นหนึ่งในที่ที่คุณรีบเก็บไว้ในแพลนอย่างไว ! เพราะทุ่งหญ้าอันสวยงาม กำลังรอให้คุณไปเก็บภาพสวยๆ อยู่ที่ตีนเขา Eboshi-dake ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าภูเขาที่ก่อให้เกิดเทือกเขาอะโซะ

แต่อะไรล่ะที่ทำให้ทุ่งหญ้านี้พิเศษกว่าทุ่งหญ้าที่อื่น ก็เพราะใจกลางของทุ่งหญ้าแห่งเนินเขา Kusasenri นี้ เป็นทางไหลผ่านของแม่น้ำขนาดใหญ่ ซึ่งคุณจะสามารถชื่นชมความงามจากเงาสะท้อนของท้องฟ้า ก้อนเมฆ และภูเขา บนผืนน้ำผืนใหญ่ที่นิ่งสงบนี้ได้อย่างไม่รู้ลืม ทั้งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ Aso Volcano Museum ตั้งอยู่ไม่ไกล สำหรับใครที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลภูเขาไฟทั่วมุมโลก

ทั้งหมดนี้ คือจุดถ่ายภาพ 7 อันดับที่ดีที่สุด ที่เราคัดสรรมาเพื่อคุณและกล้องตัวเก่งโดยเฉพาะ โดยนอกจากจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มอิ่มแล้ว คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่นไปตลอดการเดินทาง แน่นอนว่าเสน่ห์ของแต่ละสถานที่ข้างต้นนี้ จะหาไม่ได้จากที่อื่นที่ไม่ใช่คุมาโมโตะเลยเชียวล่ะ ! ถ้าพร้อมแล้ว ออกทริปของคุณกันเลย

 

หากคุณต้องการส่งฟีดแบคให้กับบทความใดๆ ของเรา หรือมีไอเดียอะไรที่อยากให้เราทำ หรือเพียงแค่อยากถามคำถามเกี่ยวกับญี่ปุ่น คุณสามารถติดต่อเราได้ทาง Facebook Twitter และ Instagramหรือเขียนบอกเราผ่านทาง Google Form!