9 เหตุผลที่ทำให้คิตะคิวชูต่างจากเมืองอื่นๆ

จังหวัดฟุกุโอกะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาก นักเดินทางส่วนใหญ่มักจะเที่ยวกันแค่รอบๆ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างฮากาตะและดาไซฟุ อย่างไรก็ตาม เมืองสุดขอบเหนือ "คิตะคิวชู" ก็เป็นขุมทรัพย์แห่งที่เที่ยวลับที่รอคอยให้คุณค้นพบอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ อาหาร หรือการผจญภัย คิตะคิวชูก็สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งนั้น ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 9 วิธีเที่ยวคิตะคิวชูและบริเวณโดยรอบ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาไม่ค่อยมากนักในการเที่ยวเมืองที่เปรียบเสมือนด่านหน้าของคิชูแห่งนี้

※บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดฟุกุโอกะ

คิตะคิวชู

เมืองคิตะคิวชู (北九州市) ตั้งอยู่บนช่องแคบคันมงที่แบ่งคิวชูกับฮอนชู (เกาะหลักของญี่ปุ่น) ออกจากกัน ตำแหน่งที่ตั้งของมันส่งผลให้เมืองนี้ได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเดินทาง ค้าขาย และท่องเที่ยวมาแต่โบราณ คิตะคิวชูถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1963 จากการรวมตัวกันของเมืองที่เป็นเอกเทศต่อกัน 5 เมือง ได้แก่ โคคุระ โมจิ ยาฮาตะ โทบาตะ และวาคามัตสึ

ปราสาทโคคุระ (小倉城) - การพบกันของอดีตและปัจจุบัน

ก่อนที่โคคุระจะเรียงรายไปด้วยตึกและรางรถไฟเหมือนในปัจจุบัน เคยมีคำกล่าวว่า "ถนนทุกสายของคิวชูจะนำไปสู่โคคุระ" เนื่องจากโคคุระตั้งอยู่บนสุดขอบทิศเหนือของคิวชู ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์นั่นเอง ดังที่คำกล่าวนี้ได้บอกไว้ หากจะไปฮอนชูก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องผ่านโคคุระก่อน เมืองที่พลุกพล่านไปด้วยพ่อค้าและนักเดินทางนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณริมทะเล ซึ่งเป็นจุดที่มีปราสาทโคคุระตั้งตระหง่านอยู่

ปราสาทโคคุระเริ่มก่อสร้างขึ้นในตำแหน่งปัจจุบันนี้โดยตระกูลโมริเมื่อปี 1569 หลังจากนั้นได้รับการดัดแปลงครั้งใหญ่โดยตระกูลโฮโซคาวะเมื่อปี 1602 รวมเวลาประมาณ 7 ปีตัวปราสาทหลักจึงก่อสร้างเสร็จสิ้น ปราสาทโคคุระเคยทำหน้าที่เป็นฐานที่ตั้งทางการทหารมาก่อน แต่ในปี 1837 ก็เกิดเพลิงไหม้ที่ทำให้ตัวปราสาทหลักและพื้นที่ส่วนในพังทลาย ในสงครามกับแคว้นโจชูเมื่อปี 1866 ก็จำเป็นต้องเผาปราสาทของตัวเองเพื่อถอนทัพไป เมื่อเวลาผ่านไป ในปี 1959 ตัวปราสาทหลักได้ถูกก่อสร้างขึ้นอีกครั้งจากเสียงเรียกร้องของชาวเมือง ใน 1998 สวนปราสาทโคคุระ (小倉城庭園) ก็ถูกก่อตั้งขึ้นภายในบริเวณ และในปี 2019 ก็ได้มีการรีโนเวทเนื้อหาการจัดแสดงและการตกแต่งภายในอาคารหลังจากที่ไม่ได้มีการเปลี่ยงแปลงมากว่า 30 ปี

ในปัจจุบัน ปราสาทโคคุระนอกจากจะมีตัวปราสาทหลักที่สูงเป็นอันดับ 6 ของญี่ปุ่นแล้วยังตั้งอยู่ในเมืองที่ค่อนข้างสมัยใหม่ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ชวนให้ย้อนนึกถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของโคคุระ การเที่ยวชมปราสาทโคคุระจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์งดงามของปราสาทที่จะกลมกลืนไปกับดอกซากุระซึ่งเบ่งบานอยู่ตามสวนรอบๆ ส่วนตัวปราสาทหลักนั้นจะมีการเปิดไฟไลท์อัพตั้งแต่อาทิตย์ตกดินไปจนถึง 4 ทุ่มของทุกวัน หากแวะมาชมในตอนกลางคืนก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่แสนยิ่งใหญ่ได้

พิพิธภัณฑ์ TOTO (TOTOミュージアム) - ประวัติศาสตร์โถส้วมของญี่ปุ่น

"พิพิธภัณฑ์อุจจาระ" (うんこミュージアム) ของโตเกียวอาจเป็นผู้ครองอันดับ 1 ในพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในญี่ปุ่น แต่ "พิพิธภัณฑ์ TOTO" ของเมืองคิตะคิวชูก็มีความโดดเด่นที่ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย

ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอย่างไร หากคุณเคยใช้โถส้วมก็เป็นไปได้สูงว่ามันจะเป็นผลิตภัณฑ์ของ TOTO บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองคิตะคิวชู บริษัท TOTO ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1917 โดยคุณโอคุระ คาซุจิกะ (大倉和親) โดยเริ่มต้นด้วยชื่อบริษัทว่า "Toyo Toki" (東洋陶器) ปัจจุบัน TOTO เป็นผู้นำทั้งในด้านความทันสมัย นวัตกรรม และความสะอาด นอกจากจะเป็นแบรนด์ที่ใครๆ ต่างก็รู้จักมากว่า 100 ปีในฐานะผลิตภัณฑ์ตามบ้านเรือนที่น่าไว้วางใจแล้ว ยังได้ก้าวเดินอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้ผลิตสุขภัณฑ์อันดับ 1 ของโลกอีกด้วย

คุณจะได้ทัศนศึกษาพิพิภัณฑ์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของ TOTO สัมผัสการเปลี่ยนแปลงของเครื่องสุขภัณฑ์ญี่ปุ่น พลางย้อนนึกถึงประวัติศาสตร์ของโถส้วม นอกจากโถส้วมแล้ว ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอื่นๆ ของ TOTO ไม่ว่าจะเป็นชั้นล้างหน้า ส้วมอัตโนมัติ เครื่องเคลือบ หรืออ่างอาบน้ำ ก็ไม่ควรพลาดชมเช่นกัน

สวนคาวาจิฟูจิ (河内藤園) - หลงใหลไปกับดอกฟูจิ

สวนคาวาจิฟูจิน่าตื่นตาไปด้วยทิวทัศน์ป่าไผ่และช่องเขาตื้นๆ ที่อยู่ปลายทางของอุโมงค์ต้นฟูจิ เป็นสถานที่ที่ราวกับว่าเทพนิยายได้แผ่กว้างอยู่ในโลกแห่งความจริง สวนคาวาจิฟูจิเป็นสวนของเอกชนที่อยู่ในเมืองคิตะคิวชู โดยจะได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงก็ขอแนะนำในฐานะ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังของญี่ปุ่น

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโกลด์เด้นวีค ต้นฟูจิ 2 ต้นที่ยาวประมาณ 100 เมตรจะมีสีสันสวยงามและคับคั่งไปด้วยผู้คนจำนวนมาก หากคุณต้องการใส่ทิวทัศน์ที่ราวกับฝันนี้ลงไปในทริปคิตะคิวชูของคุณ ก็ขอแนะนำให้จองการเข้าชมล่วงหน้าไว้ด้วย

สวนสาธารณะคัตสึยามะ (勝山公園) - สวนกำแพงปราสาทที่คืนชีพขึ้นมาใหม่

"สวนสาธารณะคัตสึยามะ" เป็นพื้นที่เปิดโล่งเพียงแห่งเดียวของโคคุระที่อยู่ท่ามกลางความพลุกพล่าน สวนสาธารณะคัตสึยามะแผ่กว้างอยู่ที่ขอบนอกของปราสาทโคคุระ เป็นสถานที่ที่เหมาะมากสำหรับการออกกำลังกาย พาเด็กมาเที่ยวเล่น หรือจะเพลิดเพลินไปกับอากาศกลางแจ้งเฉยๆ ก็ได้ สำหรับผู้ที่เดินทางมาเป็นครอบครัว ภายในสวนก็ยังมีสนามเด็กเล่นธีมทะเลและของเล่นรูปปลาหมึกอยู่อีกด้วย

หากคุณแวะมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ถือว่าโชคดีมาก ภายในสวนมีต้นซากุระอยู่กว่า 300 ต้น และจะจัดเทศกาลซากุระชื่อดังขึ้นทุกปี แม้แต่หลังพระอาทิตย์ตกแล้วก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจ โคมไฟกระดาษจะช่วยให้สวนสาธารณะสีชมพูไข่มุกมีสีสันสดใสยิ่งขึ้น มอบความเพลิดเพลินให้กับนักท่องเที่ยวจะผู้คนในพื้นที่

ถ้าหินปูนเซ็นบุตสึ (千仏鍾乳洞) - ผลงานศิลปะของธรรมชาติที่ใช้เวลาสร้างหลายร้อยปี

เมื่อผ่านปากถ้ำเข้าไป คุณจะได้เดินบนทางคดเคี้ยวสายเล็กๆ เลาะไปตามทางแร่สีเหลืองที่ราวกับสายน้ำ ใจกลางของถ้ำหินปูนเซ็นบุตสึเป็นบริเวณที่มีหินย้อยห้อยลงมาเหมือนมีดสั้น และจะคอยต้อนรับคุณด้วยลมเย็นๆ จากช่องอากาศ ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังลอดเข้าไปในท้องของสัตว์ป่าเลยทีเดียว ลักษณะเด่นดังที่กล่าวมานี้ทำให้มันถูกเรียกในชื่อ "เซ็นบุตสึ" ซึ่งมีความหมายว่า "โพธิสัตว์ทั้งพันพระองค์"

ถ้ำหินปูนเซ็นบุตสึที่ก่อตัวขึ้นกว่าสิบล้านปีก่อนนี้ได้ถูกระบุเป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่นเมื่อปี 1935 ปัจจุบันได้เปิดให้เหล่านักผจญภัยเข้าสำรวจได้ตลอดปี การสำรวจถ้ำนี้จำเป็นต้องเปียกเท้าเล็กน้อย แต่ก็รับรองได้ว่ามีทิวทัศน์ที่คุ้มค่า และจะกลายเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงอย่างแน่นอน

Mojiko Retro (門司港レトロ) - ผ่อนคลายที่ท่าเรือโมจิ

ใครบอกว่าประวัติศาสตร์จะเป็นเรื่องอินเทรนด์ไม่ได้? ท่าเรือโมจิ (門司港) เปิดทำการขึ้นเมื่อปี 1889 เป็นศูนย์กลางของการเดินทาง ค้าขาย และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่มีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์ของคิตะคิวชู สิ่งก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐานในยุคนั้นยังคงหลงเหลืออยู่และถูกนำมาใช้งานให้เกิดประโยชน์ จึงให้อารมณ์ราวกับว่าได้ย้อนเวลามาปลายศตวรรษที่ 19 เลยทีเดียว

ท่าเรือนี้หันหน้าเข้าหาเมืองชิโมโนะเซกิ (下関市) ของจังหวัดยามากุจิ โดยมีเรือข้ามฝากที่สะดวกสบายให้บริการอยู่เป็นประจำ ท่าเรือโมจิมีเสน่ห์เป็นคาเฟ่ต่างๆ มีทั้งคาเฟ่ที่ให้บรรยากาศย้อนยุคและคาเฟ่ที่มีดนตรีแสดงสด ของขึ้นชื่อของที่นี่คือ "ยากิคาเร" (焼きカレー) เมนูที่โปะข้าวด้วยแกงกะหรี่ ไข่ และชีสแล้วนำไปอบในเตาอบ เช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์ของท่าเรือโมจิ หากมีโอกาสได้มาคิตะคิวชูแล้วก็ไม่ควรพลาดยากิคาเรเป็นอย่างยิ่ง

สะพานวาคาโตะโอฮาชิ (若戸大橋) - สะพานแขวนที่ถูกยกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม

สะพานวาคาโตะโอฮาชิเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ควรแวะให้ได้หากได้มาคิตะคิวชู สะพานวาคาโตะโอฮาชิเปิดให้บริการเมื่อปี 1962 ในตอนนั้นนับว่าเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในประเทศฝั่งตะวันออกด้วยความยาวถึง 627 เมตร ปัจจุบันแม้ว่าจะไม่ได้ครองตำแหน่งนี้แล้ว แต่ก็ยังคงน่าตื่นตา สง่างาม และมีทิวทัศน์สวยงามอย่างไม่เปลี่ยนแปลง คุณค่าทางประวัติศาสตร์และเทคนิคงานช่างของสะพานนี้ทำให้มันถูกยกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของญี่ปุ่นเมื่อปี 2022 ในฐานะรากฐานของเทคนิคการสร้างสะพานแขวนของญี่ปุ่น

ในฤดูร้อน บริเวณเชิงสะพานจะมีการจัด "งานดอกไม้ไฟคุคิโนะอุมิ" (くきのうみ花火大会) ที่ดึงดูดผู้คนกว่า 3 แสนคนจากทั่วญี่ปุ่น

Kitakyushu Manga Museum (北九州市漫画ミュージアム) - ดื่มด่ำไปกับวิวัฒนาการของสื่อคลายเครียดชื่อดังของญี่ปุ่น

Kitakyushu Manga Museum ตั้งอยู่ติดกับสถานีโคคุระ ภายในเต็มไปด้วยข้อมูลและการจัดแสดงที่เกี่ยวข้องกับมังงะและอนิเมะของญี่ปุ่น โดยมีจุดเด่นเป็นการเน้นเจาะลึกนักเขียนมังงะที่เกิดในคิวชูและคิตะคิวชู เช่น คุณมัตสึโมโตะ เรจิ (松本零士) ผู้เป็นที่รู้จักจากซีรีย์ "เรือรบอวกาศยามาโตะ" (宇宙戦艦ヤマト) และ "กาแล็คซี่เอ็กซ์เพรส 999" (銀河鉄道999)

พิพิธภัณฑ์นี้มีจัดแสดงแม้กระทั่งฟิกเกอร์ ไอเท็มสำหรับผู้ใหญ่ ไปจนถึงรูปปั้นขนาดเท่าตัวจริงของตัวละครชื่อดัง ไฮไลท์ของที่นี่คือ "Manga Time Tunnel" (漫画タイムトンネル) ที่จะให้คุณย้อนรอยประวัติศาสตร์ของมังงะ พลางอ่านมังงะตั้งแต่ฉบับที่ตีพิมพ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แม้ว่าการจัดแสดงและมังงะเกือบทั้งหมดจะเป็นภาษาญี่ปุ่น หากคุณเป็นแฟนอนิเมะและมังงะ แม้จะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นก็สามารถสัมผัสถึงคุณค่าทางศิลปะของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้อย่างแน่นอน

โรงเหล็กยาฮาตะ (八幡製鉄所) - โรงเหล็กทางประวัติศาสตร์ที่คงอยู่มาถึงปัจจุบัน

เมืองคิตะคิวชูได้เกิดการปฎิวัติอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วในยุคเมจิ (ปี 1868-1912) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของงานเหล็ก โดยมีผู้นำเป็นโรงเหล็กยาฮาตะซึ่งเป็นโรงเหล็กสมัยใหม่แห่งแรกของญี่ปุ่น โรงเหล็กยาฮาตะตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เดินทางไปเหมืองถ่านหินได้สะดวก ทั้งยังอยู่ใกล้กับท่าเรือใหญ่ ในช่วงพีคที่สุดเคยครองตลาดการผลิตเหล็กของญี่ปุ่นถึง 90% ปัจจุบันโรงเหล็กแห่งนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก "มรดกการปฎิวัติอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในยุคเมจิ อุตสาหกรรมเหล็ก โลหะ การต่อเรือ และถ่านหิน" ที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อ 2015

แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 100 ปีและมีการเปลี่ยนระบบบริหารจากรัฐบาลมาเป็นเอกชน แต่โรงเหล็กยาฮาตะก็ยังคงทำงานอยู่เพื่อแสดงถึงพลังและการปฎิวัติทางเทคโนโลยีของคิวชู น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเข้าไปชมอย่างใกล้ชิดได้ อย่างไรก็ตาม ใกล้ๆ กันก็มี "ร่องรอยเตาหลอมฮิกาชิดะหมายเลข 1" (東田第一高炉跡) ที่เราสามารถเข้าไปสำรวจได้เล็กน้อย โดยได้เตรียมคำอธิบายหลายภาษาไว้ด้วยสำหรับผู้ที่อยากรู้ขั้นตอนการผลิตเหล็กอย่างละเอียด

VISIT FUKUOKA - ตัวช่วยสำหรับการเที่ยวคิตะคิวชูและฟุกุโอกะ

คิตะคิวชูและบริเวณโดยรอบของฟุกุโอกะนั้นอัดแน่นไปด้วยมนต์เสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สีเขียวสวยงาม ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่มีเสน่ห์ อาหารพื้นเมืองอร่อยๆ หรือเทศกาลท้องถิ่นที่น่าหลงใหล "VISIT FUKUOKA" เป็นเว็บไซต์ท่องเที่ยวทางการของทางจังหวัดที่จะแนะนำวิธีเที่ยวฟุกุโอกะให้กับคุณ นอกจากนั้นยังลงรูปภาพสวยๆ ของฟุกุโอกะไว้ทาง Facebook และ Instagram อีกด้วย หากจะวางแผนทริปคิตะคิวชูและฟุกุโอกะ ก็ขอแนะนำให้ลองเริ่มที่ VISIT FUKUOKA เป็นอันดับแรก

 

เว็บไซต์ทางการ: https://visit-fukuoka-japan.com/

Facebook: https://www.facebook.com/fukuoka.prefecture.tourism

Instagram: https://www.instagram.com/goodvibes_fukuoka/

มนต์เสน่ห์คิวชู
เช่ารถได้ในราคาที่คุณต้องการ รถเช่า หากคุณต้องการเช่ารถในญี่ปุ่น ต้องที่นี่เลย! ดูข้อมูลเพิ่มเติม

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Alexander
Alexander Litz
หลังจากย้ายไปยังจังหวัดยามากาตะในชนบทหลังมัธยมต้น ก็ย้ายมาที่โตเกียว โซล และไทเป จนกระทั่งเขากลับมาที่ยามากาตะ อาชีพหลักเป็นนักเขียน การเดินทางและผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว ชื่นชอบธรรมชาติ และผู้สนับสนุนการผจญภัย เขาออกสำรวจมากกว่า 40 ประเทศและ 47 จังหวัดของญี่ปุ่น เขาทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อนำการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมาสู่พื้นที่ชนบทเพื่อส่งเสริม ปกป้อง และอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตท้องถิ่น
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร