ทริปเที่ยวภูมิภาคชูโกคุของญี่ปุ่น : ยามากุจิ ฮิโรชิม่า ทตโตริ และอีกมากมาย

ถึงแม้ภูมิภาคชูโกคุ (Chugoku) จะเต็มไปด้วยหาดสวยๆ ป่าเขาที่อุดสมบูรณ์ ทิวทัศน์ทะเลทรายเหนือจินตนาการ และเรื่องราวแสนวิเศษมากมาย แต่ภูมิภาคนี้ก็ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวกันสักเท่าไร ชูโกคุเป็นพื้นที่ที่มีตำนานเก่าแก่ เต็มไปด้วยของอร่อยทั้งจากผืนดินและท้องทะเล อีกทั้งยังมีสิ่งน่าอัศจรรย์ใจอยู่ทั่วทุกมุม บทความนี้จะพาคุณไปเที่ยวทริป 5 จังหวัดในชูโกคุ ได้แก่ ยามากุจิ ฮิโรชิม่า ชิมาเนะ โอคายาม่า และทตโตริ พร้อมทำความรู้จักที่เที่ยวอันน่าตื่นตาและอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

เกี่ยวกับภูมิภาคชูโกคุ

ภูมิภาคชูโกคุตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตะวันตกของเกาะหลักฮอนชู ประกอบไปด้วย 5 จังหวัด ได้แก่ ยามากุจิ (Yamaguchi), ฮิโรชิม่า (Hiroshima), ชิมาเนะ (Shimane), โอคายาม่า (Okayama) และทตโตริ (Tottori) ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวน้อยเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นของญี่ปุ่น แต่ก็เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความงดงามตามธรรมชาติ กิจกรรมน่าตื่นเต้น และอาหารชั้นเยี่ยม คุณจะได้ปั่นจักรยานไปรอบๆ ทะเลสีฟ้าใส นั่งเรือกอนโดลาผ่านคูคลองที่เรียงรายไปด้วยบ้านซามูไรเก่าแก่ ไปแสวงหาวิญญาณบนยอดเขามากมายของชูโกคุ และลิ้มรสองุ่นที่คุณเด็ดด้วยตัวเอง นอกจากนั้น ภูมิภาคนี้ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งแบบโบราณและร่วมสมัย อีกทั้งยังมีตำนานเทพเจ้าเกี่ยวกับต้นกำเนิดของหมู่เกาะญี่ปุ่น ไปจนถึงอนุสรณ์ที่อุทิศให้แก่โศกนาฏกรรมแห่งสงครามแปซิฟิก

ภูมิภาคชูโกคุเป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมสำหรับสัมผัสอีกแง่มุมหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น หรือสำหรับหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียวและโอซาก้า ในส่วนของเส้นทางที่เราจะพาคุณไปชมในบทความนี้ จะเยี่ยมยอดมากหากคุณเดินทางมาจากภูมิภาคคันไซ โดยเราจะเริ่มกันที่โอคายาม่า มุ่งหน้าไปทางตะวันตก เลาะชายฝั่งทะเลเซโตะในของฮิโรชิม่า วนรอบบริเวณตะวันตกของคาบสมุทรฮอนชูในยามากุจิ กลับขึ้นเหนือและตะวันออกไปตามชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นของชินาเมะ และสิ้นสุดการเดินทางที่ทตโตริ มาค้นพบมุมสวยและเงียบสงบของญี่ปุ่นโดยไม่ต้องไปเบียดกับฝูงชนกันเถอะ! (...อย่างน้อยก็ก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าชูโกคุยอดเยี่ยมแค่ไหน)

1. โอคายาม่า: ดินแดนแห่งผลไม้ ประวัติศาสตร์ และศิลปะ

เมืองโอคายาม่า

คุณสามารถเดินทางไปยังเมืองโอคายาม่าได้ด้วยรถไฟ JR Tokaido และ Sanyo Shinkansen ทั้งจากโตเกียว โอซาก้า และเกียวโต เมืองนี้เป็นเมืองขนาดย่อม แต่ก็มีจุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์มากมายที่สามารถเดินไปจากสถานีโอคายาม่าได้ ลองดื่มด่ำกับประสบการณ์เชิงประวัติศาสตร์ใน ปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle) ที่คุณจะได้แต่งชุดดั้งเดิมของญี่ปุ่นมาถ่ายรูป เข้าร่วมเวิร์คช็อปเครื่องปั้นดินเผา และชื่นชมสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ต่างๆ การตกแต่งภายนอกที่ทำให้ตัวปราสาทเป็นสีดำทำให้มันมีชื่อเล่นว่า "ปราสาทอีกา" อีกทั้งยังมีฐานเป็นรูปห้าเหลี่ยมซึ่งหายากในญี่ปุ่น เมื่อข้ามสะพานไปสู่อีกฝากหนึ่งของแม่น้ำอาซาฮิ คุณก็จะได้พบกับ สวนโคราคุเอ็น (Korakuen Garden) (แนะนำให้ซื้อ Okayama Castle & Korakuen Garden Pass) สวนอายุกว่า 300 ปีที่ได้รับรางวัลมากมาย อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ด้วย ภายในมีทั้งสวนที่ได้รับการตัดแต่งอย่างสวยงาม บ่อน้ำที่เต็มไปด้วยปลาคาร์ฟญี่ปุ่น และตะเกียงไม้ไผ่ที่จะจุดไฟในช่วงเย็นของฤดูร้อนอันอบอุ่น จุดที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งคือโรงน้ำชาเก่าแก่ที่คุณจะได้ผ่อนคลายไปกับการดื่มชาและชมวิวแสนสวยดึงดูดใจ ราวกับได้เป็นเจ้าครองแคว้นในสมัยก่อนเลยทีเดียว

หากคุณอยู่ในโอคายาม่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และสนใจกิจกรรมที่มีชายนุ่งผ้าเตี่ยวกว่า 10,000 คนวิ่งวุ่นแย่งแท่งนำโชค ก็ไม่ควรพลาดชมไซไดจิ เอโย ฮาดากะมัตสึริ (Saidai-ji Eyo Hadaka Matsuri) งานเทศกาลอันแสนหลุดโลกของโอคายาม่า หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า "เทศกาลชายโป๊" นั่นเอง (หากคุณมีความกล้าและคิดว่าตัวเองหนังเหนียวพอก็สามารถเข้าร่วมได้นะ)

เมื่อนั่งรถไฟจากสถานีโอคายาม่าออกไปประมาณ 15 นาทีก็จะถึงเอบิสึ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าคิบิตสึ (Kibitsu Shrine) สุดอลังการที่ปรากฏอยู่ในนิทานญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง "โมโมทาโร่" ด้วย ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการบูรณะขึ้นในปี 1425 มีอาคารศาลหลักและหอสักการะที่ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินแห่งชาติ ไฮไลท์ของที่นี่คือระเบียงทางเดินยาว 360 เมตรที่ลดหลั่นไปตามเนินเขาได้อย่างน่าตกตะลึง คุณจะได้ชมวิวซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ดอกอาซาเลียในเดือนพฤษภาคม และดอกอาจิไซกว่า 1,500 ต้นที่จะบานสะพรั่งในเดือนมิถุนายน

เกาะศิลปะในทะเลเซโตะใน

ผู้ชื่นชอบศิลปะไม่ควรพลาดนาโอชิม่าและอินุจิม่า เกาะศิลปะที่สามารถไปกลับได้ภายในวันเดียวจากเมืองโอคายาม่า

นาโอชิม่า (Naoshima) เป็นหนึ่งในเกาะศิลปะที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ชื่อดังระดับโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนศิลปะ ผู้คลั่งไคล้สถาปัตยกรรม หรือเพียงคนที่ชอบเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ก็ควรจะไปเยือนนาโอชิม่าให้ได้สักครั้งในชีวิต เกาะนี้มีงานแสดงของศิลปินหลายท่าน ตัวอย่างเช่น Claude Monet, James Turrell, Tadao Ando และ Yayoi Kusama นอกจากนั้น ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ เกาะนี้ยังคงอนุรักษ์อัตลักษณ์ทางอุตสาหกรรมบางอย่างจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเอาไว้ด้วย

อินุจิม่า (Inujima) เคยเป็นที่ซ่อนตัวของโจรสลัดที่เรืองอำนาจอยู่ในทะเลเซโตะใน เกาะนี้ไม่เพียงแต่โด่งดังในฐานะเกาะศิลปะเท่านั้น แต่ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหลอีกด้วย เริ่มตั้งแต่การเป็นหมู่บ้านชาวประมง พัฒนาสู่โซนอุตสาหกรรมแออัด จนกลายเป็นเมืองร้างที่แทบไม่มีคนอยู่ ปัจจุบันทั่วทั้งเกาะเต็มไปด้วยงานศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าโดดเด่นที่สุดในภูมิภาค อีกทั้งยังมีหาดที่เงียบสงบสำหรับตั้งแคมป์และปิกนิก กับจุดตั้งแคมป์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการพักค้างคืนด้วย

คุณสามารถเดินทางจากโอคายาม่าไปยังนาโอะชิม่าและอินุจิม่าได้ทางเรือเฟอร์รี่

คลิกที่นี่ เพื่ออ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกาะศิลปะในทะเลเซโตะใน

คุระชิกิ

เมื่อเดินทางต่อไปทางตะวันตก ก็จะพบกับ คุระชิกิ (Kurashiki) เมืองประวัติศาสตร์อันน่าหลงใหลที่เป็นบ้านเกิดของผ้าเดนิมในญี่ปุ่น ลองเดินผ่าน เขตอนุรักษ์คุระชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter) หรือล่องเรือกอนโดลาในคลองที่ขนาบด้วยต้นยานางิ ผ่านคฤหาสน์ยุคเอโดะที่รักษาแพงขาวและหน้าต่างระแนงไม้ไว้เป็นอย่างดี บางครั้งคุระชิกิก็ถูกเรียกขานว่าเป็นเวนิสแห่งญี่ปุ่น ที่ลบฝูงนักท่องเที่ยวและเรือท่องเที่ยวออก แล้วบวกเสน่ห์แบบเมืองญี่ปุ่นเล็กๆ เข้าไป ระหว่างทางกลับสถานี เราขอแนะนำให้ลองชิมขนมหน้าตาน่าทาน หรือซื้องานฝีมือพื้นบ้านกลับไปเป็นของฝากจากโชเท็นไก (ย่านช็อปปิ้งในร่ม) ของเมืองนี้ดู

เก็บผลไม้

ทริปโอคายาม่าจะไม่สมบูรณ์เลยหากไม่มีการเก็บและรับประทานผลไม้ท้องถิ่นแบบสดๆ ! จังหวัดนี้มีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตผลไม้คุณภาพสูงที่หอมหวานเกินต้านทาน จนได้รับชื่อเล่นว่า "อาณาจักรผลไม้" โอคายาม่าผลิตผลไม้หลากหลายชนิดในฤดูที่แตกต่างกัน พีชขาวในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม องุ่นมัสคัตช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม และสตอเบอรี่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคม คุณสามารถขับรถไปที่สวนและรับประทานบุฟเฟ่ต์ผลไม้แสนอร่อยกันให้สะใจในคอร์สกินไม่อั้นแบบจำกัดเวลา เสร็จแล้วก็อย่าลืมเลือกซื้อบางอย่างกลับบ้านไปด้วยนะ! ตรงนี้ขอให้ทราบไว้ด้วยว่าสวนบางแห่งจำเป็นต้องมีการจองล่วงหน้า และส่วนใหญ่ก็จะต้องเดินทางโดยรถยนต์เท่านั้น

2. ฮิโรชิม่า: จังหวัดโปรโมทสันติภาพที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและของอร่อย!

เมืองฮิโรชิม่า

ฮิโรชิม่าเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางจากโศกนาฏกรรมการทิ้งระเบิดปรมาณู เก็นบาคุโดม (Genbaku Dome) หรือโดมปรมาณู ที่ถูกทำลายไปส่วนหนึ่งนั้น ตั้งอยู่ภายในสวนอนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Park) พร้อมกับอนุสรณ์อื่นๆ เพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจถึงความน่ากลัวของสงครามและอาวุธนิวเคลียร์ การที่มรดกโลกขององค์การ UNESCO แห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี และยังคงยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการไม่ลืมบทเรียนจากอดีต

วิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสประวัติศาสตร์ส่วนนี้ของเมือง คือ เข้าร่วมทัวร์เดินชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มักจะจัดขึ้นโดยคนท้องถิ่นในฮิโรชิม่าเอง ทัวร์นี้จะทำให้คุณได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานที่ชาวฮิโรชิม่าต้องแบกรับไว้ รวมถึงการฟื้นฟูเมืองและการให้คำมั่นสัญญาต่อสันติภาพของเมืองนี้

ในวันที่ 6 สิงหาคมของทุกปี เมืองฮิโรชิม่าจะมีการจัดงานอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงเหยื่อในเหตุการณ์ระเบิดปรมาณู โดยผู้คนนับพันจะพากันเขียนข้อความลงบนโคมกระดาษ จุดไฟ และปล่อยให้มันไหลไปตามแม่น้ำข้างๆ เก็นบาคุโดม

เมื่อพูดถึงฮิโรชิม่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักนึกถึงระเบิดปรมาณูเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วเมืองนี้ก็ยังมีอะไรอีกมากมายนอกเหนือจากประวัติศาสตร์อันเจ็บปวด

เหล่านักกินต่างรู้กันดีว่าฮิโรชิม่ามีโอโคโนมิยากิ (แพนเค้กญี่ปุ่น) สูตรพิเศษของตัวเอง ซึ่งต่างจากอีกหนึ่งเวอร์ชั่นยอดนิยมก็คือสไตล์โอซาก้า สถานที่ที่ดีที่สุดในการลองเมนูนี้คือ โอโคโนมิมูระ (Okonomimura) แหล่งรวมแผงลอยโอโคโนมิยากิที่เริ่มก่อตัวขึ้นในเขตชินเทนจิ (Shintenchi District) หลังสงคราม จากนั้นก็ได้กลายเป็นร้านค้าที่รวมกลุ่มอยู่ในบริเวณเดียวกัน เนื่องจากมีร้านให้เลือกถึง 25 ร้าน เราจึงอยากให้คุณได้อ่านคู่มือการเลือกร้านที่อยู่ในบทความ โอโคโนมิยากิฮิโรชิม่าที่เราขอแนะนำ! ไปก่อนด้วย

หลังจากรับประทานโอโคโนมิยากิแล้ว ก็มาเดินย่อยอาหารกันต่อที่ สวนชุคเคเอ็น (Shukkei-en Garden) สวนสวยๆ ที่เน้นการจำลองย่อส่วนทิวทัศน์ธรรมชาติ เช่น ภูเขา หน้าผา และทะเลสาบ เป็นจุดชมซากุระยอดนิยมในฤดูใบไม้ผลิ ดอกบัวในฤดูร้อน และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง

เติมปอดของคุณให้เต็มด้วยอากาศบริสุทธิ์ และออกทริปไปเช้า-เย็นกลับสู่ ช่องเขาซันดันเคียว (Sandankyo Gorge) ทิวทัศน์ธรรมชาติอันน่าตกตะลึงของที่นี่เหมาะกับคนรักธรรมชาติเป็นอย่างมาก มีทั้งเส้นทางเดินเขา เรือคายัคให้เช่าพายสำรวจช่องเขาจากบนน้ำ และเรือเฟอร์รี่ที่จะพาคุณล่องไปตามห้วยลึก

สำหรับไอเดียเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งน่าทำในละแวกฮิโรชิม่า เราขอแนะนำให้อ่านบทความนี้ ซึ่งมีรายละเอียดของสถานที่ทั้งหมดที่เราได้กล่าวถึงไปเมื่อสักครู่!

Klook.com

มิยาจิม่าและศาลเจ้าอิสึคุชิมะ

ถึงแม้มิยาจิม่า (Miyajima) จะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ที่มีประชากรประมาณ 1,600 คน (กับคุณกวางน่ารักอีกจำนวนหนึ่ง) แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมและถ่ายรูปกันมากที่สุดในญี่ปุ่น ต้องขอบคุณ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) และซุ้มโทริอิที่จะดูเหมือนลอยน้ำเวลาน้ำขึ้นที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา

ในทุกๆ ปี ผู้คนกว่า 4 ล้านคนจะมาเยือนมิยาจิม่าเพื่อชมศาลเจ้าและเสาโทริอิลอยน้ำ ซึ่งจัดเป็นมรดกโลกขององค์การ UNESCO ด้วยกันทั้งคู่ คุณสามารถเดินออกไปยังซุ้มประตูโทริอิขนาดใหญ่ได้ในเวลาน้ำลง แต่ก็ไม่ควรหยุดอยู่เพียงแค่นี้ เพราะเกาะนี้ยังมีจุดชมวิวสุดอลังการอีกมากมายที่รอให้คุณสำรวจ ไม่ว่าจะเป็น โกะจูโนะโท (Gojunoto) เจดีย์ 5 ชั้นสีแดงแสนสวยที่ตัดกับวิวสีเขียวรอบข้างได้อย่างลงตัว และ เซ็นโจคาคุ (Senjokaku) สิ่งก่อสร้างแบบเปิดโล่งอันยิ่งใหญ่ที่มีวิวอันน่าตื่นตาตื่นใจของน้ำและพื้นที่เขียวชอุ่มโดยรอบให้รับชม

นอกจากนี้ คุณยังสามารถสวมรองเท้าที่เดินสะดวกๆ แล้วเลือก 1 ใน 3 เส้นทางเดินเขา (แต่ละทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) ขึ้นไปสู่ยอดของ ภูเขามิเซน (Mount Misen) เพื่อชมวิวอันน่าตกตะลึงของเกาะและท่าเรือ ใครไม่อยากออกแรงมากก็สามารถใช้บริการรถกระเช้าได้เช่นกัน วัดไดโชอิน (Daishoin Temple) บนจุดยอดเขาของเกาะนี้เป็นทิวทัศน์ที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากต้นเมเปิ้ลบริเวณรอบวัดจะพากันเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง และเมื่อไปถึงแล้วก็อย่าลืมแวะชม "โคมไฟนับพันดวง" อันน่าหลงใหล และรูปปั้นจิโซ (เทพเจ้าที่คอยปกป้องเด็กและการคลอดบุตร) ขนาดเล็กน่ารักในบริเวณวัดด้วย!

ด้วยความโด่งดังของเกาะแห่งนี้ ที่นี่จะเริ่มเก็บภาษีนักท่องเที่ยวเป็นราคา 100 เยน ตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ.  2021 เป็นต้นไป เงินส่วนนี้จะถูกนำไปใช้บำรุงรักษาเกาะและบริการสาธารณะต่างๆ เช่น ห้องน้ำและ อินเทอร์เน็ต Wi-Fi ฟรี

หากคุณมาในช่วงฤดูร้อน เราขอแนะนำให้อยู่ชม เทศกาลคันเกนไซ (Kangen-sai Festival) ด้วย เทศกาลยอดนิยมนี้จะจัดขึ้นประมาณกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นสิงหาคม มีการใช้เรือแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า "โกซัง" ออกไปล่องในบริเวณน่านน้ำรอบศาลเจ้า ภาพของเรือที่จุดคบเพลิงและเสียงดนตรีพื้นเมืองชั้นสูงนั้นน่าหลงใหลมากทีเดียว

คลิกที่นี่ เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมและค้นหาสิ่งน่าทำอื่นๆ ในมิยาจิม่า!

โอคุโนะชิมะ (เกาะกระต่าย)

โอคุโนะชิมะ (Okunoshima) เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงจากกระต่ายแสนน่ารักจำนวนมากที่จะวิ่งว่อนไปทั่ว เกาะนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งฮิโรชิม่า แต่สิ่งที่ขัดกับประชากรขนปุยผู้น่ารักที่สุดก็คือ ตึกร้างที่กระจายอยู่รอบเกาะ บางส่วนเคยเป็นโรงงานก๊าซพิษ โรงเก็บของ ค่ายทหาร และเครื่องกำเนิดพลังงานมาก่อน เกาะแสนประหลาดนี้ได้รับการกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ และคนรักกระต่ายก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะได้พบกระต่ายน่ารักๆ กว่า 1,000 ตัวบนเกาะขนาดเล็กจิ๋วแห่งนี้

หากคุณเป็นแฟนประวัติศาสตร์ก็อาจจะอยากเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการผลิตก๊าซพิษที่นี่ รวมถึงสิ่งก่อสร้างทางทหารที่ถูกทิ้งร้างอยู่ทั่วเกาะ เนื่องจากอากาศจะค่อนข้างอุ่นสบาย กิจกรรมยอดฮิตจึงเป็นการปั่นจักรยาน (มีให้เช่า) ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถปั่นรอบเกาะได้แล้ว แถมคุณยังจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์เขตร้อนไประหว่างทางด้วย

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

3. ยามากุจิ: มุดถ้ำหินปูน ชิมปลาปักเป้า และสำรวจมรดกโลกจากซามูไร

เมืองยามากุจิ

ศูนย์กลางของจังหวัดยามากุจิ คือ เมืองที่อัดแน่นไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ซึ่งถูกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ เป็นที่รู้จักกันในฐานะ "เกียวโตแห่งตะวันตก" (ตัดฝูงชนออกไป) เมืองนี้มีชื่อเสียงจากวัดอันสวยงาม และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปเมจิมากมายหลายแห่ง

สิ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยก็คือ วัดรูริโคจิ (Rurikoji Temple) ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์ 5 ชั้นที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1442 และจัดเป็นหนึ่งในสมบัติชาติที่มีความสำคัญของประเทศญี่ปุ่น เจดีย์นี้เป็น 1 ใน 3 สุดยอดเจดีย์ของญี่ปุ่น มีอายุเก่าแก่เป็นอันดับ 10 ของประเทศ ภายในวัดคุณจะได้พบกับ จินริวเท (Chinryutei) โรงน้ำชาที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าได้ฟรี และเรียนรู้เกี่ยวกับบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีบทบาทในการปฏิรูปเมจิ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

จากนั้นก็แวะพักเติมพลังกันที่ ยูดะออนเซ็น (Yuda Onsen) ย่านสุดฮิตของคนในท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยบ่อน้ำพุธรรมชาติ คุณสามารถพักผ่อนแช่เท้าของคุณได้ที่ "อาชิยุ" (บ่อแช่เท้า) ซึ่งกระจายอยู่ตามท้องถนน หรือจะเดินทางไปผ่อนคลายที่ออนเซ็นแบบไปกลับซึ่งมีให้เลือกหลายแห่งก็ได้ นอกจากนั้น พื้นที่แถบนี้ก็ยังมีเรียวกัง (ที่พักสไตล์ญี่ปุ่น) หลากหลายประเภทให้นักเดินทางได้เลือกพักค้างคืนอยู่เช่นกัน

อาคิโยชิได (Akiyoshidai) เป็นที่ราบสูงแบบคาสต์ (พื้นที่หินปูนที่ถูกน้ำฝนชะล้างจนเกิดเป็นหลุมบ่อ) ที่สมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่น นับเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ธรรมชาติที่น่าประทับที่สุดในภูมิภาค ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากเมืองยามากุจิเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น อาคิโยชิโด (Akiyoshido) ซึ่งอยู่ใต้ที่ราบสูงนี้ เป็นถ้ำหินปูนที่ใหญ่และยาวที่สุดของญี่ปุ่น ดังนั้น มาปั่นจักรยานสำรวจอนุสาวรีย์ธรรมชาติอันแสนพิเศษพร้อมดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ที่ไม่ธรรมดากันเถอะ!

อิวาคุนิ

เมืองปราสาทที่เงียบสงบแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ สะพานคินไทเคียว (Kintaikyo Bridge) หนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่น่าตื่นตาที่สุดของญี่ปุ่น สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1673 เป็นสะพานที่ปราณีตและสร้างสรรค์จนได้รับการขนานนามว่าเป็นความสมบูรณ์แบบของวิศวกรรมสะพาน และเป็น 1 ใน 3 สะพานที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น หากคุณรู้สึกอยากออกแรงขึ้นมา เราก็ขอแนะนำให้ลองขึ้นเนินไปชม ปราสาทอิวาคุนิ (Iwakuni Castle) ที่มีกำแพงสีขาวสวยงาม (หรือจะนั่งกระเช้าขึ้นไปก็ได้) ซึ่งได้รับการบูรณะมาจากปราสาทหลังเดิมในปี 1608 พื้นที่ของปราสาทและ สวนคิคโค (Kikko Park) เป็นจุดชมซากุระที่ได้รับความนิยมมากในฤดูใบไม้ผลิ

อีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาด คือ อิวาคุนิซูชิ (Iwakunizushi) ที่เป็นซูชิแบบพิเศษไม่เหมือนใคร ทำโดยการเรียงข้าวและวัตถุดิบประจำฤดูกาลเป็นชั้นๆ เหมือนเลเยอร์เค้ก จากนั้นก็กดให้แน่นและตัดเป็นชิ้นเล็กๆ

