พาเที่ยวเมืองโบราณในภูมิภาคชูบุ สัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด!
"ภูมิภาคชูบุ" ที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณศูนย์กลางของเกาะฮอนชู เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยย่านเมืองโบราณที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับเมืองที่เป็นแหล่งรวมตัวของที่พักริมถนนสายหลักที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ, เมืองปราสาทที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณความเป็นญี่ปุ่น, ร้านขายสินค้าอุตสาหกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม และจุดชมวิวสวยๆ ของอาคารบ้านเรือนแบบโบราณ!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
ถนนโบราณในภูมิภาคชูบุ
ภูมิภาคชูบุ (中部) อยู่ในพื้นที่ภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย 10 จังหวัด ได้แก่ นีกาตะ โทยาม่า อิชิคาว่า ฟุคุอิ ยามานาชิ นากาโนะ กิฟุ ชิซูโอกะ ไอจิ และมิเอะ ที่นี่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเจริญรุ่งเรืองขึ้นในฐานะเส้นทางขนส่งสินค้าที่เชื่อมระหว่างภูมิภาคคันโต คันไซ และโทโฮคุของญี่ปุ่น หลายพื้นที่ในภูมิภาคนี้จึงมีบรรยากาศคึกคักและเต็มไปด้วยผู้คน
ครั้งนี้ เราจะพาคุณไปเดินเที่ยวบนถนนโบราณของชูบุกัน มีทั้งเมืองไปรษณีย์ที่เรียกว่า "ชูคุบะมาจิ" (宿場町), เมืองหน้าทางเข้าศาลเจ้าที่เรียกว่า "มอนเซ็นมาจิ" (門前町) และย่านเกอิชา เป็นทิวทัศน์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอันแสนสงบซึ่งจะทำให้คุณลืมความวุ่นวายในชีวิตประจำวันไปเลย
ที่พักบนถนนสายหลักสำหรับนักเดินทาง (นากาโนะ)
"นาราอิจูกุ" (奈良井宿) ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดนากาโนะ เป็นเมืองไปรษณีย์ที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 เป็นหนึ่งใน "5 ทางหลวง" (Five Highways) และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "นากะเซ็นโด" (中山道) ถนนสายนี้อยู่ที่ความสูง 940 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและบริเวณโดยรอบก็แวดล้อมไปด้วยภูเขาหลายลูก
เส้นทางเดินเขา "โทริอิโทเกะ" (鳥居峠) ที่อยู่ในบริเวณนี้ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางปีนเขาที่ยากและท้าทายที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น สมัยก่อนจึงมักจะมีนักท่องเที่ยวและนักปีนเขามาผจญภัยกันอยู่บ่อยครั้ง และส่วนมากก็ประสบความสำเร็จกันเสียด้วย
นาราอิจูกุเป็นเมืองไปรษณีย์ที่มีระยะทางยาวที่สุดในญี่ปุ่น รวมแล้วกว่า 1 กิโลเมตร ทอดตัวไปตามแนวชายฝั่งของ "แม่น้ำโยชิอิ" (良井川) ตัวเมืองมีลักษณะเป็นถนนแคบๆ ที่ทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์ญี่ปุ่นโบราณที่มีชายคากว้างซึ่งเกิดจากการสร้างบ้านชั้นสองให้ยื่นออกมาเหนือบริเวณชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีการใช้ประตูไม้ระแนงหน้าตาเหมือนตาข่ายซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของอาคารที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะด้วย บ้านเหล่านี้จะทำให้คุณรู้สึกราวกับย้อนเวลากลับไปในอดีตเลยทีเดียว!
จุดท่องเที่ยวสำคัญที่พลาดไม่ได้ในนาราอิจูกุก็คือ "สะพานคิโซ" (木曽の大橋) สะพานโค้งที่สร้างอยู่เหนือแม่น้ำนาราอิ (奈良井川) ตั้งอยู่ห่างจากสถานี JR Narai ในระยะเดินเพียง 5 นาที สะพานนี้สร้างด้วยไม้สนฮิโนกิอายุมากกว่า 300 ปี โดยไม่มีเสาค้ำ ดูสวยงามตระการตาจนถือเป็นหนึ่งในสะพานที่ใหญ่และโดดเด่นที่สุดในญี่ปุ่นเลย
"คุมากาวะจูกุ" ฐานการค้าสำคัญที่ใช้ติดต่อกับเกียวโต (ฟุคุอิ)
เมืองไปรษณีย์ "คามากาวะจูกุ" (福井) ตั้งอยู่ในเมืองวากาสะทางตอนใต้ของจังหวัดฟุคุอิ โดยยาวขนานไปกับเส้นทางหลวง "วากาสะไคโด" (若狭街道) ที่เชื่อมระหว่างเมืองวากาสะกับจังหวัดเกียวโต ในอดีต คามากาวะจูกุเคยถูกใช้เป็นฐานในการติดต่อค้าขายกับทั้งเกียวโตและพื้นที่อื่นๆ ในทวีป อีกทั้งยังมีชื่อเสียงเรื่องอาหารทะเลและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างๆ ใน "คิไน" (畿内 คำเรียกจังหวัดโบราณจำนวนหนึ่งที่อยู่รอบเมืองหลวง) และพื้นที่อื่นๆ ในทวีปด้วย
ในปัจจุบัน ที่นี่ก็ยังคงมีทิวทัศน์จากสมัยเอโดะให้ได้เห็นกันอยู่ อาคารบ้านเรือนต่างๆ ล้วนสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานที่มีทั้งแบบ "ฮิราอิริ" (平入り) ที่มีทางเข้าอยู่ด้านข้างและขนานไปกับแนวสันหลังคา และ "สึมาอิริ" (妻入り) บ้านหลังคาทรงสามเหลี่ยมที่มีทางเข้าอยู่หนึ่งหรือสองด้านของหน้าจั่ว นับเป็นจุดเด่นของเมืองไปรษณีย์แห่งนี้เลยก็ว่าได้
พื้นที่ของเมืองนี้แบ่งออกเป็น 3 เขต ได้แก่ "คามิโนะโจ" (上ノ町) "นากาโนะโจ" (中ノ町) และ "ชิโมโนะโจ" (下ノ町) ในสมัยเอโดะ เขตนากาโนะโจที่เป็นศูนย์กลางนั้น เป็นที่ตั้งของสำนักตุลาการ นอกจากนั้นก็ยังมีร้านค้าขายส่งและที่พักแรมตั้งเรียงรายกันอีกจำนวนมาก ในบรรดาสิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้ มีบ้านพ่อค้าหลังหนึ่งที่เป็นของตระกูล "คุรามิยะ โอกิโนะ" (倉見屋 荻野家住宅) เป็นบ้านที่เก่าแก่ที่สุด และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็ยังมี "บ้านเก่าของเฮนมิ คันเบ" (旧逸見勘兵衛家住宅) เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศในสมัยนั้น อีกทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างที่น่าชมอีกมากมายหลายอย่างด้วย
สัมผัสธรรมชาติแบบฟ้าประทานที่มรดกโลก "โกคายามะ กัสโชสึคุริ" (โทยาม่า)
"โกคายาม่า" (五箇山) เป็นพื้นที่ที่อยู่ปลายฝั่งตะวันตกของจังหวัดโทยาม่า ที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และมีที่อยู่อาศัยเป็นหมู่บ้านกว่า 40 แห่งกระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆ ริมฝั่ง "แม่น้ำโชงาวะ" (庄川) จนเกิดเป็นทิวทัศน์อันกว้างไกล ทั้งดูสงบและสวยงาม
ในบรรดาหมู่บ้านทั้งหมด มีอยู่ 2 แห่งที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ คือ "ไอโนะคุระ" (相倉) และ "ซูกานุมะ" (菅沼) ที่มีบ้านหลังคามุงจากแบบพิเศษที่มีลักษณะลาดเอียงซึ่งเรียกว่า "กัสโชสึคุริ" (菅沼) อยู่ สิ่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณที่มีค่ามาก จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับวัสดุในท้องถิ่นที่ใช้ในการสร้างบ้านกัสโชสึคุริเหล่านี้ด้วย นับเป็นสถานที่ที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมในโกคายาม่าได้เลย
โกคายาม่ามักจะมีการประดับไฟไลท์อัพอยู่เป็นช่วงๆ คุณจึงสามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับความฝันซึ่งแตกต่างจากหมู่บ้านอันแสนจะเรียบง่ายที่ได้เห็นกันในตอนกลางวัน หากคุณสนใจ เราขอแนะนำให้ไปชมไฟประดับในฤดูหนาวให้ได้สักครั้ง เพราะคุณจะได้เห็นดวงไฟส่องสว่างอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน เป็นความสวยงามที่ดูลึกลับและน่าหลงใหลมากทีเดียว
ชมบ้านระแนงไม้สีแดงที่ตั้งเรียงรายกันใน "ฮิกาชิชายะไก" (อิชิคาว่า)
"ฮิกาชิชายะไก" (ひがし茶屋街) เปรียบเสมือนตัวแทนแหล่งท่องเที่ยวในแถบคานาซาว่าและเมืองปราสาท "คางะ เฮียกุมังโกกุ" (加賀百万石) ย่านโรงน้ำชาแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1820 บ้านทุกหลังถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามที่มีระแนงไม้ตาถี่ๆ ดูคล้ายกล่องจับแมลงที่เรียกว่า "คิมุซุโกะ" (木虫籠) ที่นี่ได้รับการสงวนให้เป็นเขตอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างแบบดั้งเดิม และในปัจจุบันก็ยังมีโรงน้ำชาอยู่ 5 แห่งที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่ และในช่วงพลบค่ำ คุณก็จะได้เห็นเหล่าเกอิชาเดินทางไปกลับโรงน้ำชากันบ่อยๆ ด้วย
หนึ่งในโรงน้ำชาที่ยังคงหลงเหลืออยู่ คือ "ชิมะ" (志摩) ที่ถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1820 และได้รับการยกย่องเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมโรงน้ำชา ระหว่างที่เพลิดเพลินไปกับการชมสวนที่สามารถเห็นได้จากห้องทำพิธีชงชา และดื่มด่ำไปกับรสชาติของชาเขียวมัทฉะอันยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ ย่านฮิกาชิชายะไกนี้ก็ยังเต็มไปด้วยร้านค้างานฝีมือแบบดั้งเดิม คาเฟ่ที่รีโนเวทมาจากร้านน้ำชาเก่า ร้านอาหาร และสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย คุณจึงสามารถเดินเล่นไปพร้อมๆ กับการชิมอาหารเลิศรสและช้อปปิ้งได้อย่างเพลิดเพลิน
เพลิดเพลินกับบรรยากาศเอโดะบนถนนสายโทไคโดที่ "อะริมัตสึ" (ไอจิ)
"อะริมัตสึ" (有松) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองนาโกย่า ถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1608 โดยได้รับการสนับสนุนจากแคว้นโอวาริ (尾張藩) สินค้าขึ้นชื่อของที่นี่ คือ "อะริมัตสึ ชิโบริ" (有松絞り) เป็นงานฝีมือแบบดั้งเดิมที่ใช้เทคนิคการมัดย้อม ทำให้ได้ผลงานที่มีเอกลักษณ์ ถือเป็นของฝากที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก แถมยังจะทำให้คุณได้รู้จักกับยุคเอโดะกันมากขึ้นด้วย
บ้านเรือนในอะริมัตสึนั้นจะกระจายตัวกันอยู่หลวมๆ ขนานไปตามแนวทางหลวงโทไคโดเป็นระยะทางกว่า 800 เมตร มีทั้งบ้านหลังใหญ่ที่มีลานกว้าง และรั้วที่ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองในยุคเอโดะได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม รูปแบบสถาปัตยกรรมอะริมัตสึที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ เป็นแบบที่สร้างขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ใน ค.ศ. 1784 ซึ่งมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟในการสร้างหลังคาและกำแพงด้านนอกตามมาตรการป้องกันอัคคีภัยแล้ว
หากคุณมีโอกาส เราขอแนะนำให้คุณมาชมบ้านเมืองสุดหายากที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สืบทอดมาจากอดีตนี้กันให้ได้เลย
ส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้าง? ภูมิภาคชูบุมีพื้นที่ที่เป็นถนนโบราณแบบนี้อยู่มากมาย คุณสามารถมาสัมผัสกับประสบการณ์ที่ราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยเอโดะกันอย่างเต็มที่ แต่ถึงแม้จะเรียกว่าเป็นเมืองโบราณ บ้านและอาคารต่างๆ เหล่านี้ก็เต็มไปด้วยความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองไปรษณีย์ที่ตั้งขนานไปกับทางหลวง เมืองปราสาทที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันสวยสง่าและงดงาม หรือย่านที่อยู่อาศัยของเหล่าพ่อค้า เป็นทิวทัศน์และโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่หลากหลายและน่าชม ดังนั้น หากมีโอกาสก็ลองมาหาทิวทัศน์ที่ชอบที่สุดกันดูนะ!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่