27 สุดยอดที่เที่ยวในญี่ปุ่น! ไม่ไปไม่ได้แล้ว!

ใครกำลังอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแต่ไม่รู้จะเริ่มจากที่ไหนดี ขอให้มารวมกันตรงนี้ เพราะเราได้รวบรวมสถานที่ยอดนิยมและสิ่งที่น่าทำในญี่ปุ่นมาให้แล้ว แถมยังแยกประเภทเอาไว้ด้วย! ลองมาหาวิธีเดินทางแบบที่คุณถนัดที่สุด แล้วไปตามหาจุดเที่ยวที่ใช่ กิจกรรมที่ชอบกันได้เลย!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

ไปญี่ปุ่นแล้วเที่ยวไหนดี?

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ นักท่องเที่ยวจึงมีอะไรให้ทำและเที่ยวชมมากมายในเวลาที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นเนินหิมะที่ฮอกไกโด ชายหาดกึ่งเขตร้อนที่โอกินาว่า เมืองแห่งแสงสีเสียงอย่างโตเกียว ไปจนถึงศาลเจ้าน้อยใหญ่ที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ หากไม่มาอาศัยอยู่สักสิบปีก็คงจะสำรวจได้ไม่หมดแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้น การออกทริปสั้นๆ สักครั้งหนึ่งก็ยังทำให้คุณได้อะไรกลับมาไม่น้อย!

วันนี้เราจึงรวบรวมแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจของญี่ปุ่นมาให้คุณใช้เป็นข้อมูลกันอย่างง่ายๆ โดยแบ่งตามสไตล์การท่องเที่ยว ครบจบในบทความเดียว เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ตามหาสถานที่ในฝันกันได้ง่ายขึ้น หากพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!

จุดหมายสุดคลาสสิคสำหรับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่

หมวดนี้จะเกี่ยวกับเมืองใหญ่ๆ และแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม บอกเลยว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เห็นชื่อสถานที่เหล่านี้ในแผนเที่ยวประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกๆ ดังนั้น ข้อมูลในส่วนนี้จึงเหมาะกับคนที่ไม่เคยเที่ยวญี่ปุ่นมาก่อน หรือคนที่อยากเก็บสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังให้ครบเฉยๆ เท่านั้น

โตเกียว - เมืองหลวง

ต่อให้คุณใช้เวลาตลอดช่วงพักร้อนเพื่อสำรวจโตเกียว ก็บอกเลยว่าคุณจะได้สัมผัสแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น! เมืองหลวงแห่งนี้เป็นฐานของรัฐบาลญี่ปุ่น ราชวงศ์ญี่ปุ่น และชาวญี่ปุ่นกว่า 37 ล้านคน เป็นทั้งศูนย์กลางการเมืองการปกครอง การค้า และวัฒนธรรม โตเกียวประกอบด้วย 23 เขตที่แบ่งเป็นแขวง เมือง และสถานีย่อยลงไปอีกมากมาย และในแต่ละบริเวณของเมืองก็มีกิจกรรมนับร้อยอย่างให้ทำ ถือเป็นจังหวัดที่เปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันหลากหลายในที่เดียว

ภายในเมืองมีรถไฟวิ่งอยู่นับไม่ถ้วน แต่สายที่มีผู้ใช้บริการเยอะที่สุดคงหนีไม่พ้น สาย Yamanote ที่วิ่งเป็นวงผ่านสถานที่ยอดนิยมหลายแห่ง รถไฟสายนี้ทำให้เราสามารถแวะไปที่เมือง Chiyoda ที่อยู่ใจกลางโตเกียวเพื่อชมอาคารรัฐสภาและพระราชวังได้ จากนั้นก็ต่อรถไฟลงใต้เพื่อไปยัง ตลาด Tsukiji และย่านคนรวยอย่างกินซ่า นอกจากนี้ หากคุณนั่งต่อไปทางตะวันตกอีกหน่อยก็จะเจอกับชิบูย่า ย่านช็อปปิ้งที่เต็มไปด้วยของกินอร่อยๆ หรือหากขึ้นไปทางเหนือก็จะได้พบกับถนนแฟชั่นอย่างฮาราจูกุและแหล่งสูดอากาศบริสุทธิ์อย่างศาลเจ้าเมจิด้วย

หากไล่ไปตามส่วนเหนือของวง เราจะสามารถเดินทางไปยังอิเคะบุคุโระเพื่อหาคาเฟ่นั่งชิลล์หรือสัมผัสกับวัฒนธรรมมังงะได้ จากนั้นก็ไปเยี่ยมชมสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์ต่อที่อุเอโนะ แล้วปิดท้ายด้วยการวนกลับมายังบริเวณใจกลางเมืองด้วยเส้นทางในส่วนใต้เพื่อแวะอากิฮาบาระ แดนสวรรค์ของคนรักอนิเมะและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น!

เกียวโต - แหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่น

แม้เมืองหลวงในปัจจุบันของญี่ปุ่นจะเป็นโตเกียว แต่ศูนย์กลางในอดีตของญี่ปุ่นนั้นจะอยู่ที่ เกียวโต ซึ่งเป็นที่พำนักของราชวงศ์มาจนถึง ค.ศ. 1869 เกียวโตมีมรดกทางประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่มากมาย อีกทั้งยังมีการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเฉพาะตัวเอาไว้ด้วย ที่ใจกลางเมืองเป็นที่ตั้งของพระราชวังเก่าและสวน ซึ่งในปัจจุบันก็ได้กลายเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ผู้คนสามารถไปเดินเล่นกันได้อย่างอิสระ

นอกจากนี้ ทางฝั่งตะวันออกก็มี "วัดคิโยมิสึ" (Kiyomizu Temple) ที่คุณสามารถชมวิวอันสวยงามของวัดที่ตั้งอยู่กลางเมืองได้ และหากเดินทางต่อลงไปอีกหน่อยก็จะพบกับ ฮิงาชิยามะ (Higashiyama) เขตอนุรักษณ์ที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณ ส่วนทางใต้ก็มีศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ให้คุณได้เดินขึ้นเขาไปตามทางที่มีเสาโทริอิสีแดงเข้มตั้งเรียงรายกันอย่างที่เห็นกันบ่อยๆ ในภาพยนตร์

ที่ชานเมืองบริเวณเนินเขาฝั่งตะวันตก คุณจะพบวัดหลายแห่งกระจายตัวกันอยู่ตามป่าใน อาราชิยามะ (Arashiyama) ซึ่งเป็นที่ตั้งของป่าไผ่ที่เป็นจุดถ่ายรูปสุดคลาสสิค

และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คือ วัดที่น่าจะเป็นที่รู้จักมากที่สุดของญี่ปุ่นอย่างวัดทองหรือ "วัดคินคะคุจิ" (Kinkakuji Temple) ที่ตั้งอยู่ในบริเวณตอนเหนือ เกียวโตมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเป็นจำนวนมากทุกปีเช่นเดียวกับโตเกียว จึงมีทั้งป้ายสัญลักษณ์ เมนู รวมไปถึงข้อมูลตามวัดหรือศาลเจ้าต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษอยู่ เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เที่ยวง่ายสุดๆ 

โอซาก้า - เมืองใหญ่กับผู้คนใจกว้าง

โอซาก้า เป็นเมืองหลักอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ในอดีต ที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางการค้ามาก่อน และอุดมการณ์เช่นนั้นก็ดูจะตกทอดมาจนถึงศตวรรษที่ 21 ด้วย ผู้คนในแถบนี้จึงมักเป็นคนตรงไปตรงมาและเป็นมิตร อีกทั้งยังเป็นแหล่งของกินอร่อยๆ แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว และหากคุณสนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ ที่นี่ก็มี "วัดชิเท็นโนจิ" (Shitennoji Temple) ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และปราสาทโอซาก้าที่ถูกสร้างขึ้นและปิดล้อมในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 ตามลำดับด้วย

หลังจากเที่ยวชมสถานที่สำคัญกันเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องตามด้วยอาหารแสนอร่อย เราขอแนะนำย่าน โดทงโบริ ศูนย์กลางด้านอาหารการกินและสีสันยามค่ำคืนของโอซาก้า ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย แน่นอนว่าเมนูสุดคลาสสิคขวัญใจชาวโอซาก้าก็ต้องเป็นสตรีทฟู้ดอย่าง ทาโกะยากิ นั่นเอง

นอกจากนี้ หากใครเดินทางมาถึงโอซาก้าแล้วล่ะก็ ไม่ควรพลาด "โอโคโนมิยากิ" (Okonomiyaki) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อพิซซ่าญี่ปุ่น เชฟจะตีแป้ง ใส่เนื้อ ผัก และท็อปปิ้งต่างๆ ลงไปแบบเน้นๆ จากนั้นก็ย่างมันตรงหน้าคุณ ราดด้วยซอสและมายองเนส แล้วปิดท้ายด้วยการโรยสาหร่ายกับแผ่นปลาแห้งลงไปด้วย

"เทปปังยากิ" (Teppanyaki) เองก็เป็นร้านอาหารอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน สไตล์จะคล้ายๆ กับร้านโอโคโนมิยากิ คือ คุณแค่นั่งเฉยๆ รอให้เชฟปรุงอาหารบนเตาเหล็กตรงหน้าและเสิร์ฟทันทีที่ย่างเสร็จ นอกจากนี้ หากใครอยากลองเนื้อโกเบที่อยู่ไม่ห่างจากโอซาก้า ก็ต้องลองแบบเทปปังยากินี่แหละถึงจะดีที่สุด!

สำหรับเหล่านักผจญภัย

หากเมืองใหญ่ไม่ใช่แนวของคุณ หรือคุณชอบอะไรที่ตื่นเต้นเร้าใจและได้ขยับตัวมากกว่า ก็มาลองอ่านหัวข้อนี้กันดูได้ เพราะเราจะพาคุณไปปั่นจักรยานข้ามทะเล กระโดดบันจี้จัมพ์จากบนสะพาน และขึ้นรถไฟเหาะที่ทั้งสูงและเร็วที่สุดในโลกกัน!

Shimanami Kaido - ปั่นจักรยานข้ามทะเลใน

บนผืนทะเลระหว่าง "โอโนมิจิ" (Onomichi) บนเกาะหลักและ "อิมาบาริ" (Imabari) ของภูมิภาคชิโคคุนั้น มีเกาะภูเขาไฟเรียงตัวกันอยู่ถึง 6 เกาะ ซึ่งยอดเขาและหาดสวยๆ ของเกาะเหล่านี้ต่างก็เชื่อมถึงกันด้วย "ทางหลวงชิมานามิไคโด" (Shimanami Kaido) ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ จะไปขับรถเล่นก็ดี หรือหากใครอยากผจญภัยมากกว่านั้นก็สามารถปั่นจักรยานไปแทนได้เช่นกัน!

ทางจักรยานนี้ทอดตัวผ่านเกาะทั้ง 6 เกาะ ขนานไปกับทางหลวงที่ยาวรวม 70 กิโลเมตร ซึ่งวิ่งลัดเลาะไปตามหุบเขา หาดทราย และสะพานสุดตระการตาที่ทอดตัวข้ามทะเล หากใครฟิตหน่อยก็สามารถปั่นไปจนถึงปลายทางได้ภายใน 1 วัน (แต่ก็มีตัวเลือกอื่นอย่างทริป 2 - 3 วันอยู่เช่นกัน) ที่นี่มีจักรยานเช่าให้บริการอยู่ทั้งสองฝั่งปลายทาง แต่โดยทั่วไป คนมักจะเริ่มจากโอโนมิจิแล้วปั่นลงใต้กันมากกว่า

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักปั่นมากประสบการณ์หรือแค่อยากหาวิธีเพลิดเพลินไปกับวิวสวยๆ ในแบบใหม่ๆ การปั่นจักรยานที่ชิมานามิไคโดนี้ก็นับเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย!

Ryujin Otsuribashi - บันจี้จัมพ์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

สะพานแขวนที่ยาวที่สุดของญี่ปุ่นตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามของ "ฮิตาจิโอตะ" (Hitachiota) ซึ่งเป็นแถบชนบทของจังหวัดอิบารากิ คุณจะแค่มาเดินเล่นผ่านช่องเขาเหนือ "ทะเลสาบริวจิน" (Ryujin Lake) ก็ได้ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าคนส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อจะกระโดดลงจากสะพานต่างหาก!

บันจี้จัมพ์ที่สะพานริวจินมีความสูง 100 เมตรเหนือหุบเขา นับว่าเป็นบันจี้จัมพ์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น การกระโดดครั้งแรกจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 16,000 เยน แต่หากคุณอยากกระโดดซ้ำอีก ราคาก็จะตกลงมาอยู่ที่ 7,000 เยนเท่านั้น ใครที่กระโดดเสร็จแล้วอยากหาอะไรทำต่อ ก็สามารถไปปีนเขาตามเส้นทางที่อยู่ในบริเวณรอบๆ ซึ่งเป็นที่นิยมได้เช่นกัน

หากคุณต้องการความตื่นเต้นเร้าใจและอยากไปสัมผัสกับบรรยากาศแถบชนบทของญี่ปุ่นโดยไม่มีนักท่องเที่ยวมากนักก็ต้องที่นี่เลย!

Klook.com

Fuji-Q Highland - สวนสนุกรถไฟเหาะอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น!

หากคุณกำลังมองหาความตื่นเต้นเร้าใจ Fuji-Q ก็เป็นสถานที่ที่คุณจะพลาดไม่ได้เลย! สวนสนุกแห่งนี้มีรถไฟเหาะขนาดใหญ่อยู่ถึง 4 รางที่มักจะทำลายสถิติใหม่อยู่บ่อยๆ รวมไปถึงมีเครื่องเล่นธีมอนิเมะและธีมหลอนๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ เครื่องเล่นแต่ละจุดยังถูกสร้างขึ้นด้วยจุดมุ่งหมายและความพยายามที่จะก้าวข้ามเทคโนโลยีรถไฟเหาะแบบเดิมๆ ไปเรื่อยๆ ด้วย

รถไฟเหาะที่ใหญ่ที่สุดของสวนสนุกแห่งนี้ คือ Fujiyama ซึ่งทั้งใหญ่และเร็วที่สุดในโลกเมื่อตอนที่เปิดให้บริการใน ค.ศ. 1996 นอกจากนั้นก็มี Do-Dodonpa ซึ่งเป็นรถไฟเหาะที่เร็วที่สุดตอนที่สร้างเสร็จใหม่ๆ ในช่วง ค.ศ. 2001 และยังคงได้ตำแหน่งรถไฟเหาะที่มีความเร่งในตอนเริ่มต้นเร็วที่สุดในโลกอยู่จนถึงปัจจุบัน ถัดมาเป็น Eejanaika รถไฟเหาะ "4 มิติ" อันดับ 2 ของโลก ซึ่งมีที่นั่งที่สามารถหมุนได้แบบ 360 องศา หมุนไปมาถึงสิบกว่าครั้งในการเล่นแต่ละรอบ และสุดท้าย คือ Takabisha ที่มีความชันตอนตกถึง 121 องศา ซึ่งนับว่าชันที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากลดความตื่นเต้นลงหน่อย ก็ลองแวะไปที่ "โรงพยาบาลผีสิง" (Haunted Hospital) หรือเครื่องเล่นจากอนิเมะอย่าง Mobile Suit Gundam และแฮมทาโร่แทนได้

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

สำหรับคนรักธรรมชาติ

หากใครกำลังหาที่สงบๆ สำหรับผ่อนคลาย หรืออยากดื่มด่ำไปกับป่าแสนลึกลับในเกาะญี่ปุ่น ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเดินเขาธุดงค์ผ่านคาบสมุทรคิอิ (Kii Peninsula) ชายหาดสวยๆ ของโอกินาว่า และป่าดึกดำบรรพ์ของเกาะยาคุชิม่าอีกแล้ว!

Kumano Kodo - เส้นทางธุดงค์โบราณ

"คุมาโนะโคโด" (Kumano Kodo) เป็นหนึ่งในเส้นทางธุดงค์โบราณที่จะนำเหล่านักเดินทางลดเลี้ยวผ่านทิวทัศน์ของป่าญี่ปุ่นและช่องเขาเพื่อไปเยือนศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ 3 แห่งประจำคาบสมุทรคิอิ คุมาโนะโคโดเป็นหนึ่งในสองเส้นทางธุดงค์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ในอดีตเส้นทางนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมทางศาสนาที่ผู้เดินทางจะได้พบกับศาลเจ้าหลังผ่านการเดินทางอันยากลำบากแล้วเท่านั้น แม้แต่จักรพรรดิหลายองค์ก็ยังเคยมาเข้าร่วม และถึงแม้ว่าเส้นทางแถบชายฝั่งหลายแห่งจะหายไปตามการพัฒนาของจังหวัดวากายาม่าแล้ว แต่ก็ยังมีเส้นทางที่อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินที่ยังหลงเหลืออยู่ ให้เหล่านักแสวงบุญผู้กล้าหาญได้เข้าไปสัมผัสกับผืนป่าอันเงียบสงบและมีเสน่ห์แห่งนี้

โอกินาว่า - สวรรค์เขตร้อนของญี่ปุ่น

ไม่มีคำใดที่จะใช้บรรยายโอกินาว่าได้อย่างครบถ้วน เพราะที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนสุดตระการตาที่เต็มไปด้วยธรรมชาติเขตร้อน รายล้อมด้วยหาดทรายแสนสวยและความอบอุ่นของมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อมาถึงเมืองหลักอย่างนาฮะแล้ว คุณก็สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่สำรวจเกาะหลักของโอกินาว่า หรือไปแวะเที่ยวเกาะเล็กเกาะน้อยอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

จะไปเที่ยวอควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง "ชูราอุมิ" (Churaumi Aquarium) ก็ดี เดินเล่นในป่าเขตร้อนและไร่สับปะรดก็ได้ หรือจะไปดำน้ำดูปะการังก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แต่หากคุณไม่อยากขยับตัวมากนักก็สามารถพักผ่อนบนหาดทรายก็ได้! นับเป็นสรวงสวรรค์ในญี่ปุ่นเลยล่ะ

ยาคุชิม่า - ถิ่นต้นซีดาร์อายุกว่า 7,000 ปี

หากคุณสนใจธรรมชาติที่เก่าแก่เป็นพิเศษ เกาะยาคุชิม่า (Yakushima) ก็เป็นจุดหมายของคุณ เกาะนี้ทั้งเกาะถูกยกให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ตั้งอยู่เลยออกไปทางชายฝั่งทางตอนใต้ของจังหวัดคาโกชิม่าในภูมิภาคคิวชู และสามารถเดินทางไปได้ด้วยเรือไฮโดรฟอยล์หรือเรือเฟอร์รี่เท่านั้น ที่นี่เป็นถิ่นของธรรมชาติที่ยังไม่ถูกรุกราน และเป็นหนึ่งในป่าดิบชื้นกึ่งเขตร้อนที่ใกล้สูญพันธุ์ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งของญี่ปุ่นด้วย ต้นไม้ส่วนใหญ่ในป่าจะเป็นต้นซีดาร์ญี่ปุ่น มีสายพันธุ์โบราณให้เห็นกันอยู่ประปราย เช่น ต้นโจมงซีดาร์ (Jomon Cedar) อายุหลายพันปี

ความเขียวชอุ่มของป่ายาคุชิม่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์ของ Studio Ghibli อย่าง Princess Mononoke และของจริงก็หน้าตาเหมือนกับที่อยู่ในภาพยนตร์ไม่มีผิด และไม่ว่าคุณจะอยากไปเดินเขา ล่องเรือแคนู ทำกิจกรรมนอกสถานที่ หรือเพียงอยากดื่มด่ำกับทิวทัศน์ธรรมชาติจากโรงแรมหรูบนเกาะก็สามารถทำได้ตามใจเลย!

Klook.com

สำหรับผู้ที่หลงใหลในยุคญี่ปุ่นโบราณ

หากคุณเป็นอีกคนที่หลงใหลในศิลปะและวิถีชีวิตดั้งเดิมของญี่ปุ่น เมืองเหล่านี้จะพาคุณไปพบกับญี่ปุ่นในยุคแรกเริ่มที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี

คานาซาว่า - เกียวโตน้อยที่ร้างผู้คน

คานาซาว่า เป็นเมืองไม่กี่แห่งที่อาณาเขตส่วนใหญ่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเป็นหนึ่งในแหล่งสถาปัตยกรรมเมืองรอบปราสาทแบบดั้งเดิมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น 

Geisha District มีตัวอย่างบ้านเรือนยุคเอโดะอยู่เป็นจำนวนมากและมีการประดับไฟถนนของยุคไทโช ในขณะที่ Nagamachi Samurai District ก็มีแมนชั่นขนาดใหญ่ของเหล่าซามูไรเรียงรายอยู่สมชื่อ น่าเสียดายที่ปราสาทซึ่งเคยตั้งอยู่ใจกลางเมืองนั้นถูกไฟไหม้ไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่ในปัจจุบันก็กำลังมีการบูรณะและเปิดให้ผู้มาเยือนสามารถเข้าชมได้ แต่หากนั่นยังไม่จุใจ ก็สามารถแวะไปชม "สวนเคนโรคุเอ็น" (Kenrokuen Garden) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นได้ด้วยเช่นกัน!

คานาซาว่ามักจะถูกเรียกว่า "เกียวโตน้อย" ซึ่งหากคุณได้มาเห็นกับตาสักครั้งก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าเพราะเหตุใด แต่ที่นี่ก็ยังนับว่าแออัดน้อยกว่าเกียวโตมาก ถึงแม้จะเริ่มได้รับความนิยมในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเล็กน้อย

Shirakawa-go - มรดกโลก UNESCO

ชิราคาวาโกะ เป็นหมู่บ้านบนเขาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่นี่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาในจังหวัดกิฟุ มีชื่อเสียงจากการมีบ้านไร่แบบดั้งเดิมที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 อยู่เป็นจำนวนมาก โดยบ้านเรือนเหล่านี้จะมีหลังคามุงจากที่ชันมากตามลักษณะหมู่บ้านภูเขาในยุคนั้น และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมาตั้งแต่ ค.ศ. 1995

หลังคาเช่นนี้ถูกเรียกว่า "กัชโช" (Gassho) เพราะมีลักษณะที่ดูคล้ายกับการพนมมือ ระดับความชันจะช่วยป้องกันการทับถมของหิมะและเกิดเป็นทิวทัศน์เฉพาะตัวของเขตที่มีหิมะตกหนัก บ้านส่วนใหญ่ในปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ผู้คนได้ลองสัมผัสกับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมและแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของสถาปัตยกรรมในแถบชนบท อีกทั้งยังมีร้านอาหารและเรียวกัง (ที่พักสไตล์ญี่ปุ่น) ด้วย

Ouchijuku - เมืองญี่ปุ่นดั้งเดิมที่อนุรักษ์ไว้อย่างงดงาม

โออุจิจูคุ เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านญี่ปุ่นที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ในอดีตเป็นเมืองพักแรมที่อยู่บนเส้นทางการค้า Nishi Kaido ที่เชื่อมระหว่างไอสุในจังหวัดฟุคุชิมะและนิกโก้ในจังหวัดโทชิกิ โดยโออุจิจูคุจะเป็นจุดพักของพ่อค้าและนักเดินทาง ซึ่งต่างจากคานาซาว่าที่เป็นเมืองรอบปราสาท และชิราคาวาโกะที่เป็นหมู่บ้านบนภูเขา

ถนนสายหลักของโออุจิจูคุเต็มไปด้วยโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าเก่าแก่ เรียกได้ว่าเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ยุคเอโดะและสถานที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารพื้นเมืองและงานฝีมือดั้งเดิมได้ เมนูชื่อดังของโออุจิจูคุ คือ "เนงิโซบะ" เป็นโซบะทำมือที่จะเสิร์ฟพร้อมต้นหอมขนาดยักษ์ให้คุณใช้แทนตะเกียบ

หากคุณอยากสัมผัสกับวิถีชีวิตและเมืองแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นล่ะก็ ไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่าโออุจิจูคุอีกแล้ว

สำหรับคออนิเมะและมังงะ

หากคุณวางแผนเที่ยวตามมังงะหรืออนิเมะที่ชื่นชอบอยู่ล่ะก็ จุดเที่ยวทั้ง 3 แห่งต่อไปนี้ก็น่าจะเหมาะกับคุณ เพราะมันเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมอนิเมะและมังงะในญี่ปุ่น และยังอาจจะมีอะไรชวนให้นึกถึงซีรี่ส์เก่าๆ สุดคลาสสิคด้วย

อากิฮาบาระ อิเคะบุคุโระ และนากาโนะบรอดเวย์ - แหล่งยอดฮิตของโอตาคุในโตเกียว

สำหรับแฟนๆ อนิเมะและมังงะ คงไม่มีที่ไหนดีไปกว่าโตเกียวอีกแล้ว! โตเกียวเป็นที่ตั้งของ 3 แหล่งยอดนิยม: อากิฮาบาระ อิเคะบุคุโระ และ นากาโนะบรอดเวย์ แค่จะสำรวจให้หนำใจก็ใช้เวลาหลายวันแล้ว 

อากิฮาบาระตั้งอยู่ที่ใจกลางโตเกียว เมื่อก่อนเป็นแหล่งขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ในช่วงไม่กี่ศตวรรษที่ผ่านมานี้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นแหล่งร้านค้าเกี่ยวกับอนิเมะ มังงะ รวมถึงร้านเกม เมดคาเฟ่ และอื่นๆ ด้วย คุณจะได้พบกับร้านขายของอนิเมะ มังงะ และเกมทุกรูปแบบตั้งเรียงรายกันเต็มไปหมด โดยส่วนใหญ่จะเน้นเจาะตลาดกลุ่มผู้ชายเป็นหลัก

ในทางกลับกัน อิเคะบุคุโระที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของโตเกียวจะเน้นไปทางกลุ่มลูกค้าผู้หญิงกันมากกว่า ร้านขายของอนิเมะและมังงะจะถูกแทนที่ด้วย "บัทเลอร์คาเฟ่" (Butler Cafe เหมือนเมดคาเฟ่เวอร์ชันผู้ชาย) และร้านขาย "โดจินชิ" (Doujinshi มังงะทำมือ) สำหรับผู้หญิง

และสุดท้าย คือ " นากาโนะบรอดเวย์" (Nakano Broadway) ที่อยู่ในบริเวณฝั่งตะวันตกของโตเกียว เมื่อเทียบกับอากิฮาบาระและอิเคะบุคุโระแล้ว นากาโนะจะมีขนาดเล็กกว่ามาก เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีชั้นวางขายของเกี่ยวกับอนิเมะและไอดอลโดยเฉพาะ นากาโนะจะโดดเด่นในเรื่องสินค้ามือสองและสินค้าอนิเมะเก่าๆ เป็นจุดท่องเที่ยวแนะนำสำหรับคนที่กำลังตามหาสินค้าจากการ์ตูนที่คุณชื่นชอบในวัยเด็ก

Klook.com

Dogo Onsen - เปิดประสบการณ์วิญญาณลักซ่อน (Spirited Away)

โดโกะออนเซ็นตั้งอยู่ที่มัตสึยามะในภูมิภาคชิโคคุทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นหนึ่งในออนเซ็นยอดนิยมของญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการระดับสูงหรือเชื้อพระวงศ์ต่างก็เคยมาเยือนออนเซ็นแห่งนี้แล้วทั้งสิ้น

ออนเซ็นที่ได้รับความนิยมที่สุดในบริเวณนี้ คือ "โดโกะออนเซ็นฮงคัง" (Dogo Onsen Honkan) ที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1894 ว่ากันว่าหน้าอาคารไม้โบราณและการออกแบบภายในที่ดูเหมือนเขาวงกตนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์อนิเมชันของ Studio Ghibli เรื่อง "Spirited Away" มาหลงทางไปท่ามกลางเมืองออนเซ็นอันวุ่นวาย แล้วผ่อนคลายกันให้เต็มที่ไปเลย!

พิพิธภัณฑ์จิบลิ - ที่แรกและที่เดียว

สตูดิโอจิบลิเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์คลาสสิคมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Princess Mononoke, Spirited Away, My Neighbor Totoro ฯลฯ ซึ่งครองใจแฟนๆ อนิเมะทั่วโลกมาอย่างยาวนาน เมื่อพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มเปิดทำการในเขตมิทากะ (Mitaka) ของโตเกียวฝั่งตะวันตกไปใน ค.ศ. 2001 ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทันที

ตัวพิพิธภัณฑ์ออกแบบโดยคำนึงถึงประสบการณ์ที่ผู้เข้าชมจะได้รับ และสื่อให้เห็นถึงมรดกของทั้งสตูดิโอและคุณฮายาโอะ มิยาซากิซึ่งเป็นผู้กำกับ ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการภาพยนตร์เกี่ยวกับคุณฮายาโอะและกระบวนการสร้างสรรค์ต่างๆ รวมไปถึงทางเดินคดเคี้ยว ทางตัน และของแปลกประหลาดอีกจำนวนหนึ่งด้วย ทั้งหมดล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความขี้เล่นของคุณฮายาโอะได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดโชว์เคสผลงานจากสตูดิโออื่นๆ เป็นการชั่วคราวในทุกๆ ปีด้วย และที่ชั้นใต้ดินของอาคารก็ยังมีโรงภาพยนตร์ที่ฉายผลงานของจิบลิที่มีเฉพาะในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ที่นี่มีข้อควรระวังอย่างหนึ่ง คือ ห้ามถ่ายรูปและห้ามนำกล้องเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ นี่เป็นความตั้งใจของคุณฮายาโอะที่ต้องการให้ผู้คนได้สัมผัสประสบการณ์มากกว่าจะพยายามเก็บภาพของมันไว้นั่นเอง

เนื่องจากพิพิธภัณฑ์จิบลิได้รับความนิยมมาก คุณจึงจำเป็นต้องซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ด้วย หากอยากไปก็อย่าลืมวางแผนให้ดีก่อนด้วยล่ะ

สำหรับผู้ที่อยากพักผ่อนแบบญี่ปุ่น

หากพูดถึงการพักร้อนที่ญี่ปุ่นก็แน่นอนว่าจะขาดออนเซ็นไปไม่ได้เลย! ในส่วนนี้เราจะมาแนะนำออนเซ็นรีสอร์ทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นที่มีการผสมผสานทัศนียภาพอันงดงามเข้ากับบ่อน้ำร้อนทั้งแบบสาธารณะและแบบส่วนตัวมาให้ทุกคนได้รู้จักกัน!

ฮาโกเน่ - บ่อน้ำพุร้อนแสนวิเศษที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง

ฮาโกเน่เป็นหนึ่งในแหล่งรีสอร์ทชื่อดังของญี่ปุ่น มีชื่อเสียงจากออนเซ็น กิจกรรมนันทนาการ และอยู่ไม่ห่างจากภูเขาไฟฟูจิมากนัก ตัวเมืองอยู่ในจังหวัดคานางาวะ ห่างจากโตเกียวในระยะทางที่สามารถเที่ยวแบบไปเช้า - เย็นกลับได้ และส่วนใหญ่จะอยู่ในอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติฟูจิ - ฮาโกเน่ - อิสุ และก็เป็นเพราะภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นในบริเวณนี้นั่นเองที่ทำให้มีออนเซ็นจำนวนมากกระจายตัวอยู่

ออนเซ็นส่วนใหญ่จะอยู่ติดกับเรียวกัง (เช่น ยูโมโตะออนเซ็นอันเลื่องชื่อ) ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมาแช่ออนเซ็นและพักค้างคืนเพื่อผ่อนคลายในวันหยุดยาวได้ หากใครอยากหากิจกรรมอื่นทำด้วย รอบๆ ก็ยังมีวิวทิวทัศน์สวยๆ ให้ชมอีกมากมาย อย่าง "ทะเลสาบอาชิ" (Lake Ashi) ที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิก็มีชื่อเสียงเรื่องการล่องเรือชมวิวภูเขาเช่นกัน

Kusatsu - แหล่งน้ำอันน่าเหลือเชื่อท่ามกลางภูเขา

"คุซัตสึ" เป็นเมืองรีสอร์ทบนเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนความสูง 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นที่รู้จักจากน้ำพุร้อนที่แรงและมีปริมาณมาก ผู้คนมักจะแวะเวียนมาแช่น้ำเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยกันอยู่เสมอ ภูเขาไฟใต้ดินของแถบนี้ไม่เพียงทำให้น้ำร้อนขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเป็นกรดซึ่งว่ากันว่าสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั่วไปได้แทบทุกชนิดด้วย

ที่นี่มีเรียวกังจำนวนมากอยู่บริเวณใจกลางเมือง หากอยากสัมผัสประสบการณ์อย่างเต็มที่ก็ขอแนะนำให้ลองเข้าพัก และลงแช่น้ำในตอนกลางวัน แล้วพักผ่อนในตอนกลางคืน นอกจากนี้ ในช่วงฤดูหนาวก็สามารถลงแช่บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งพร้อมชมหิมะได้ด้วย หรือจะไปเล่นสกีที่สกีรีสอร์ทเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ได้

Nyuto Onsen - ไปเที่ยวทางเหนือกันบ้าง

เขตนิวโตะออนเซ็นในแถบตะวันออกของจังหวัดอาคิตะมีเรียวกังแบบดั้งเดิมอยู่ถึง 8 แห่ง บางแห่งให้บริการมาแล้วกว่า 300 ปี และคุณก็สามารถเข้าไปสัมผัสวัฒนธรรมการอาบน้ำตั้งแต่อดีตกาลของญี่ปุ่นได้ที่นี่

คุณจะเลือกพักที่เรียวกังสักแห่งแล้วเอนจอยกับออนเซ็นที่นี่ หรือจะซื้อตั๋วพาสเพื่อลงแช่บ่อน้ำพุร้อนทั้ง 8 แห่งเลยก็ได้ ออนเซ็นของเรียวกังแต่ละแห่งจะแตกต่างกันเล็กน้อย เช่น เป็นบ่อกลางแจ้งหรือบ่อในร่ม เป็นบ่อรวมหรือบ่อแยกชาย - หญิง ลองใช้เวลาสักวันไปสำรวจให้ครบกันดูสิ!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

สำหรับผู้ที่ตามหาของอร่อย

อาหารการกินของญี่ปุ่นได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และหากคุณอยากลิ้มลองก็จะพลาดเมืองเหล่านี้ไปไม่ได้เลย เรามีอาหารหลากหลายรูปแบบให้คุณเลือกตั้งแต่ซุปไปจนถึงอาหารทะเล ลองให้เสียงท้องร้องของคุณนำทางดูนะ!

ฮิโรชิม่า - หนึ่งในแหล่งโอโคโนมิยากิที่ดีที่สุด

นอกจากสวนสันติภาพและปราสาทแล้ว ของอร่อยของฮิโรชิม่าเองก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเมนูที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างโอโคโนมิยากิ ถึงขั้นที่มีคำกล่าวว่าจังหวัดนี้มีอัตราส่วนร้านโอโคโนมิยากิต่อประชากรเยอะที่สุดเลยทีเดียว

"โอโคโนมิยากิ" หรือที่รู้จักกันในนาม "พิซซ่าญี่ปุ่น" เป็นอาหารที่ครองใจชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานทั้งในฐานะอาหารแห่งจิตวิญญาณและเมนูแสนสนุกที่สามารถทำร่วมกับเพื่อนและครอบครัวได้ เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดจากโอซาก้า โดยสูตรต้นตำรับนั้นจะใช้แป้งแพนเค้กผสมกับวัตถุดิบสีสันสดใสต่างๆ เช่น กะหล่ำปลีและหมูลงไป จากนั้นก็นำไปทอดเป็นรูปร่างแบบแพนเค้ก

แต่โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่าจะแยกวัตถุดิบทั้งหมดออกจากกันแล้วทำขึ้นในลักษณะที่คล้ายกับทาวเวอร์ คือ ทำเป็นชั้นเรียงกันขึ้นไป โดยจะเริ่มจากการใช้แป้งเครปบางๆ เป็นฐาน แล้วเรียงกะหล่ำปลี หมู ปลาหมึก เส้นยากิโซบะ และไข่ขึ้นไปเป็นชั้นๆ หากคุณเลือกที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ในร้านก็จะได้เห็นเชฟทำขั้นตอนเหล่านี้กันตรงหน้าเลย

นอกจากนี้ เมนูเด็ดของฮิโรชิม่าก็ยังมีหอยนางรม (จังหวัดนี้มีผลผลิตหอยนางรมถึง 70% ของอัตราการผลิตทั่วประเทศ), "โมมิจิมันจู" (Momiji Manju) ที่เป็นเค้กรูปใบไม้ไส้ถั่วแดง และสึเคเม็งซึ่งเป็นเส้นราเมงเหนียวนุ่มที่เสิร์ฟคู่กับน้ำซุปด้วย

ฮอกไกโด - อาหารทะเลสดใหม่ มิโซะราเมง และ "เจงกิสข่าน"

ฮอกไกโดเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีชื่อเรื่องอาหารมากที่สุดด้วย โดยมีจุดเด่นอยู่ที่อาหารทะเลสดๆ และอาหารประเภทซุป หนึ่งในนั้นก็คือ "ไคเซ็นด้ง" หรือข้าวหน้าปลาดิบซึ่งมักจะประกอบด้วยปลาแซลมอน ปู และอาหารทะเลอื่นๆ ที่เพิ่งจับมาแบบสดๆ หากได้มาฮอกไกโดแล้วล่ะก็ จะพลาดไม่ได้เลย!

นอกจากอาหารทะเลแล้ว ฮอกไกโดราเมงก็ถือเป็นเมนูที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน ในซัปโปโรซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางนั้นจะทำซุปราเมงขึ้นมาจากซุปมิโซะ โปะทับด้วยเนยที่ผลิตในท้องถิ่น ข้าวโพดหวาน และอาหารทะเลหลากหลายประเภท (แตกต่างไปตามแต่ละร้าน) ส่วนในฮาโกดาเตะและอาซาฮิคาวะ (Asahikawa) จะทำน้ำซุปจากไก่แทนหมูและปรุงรสด้วยโชยุ ส่วนที่ "มุโรรัน" (Muroran) ก็จะมีราเมงแกงกะหรี่ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีเมนูเนื้อแกะสไลด์ย่างกับถั่วงอกและผักอื่นๆ บนกระทะเหล็กที่ว่ากันว่าหน้าตาคล้ายกับหมวกที่นักรบมองโกเลียสวม ทั้งยังมีชื่อแสนประหลาดที่ตั้งตามผู้พิชิตมองโกเลียอย่าง "เจงกิสข่าน" ด้วย

ฟุกุโอกะ - ถิ่นกำเนิดฮากาตะราเมง

ที่อีกสุดปลายด้านหนึ่งของญี่ปุ่นในภูมิภาคคิวชูตอนเหนือ เราจะพบกับเมืองฟุกุโอกะที่ได้ชื่อว่าเป็น "สวรรค์ของเหล่านักชิม" ที่นี่มีอาหารเลิศรสและอาหารยอดนิยมอยู่มากมาย และในฤดูหนาวก็มีเมนูสุดคลาสสิคอย่าง "มทสึนาเบะ" ซึ่งเป็นนาเบะ (หม้อไฟ) ที่ทำโดยการนำมทสึ (เครื่องในวัว) ไปเคี่ยวกับผักในน้ำซุปที่เข้มข้น ได้เป็นรสชาติที่ข้นมันอร่อยล้ำซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์ของมทสึนาเบะเลยทีเดียว ในคืนหนาวๆ ก็จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายได้ดี

ฟุกุโอกะยังเป็นถิ่นกำเนิดของหนึ่งในราเมงยอดนิยมของญี่ปุ่นอย่างฮากาตะราเมงด้วย ฮากาตะราเมงทำขึ้นจากซุปกระดูกหมูเข้มข้น ถึงแม้จะมีราเมงสไตล์นี้อยู่ทั่วประเทศ แต่สูตรต้นตำรับที่สุดก็ต้องเป็นที่ฟุกุโอกะเท่านั้น

และหากคุณชอบกินปลา ฟุกุโอกะก็ยังขึ้นชื่อด้านอาหารทะเลโดยเฉพาะปลาแมคเคอเรล เมนูที่นิยมมากในร้านเหล้า คือ "โกมะซาบะ" หรือปลาแมคเคอเรลโรยงาซึ่งปรุงรสปลาด้วยซอสโยชุและงาจนกลายเป็นขนมจบเคี้ยวแสนอร่อย นอกจากนี้ก็ยังมี "เกี๊ยวซ่า" ขนาดพอดีคำที่มักจะเสิร์ฟคู่กับราเมงด้วย

หากคุณตั้งใจมาหาอะไรกินที่ฟุกุโอกะ ก็เตรียมน้ำหนักขึ้นได้เลย!

สำหรับผู้หลงใหลในประวัติศาสตร์

หากคุณเป็นคนที่สนใจประวัติสงคราม ป้อมปราการ นักบวช และวัดวาอารามแล้วล่ะก็ ญี่ปุ่นมีทั้งปราสาท วัด และสถานที่ทางประวัติศาสตร์อยู่ทุกซอกทุกมุมให้คุณได้ไปตามรอย และเราก็ได้รวบรวมบางส่วนมาไว้ให้แล้ว!

ปราสาทฮิเมจิ - ปราสาทญี่ปุ่นที่งดงามที่สุด

ปราสาทฮิเมจิเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมปราสาทญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ดีที่สุดที่เหลืออยู่ ทั้งมีขนาดใหญ่ที่สุดและมีผู้เข้าชมมากที่สุดด้วย ปราสาทฮิเมจิรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า "ปราสาทนกกระสาขาว" ตามลักษณะด้านนอกของอาคารที่เป็นสีขาว และคำกล่าวอ้างที่ว่ามีหน้าตาเหมือนกับนกกระสาที่กำลังโบยบิน ตัวปราสาทเดิมสร้างขึ้นเป็นป้อมปราการบนยอดเขา "ฮิเมยามะ" (Mount Himeyama) ในศตวรรษที่ 14 แล้วขยายพื้นที่ออกในช่วงหลายศตวรรษต่อมา จนกระทั่งถูกทำลายและสร้างใหม่เป็นปราสาทในเมืองฮิเมจิ

ปราสาทยังคงขยายออกไปเรื่อยๆ ในศตวรรษที่ 16 และ 17 โดยมีทั้งปีกใหม่ กำแพงใหม่ และหอคอยสูงตระหง่านที่ใจกลาง ปราสาทฮิเมจินั้นผ่านมาทั้งภัยธรรมชาติและสงครามแต่ก็ได้รับการรักษาสภาพไว้เรื่อยมา และแม้จะผ่านการบูรณะและสร้างใหม่มาหลายครั้ง แต่ก็ยังคงลักษณะของสถาปัตยกรรมปราสาทญี่ปุ่นอยู่ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก UNESCO มาตั้งแต่ ค.ศ. 1993 คุณสามารถไปสำรวจ 83 อาคาร 11 ทางเดิน 15 บานประตู และ 32 กำแพงดินได้อย่างเต็มที่ และในหอคอยกลางยังมีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวโดยละเอียดของปราสาท และประวัติศาสตร์ทั่วไปเกี่ยวกับพื้นที่และอาวุธที่เก็บไว้ด้วย

หากคุณสนใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นล่ะก็ จะพลาดฮิเมจิไปไม่ได้เลย!

นารา - กวางน้อยและศาลเจ้าเก่าแก่

ก่อนจะย้ายไปเกียวโต นาราเคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิใน ค.ศ. 710 - 794 และเป็นเมืองหลวงถาวรแห่งแรกของญี่ปุ่น จึงเป็นเหตุให้นารามีประวัติศาสตร์โบราณอยู่อย่างล้นเหลือ เห็นได้จากวัดและศาลเจ้าที่มีอยู่มากมาย

ที่ใจกลางเมืองมีสวนสาธารณะนาราซึ่งมีวัดอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นวัดพุทธขนาดใหญ่อย่าง "โทไดจิ" (Todaiji Temple) "ศาลเจ้าคาสุกะไทชะ" (Kasuga Taisha Shrine) ศาลเจ้าชินโตสีแดงที่มีชื่อเสียงจากโคมไฟจำนวนมาก และ "โคคุฟุจิ" (Kokufuji) ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์ไม้ที่สูงเป็นอันดับ 2 ในญี่ปุ่น และเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลฟูจิวาระในอดีต

ยิ่งไปกว่านั้น ในสวนยังมีกวางอยู่จำนวนมากด้วย มีเรื่องเล่าที่เป็นที่รู้จักกันดีในนาราว่า "ทาเคมิกะซึจิ" (Takemikazuchi) ซึ่งเป็นเทพในศาสนาชินโตได้มาปรากฏที่เมืองบนหลังกวางขาวเพื่อปกป้องเมืองในช่วงที่เพิ่งสถาปนาขึ้น ตั้งแต่นั้น กวางก็ได้รับการนับถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และคุ้นเคยกับมนุษย์เรื่อยมา ผู้เยี่ยมชมสามารถเดินเล่นท่ามกลางฝูงกวางได้ตามสบาย และในบริเวณนั้นยังมีคนขาย "เซมเบ้" (Senbei) หรือแครกเกอร์สำหรับป้อนกวางอยู่ด้วย

นางาซากิ - ประตูสู่ภายนอกเพียงแห่งเดียวในช่วงปิดประเทศของญี่ปุ่น

ไกลออกไปในแถบตะวันตก มีจังหวัดหนึ่งชื่อ นางาซากิ ตั้งอยู่บนเกาะของภูมิภาคคิวชู ด้วยความที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้และอยู่ใกล้กับเอเชียแผ่นดินหลัก นางาซากิจึงเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดที่ญี่ปุ่นเคยใช้ติดต่อกับชาวต่างชาติในอดีต เห็นได้ชัดจาก "เดจิมะ" (Dejima) ซึ่งเป็นที่ที่อนุญาตให้ชาวเนเธอร์แลนด์มาอาศัยและทำการค้าอยู่ พวกเขาเป็นเพียงชนชาติเดียวในยุโรปที่ได้รับอนุญาตให้เข้าญี่ปุ่นได้ในช่วงปิดประเทศ

เนื่องจากมีการติดต่อกับชาวต่างชาติ นางาซากิจึงเคยเป็นสถานที่ประกอบพันธกิจของคริสตชนมาก่อน และมีโบสถ์เก่าๆ อยู่มากมาย แต่ชาวเนเธอร์แลนด์ก็ไม่ใช่ชาวต่างชาติเพียงชาติเดียวในญี่ปุ่น เพราะในนางาซากิก็มีไชน่าทาวน์เก่าแก่ขนาดใหญ่อยู่ด้วย ซึ่งคล้ายกับเดจิมะ คือ เป็นสถานที่ที่พ่อค้าแม่ค้าชาวจีนอาศัยอยู่ ที่นี่คุณจะเห็นศาลเจ้าญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างขึ้นตามลัทธิขงจื๊อ ซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมของจีนที่แพร่เข้ามาในญี่ปุ่นในระดับหนึ่ง

โบราณสถานอื่นๆ ที่น่าไปเยี่ยมชม คือ City Museum และสวนสันติภาพ (Peace Park) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเรื่องราวของระเบิดนิวเคลียร์ใน ค.ศ.1945

สำหรับคอประวัติศาสตร์แล้ว โบราณสถานในนางาซากิเป็นอะไรที่พลาดไม่ได้เลย

สำหรับใครที่อยากถางเส้นทางด้วยตัวเอง

หากคุณเคยไปญี่ปุ่นมาก่อนและไปเที่ยวตามที่ด้านบนมาหมดแล้ว หรือแค่อยากผจญภัยด้วยตนเอง ก็อาจต้องลองไปที่ลับตาคนมากขึ้นสักหน่อย สถานที่เหล่านี้แม้จะไม่โด่งดังในต่างประเทศ แต่ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นให้มาเยือนอยู่ไม่ขาดสาย ลองออกมาจากฝูงชน แวะเวียนไปยังชนบท แล้วสำรวจพื้นที่ท้องถิ่นอันเงียบสงบเหล่านี้ดูสิ

ชิโคคุ - เกาะที่เล็กที่สุดในบรรดาเกาะหลักของญี่ปุ่น

ชิโคคุ เป็นภูมิภาคที่เล็กที่สุดและมีประชากรน้อยที่สุดในเกาะหลักทั้ง 4 เกาะของญี่ปุ่น จึงเหมาะมากสำหรับคนที่อยากเที่ยวแบบส่วนตัว พื้นที่บนเกาะถูกแบ่งครึ่งด้วยเทือกเขาขนาดใหญ่ที่มียอดเขาสูงที่สุดที่อยู่นอกญี่ปุ่นตอนกลาง ประชากรส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ทางส่วนเหนือของเกาะ หันหน้าเข้าหาทะเลเซโตะใน และในบรรดาเมืองหลัก 4 เมืองก็มีเพียงโคจิเท่านั้นที่อยู่บนชายฝั่งทางใต้

ห่างจากชายฝั่งทางเหนือไป เราจะพบกับเกาะเล็กๆ อีกแห่งหนึ่งชื่อ "เกาะนาโอชิมะ" (Naoshima) ที่นี่มีนิทรรศการศิลปะโมเดิร์นอาร์ตขนาดใหญ่ที่มีทั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะและงานแสดงจำนวนมากกระจายตัวอยู่ทั่วเมืองและชายหาด ทางตะวันออกเฉียงใต้ของนาโอชิมะที่อีกฝั่งของทะเลเซโตะใน เราจะพบกับเมืองนารุโตะ (Naruto) ที่สุดขอบฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่มีชื่อเสียงจากน้ำวนขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้จากชายฝั่ง และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการธุดงค์ในชิโคคิ หรือ "โอเฮนโร" (Ohenro) ที่จะไปเยือนวัดในชิโคคุ 88 แห่งด้วย

ไกลออกทางใต้ เราจะพบกับชายหาดสวยๆ ในภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนในโคจิ จังหวัดที่มีผู้มาเยือนน้อยที่สุดในญี่ปุ่น ในระหว่างที่เดินสำรวจ คุณอาจจะพบว่าคุณเป็นชาวต่างชาติเพียงคนเดียวในภัตตาคารหรือเรียวกังอยู่บ่อยๆ และหากคุณชอบอะไรแบบนั้นก็ลองไปที่ชิโคคุดูสิ!

โทโฮคุ - หนึ่งในภูมิภาคที่มีผู้ไปเยือนน้อยที่สุด

โทโฮคุ เป็นภูมิภาคที่กว้างขวางมาก กินอาณาเขตเกือบทั้งหมดที่อยู่เหนือคันโตยกเว้นเพียงฮอกไกโด จึงมีกิจกรรมให้ทำหลากหลายตั้งแต่เก็บแอปเปิ้ลที่อาโอโมริไปจนถึงเล่นสกีในฟุคุชิมะ โทโฮคุเป็นที่รู้จักในฐานะภูมิภาคที่มีธรรมชาติรายล้อม และมีผู้คนท้องถิ่นที่เป็นมิตร

จังหวัดฟุคุชิมะเป็นจังหวัดที่อยู่ใต้สุดของภูมิภาค และใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของญี่ปุ่น (รองจากฮอกไกโดและจังหวัดอิวาเตะที่อยู่ในโทโฮคุเช่นเดียวกัน) ลองแวะไปที่เนินบันได (Bandai) ในฤดูหนาวเพื่อเล่นสกีแสนวิเศษ ไปชมปราสาทบูรณะใหม่ที่ ไอสุ-วากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu) หรือแวะ เมืองอิวากิ (Iwaki) อันแสนมีเสน่ห์ก็ได้

ที่ทางเหนือของฟุคุชิมะ เราจะพบกับ จังหวัดมิยากิ ที่มีเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโทโฮคุอย่างเซนไดอยู่ ที่นี่คุณสามารถลิ้มลองลิ้นวัวซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเซนไดได้ที่ภัตตาคารหลากหลายแห่ง และยังสามารถชมวิวสวยอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นที่อ่าวมัตสึชิมะได้ด้วย

หากขึ้นเหนือไปอีกผ่านอิวาเตะและอาคิตะก็จะพบกับออนเซ็นจำนวนมาก ให้คุณได้เพลิดเพลินและสัมผัสกับวัฒนธรรมงานเทศกาลที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น และสุดท้ายก็แวะอาโอโมริเพื่อเก็บแอปเปิ้ลชื่อดังของจังหวัด หรือชมทิวทัศน์หิมะในเมืองที่หิมะตกหนักที่สุดในโลกกันสักหน่อย

ภูมิภาคโทโฮคุมีขนาดใหญ่มาก คุณสามารถแพลนทั้งทริปเพียงเพื่อสำรวจเมืองเล็กใหญ่ในแถบนี้ได้เลย มาสัมผัสความอ่อนโยนของคนในท้องถิ่นและธรรมชาติอันงดงามกันเถอะ

คิวชูใต้ - เต็มไปด้วยอัญมณีที่ซ่อนเร้น

ถึงแม้ว่าคิวชูตอนเหนือจะมีอะไรให้ทำเยอะแยะแล้ว แต่บอกว่าคิวชูทางใต้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยความที่มีทั้งภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนและภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ จึงเป็นสถานที่พักผ่อนที่ทั้งอบอุ่นและมีทิวทัศน์งดงาม

เมื่อแวะไปที่เมืองคาโกชิม่าใน จังหวัดคาโกชิม่า เราก็จะได้เห็น "ภูเขาไฟซากุระจิม่า" (แปลว่า "เกาะแห่งซากุระ") ขนาดใหญ่ในอ่าวโดยทันที ภูเขาไฟนี้เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุที่สุดในญี่ปุ่น จึงแทบจะมีควันออกมาอยู่ตลอดเวลา เป็นแบคกราวนด์ให้กับเมืองได้เป็นอย่างดี ในเมืองก็มีอะไรให้ทำมากมาย หรือคุณจะแวบออกไปที่เมืองออนเซ็นรีสอร์ท อิบุสุกิ (Ibusuki) ก็ได้

ทางตะวันออกของคาโกชิม่าเป็นที่ตั้งของเขตคิริชิม่า ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่คร่อมเขตแดนระหว่างคาโกชิม่าและมิยาซากิที่อยู่ใกล้ๆ กัน นอกจากจะมีออนเซ็นสุดวิเศษแล้ว ยังมีเส้นทางปีนเขาสำหรับคนที่อยากเห็นทิวทัศน์ภูเขาไฟสวยๆ ด้วย

ส่วนจังหวัดเพื่อนบ้านอย่าง มิยาซากิ ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับตำนานเทพเจ้าสำคัญของญี่ปุ่น ว่ากันว่าอามาเทราสึผู้เป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์เคยใช้ทาคาจิโฮะในจังหวัดมิยาซากินี้เป็นที่ซ่อนตัวจากน้องชายผู้โหดร้าย ก่อนจะถูกเหล่าสหายเทพกล่อมให้กลับออกมา คุณจะพบกับตำนานและศาลเจ้าที่อุทิศให้เธอนี้ตั้งอยู่กลางช่องเขาที่รายล้อมด้วยน้ำตก นอกจากนี้ เมืองศูนย์กลางของจังหวัดอย่างมิยาซากิก็เคยเป็นแหล่งฮันนีมูนอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นด้วย เพราะมีอากาศที่อบอุ่นกับรีสอร์ทและชายหาดมากมายให้ไปพักผ่อนหย่อนใจได้นั่นเอง

หากคุณอยากจะสัมผัสกับญี่ปุ่นเก่าแก่ที่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ก็ต้องเป็นคิวชูใต้เท่านั้น

 

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง 

คาโกชิม่า: https://www.kagoshima-kankou.com/for/

มิยาซากิ: https://visitmiyazaki.com/

เอาล่ะ เก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกันได้แล้ว!

แน่นอนว่าสถานที่ที่เราแนะนำไปทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น การมีสถานที่ที่เป็น "ที่สุด" ในด้านหนึ่งไม่ได้แปลว่าจุดหมายอื่นที่เป็นรองกว่านี้จะไม่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมแต่อย่างใด เราขอแนะนำให้คุณมุ่งหน้าไปเที่ยวสถานที่เหล่านี้พร้อมสำรวจที่อื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงไปด้วย เพราะยิ่งค้นลึกไปเท่าไร คุณก็จะยิ่งพบกับสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ก็สามารถตามไปอ่านบทความที่เราแทรกไว้ตามคำอธิบายต่างๆ ได้ด้วย รับรองว่าคุณจะได้พบกับทริปเที่ยวญี่ปุ่นที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุดสำหรับคุณแน่นอน!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Joe
Joe Bryer
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร