10 ที่เที่ยวน่าไปในไซตามะ ออกจากโตเกียวไปแค่อึดใจเดียว!
ถ้าคุณมีเวลาออกไปเที่ยวนอกเมืองโตเกียวสักวันล่ะก็ จังหวัดไซตามะนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว เพราะอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวแถมยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในคาวาโกเอะ นี่เป็น 10 จุดที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยล่ะ!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. คาวาโกเอะ (Kawagoe)
เนื่องจากคาวาโกเอะ (川越) อยู่ห่างจากโตเกียวแค่นั่งรถไฟไป 30 นาทีเท่านั้น ทำให้ที่นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ แถมยังเป็นที่รู้จักกันในนามเอโดะน้อย ("โค-เอโดะ" ในภาษาญี่ปุ่น) อีกด้วย ซึ่ง "เอโดะ" คือชื่อเก่าของเมืองโตเกียว คาวาโกเอะได้ชื่อเรียกนี้มาก็เพราะว่าที่นี่มีอาคารหลายแห่งที่ยังคงรูปลักษณ์ไว้จากยุคเอโดะ (ปี 1603 - 1868) ถ้าได้ไปสักครั้ง รับรองว่าคุณจะรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตเลยล่ะ!
นอกจากจะเป็นสถานที่ที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยวัดและอาคารทางประวัติศาสตร์มากมาย เพราะฉะนั้นอย่าลืมนำกล้องติดตัวไปด้วย ส่วนด้านล่างนี้จะเป็นจุดสำคัญในเมืองที่อยากจะแนะนำ ขอบอกว่าคุ้มค่าต่อการแวะไปเยี่ยมชมแน่นอน
ตรอกขนม Kashiya Yokocho (อำเภอคาวาโกเอะ)
คาชิยะ โยโกโช (菓子屋横丁) เป็นตรอกขนมที่มีเสน่ห์ซึ่งคุณจะได้พบกับขนมที่ชวนให้นึกถึงวันเก่าๆ เมื่อครั้งในอดีต ร้านขายลูกวาดสีสันสดใสเป็นสิ่งที่สำคัญในช่วงวัยเด็กของคนญี่ปุ่นหลายๆ คน ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่มีลูกอมในช่วงวัยเด็กของคุณวางขาย แต่คุณจะต้องมีความสุขไปกับสีสันและความหลากหลายของขนมหวานเป็นแน่ แถมยังใช้เป็นของฝากได้ดีเลยด้วย
ร้านขายขนมแถวนี้เป็นบ้านที่อยู่ในอาคารทรงดั้งเดิม ทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปจริงๆ แถมกลิ่นที่ชวนให้นึกถึงวันเก่าๆ ของที่นี่ยังถึงขั้นถูกเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 กลิ่นทิวทัศน์จากกระทรวงสิ่งแวดล้อมในปี 2011 อีกด้วย
ถนนช็อปปิ้ง Kawagoe Ichiban Gai (อำเภอคาวาโกเอะ)
ถนนช็อปปิ้งคาวาโกเอะ อิจิบังไก (川越一番街商店街) เป็นจุดที่มีอาคารตั้งแต่สมัยเอโดะที่ถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีตั้งอยู่ แม้จะเป็นถนนสายสั้นๆ แต่แค่อาคาร Kurazukuri (โกดังที่ผนังทำจากดินเหนียว) ที่ตั้งหันหน้าเข้าหากันทั้งสองด้านก็ทำให้เกือบจะดูเหมือนเป็นฉากในภาพยนตร์แล้ว
นี่เป็นที่ที่เหมาะกับการย้อนกลับไปในอดีตและสัมผัสกับบรรยากาศของเอโดะมากๆ ปัจจุบันอาคารเหล่านี้ก็เป็นที่ตั้งของร้านอาหารและร้านค้า มาเดินเล่นสบายๆ ซื้อของที่ระลึกสักหน่อยและกินอาหารอร่อยๆ กันดูนะ!
หอระฆัง Toki no Kane (อำเภอคาวาโกเอะ)
หอระฆัง (時の鐘) เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของคาวาโกเอะ ระฆังจะตีบอกเวลา 4 ครั้งต่อวัน หอระฆังเดิมถูกไฟไหม้ไปตอนเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของคาวาโกเอะในปี 1893 แต่ก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ตอนนั้น ที่นี่เป็นจุดถ่ายรูปที่ดีเลยเชียวล่ะ
ถนน Taisho Roman Yume Dori (อำเภอคาวาโกเอะ)
ในเมื่อคาวาโกเอะเป็นที่รู้จักกันในนามเอโดะน้อยแล้ว ถนนไทโชโรมังยูเมะ (大正浪漫夢通り) ก็จะพาคุณย้อนกลับไปสู่สมัยไทโช (ปี 1912 - 1926) ที่นี่มีอาคารที่ดูเหมือนมาจากยุคสมัยในอดีตเหมือนที่ถนนอิจิบังไก ทำให้มีบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและเหมาะแก่การถ่ายรูปสวยๆ เป็นอย่างมาก แถมยังมีร้านอาหารและร้านค้าตั้งเรียงรายอยู่ด้วย
2. ผาหิน Nagatoro Iwadatami (Chichibu)
ผาหินนากาโทโระ อิวาดาทามิ (長瀞渓谷) เป็นชั้นหินที่จะทำให้คุณลืมหายใจไปเลย ผาหินแห่งนี้ทอดตัวยาวไปตามแม่น้ำอารากาวะ (荒川) ราวกับเสื่อทาทามิ (เสื่อญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม) ที่เรียงกันเป็นชั้นๆ ลองมาเพลิดเพลินกับวิวของที่นี่และเติมพลังด้วยธรรมชาติที่ล้อมรอบตัวคุณดูสิ
3. สวนสาธารณะ Tove Jansson Akebono Children's Forest Park (Hanno)
คุณจะรู้สึกเหมือนตัวเองได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทพนิยายเมื่อคุณมาถึงสวน Tove Jansson Akebono Children's Forest Park (トーベ・ヤンソンあけぼの子どもの森公園) ซึ่งเต็มไปด้วยบ้านและอาคารทรงแปลกๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวชอุ่มให้บรรยากาศเฉพาะตัว
ถึงที่นี่จะดูเป็นสวนสำหรับเด็ก แต่ภายในก็มีที่ให้ผู้ใหญ่ได้นั่งพักผ่อนจากเมืองอันคึกคักและรีบเร่งได้ดีเลยทีเดียว พกกล้องมาด้วยล่ะ เพราะที่นี่ถ่ายรูปสวยๆ ได้เยอะเลย
4. ภูเขา Hodo (Chichibu)
หากคุณนั่งกระเช้าขึ้นไปบนภูเขาโฮโดะ (宝登山) คุณจะได้ชมกับวิวสุดตระการตา ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล นอกจากนี้การนั่งกระเช้ายังทำให้คุณได้มีเวลาเพลิดเพลินไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างเต็มที่อีกด้วย
PIXTAศาลเจ้าภูเขาโฮโดะ (宝登山神社) เป็นศาลเจ้าอันสวยงามที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขา ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของ Kamu Yamato Iware Biko no Mikoto (จักรพรรดิจิมมุหรือจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่น) Ooyamazumi no Kami (เทพแห่งขุนเขา) และ Homusubi no Kami (เทพแห่งไฟ)
เดินไปรอบๆ บริเวณศาลเจ้าและเพลิดเพลินไปกับสภาพแวดล้อมอันแสนเงียบสงบของที่นี่กัน!
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์หลักของศาลเจ้า http://www.hodosan-jinja.or.jp/english/ (ภาษาอังกฤษ)
บนภูเขาโฮโดะแห่งนี้มีต้นบ๊วยอยู่เยอะมาก เวลาที่พร้อมใจกันบานในฤดูใบไม้ผลินั้นเป็นภาพที่สวยมากๆ เลยล่ะ
5. พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอมิยะ บอนไซ The Omiya Bonsai Art Museum (อำเภอไซตามะ)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับศิลปะบอนไซ ศิลปะการปลูกต้นไม้ในกระถางรูปแบบหนึ่งของญี่ปุ่น ลองมาเยือนชมพิพิธภัณฑ์และเรียนรู้เรื่ององค์ประกอบที่สำคัญของบอนไซกันดูสิ!
คุณสามารถชื่นชมบอนไซอันสวยงามที่จัดแสดงไว้และเดินไปรอบๆ สวนบอนไซได้ นับเป็นวิธีการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างแท้จริงเลยเชียวล่ะ
นอกจากบริเวณสวนแล้ว ยังมีบริเวณให้ถ่ายรูปและร้านค้าด้วย เพราะฉะนั้นเชิญถ่ายรูปกันตามสบายและซื้อของฝากกลับไปเผื่อเป็นที่ระลึกถึงทริปของคุณที่นี่เลย
6. วัด Heirin-ji (Niiza)
วัดเฮรินจิ (平林寺) เป็นวัดนิกายเซนที่มีวิวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงสุดตระการตา ต้นไม้ที่อยู่ภายในพื้นที่เขตวัดจะเปลี่ยนเป็นสีแดงล้อมรอบอาคารวิหารเพื่อสร้างฉากอันงดงามที่คุณจะต้องอยากถ่ายรูปเก็บเอาไว้
ทางเดินที่ทอดยาวนำไปสู่อนุสรณ์ของ Matsudaira Nobutsuna (ผู้ปกครองคาวาโกเอะช่วงต้นยุคเอโดะ) เรียงรายไปด้วยโคมไฟหินและขนาบข้างด้วยต้นไม้สูง การเดินไปตามเส้นทางที่สงบสุขนี้ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับการพักผ่อนอย่างเงียบสงบเลยล่ะ
7. เขตจาริกแสวงบุญ Chichibu Pilgrimage Circuit (Chichibu)
เขตจาริกแสวงบุญจิจิบุ (秩父札所三十四ヶ所観音霊場) คือเส้นทางการไปแสวงบุญยังวัด 34 แห่งที่อุทิศเพื่อเทพเจ้า Kannon หรือเจ้าแม่กวนอิม
คุณสามารถสะสมแสตมป์ได้ตามแต่ละวัดเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงการเดินทาง รูปด้านบนคือจุดพักที่ 4 วัด Kokokusan Kinsho-ji Temple (金昌寺)
8. อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ The Metropolitan Area Outer Underground Discharge Channel (Kasukabe)
จะให้นึกภาพตัวเองอยู่ในทางน้ำไหลก็คงจะทำได้ยาก ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดจริงๆ เพราะอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำใต้ดิน (首都圏外郭放水路) แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วมในหุบเขา
ผู้ที่มาสามารถแวะไปชมถังพักน้ำขนาดมหึมาที่เรียกกันว่า "วิหารใต้ดิน" ด้วยความสูงลิ่วกับปากเปิดกว้างของถังนี้ คุณอาจคิดว่าคุณอยู่ในวิหารกรีกโบราณก็เป็นได้
9. ศาลเจ้า Mitsumine Shrine (Chichibu)
ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ (三峯神社) ตั้งอยู่บนยอดเขามิตสึมิเนะ ประกอบไปด้วยโทริอิ (ประตู) สไตล์หายากที่เรียกว่า "มิตสึโทริอิ" (ประตูสามชั้น) ซึ่งได้รับการคุ้มครองโดยสุนัขป่าหินสองตัวแทนที่จะเป็นสุนัขหินปกติ นี่เป็นเพราะศาลเจ้ามิตสึมิเนะอุทิศให้กับสุนัขป่าญี่ปุ่นซึ่งเชื่อกันมานานแล้วว่าจะช่วยปกปักรักษาให้พ้นจากความชั่วร้ายได้
การตกแต่งที่มีสีสันและดูอลังการบนตัวอาคารนั้นเป็นภาพอันสวยงามที่ยากจะพบเห็นในที่อื่นๆ แม้ที่นี่อาจจะตั้งอยู่นอกเส้นทางหลักไปสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับการแวะมาเยี่ยมชม
10. พิพิธภัณฑ์รถไฟ The Railway Museum (อำเภอไซตามะ)
ถ้าคุณชอบรถจักรแล้วล่ะก็ พิพิธภัณฑ์รถไฟ (鉄道博物館) แห่งนี้ถือเป็นที่ของคุณเลยก็ว่าได้ คุณสามารถเรียนรู้ประวัติรถไฟของญี่ปุ่น พร้อมทั้งชมความสง่างามของรถจักรไอน้ำรุ่นแรกๆ ของญี่ปุ่น (ผลิตในปี 1871) รถรางไฟฟ้าและชินคันเซ็น (รถไฟหัวกระสุน) รุ่นแรกๆ ที่เข้ามาให้บริการในญี่ปุ่น ซึ่งหลายรายการที่จัดแสดงเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นคุณจึงไม่ควรพลาดโอกาสในการเข้าชม!
นอกโตเกียวยังมีอะไรให้ชมอีกมากมาย เพราะฉะนั้นจัดทริปเพิ่มเข้าไปสักหนึ่งหรือสองวันเพื่อไปไซตามะดู คุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่
เกี่ยวกับนักเขียน