ฮางิ

ถนนกำแพงขาวและละแวกที่เงียบสงบของฮางินั้น นอกจากจะสวยงามน่าเดินแล้ว ยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อีกด้วย เมืองปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยบ้านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี รวมถึงมรดกโลก 5 แห่งที่เกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ฮางิมีสถานที่มากมายให้แวะชมระหว่างเดินเที่ยว ตัวอย่างเช่น ร้านขายเครื่องปั้นฮางิ (Hagi Ware) ที่เป็นของขึ้นชื่อประจำเมือง และคาเฟ่ที่รีโนเวทมาจากบ้านเก่าแก่ของคนในพื้นที่

ศาลเจ้าโมโตโนะสุมิ

ศาลเจ้าโมโตโนะสุมิ (Motonosumi Shrine) ที่แสนห่างไกลและอุโมงค์โทริอิ 123 ต้นที่ตั้งเลียบไปบนชายฝั่ง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน "31 สถานที่ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น" ของ CNN เราขอแนะนำให้คุณลองมองหารูปปั้นสุนัขจิ้งจอกขนาดเล็กระหว่างที่เดินลอดผ่านเสาโทริอิ และเมื่อถึงโทริอิต้นสุดท้าย หากมองขึ้นไปคุณก็จะพบกับกล่องรับบริจาควางอยู่ ว่ากันว่าหากโยนเหรียญลงกล่องนี้ได้สำเร็จก็จะทำให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริงขึ้นมาด้วยล่ะ!

ชิโมโนเซกิ

เนื่องจากมีชายฝั่งติดทะเลเซโตะในอยู่ค่อนข้างมาก ยามากุจิจึงโด่งดังในเรื่องอาหารทะเล โดยเมนูท้องถิ่นประจำจังหวัด คือ ฟุกุ (ปลาปักเป้า) ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าจะมีพิษหากปรุงอย่างไม่ถูกต้อง! คนรักอาหารทะเลไม่ควรพลาดที่จะเดินทางไปยัง ตลาดคะระโตะ (Karato Market) ในชิโมโนเซกิเพื่อลิ้มรสอาหารทะเลที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น และเมื่อรับประทาน "ดงบุริ" หน้าอาหารทะเล (ข้าวหน้าอาหารทะเล) อร่อยๆ เสร็จแล้ว ก็อย่าลืมตามด้วยสาเกดัซไซ (Dassai) ชื่อดังที่มีต้นกำเนิดจากยามากุจิด้วยนะ

การชม สะพานสึโนะชิมะ (Tsunoshima Bridge) เลียบไปตามทะเลสีมรตกในวันฤดูร้อนที่อากาศปลอดโปร่งนั้นน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็ลงมาพักเบรคที่หาดทรายของเกาะ พร้อมกับแวะประภาคารที่เหมาะสำหรับถ่ายรูปลงโซเชียลสุดๆ เพื่อชมอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติกด้วย

Klook.com

4. ชิมาเนะ: ดินแดนเทพนิยาย ชายหาดแสนสวย และเกาะอันเงียบสงบ

ศาลเจ้าอิซุโมะไทชะ

ชิมาเนะเป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวไม่มาก แม้แต่ชาวญี่ปุ่นด้วยกันเอง แต่จังหวัดนี้ก็เป็นที่ตั้งของ อิซุโมะไทชะ (Izumo Taisha) ศาลเจ้าชินโตที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มุมที่เงียบสงบของญี่ปุ่นนี้เคยถูกกล่าวถึงใน โคจิคิ (บันทึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และตำนานเทพที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น) วัตถุโบราณที่ขุดได้จากพื้นที่นี้แสดงให้เห็นถึงบทบาททางประวัติศาสตร์ที่อิซุโมะมีต่อตำนานต้นกำเนิดญี่ปุ่น มีความเชื่อในลัทธิชินโตที่ว่ามีเทพอยู่กว่า 8 ล้านองค์ และศาลเจ้านี้ก็เป็นสถานที่ที่เทพทั้งหมดจะมารวมตัวกันในเดือนตุลาคมของทุกปี เราขอแนะนำให้เที่ยว “พาวเวอร์สปอต” แห่งนี้ไปพร้อมกับ พิพิธภัณฑ์อิซุโมะโบราณแห่งจังหวัดชิมาเนะ (Shimane Museum of Ancient Izumo) เพื่อสัมผัสกับโลกของตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น เพื่อดูว่าตำนานจะกลายมาเป็นประวัติศาสตร์ได้อย่างไร

Klook.com

อิวามิกินซัง

ครั้งหนึ่งญี่ปุ่นเคยเป็นผู้ผลิตแร่เงินถึง 1 ใน 3 ของโลก และแร่เหล่านั้นก็พบได้ในชิมาเนะแห่งนี้ ที่เหมืองเงินใต้ดินชื่อ อิวามิกินซัง (Iwami Ginzan) ซึ่งต้องขุดติดต่อกันนานถึงเกือบ 400 ปี (ค.ศ. 1526 - 1923) และได้กลายเป็นมรดกโลกขององค์การ UNESCO เมื่อปี 2007 พร้อมกับทิวทัศน์ป่าไม้โดยรอบ เหมืองนี้สร้างขึ้นในพื้นที่ที่มีป่าหนาแน่น ซึ่งได้ในอดีตเคยมีชาวเหมืองคอยดูแล มันอาจจะดูเป็นตัวเลือกที่แปลกอยู่บ้างสำหรับการท่องเที่ยว แต่ที่แห่งนี้ก็มีกิจกรรมให้ทำมากมายเช่นกัน

คุณสามารถเลือกได้ว่าจะมุดลงใต้ดินเพื่อท่องเที่ยวไปตามเส้นทางในเหมืองและชมร่องรอยการทำเหมืองที่มีมาตลอดหลายศตวรรษ หรือเดินเล่นในเมืองเหมืองเก่าอย่าง โอโมริ (Omori) ที่เรียงรายไปด้วยศาลเจ้า บ้านพ่อค้าเก่า คาเฟ่และร้านค้าที่ดัดแปลงมาจากบ้านซามูไร ดื่มด่ำไปกับความเงียบสงบของธรรมชาติโดยรอบด้วยการเดินเล่นหรือเดินเขา ซึ่งจะมีเส้นทางให้เลือกมากมาย ตั้งแต่เส้นทางที่ผ่ากลางดงไผ่และผ่านศาลเจ้าโบราณ ไปจนถึงเส้นทางภูเขาอันแสนขรุขระ 
 

มัตสึเอะ

มัตสึเอะถูกล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำลำคลอง มีชายฝั่งติดทะเล อีกทั้งยังตั้งอยู่รอบทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของญี่ปุ่น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมัตสึเอะจึงเป็นที่รู้จักในนามของ "เมืองแห่งน้ำ" เมืองปราสาทแห่งนี้เคยเป็นป้อมปราการของเจ้าครองแว้นในยุคเอโดะ และปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle) ซึ่งเป็น 1 ใน 12 ปราสาทญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมก็ได้รับการบำรุงรักษาเอาไว้อย่างสมบูรณ์ คุณจะได้ชมวิวพาโนราม่าอันยอดเยี่ยมของตัวเมืองและ ทะเลสาบชินจิ (Lake Shinji) จากชั้นบนสุดของปราสาท นอกจากนั้น บริเวณปราสาทยังเต็มไปด้วยต้นซากุระกว่า 200 ต้น ซึ่งเป็นวิวทิวทัศน์อันน่าตื่นตาในฤดูใบไม้ผลิ และในบางเดือนของปีก็จะมีการจัดแสดงแสงไฟยามค่ำคืน หรือเทศกาลที่มีโคมไฟส่องแสงหลากสีสันลอยไปตามทางน้ำในช่วงเย็นด้วย แถมเขตบ้านซามูไรที่อยู่รอบๆ ก็มีทั้งพิพิธภัณฑ์และโบราณสถานอยู่อีกมากมายด้วย คุณสามารถเดินสำรวจพื้นที่รอบๆ ตัวปราสาทได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ

มัตสึเอะมีศาลเจ้าหลายแห่งที่ข้องเกี่ยวกับตำนานเทพเจ้าของญี่ปุ่น เช่น ศาลเจ้ายาเอะกาคิ (Yaegaki Shrine), ศาลเจ้าคูมาโซะ (Kumaso Shrine), และ ศาลเจ้าซุงะ (Suga Shrine) ขอแนะนำว่าควรเตรียมกล้องของคุณให้พร้อมสำหรับการเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินที่น่าตื่นตาบนทะเลสาบชินจิ และหากคุณอยากให้มันพิเศษขึ้นไปอีกก็สามารถนั่งเรือสำราญไปเก็บภาพจากบนทะเลสาบได้ด้วย!

เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่กลางจังหวัด คุณจึงสามารถไปเที่ยวในสถานที่ใกล้เคียง เช่น อิซุโมะไทชะ, ซาไคมินาโตะ (Sakaiminato), หาดอินาสะ (Inasa Beach) และสถานที่น่าอัศจรรย์ใจอื่นๆ ทั่วชิมาเนะได้ไม่ยากเลย!

5. ทตโตริ: เนินทราย แนวชายฝั่งสวยๆ และโชคด้านความรัก

เนินทรายทตโตริ

หากจะมีอะไรที่ทุกคนรู้จักเกี่ยวกับทตโตริ ก็คงหนีไม่พ้น เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes) เนินทรายยอดนิยมอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ทะเลทรายขนาดจิ๋วแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คอันโด่งดังที่มีคนเข้าชมมากที่สุดในทตโตริ และดึงดูดผู้คนกว่า 2 ล้านคนให้มาที่จังหวัดที่มีประชากรน้อยสุดของญี่ปุ่นได้เป็นประจำทุกปี นอกจากการเดินเล่นไปรอบๆ เนินทรายและเก็บภาพทิวทัศน์ธรรมชาติสุดอลังการแล้วก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถช่วยเพิ่มรสชาติให้กับประสบการณ์ต่างแดนนี้ได้ เช่น กระดานโต้ทราย ขี่อูฐ และพาราไกลด์ดิ้ง!

คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับธรณีวิทยาของพื้นที่ และชมประติมากรรมทรายระดับโลกที่ทำขึ้นโดยช่างฝีมือแกะสลักชั้นยอดได้ใน พิพิธภัณฑ์ทราย (Sand Museum) ที่อยู่ใกล้ๆ พิพิธภัณฑ์นี้จะมีอะไรใหม่ๆ ให้ชมตลอดเวลา เนื่องจากผลงานและธีมจัดแสดงก็จะเปลี่ยนไปทุกปี คล้ายกับธรรมชาติของทรายที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั่นเอง!

ชายฝั่งอุราโดเมะ

เมื่อเดินเลียบไปตามชายฝั่ง คุณก็จะได้พบกับ ชายฝั่งอุราโดเมะ (Uradome Coast) ที่โด่งดังจากหาดขาวทรายละเอียด เวิ้งตื้นๆ และโครงสร้างหินอันสวยงาม ผืนน้ำใสสะอาดอันแสนเพอร์เฟ็คต์ เหมาะสำหรับการว่ายและดำน้ำตื้น แต่ในระยะหลังมานี้การพายเรือคายัคท้องใสก็ได้รับความนิยมเช่นกัน คุณสามารถมองทะลุผ่านท้องเรือในขณะที่ออกสำรวจเวิ้งน้ำ หน้าผา และถ้ำได้เลย แต่สำหรับคนที่ต้องการใช้แรงน้อยหน่อย เราขอแนะนำให้นั่งเรือสำราญชมวิวที่ให้บริการในช่วงมีนาคมถึงพฤศจิกายน เพื่อเพลิดเพลินไปกับภูมิประเทศแสนสวยชวนตะลึงอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น ทางตะวันตกของหาดหลักอุราโดเมะก็ยังมีเส้นทางเดินเขาอยู่บริเวณยอดผา ซึ่งมีวิวน่าอัศจรรย์ของเวิ้งน้ำและทะเลสีเขียวอมฟ้าที่อยู่โดยรอบด้วย

มิซาสะออนเซ็นและภูเขามิโตคุ

เที่ยวชายฝั่งกันเสร็จแล้วก็สะบัดทรายออกจากรองเท้าแล้วมุ่งหน้าขึ้นเนินเพื่อแช่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติของ มาซาซะออนเซ็น (Misasa Onsen) กันเลย น้ำพุของที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องมีธาตุเรดอนในปริมาณสูง ซึ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการปวดข้อต่อ อักเสบเรื้อรัง และภูมิแพ้ เราขอแนะนำให้คุณลองดื่มน้ำด้วย เนื่องจากน้ำนี้มีประสิทธิภาพในการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันและเมตาบอลิซึม

สำหรับผู้ที่คลั่งไคล้การผจญภัยก็ไม่ควรพลาด ภูเขามิโตคุ (Mount Mitoku) เพื่อสัมผัสประสบการณ์การปีนเขาระยะสั้นสุดท้าทาย เส้นทางแสวงบุญที่ลัดเลาะไปตาม "ทางเข้าวัดที่อันตรายที่สุดในญี่ปุ่น" นี้ จะพาคุณไปปีนรากไม้ โซ่ และทุลักทุเลไปบนสันเขาอันแสนขรุขระ แต่สุดท้ายแล้ว คุณก็จะได้รับรางวัลเป็นทิวทัศน์อันแสนยิ่งใหญ่ของ วัดซันบุทสึ (Sanbutsu Temple) ที่มีการสร้างสถาปัตยกรรมโบราณอันน่าทึ่งอย่าง "นาเออิเรโด" (Naeiredo) ไว้ในหน้าผาได้อย่างชาญฉลาด

ศาลเจ้าฮาคุโตะ

กลับมาที่ตำนานเทพ ศาลเจ้าฮาคุโตะ (Hakuto Shrine) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชื่อดังเกี่ยวกับตำนานกำเนิดเกาะญี่ปุ่นที่ถูกกล่าวถึงใน โคจิคิ กัน เรื่องราวของ "อินาบะโนะฮาคุโตะ" (กระต่ายขาวอินาบะ) ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเรื่องรักเรื่องแรกของญี่ปุ่น ปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะ "แดนศักดิ์สิทธิ์ของคู่รัก" ที่ให้โชคด้านความรักและการแต่งงาน นอกจากนั้น เมื่อถึงฤดูร้อน บริเวณชายหาดฮาคุโตะหน้าศาลเจ้าก็จะคึกคักไปด้วยเหล่านักว่ายน้ำและโต้คลื่นด้วย

สำหรับกิจกรรมน่าทำอื่นๆ และรายละเอียดเพิ่มเติมของสถานที่ท่องเที่ยวในทตโตริ สามารถอ่านต่อได้ในบทความนี้

หลงใหลไปกับชูโกคุ!

ภูมิภาคชูโกคุอาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ แต่บอกได้เลยว่าภูมิภาคนี้มีอะไรบางอย่างสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน! ตั้งแต่เส้นทางเดินเขาอันน่าตื่นเต้น สวนสงบร่มเย็น หาดทรายแสนสะอาด ไปจนถึงเมืองซามูไรอันเงียบสงบ อีกทั้งยังมีอาหารดีๆ มากมายที่หาได้เฉพาะที่นี่ อย่างไรก็ตาม ความน่าอัศจรรย์ของชูโกคุนี้คงเป็นความลับไปอีกได้ไม่นาน เราจึงขอแนะนำให้ใส่ภูมิภาคนี้ไว้ในอันดับแรกของแพลนเที่ยวญี่ปุ่นของคุณเลย!


หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์ชูโกคุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Samantha
Samantha
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร