มุ่งสู่ "ทะเลเซโตะใน" ชมความสวยสงบของเกลียวคลื่นและหมู่เกาะในทะเล!
พื้นที่บริเวณเซโตะในประกอบไปด้วย 7 จังหวัดที่อยู่ติดทะเล ดูสวยงามและเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ คุณจะได้เพลิดเพลินกับสภาพอากาศที่เย็นสบาย ผืนน้ำทะเลอันเงียบสงบ วิวแสนสวยของเกาะที่เรียงตัวไปบนผืนน้ำ รวมทั้งอาคารบ้านเรือนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของอดีตกับงานอีเวนต์ศิลปะที่โด่งดังในระดับนานาชาติด้วย บทความนี้จะมาแนะนำสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนไปเที่ยวบริเวณเซโตะในกัน!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
พื้นที่บริเวณเซโตะใน
ทะเลเซโตะอุจิ หรือ ทะเลเซโตะใน (瀬戸内海) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะหลักญี่ปุ่น ล้อมด้วยภูมิภาคชิโกกุและคิวชู ถือเป็นทะเลในที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งกินพื้นที่บนผืนน้ำจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกเป็นระยะทางรวม 450 กิโลเมตร และจากเหนือลงใต้ 55 กิโลเมตร มีแนวชายฝั่งทะเลทอดที่ยาวถึง 7,230 กิโลเมตร ซึ่งสามารถนับเกาะที่อยู่ในเขตพื้นที่ได้มากกว่า 700 เกาะขึ้นไป นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่น แดดจัดตลอดทั้งปี และมีฝนตกไม่มาก เรียกได้ว่าเป็นบริเวณที่เหมาะกับการท่องเที่ยวสุดๆ ไปเลย
จังหวัดในพื้นที่บริเวณเซโตะใน
บริเวณเซโตะในประกอบด้วย 7 จังหวัดที่ล้อมอยู่รอบทะเล ได้แก่ เฮียวโกะ, โอคายาม่า, ฮิโรชิม่า, ยามากุจิ, โทคุชิม่า, คากาว่า และเอฮิเมะ มาดูกันเลยว่าแต่ละจังหวัดมีจุดเด่นอะไรบ้าง
เฮียวโกะ (兵庫)
จังหวัดเฮียวโกะเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคคันไซ ด้านทิศเหนืออยู่ติดกับทะเลญี่ปุ่น ส่วนทิศใต้หันเข้าหาทะเลเซโตะใน มีพื้นที่รวมประมาณ 8,401 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่ากว้างเป็นอันดับที่ 12 ของประเทศ ในจังหวัดมีพื้นที่อยู่หลายรูปแบบ ตั้งแต่เมืองใหญ่ หมู่บ้านเกษตรกรรมบนภูเขา ไปจนถึงเกาะที่อยู่ห่างไกล คุณสามารถสนุกไปกับกิจกรรมยามว่างต่างๆ อย่างการเล่นน้ำทะเล เล่นสกี หรือแช่ออนเซ็นได้ อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น ปราสาทฮิเมจิ (姫路城) ที่เป็นมรดกโลก และ อาริมะออนเซ็น (有馬温泉) รีสอร์ทออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้จึงมีนักท่องเที่ยวจากทั้งในและนอกประเทศแวะมาเยือนกันอย่างล้นหลาม
นอกจากนี้ จังหวัดเฮียวโกะยังมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตเนื้อโกเบและสาเกญี่ปุ่นด้วย มีอัตราการผลิตและการขายสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว โดยเฉพาะนาดะ (灘) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะแหล่งผลิตสาเกที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น และมีโรงหมักสาเกกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ
โอคายาม่า (岡山)
จังหวัดโอคายาม่าเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคชูโกคุที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะหลักญี่ปุ่น มีพื้นที่รวมประมาณ 7,114 ตารางกิโลเมตรและกว้างเป็นอันดับที่ 17 ของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ อยู่มากมาย เช่น โอคายาม่าโคราคุเอ็น (岡山後楽園) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สุดยอดสวนของญี่ปุ่น, เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (倉敷美観地区) เขตอาคารบ้านเรือนเลียบคูน้ำที่มีกำแพงสีขาวและต้นยานางิ (ต้นวิลโลว์) เรียงราย และ Hiruzen Plateau (蒜山高原) รีสอร์ทบนที่ราบสูงที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นฝั่งตะวันตก เป็นต้น
บริเวณนี้มีอากาศอบอุ่นและฝนตกน้อย จึงสามารถปลูกองุ่นมัสแคทได้ดี ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์จนได้ชื่อว่ามีปริมาณการผลิตองุ่นมัสแคทสูงที่สุดในประเทศเลยทีเดียว
สะพานเซโตะโอฮาชิ (瀬戸大橋) ซึ่งเปิดให้บริการในปี 1988 เป็นสะพานยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ที่เชื่อมโคจิม่าในเมืองคุราชิกิ จังหวัดโอคายาม่า เข้ากับเมืองท่าซาคาอิเดะ จังหวัดคากาว่า จัดว่าเป็นสะพานที่มีสเกลใหญ่ที่สุดในหมู่สะพานที่เป็นทั้งถนนและทางรถไฟ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเดินทางไปยังยอดภูเขาวะชูซัง (鷲羽山) ที่เป็นจุดชมวิวของโอคายาม่าเพื่อชมสะพานสุดยิ่งใหญ่ตระการตานี้และเกาะน้อยใหญ่กว่า 50 เกาะภายในทะเลเซโตะในได้ด้วย
ฮิโรชิม่า (広島)
ฮิโรชิม่าตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูมิภาคชูโกคุ มีจุดเด่นอยู่ตรงแนวชายฝั่งที่สลับซับซ้อนซึ่งหันเข้าหาทะเลเซโตะใน และในบรรดาเกาะทั้งหมดของบริเวณนี้ก็มีเกาะที่อยู่ในเขตจังหวัดฮิโรชิม่าอยู่ถึง 140 เกาะเลยทีเดียว จังหวัดนี้มีพื้นที่ประมาณ 8,479 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่ากว้างเป็นอันดับ 11 ของประเทศ เมืองฮิโรชิม่าเป็นที่ตั้งของสำนักงานจังหวัดและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคชูโกคุกับชิโกกุ นอกจากนี้ ยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนครรัฐบัญญัติ (政令指定都市) ของญี่ปุ่นด้วย
ฮิโรชิม่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดนักท่องเที่ยวทั้งจากนอกและในประเทศแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย มีมรดกโลกอยู่ถึง 2 แห่ง ได้แก่ ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (厳島神社) และโดมระเบิดปรมาณู (原爆ドーム)
จากเส้นทางชิมานามิไคโด (しまなみ海道) ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเมืองอิมาบาริ จังหวัดเอฮิเมะ และเมืองโอโนมิจิ จังหวัดฮิโรชิม่า มีทิวทัศน์ของหมู่เกาะที่เชื่อมต่อกันด้วยสะพานทั้ง 7 ให้คุณได้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน และในบริเวณนี้ก็ยังมีถนนปั่นจักรยานอันโด่งดัง จนได้ชื่อว่าเป็น "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักปั่น" ด้วย
นอกจากนี้ ฮิโรชิม่ายังเป็นแหล่งผลิตหอยนางรมอันดับ 1 ของญี่ปุ่นที่ครองปริมาณการผลิตไปกว่าครึ่งหนึ่งของตลาด หากได้แวะไปก็ต้องลองชิมให้ได้สักครั้ง!
ยามากุจิ (山口)
จังหวัดยามากุจิตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโกคุ ด้านทิศเหนืออยู่ติดทะเลญี่ปุ่น ส่วนทิศใต้หันเข้าหาทะเลเซโตะใน มีพื้นที่ประมาณ 6,112 ตารางกิโลเมตร ซึ่งกว้างเป็นอันดับที่ 23 ของประเทศ และมีชายหาดทอดยาวถึง 1,500 กิโลเมตร ที่นี่คุณจะได้สนุกไปกับทิวทัศน์ที่แตกต่างกันตั้งแต่เหนือจรดใต้ ทั้งหมู่เกาะอันเงียบสงบของทะเลเซโตะใน และชายฝั่งกัดเซาะที่ขรุขระของทะเลญี่ปุ่น
สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของที่นี่ คือ อุทยานแห่งชาติอากิโยชิได (秋吉台国定公園) ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ที่เรียกว่า อากิโยชิโด (秋芳洞) และที่อยู่ถัดลงมาในระยะทาง 100 เมตรก็คือ สะพานสึโนชิมะ (角島大橋) ที่มีวิวทะเลสีมรกตงดงาม และย่านปราสาทฮากิ (萩城下町) ที่มีบ้านเมืองในสมัยก่อนตั้งเรียงรายอยู่ เป็นต้น
อุตสาหกรรมการประมงของที่นี่ก็เฟื่องฟูมากเช่นกัน โดยเฉพาะแถวท่าเรือชิโมโนเซกิ (下関港) ซึ่งขึ้นชื่อว่าสามารถตกปลาปักเป้าได้เยอะมาก
โทคุชิม่า (徳島)
โทคุชิม่าตั้งอยู่ทางตะวันออกของภูมิภาคชิโกกุ ฝั่งตะวันออกติดกับอ่าววาคายาม่า ส่วนตะวันออกเฉียงใต้หันหน้าเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่รวมประมาณ 4,146 ตารางกิโลเมตร ซึ่งกว่า 80% เป็นเขตภูเขา โดยภูเขาที่สูงที่สุดคือ ภูเขาสึรุงิ (剣山) ที่มีความสูง 1,955 เมตร สูงเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค
ภายในจังหวัดมีจุดชมทิวทัศน์สวยๆ อยู่มากมาย เช่น วังน้ำวนนารุโตะ (鳴門の渦潮) คลื่นน้ำวนขนาดใหญ่ระดับโลกในบริเวณช่องแคบนารุโตะ, โอโบเคะ (大歩危) กับโคโบเคะ (小歩危) ช่องเขาที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของแม่น้ำโยชิโนะมาตลอด 200 ล้านปี และหุบเขาอิยะ (祖谷渓) ดินแดนลึกลับที่คงไว้ซึ่งทิวทัศน์แบบญี่ปุ่นโบราณ นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลอาวะโอโดริ (阿波おどり) ที่มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี หรือวัดเรียวเซนจิ (霊山寺) จุดเริ่มต้นของเส้นทางสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 88 แห่งของชิโกกุ
คากาว่า (香川)
คากาว่าตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของชิโกกุ เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในบรรดา 47 จังหวัดของญี่ปุ่น มีพื้นที่รวมประมาณ 1,876 ตารางกิโลเมตร ซึ่งคิดเป็นเพียง 0.5% ของญี่ปุ่นเท่านั้น ตัวจังหวัดอยู่ติดกับทะเลเซโตะในทั้งทิศตะวันออก เหนือ และตะวันตก จังหวัดนี้เชื่อมต่อกับจังหวัดโอคายาม่าที่อยู่อีกฟากของทะเลด้วยสะพานเซโตะโอฮาชิ (瀬戸大橋) ส่วนทางตอนใต้มีเทือกเขาซานุกิ (讃岐山脈) เป็นเส้นแบ่งระหว่างจังหวัดคากาว่ากับโทคุชิม่าซึ่งทอดตัวยาวจากทิศตะวันตกไปตะวันออก
ภายในคากาว่ามีสถานที่ที่เป็นสมบัติทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอยู่มากมาย เช่น โคโตฮิระกู (金刀比羅宮) ศาลเจ้าที่คุ้นเคยกันมาแต่โบราณในฐานะที่ประดิษฐานของ "เทพคอนพิระแห่งซานุกิ" (讃岐のこんぴらさん), สวนสาธารณะริทสึริน (栗林公園) ชื่อดังที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ และปราสาทมารุกาเมะ (丸亀城) ที่มีกำแพงหินสูงที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีแองเจิ้ลโร้ด (エンジェルロード) ซึ่งเป็นแนวถนนทรายที่จะปรากฏขึ้นในช่วงน้ำลงด้วย
นอกจากนี้ คากาว่ายังมีสถานที่ที่เกี่ยวกับศิลปะร่วมสมัยอยู่มากมาย ทำให้บางครั้งก็ถูกเรียกว่า "จังหวัดแห่งศิลปะ" ทุกๆ 3 ปีจะมีการจัดเทศกาลศิลปะร่วมสมัย Setouchi Triennale (瀬戸内国際芸術祭) อันโด่งดังที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับงานศิลปะพร้อมๆ กับชื่นชมทัศนียภาพของทะเลเซโตะใน หนึ่งในสถานที่จัดงานคือ เกาะนาโอะชิมะ (直島) ที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศิลปะร่วมสมัย
นอกจากนี้ คากาว่ายังโด่งดังในฐานะ "จังหวัดแห่งอุด้ง" ซึ่งในปัจจุบันก็เป็นที่หนึ่งทั้งในด้านปริมาณการผลิตอุด้ง และจำนวนร้านอุด้ง ซึ่งเชื่อว่าสามารถเสิร์ฟคนได้ถึง 10,000 คนเลยทีเดียว
เอฮิเมะ (愛媛)
เอฮิเมะประกอบขึ้นจากส่วนหนึ่งของภาคตะวันตกเฉียงเหนือของภูมิภาคชิโกกุ และเกาะเล็กๆ จำนวนหนึ่งในทะเลเซโตะใน มีพื้นที่ราว 5,676 ตารางกิโลเมตร ซึ่งกว้างเป็นอันดับที่ 26 ของญี่ปุ่น
ตอนเหนือของจังหวัดมีทะเลเซโตะในแผ่กว้าง เชื่อมต่อกับจังหวัดฮิโรชิม่าที่อยู่อีกฟากหนึ่งด้วยชิมานามิไคโด เป็นจังหวัดที่เก็บความสวยงามของธรรมชาติเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งชายฝั่งเว้าแหว่งของทะเลอุวะ (宇和海), ที่ราบสูงขนาดใหญ่ชิโกกุคาสต์ (四国カルスト) ที่ได้ชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของญี่ปุ่น และภูเขาอิชิซึจิ (石鎚山) ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นฝั่งตะวันตกจนได้ชื่อว่าเป็น "หลังคาของชิโกกุ"
ภายในจังหวัดมีปราสาทหลายแห่งที่ได้รับการคัดเลือกเป็น 100 ปราสาทที่มีชื่อเสียง เช่น ปราสาทมัตสึยามะ (松山城), ปราสาทอิมาบาริ (今治城) และปราสาทโอซุ (大洲城) คุณสามารถไปทัวร์กันได้เพลินๆ นอกจากนี้ ยังมีจุดชมวิวเมืองโบราณอยู่อีกไม่น้อย เช่น โดโกะออนเซ็น (道後温泉) ที่เชื่อว่าเป็นออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น, ย่านปราสาทโอซุ (大洲城下町) และวิวเมืองอุโนะมาจิ (卯之町の町並み) ที่เคยเฟื่องฟูในฐานะเมืองพักแรมบนทางหลวงอุวะจิมะ
สภาพอากาศบริเวณเซโตะใน อบอุ่นเที่ยวได้ตลอดทั้งปี!
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าบริเวณทะเลเซโตะในจะมีสภาพอากาศและความชื้นที่ค่อนข้างคงที่ตลอดทั้งปี จึงเหมาะกับการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นในฤดูไหนก็ตาม
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม)
โดยทั่วไปแล้ว อากาศที่นี่จะค่อนข้างอุ่นสบาย แต่ในเขตพื้นที่ที่ใกล้กับทะเลเซโตะในอาจมีหมอกหนาหรืออากาศแปรปรวนอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยและอาจมีช่วงที่หนาวเย็นในตอนเช้าและตอนเย็น เราจึงขอแนะนำให้เตรียมเสื้อคลุมหรือโค้ทบางๆ ติดตัวไว้ระหว่างเดินทางด้วย
เมื่อพูดถึงฤดูใบไม้ผลิก็ต้องนึกถึง ซากุระ ภายในบริเวณเซโตะในมีจุดชมซากุระชื่อดังอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น "โอคายาม่าโคราคุเอ็น" หรือ "สวนสาธารณะริทสึริน" ที่ได้รับคัดเลือกเป็นจุดที่มีทัศนียภาพงดงาม นอกจากนี้ ยังเป็นฤดูที่เหมาะกับการออกไปเดินเล่นในเมืองด้วย จะเป็น "ย่านปราสาทฮากิ" หรือ "ย่านประวัติศาสตร์คุราชิกิ" ก็น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งยังมีสถานที่ที่คุณสามารถชมซากุระไปพร้อมๆ กับทิวทัศน์อันนิ่งสงบของทะเลเซโตะในอยู่หลายแห่งด้วย
ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม)
ในช่วงมิถุนายนจะมีฝนตกค่อนข้างมาก แต่เมื่อฤดูฝนผ่านไปอุณหภูมิก็จะเริ่มสูงขึ้นอีกครั้ง และในบางเวลาก็อาจมีวันที่ร้อนกว่า 30 องศาเซลเซียสติดต่อกัน ในช่วงนี้ บริเวณชายฝั่งทะเลเซโตะในจะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "เซโตะอุจิ โนะ ยูนากิ" (瀬戸の夕凪) ซึ่งผิวทะเลจะราบเรียบราวกับกระจก ตามปกติแล้วคุณจะสามารถใส่เสื้อแขนสั้นได้ทั้งวัน แต่หากมีเสื้อคลุมพาดไหล่ไว้สักตัวก็จะสะดวกขึ้นมากทีเดียว
หากจะมาเยี่ยมเยียนบริเวณเซโตะในในช่วงฤดูร้อน เราก็ขอแนะนำให้ไปสำรวจทะเลสวยๆ โดยการขับรถหรือปั่นจักรยานเล่นบน "เส้นทางชิมานามิไคโด" หรือไม่ก็เดินทางไปยังเกาะที่อยู่ห่างไกล และหากใครอยากจะชมการผสมผสานอันงดงามระหว่างศิลปะกับผืนน้ำที่นาโอะชิมะ จังหวัดคากาว่าก็ได้เช่นกัน
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน)
ความร้อนของที่นี่จะอยู่ยาวไปจนถึงเดือนกันยายน มีวันที่อากาศร้อนติดต่อกันหลายวัน และมีพายุไต้ฝุ่นเกิดขึ้นบ่อยๆ ในบางปี พื้นที่นี้อาจได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่นยาวไปจนถึงช่วงเดือนตุลาคมเลยทีเดียว อุณหภูมิในพื้นที่นี้จะเริ่มลดลงเมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนและอาจมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นในเขตภูเขา ส่วนใบไม้เปลี่ยนสีจะเริ่มมีให้เห็นในบางบริเวณตั้งแต่ช่วงปลายตุลาคม ดังนั้น เราจึงขอแนะนำให้พกเสื้อคลุมหรือโค้ทบางๆ ติดไปด้วย
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันเลื่องชื่อของบริเวณนี้คือ หุบเขาคังคาเค (寒霞渓) จุดชมวิวในบริเวณอุทยานแห่งชาติทะเลเซโตะไนไก คุณจะได้ชื่นชมทิวทัศน์อันสวยงามของหุบเขาและแนวชายฝั่งเซโตะอุจิจากบนกระเช้าลอยฟ้า
ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์)
บริเวณชายฝั่งทะเลเซโตะในจะค่อนข้างอบอุ่นและมีฝนน้อย ในขณะที่บริเวณภูเขาจะมีหิมะตกและสามารถเล่นสกีได้ในบางพื้นที่ เพราะฉะนั้น คุณจึงจำเป็นต้องมีเสื้อโค้ทหรือสเว็ตเตอร์บางๆ เวลาออกข้างนอกด้วย
ในช่วงที่อากาศหนาวๆ แบบนี้ เราขอแนะนำให้ไปใช้เวลาพักผ่อนชิลล์ๆ ที่ออนเซ็นเก่าแก่อย่าง "โดโกะออนเซ็น" หรือจะไปชื่นชมทะเลหมอกที่ปราสาทบิตจูมัตสึยามะ (備中松山城) ในโอคายาม่าที่ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทบนท้องฟ้าก็ไม่เลว
อุณหภูมิเฉลี่ยและปริมาณน้ำฝนในแต่ละฤดูของพื้นที่ต่างๆ สามารถดูได้ในตารางด้านล่างนี้
*ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (ข้อมูลปี 1991 - 2020)
โกเบ, โอคายาม่า, ฮิโรชิม่า, ยามากุจิ, โทคุชิม่า, ทาคามัตสึ, มัตสึยามะ
การเดินทางจากโตเกียวและโอซาก้า
การเดินทางจากโตเกียวหรือโอซาก้าไปยังบริเวณเซโตะในทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน ชินคันเซ็น รถไฟ หรือรถบัสด่วน คุณสามารถพิจารณาเลือกได้ตามสนามบิน จุดหมายปลายทาง งบที่มี หรือเวลาที่ต้องการ
ในตารางด้านล่างนี้ เราได้สรุปเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางจากสนามบินนานาชาติทั้ง 3 แห่งในโตเกียวและโอซาก้าไปยังสนามบินหรือสถานีรถไฟหลักของแต่ละจังหวัดมาให้แล้ว บอกครบทั้งการเดินทางด้วยเครื่องบินและชินคันเซ็น ลองนำไปใช้อ้างอิงในการวางแผนเที่ยวดูนะ!
(เวลาที่เขียนไว้เป็นเพียงเวลาเดินทางโดยประมาณเท่านั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามตารางเวลาของเที่ยวบินหรือรถไฟ)
ส่งท้าย
ริชท์โฮเฟิน (Richthofen) นักภูมิศาสตร์ชาวเยอรมันที่เดินทางมาญี่ปุ่นในปี 1860 รู้สึกประทับใจกับความงดงามของพื้นที่บริเวณเซโตะในเป็นอย่างมาก เขาถึงกับเขียนเอาไว้ในบันทึกการเดินทางของเขาว่าคงไม่อาจมีอะไรในโลกนี้ที่เอาชนะได้อีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ ทาง tsunagu Japan เองจึงหวังว่าทุกคนจะได้มีโอกาสชื่นชมความสวยงามอันเป็นอมตะของบริเวณเซโตะในให้ได้สักครั้งในชีวิต!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่