ทุกเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ "ชิโกกุ" ภูมิภาคที่มีทั้งวิวสวย ออนเซ็น และอาหารจานเด็ด!

"ชิโกกุ" เป็นภูมิภาคที่ทิศเหนือติดกับทะเลเซโตะใน ทิศใต้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่และธรรมชาติสวยงาม มีทั้งวัดเรียวเซนจิที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางแสวงบุญ โดโกะออนเซ็นที่เป็นออนเซ็นแห่งแรกของญี่ปุ่น และคลื่นน้ำวนนารุโตะใหญ่ติดอันดับโลก ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับชิโกกุ ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยว สภาพอากาศในแต่ละฤดูกาล ไปจนถึงวิธีเดินทางจากโตเกียวและโอซาก้ากัน

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

ที่ตั้งของชิโกกุ

ชิโกกุ (四国) ประกอบขึ้นจากเกาะชิโกกุซึ่งเป็นเกาะที่เล็กที่สุดในบรรดา 4 เกาะใหญ่ของญี่ปุ่น และเกาะรอบนอกอื่นๆ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะหลักญี่ปุ่น มีทั้งหมด 4 จังหวัด ได้แก่ คากาวะ เอฮิเมะ โทคุชิมะ และโคจิ

ทั้ง 4 จังหวัดของชิโกกุมีพื้นที่รวมกัน 18,803 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นประมาณ 1 ส่วน 4 ของฮอกไกโด มีเขตภูเขาชิโกกุ (四国山地) ทอดตัวอยู่ตรงกลาง แบ่งตัวเกาะออกเป็นฝั่งเหนือที่ติดทะเลเซโตะใน และฝั่งใต้ที่ติดมหาสมุทรแปซิฟิก

ชิโกกุฝั่งเหนือมีสภาพอากาศอบอุ่นและปริมาณน้ำฝนน้อยตลอดปี ในขณะที่ฝั่งใต้มีสภาพอากาศอบอุ่นและปริมาณน้ำฝนมากตลอดปีเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำคุโรชิโอะ (黒潮) ของมหาสมุทรแปซิฟิก

จังหวัดในภูมิภาคชิโกกุ

จังหวัดคากาวะ (香川県)

จังหวัดคากาวะ (Kagawa) ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของชิโกกุ เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในบรรดา 47 จังหวัดของญี่ปุ่น มีพื้นที่รวมประมาณ 1,876 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นเพียง 0.5% ของญี่ปุ่นเท่านั้น

คากาวะอยู่ติดกับทะเลเซโตะในทั้งในทิศตะวันออก เหนือ และตะวันตก เชื่อมต่อกับจังหวัดโอคายาม่าที่อยู่อีกฟากทะเลด้วยเซโตะโอฮาชิ (瀬戸大橋) สะพานที่มีขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลก ส่วนตอนใต้มีเทือกเขาคินุกิ (讃岐山脈) ทอดตัวยาวจากตะวันตกไปตะวันออก ทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งจังหวัดระหว่างคากาวะกับโทคุชิมะ

ภายในจังหวัดมีโบราณสถานและมรดกทางวัฒนธรรมมากมาย เช่น
- ปราสาทมารุกาเมะ (丸亀城) โด่งดังจากกำแพงหินที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
- สวนสาธารณะริสึริน (栗林公園) สวนชื่อดังที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ 
- โคโตะฮิระกู (金刀比羅宮) ศาลเจ้าที่คุ้นเคยกันมาแต่โบราณในฐานะ "เทพคงบิระแห่งซานุกิ" (讃岐のこんぴらさん)

ทั้งยังมีสถานที่ที่เกี่ยวกับศิลปะร่วมสมัยอยู่มาก ในบางครั้งคากาวะจึงถูกเรียกว่าเป็นจังหวัดแห่งศิลปะ ทุก ๆ 3 ปีจะมีการจัดเทศกาลศิลปะร่วมสมัย Setouchi Triennale (瀬戸内国際芸術祭) ขึ้นในท่าเรือ 2 แห่ง และเกาะ 12 เกาะที่อยู่ระหว่างโอคายาม่ากับคากาวะอย่างเช่นนาโอะชิมะ (直島), เทชิมะ (豊島) หรือโชโดะชิมะ (小豆島) เป็นอีเวนต์ระดับโลกที่คุณจะได้สัมผัสศิลปะร่วมสมัยไปพร้อมๆ กับวิวของทะเลเซโตะใน

นอกจากนี้ คากาวะยังโด่งดังในฐานะ "จังหวัดแห่งอุด้ง" ด้วย มีร้านอุด้งจำนวนมากเรียงรายให้นักท่องเที่ยวและคนท้องที่แวะเวียนมาใช้บริการกันตั้งแต่เช้าตรู่

จังหวัดโทคุชิมะ (徳島県)

จังหวัดโทคุชิมะ (Tokushima) ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของชิโกกุ ฝั่งตะวันออกติดกับอ่าววากายาม่า ตะวันออกเฉียงใต้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ประมาณ 4,146 ตารางกิโลเมตร กว่า 80% เป็นเขตภูเขา ภูเขาที่สูงที่สุดของโทคุชิมะมีชื่อว่าภูเขาสึรุกิ (剣山) ซึ่งสูง 1,955 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล นับเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ของชิโกกุ

โทคุชิมะมีจุดชมทิวทัศน์สวยๆ อยู่มากมาย เช่น
- คลื่นน้ำวนนารุโตะ (鳴門の渦潮) คลื่นน้ำวนใหญ่ระดับโลกในบริเวณช่องแคบนารุโตะ (鳴門海峡)
- โอโบเกะ (大歩危) กับโคโบเกะ (小歩危) ช่องเขาที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของแม่น้ำโยชิโนะตลอด 200 ล้านปี
- ช่องเขาอิยะ (祖谷渓) ดินแดนลึกลับที่คงไว้ซึ่งทิวทัศน์แบบญี่ปุ่นโบราณ

นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น Awa Odori Festival (阿波おどり) เทศกาลที่มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี หรือวัดเรียวเซนจิ (霊山寺) จุดเริ่มต้นของเส้นทางสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 88 แห่งของชิโกกุ

จังหวัดเอฮิเมะ (愛媛県)

จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) ประกอบขึ้นจากส่วนหนึ่งของภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะชิโกกุ และเกาะเล็กๆ ที่อยู่บนทะเลเซโตะใน มีพื้นที่รวม 5,676 ตารางกิโลเมตร

ตอนเหนือของจังหวัดมีทะเลเซโตะในแผ่กว้าง เชื่อมต่อกับจังหวัดฮิโรชิม่าที่อยู่อีกฝากหนึ่งด้วยทางด่วนชิมานามิไคโด (しまなみ海道) บริเวณตะวันตกมีทะเลอุวะ (宇和海) ที่โด่งดังจากวิวชายฝั่งเว้าแหว่ง บริเวณชายแดนที่ติดกับจังหวัดโคจิก็มีชิโกกุคาสต์ (四国カルスト) พื้นที่ราบสูงอันยิ่งใหญ่ที่เปรียบได้กับ "สวิตเซอร์แลนด์ของญี่ปุ่น" ซึ่งเป็นที่ตั้งของหนึ่งในร้อยภูเขาชื่อดังของญี่ปุ่นอย่างภูเขาอิชิซึจิ (石鎚山) ภูเขาที่สูงสุดในญี่ปุ่นตะวันตก และได้รับการขนานนามว่าเป็นหลังคาของชิโกกุ

ภายในจังหวัดมีปราสาทอยู่หลายแห่ง และบางส่วนก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 100 ปราสาทชื่อดังด้วย เช่น
- ปราสาทมัตสึยามะ (松山城)
- ปราสาทอิมาบาริ (今治城)
- ปราสาทโอซุ (大洲城)
สามารถเพลิดเพลินไปกับการทัวร์ปราสาทได้

นอกจากนี้ก็ยังมีจุดที่สามารถชมวิวเมืองเก่าได้อยู่ไม่น้อย เช่น
- โดโกะออนเซ็น (道後温泉) ที่กล่าวกันว่าเป็นออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น
- เมืองชานปราสาทโอซุ (大洲城下町)
- วิวบ้านเมืองอุโนะมาจิ (卯之町の町並み) ที่เคยเฟื่องฟูในฐานะเมืองพักแรมของทางหลวงอุวาจิมะ (宇和島街道)

จังหวัดโคจิ (高知県)

จังหวัดโคจิ (Kochi) ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของชิโกกุ มีทิศใต้ติดกับอ่าวโทสะ (土佐湾) และมหาสมุทรแปซิฟิก ทิศตะวันตกติดกับทางน้ำบุงโกะ (豊後水道) ภาคเหนือของจังหวัดเป็นเขตภูเขาชิโกกุ มีพื้นที่กว้างที่สุดในภูมิภาค ราว 7,104 ตารางกิโลเมตร และมีพื้นที่ป่าอยู่ถึง 84%

ภายในจังหวัดมีธรรมชาติที่ทรงคุณค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- แหลมชื่อดังอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอย่างแหลมมุโรโตะ (室戸岬) และแหลมอาชิซุริ (足摺岬)
- หาดคัตสึระ (桂浜) จุดชมวิวยอดนิยมของโคจิ
- แม่น้ำชิมังโตะ (四万十川) ที่กล่าวกันว่าเป็นธารน้ำบริสุทธิ์สายสุดท้ายของญี่ปุ่น

มรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ก็มีเช่นกัน
- ปราสาทโคจิ (高知城) ปราสาทชื่อดังแห่งทะเลตอนใต้
- อาคารยาคุชิโดแห่งวัดบุราคุจิ (豊楽寺薬師堂) ที่ถูกระบุให้เป็นสมบัติชาติ
- สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับซาคาโมโตะ เรียวมะ (坂本龍馬) บุคคลสำคัญที่ช่วยผลักดันญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคโมเดิร์น

นอกจากนี้ โคจิยังมีชื่อเสียงจาก Yosakoi Festival (よさこい祭り) เทศกาลพื้นเมืองของโทสะ (แคว้นในอดีตที่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นจังหวัดโคจิ) ด้วย โดยเป็นเทศกาลที่นักเต้นจะแต่งกายในชุดสีสันสดใส ถือนารุโกะ (เครื่องดนตรีไม้ชนิดหนึ่ง เมื่อกวัดแกว่งแล้วจะเกิดเสียง) และเดินขบวนเต้นไปตามตัวเมือง

ประวัติศาสตร์ของชิโกกุ - ศูนย์กลางที่ติดต่อกับภูมิภาคคินกิมาแต่โบราณ

ตำนานเทพของญี่ปุ่นได้กล่าวว่าชิโกกุเกิดขึ้นเป็นลำดับที่ 2 ในหมู่เกาะญี่ปุ่น ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นซึ่งเขียนขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 8 "นิฮงโชกิ" (日本書紀) มีบันทึกเอาไว้ว่าจักรพรรดิในยุคนั้นได้เดินทางมารักษาร่างกายที่โดโกะออนเซ็นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 7 เป็นหลักฐานอย่างดีว่าชิโกกุรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล
 

เนื่องจากชิโกกุหันหน้าเข้าหาทะเลเซโตะใน จึงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับภูมิภาคคินกิ (คันไซ) และชูโกคุมาแต่โบราณ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าในยุคเซนโกคุมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 15 จนถึงปลายศตวรรษที่ 16 โดยขุนพลที่ประสบความสำเร็จในการรวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียวอย่างโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (豊臣秀吉) และโทคุงาวะ อิเอยาสุ (徳川家康) ได้ส่งผู้ใต้บังคับบัญชามาที่ชิโกกุเพื่อควบคุมการกระจายสินค้าของทะเลเซโตะใน และสร้างปราสาทที่มีกำแพงหินและเทนชุ (ปราสาทหลักที่มีลักษณะคล้ายหอคอย) ขึ้น

ในปัจจุบันชิโกกุมีป้อมปราการหลงเหลือให้เห็นอยู่มากมาย เป็นภูมิภาคที่เหมาะมากสำหรับใครที่อยากจะเที่ยวชมปราสาท

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

สภาพอากาศของชิโกกุ - อบอุ่นตลอดปี ที่สุดแห่งการเที่ยว!

ด้วยเขตภูเขาชิโกกุที่ทอดตัวอยู่กลางภูมิภาค สภาพอากาศชิโกกุจึงแบ่งออกเป็น "ภูมิอากาศแบบทะเลเซโตะใน" ในฝั่งเหนือ มีอากาศอบอุ่นและปริมาณน้ำฝนน้อยตลอดปี และ "ภูมิอากาศแบบมหาสมุทรแปซิฟิก" ที่มีอากาศอบอุ่นและปริมาณน้ำฝนมากตลอดปี

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม)

เป็นฤดูกาลที่ค่อนข้างอบอุ่น บริเวณที่ใกล้กับทะเลเซโตะในอาจมีหมอกหนาและอากาศแปรปรวน เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย จึงควรเตรียมเสื้อคลุมและโค้ทบางๆ ไว้ด้วยเวลาออกเดินทาง

จังหวัดคากาวะมีจุดชมดอกซากุระชื่อดังอยู่ที่ภูเขาชิอุเดะ (紫雲出山) ในช่วงฤดูนี้ก็จะสามารถชมซากุระไปพร้อมกับทิวทัศน์ของเกาะน้อยใหญ่ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำที่นิ่งสงบของทะเลเซโตะในได้

ฤดูใบไม้ผลิของเมืองมัตสึยามะ (เมืองหลวงของชิโกกุ) มีอุณหภูมิเฉลี่ย 14.9 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 123.3 มิลลิเมตร

Klook.com

ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม)

หน้าฝนของชิโกกุจะสิ้นสุดประมาณปลายเดือนกรกฎาคม หลังจากนั้นอุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้น ในบางปีอาจมีวันที่ร้อนมากยาวนานถึง 50 วัน ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกจะมีไต้ฝุ่นเกิดขึ้นมาก และบางส่วนอาจขึ้นฝั่งด้วย เป็นฤดูที่สามารถใส่เสื้อแขนสั้นได้ตลอดทั้งวัน แต่ถ้าพกเสื้อคลุมติดตัวไว้สักหน่อยด้วยก็จะสะดวกขึ้น

ชิโกกุในช่วงนี้จะมีกิจกรรมสัมผัสธรรมชาติให้ทำมากมาย เช่น ปั่นจักรยานที่ชิมานามิไคโด หรือพายเรือแคนูที่แม่น้ำชิมังโตะ

ฤดูร้อนของเมืองมัตสึยามะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 26.5 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 265.8 มิลลิเมตร

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน)

อากาศร้อนจะยังหลงเหลือไปจนถึงกลางเดือนกันยายน และในบางปีก็อาจได้รับผลจากพายุไต้ฝุ่นไปจนถึงเดือนตุลาคม เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนอุณหภูมิจะเริ่มลดลงและอาจมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นในเขตภูเขา ขอแนะนำให้พกเสื้อคลุมหรือโค้ทบางๆ ไปด้วยเวลาเที่ยว

หากวางแผนที่จะแวะมาชิโกกุในฤดูใบไม้ร่วง เราขอแนะนำจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอย่างช่องเขาอิยะของโทคุชิมะ และหุบเขาคังกะ (寒霞渓) ในเกาะโชโดะชิมะของคากาวะ

ฤดูใบไม้ร่วงของเมืองมัตสึยามะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 19.5 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 102.5 มิลลิเมตร

ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์)

บริเวณชายฝั่งทะเลเซโตะในจะมีอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นและปริมาณน้ำฝนน้อย ในขณะที่บริเวณภูเขาจะมีหิมะตกและสามารถเล่นสกีได้ในบางพื้นที่ ควรพกเสื้อโค้ทหรือสเวตเตอร์บางๆ ไปด้วยเวลาออกนอกอาคาร

สำหรับผู้ที่วางแผนจะมาชิโกกุในฤดูหนาว เราขอแนะนำโดโกะออนเซ็นที่เป็นออนเซ็นเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น และศาลเจ้าอิชิซึจิ (石鎚神社) ของเอฮิเมะ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นและได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับฮัตสึโมเดะ (การสักการะศาลเจ้าครั้งแรกของปี)

ฤดูหนาวของเมืองมัตสึยามะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 8.3 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 62.3 มิลลิเมตร

 

* ที่มาของอุณหภูมิเฉลี่ยและปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของเมืองมัตสึยามะ : กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (ข้อมูลปี 2020)

Klook.com

การเดินทางไปเกาะชิโกกุ

เดินทางจากโตเกียว

ชิโกกุมีเมืองใหญ่อยู่ 4 เมือง ได้แก่
- เมืองทาคามัตสึ ในจังหวัดคากาวะ
- เมืองโทคุชิมะ ในจังหวัดโทคุชิมะ
- เมืองโคจิ ในจังหวัดโคจิ
- เมืองมัตสึยามะ ในจังหวัดเอฮิเมะ
ซึ่งล้วนแต่มีสนามบินและมีเที่ยวบินประจำจากโตเกียวทั้งสิ้น

ส่วนภาคพื้นดินจะมีถนนอยู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ ฮิโรชิม่า - เอฮิเมะ, โอคายาม่า - คากาวะ, และ เฮียวโกะ - โทคุชิมะ ส่วนรถไฟจะมีเฉพาะเส้นโอคายาม่า - คากาวะเท่านั้น เนื่องจากชิโคคุไม่มีรถไฟชินคันเซ็น หากเดินทางมาจากโตเกียวด้วยชินคันเซ็นก็จะต้องเปลี่ยนสายที่ฮิโรชิม่าหรือโอคายาม่าก่อน การเดินทางด้วยเครื่องบินจึงสะดวกกว่ามาก

จากสนามบินฮาเนดะไปสนามบินมัตสึยามะใช้เวลาประมาณ 90 นาที มีค่าเดินทางประมาณ 12,000 - 40,000 เยน (แล้วแต่ฤดูกาล) โดยมีเที่ยวบินประมาณ 14 สายต่อวัน ถ้าหากเดินทางจากสนามบินนาริตะ จะมีสายการบินราคาประหยัดที่ให้บริการในราคาประมาณ 5,000 เยนด้วย

เดินทางจากโอซาก้า

จากสนามบินอิตามิไปสนามบินมัตสึยามะใช้เวลาประมาณ 50 นาที มีค่าเดินทางประมาณ 9,000 - 21,000 เยน (แล้วแต่ฤดูกาล) และมีเที่ยวบินประมาณ 12 สายต่อวัน

ชิโกกุเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มากมาย และสามารถเพลิดเพลินได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะทำกิจกรรมต่างๆ ท่ามกลางธรรมชาติ ชมโบราณสถานและมรดกทางวัฒนธรรม หรือผ่อนคลายไปกับทิวทัศน์ที่สวยงาม หากมีโอกาสก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวดูสักครั้ง!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

มนต์เสน่ห์ชิโกกุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

okada
okada
เป็นคนโตเกียวที่ชอบอ่านหนังสือและเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และหลงใหลในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศอื่นๆ หลังจากที่ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากประวัติศาสตร์แล้ว ตอนนี้ก็กลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและโลกอีกครั้ง
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร