อัพเดทสถานการณ์ล่าสุด (12 มี.ค. 2563) "โคโรน่าไวรัส" หรือ "COVID-19" (โควิด-19) ในญี่ปุ่นและข้อควรระวัง มาเที่ยวต้องอ่าน!!

คนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้ต่างก็ต้องหาทางป้องกันตัวจาก "ไวรัสโคโรน่า" หรือ "COVID-19" (โควิด-19) ที่แพร่จากเมืองอู่ฮั่นและลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ที่จีนมีผู้ติดเชื้อเกิน 80,000 และมีผู้เสียชีวิตอีกกว่า 3,000 คน ผู้ที่จะเดินทางมาญี่ปุ่นในช่วงนี้ก็ต้องระวังโรคระบาดนี้ให้ดี เพราะก่อนหน้านี้คนญี่ปุ่นเองก็แทบไม่รู้ถึงอันตรายของไวรัสนี้ซึ่งเป็นผลมาจากความล่าช้าในการรับมือของรัฐบาล ตอนนี้หน้ากากอนามัยซึ่งเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ป้องกันโรคก็ถูกคนจีนกว้านซื้อไปจนขาดตลาด ในบทความนี้ เราจะมาอัพเดทสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าในญี่ปุ่น พร้อมคำแนะนำในการรับมือเมื่อคุณต้องเดินทางมาที่ประเทศญี่ปุ่น

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

ดังที่กล่าวไปข้างต้น ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้เป็น "โรคติดต่อ" ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรุนแรงและส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน คุณสามารถดูจำนวนผู้ติดเชื้อได้ในกราฟด้านล่างนี้

สรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน

ปี 2019

9 พ.ย.   พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสปอดอักเสบซึ่งวินิจฉัยว่าเป็นไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ครั้งแรกในจีน

31 พ.ย. จีนรายงานการตรวจพบไวรัสปอดอักเสบสายพันธุ์ใหม่ต่อองค์การอนามัยโลก

 

ปี 2020

1 ม.ค.   จีนสั่งปิดตลาดอาหารทะเลที่หัวหนาน

9 ม.ค.   พบผู้ติดเชื้อเสียชีวิตรายแรกจากอาการปอดอักเสบด้วยไวรัสโคโรน่าในจีน

16 ม.ค.  พบผู้ติดเชื้อรายแรกที่ญี่ปุ่นในจังหวัดคานากาวะ

22 ม.ค.  อเมริกา เริ่มกักกันผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ใน 5 สนามบิน
     เกาหลีเหนือ ประกาศหยุดรับนักท่องเที่ยวจากจีนทุกช่องทาง
     ไต้หวัน ประกาศมาตรการกักกันนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างไต้หวันและอู่ฮั่น

23 ม.ค.  ปิดตลาดอู่ฮั่น ระบบการเดินทางสาธารณะทั้งสนามบิน, รถไฟฟ้า, เรือ ฯลฯ ถูกสั่งปิด
     สายการบิน ANA ประกาศยกเลิกเที่ยวบินไปยังอู่ฮั่น

24 ม.ค. ไต้หวัน ยกเลิกการเดินทางท่องเที่ยวไปยังจีนแผ่นดินใหญ่
     ญี่ปุ่น ยกเลิกเที่ยวบินที่เดินทางไปยังมลฑลหูเป่ย (รวมถึงอู่ฮั่น)
     ฟิลิปปินส์ บังคับให้ส่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากอู่ฮั่นกลับประเทศจีน 500 คน
     ญี่ปุ่น พบผู้ป่วยติดเชื้อรายที่ 2

25 ม.ค.  เซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์แลนด์ประกาศหยุดให้บริการ
     รัฐบาลจีนประกาศมาตรการห้ามออกท่องเที่ยวนอกประเทศ
     ญี่ปุ่น พบผู้ป่วยรายที่ 3

26 ม.ค.  ฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ประกาศหยุดให้บริการ
     ญี่ปุ่นพบผู้ป่วยรายที่ 4

27 ม.ค.  ฮ่องกง ประกาศไม่รับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจากมณฑลหูเป่ย
     ญี่ปุ่น ประกาศให้ไวรัสโคโรน่าเป็น "โรคติดต่อที่ต้องควบคุมโดยกฎหมาย"

28 ม.ค.  รัฐบาลญี่ปุ่นจัดตั้ง "การประชุมสำนักงานป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดต่อที่เกี่ยวกับโคโรน่าไวรัส"
     อเมริกา สถาบันสุขภาพแห่งชาติเริ่มต้นพัฒนาวัคซีนรักษาไวรัสโคโรน่า
     เกาหลีเหนือ นำตัวผู้ที่เดินทางจากจีนไปควบคุมไว้ในศูนย์กักกันโรคเป็นเวลา 1 เดือน
     ญี่ปุ่น พบผู้ป่วยรายที่ 5, 6 และ 7

29 ม.ค.  รัฐบาลญี่ปุ่นเช่าเครื่องบินจากภาคเอกชนและส่งไปยังอู่ฮั่น
     ญี่ปุ่น พบผู้ป่วยรายที่ 8, 9 และ 10
     ออสเตรเลียสามารถเพาะเชื้อไวรัสโคโรน่าเป็นผลสำเร็จ
     อังกฤษ สายการบิน British Airways ประกาศยกเลิกเที่ยวบินที่ไปจีนทั้งหมด

30 ม.ค.  ญี่ปุ่นพบผู้ป่วยรายที่ 11 - 14

31 ม.ค.  WHO ประกาศภาวะฉุกเฉิน
     ฝรั่งเศส  สายการบิน AIRFRANCE ประกาศยกเลิกเที่ยวบินที่ไปจีนทั้งหมด
     ฟิลิปปินส์ ประกาศกักกันนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากหูเป่ยและอู่ฮั่นไม่ให้เข้าประเทศ
     ญี่ปุ่น พบผู้ป่วยรายที่ 15 - 17

1 ก.พ.   ญี่ปุ่นพบผู้ป่วยรายที่ 18, 19 และ 20
       รัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มประกาศคัดกรอง "ชาวต่างชาติที่เดินทางไปจีน หูเป่ยภายใน 2 สัปดาห์"
     และ "ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศด้วยพาสปอร์ตจีนที่มีออกโดยมณฑลหูเป่ย"

4 ก.พ.   ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามีจำนวน 17,205 คนและผู้เสียชีวิต 361 คน

5 ก.พ. ยืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 10 คน รวมทั้งหมด 20 คน ในผู้โดยสารและพนักงานของเรือสำราญ
     "Diamond Princess" ขณะจอดเทียบท่าที่ท่าเรือโยโกฮาม่า

9 ก.พ. พบผู้ป่วยติดเชื้อรวม 70 คน ในผู้โดยสารและพนักงานของเรือสำราญ 
     รวมพบผู้ป่วยติดเชื้อในญี่ปุ่น 96 คน

10 ก.พ.  ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามีจำนวน 20,438 คน และผู้เสียชีวิต 425 คน
     ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าภายใน 27 ประเทศ ไม่รวมประเทศจีนมีจำนวนทั้งหมด 381 คน
     และผู้เสียชีวิต 2 คน (ชาวฟิลิปปินส์และชาวฮ่องกง)

11 ก.พ.  องค์กร WHO ตั้งชื่อไวรัสอู่ฮั่น (ไวรัสโคโรน่า) สายพันธุ์ใหม่นี้ว่า "COVID-19" (โควิด-19)

12 ก.พ.  พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าบนเรือสำราญ "Diamond Princess" เพิ่มอีก 39 คน

              หนึ่งในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปควบคุม

13 ก.พ.  ผู้ติดเชื้อในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็น 48,206 คนและเสียชีวิต 1,310 คน

              ทางญี่ปุ่นประกาศไม่ให้คนจากพื้นที่มณฑลเจ้อเจียง เข้าประเทศญี่ปุ่น

14 ก.พ.  ผู้ติดเชื้อในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็น 59,822 คนและเสียชีวิต 1,367 คน

              ญี่ปุ่นรายงานผู้เสียชีวิตรายแรก จาก "ไวรัสโคโรน่า"

27 ก.พ.  ผู้ติดเชื้อในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 905 คน (เรือ 705 คน และ ติดเชื้อโดยตรง 200 คน)

              การติดเชื้อภายในประเทศญี่ปุ่น 16 คน

2 มี.ค. ญี่ปุ่นประกาศปิดโรงเรียนทั่วประเทศจนถึงสิ้นเดือน เมษายน 2020
5 มี.ค. มีการควบคุมผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีนและเกาหลี  (ต้องโดนกักตัว 2 อาทิตย์)
       สั่งห้ามการขาย (รีเซล) หน้ากากอนามัยบนออนไลน์ต่างๆ
10 มี.ค. ญี่ปุ่นประกาศเลื่อนงานอีเวนท์ต่างๆ ไปอีก 10 วัน และสั่งห้ามเข้าประเทศสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากบางพื้นที่ของประเทศอิตาลี, อิหร่าน และซานมาริโน (สำหรับต่างชาติ)
     จำนวนผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 568 คน เสียชีวิต 12 คน (เรือ:ผู้ติดเชื้อ 696 คน เสียชีวิต 7 คน)

           

ต้นตอของเชื้อมาจากไหน? สันนิษฐานว่ามาจากค้างคาวในตลาดอาหารทะเล

ผู้ติดเชื้อมากมายถูกสงสัยว่าเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่นที่กำลังถูกปิดตายอยู่ มีการคาดการณ์ว่าต้นตอของเชื้อที่มีความเป็นไปได้สูง คือ ค้างคาวที่วางขายอยู่ในตลาด ในประเทศญี่ปุ่นค้างคาวเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกันเท่าไร แต่ที่ประเทศจีนมีการใช้ค้างคาวเป็นส่วนประกอบในการทำยา ซึ่งโดยปกติค้างคาวก็มีทั้งเชื้อไวรัส SARS และไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ MERS ในตัวอยู่แล้ว จึงคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ "เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่" นี้ก็น่าจะมาจากค้างคาว

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

อาการปอดอักเสบในระยะแรกที่มาจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่เป็นเชื้อที่ทำให้มีอาการไข้และเกิดการอักเสบที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน โดยสายพันธุ์ที่สามารถติดต่อเข้าหามนุษย์ได้นั้นมีทั้งหมด 6 สายพันธุ์ โดยในจำนวนนั้นก็มี 4 สายพันธ์ุ ที่ก่อให้เกิดอาการหวัดและสามารถติดต่อได้จากคนสู่คน ส่วนอีก 2 สายพันธุ์เป็นเชื้อที่มาจากสัตว์และมีผลทำให้เกิดการอักเสบในปอดอย่างรุนแรง สองสายพันธุ์นี้แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ที่เรียกว่า MERS และ SARS เป็นไวรัสที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการขึ้นอย่างเฉียบพลันได้

ข้อมูลของ WHO กล่าวไว้ว่า เมื่อมีการติดเชื้อโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่และเริ่มแสดงอาการแล้ว อาการหลักๆ ที่สังเกตได้ คือ มีไข้, หายใจไม่สะดวก, หอบหืด แม้อาการจะคล้ายกับไข้หวัดแต่ก็มีโอกาสที่ผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการด้วยเช่นกัน จึงทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าตนเองได้ติดเชื้อไปแล้ว

เมื่ออาการกำเริบหนักขึ้นก็จะมีอาการปอดอักเสบ หรือทำให้ระบบการทำงานของตับล้มเหลวจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทั่วโลกต่างเห็นพ้องต้องกันถึงความอันตรายของโรคระบาดชนิดนี้ ที่สามารถทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนต่างๆ อย่างความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวกับหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตที่ขาดภูมิคุ้มกัน

Klook.com

ไม่ใช่แค่มีไข้! แต่ต้องดูอาการในระยะเแรกเริ่มด้วย

หากดูจากผลการวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าที่ทางโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นที่ได้ประกาศไว้แล้ว อาการหวัดหรือไข้หวัดใหญ่จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นภายหลังเนื่องมาจากการอักเสบของปอด อาการที่เกิดขึ้นในระยะแรกของการติดเชื้อไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัว ส่วนมากมักมีอาการท้องเสีย, อาเจียน ตามด้วยอาการอื่นๆ อย่างเช่น ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ, ปวดศีรษะ บางรายก็อาจมีอาการเป็นตะคริวหรือแน่นหน้าอกได้ด้วย แต่ถึงแม้จะไม่ได้มีอาการแรกเริ่มที่สังเกตกันได้ง่ายๆ อย่างการมีไข้สูงก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะหากไม่ดูแลรักษาให้ดีก็อาจเสี่ยงต่อการลุกลามอย่างรุนแรงได้

ในรายงานข่าวของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมาได้กล่าวไว้ว่า หลังการติดเชื้ออาจมีระยะที่ไม่ได้แสดงอาการอยู่ประมาณ 10 วันโดยเฉลี่ย ระยะรอแสดงอาการที่เร็วที่สุด คือ 1 วัน และช้าที่สุด คือ 14 วัน มีเปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตอยู่ที่ 3 - 4% เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่น้อยมากแต่ในความเป็นจริง เชื้อก็อาจลุกลามไปจนเกินกว่าจะสามารถบอกเปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตและสภาพการแสดงอาการได้อย่างชัดเจน

โรคนี้ติดต่อได้อย่างไร? เส้นทางการลุกลามของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

(1) ติดต่อทางลมหายใจ

การไอจาม, เสมหะและน้ำลาย ทำให้เชื้อไวรัสลอยสู่อากาศ

→ ทำให้ผู้อื่นติดเชื้อจากการหายใจเอาไวรัสที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าไปในร่างกายผ่านทางจมูกและปาก

 

*สถานที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ : โรงเรียนและสถานที่ทำงาน, โรงละคร, สถานี, รถไฟฟ้าที่มีคนแออัด, สถานที่ที่มีคนจำนวนมาก

(2) ติดเชื้อผ่านการสัมผัส

เกิดขึ้นเมื่อผู้ติดเชื้อใช้มือปิดปากขณะที่ไอหรือจาม

→ เมื่อนำมือข้างนั้นไปจับสิ่งของ ไวรัสจะไปติดอยู่ที่วัตถุนั้น

→ เมื่อมีผู้อื่นมาจับวัตถุนั้นจะทำให้ไวรัสติดไปกับมือ

→ เมื่อใช้มือข้างนั้นสัมผัสกับปากหรือจมูกก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อ

 

*สถานที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ : ราวยึดในรถไฟฟ้า, รถบัส, ลูกบิดประตู, สวิตช์ไฟ ฯลฯ

หากดูแลตัวเองดีๆ ก็สามารถป้องกันล่วงหน้าได้! วิธีการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

คำถาม คือ เราควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อจากไวรัสโคโรน่า?

หากอยากป้องกันการติดเชื้อ คุณจะต้องดูแลสุขภาพและสภาพร่างกายของตนเองให้ดี รวมถึงการรักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด เช่น ล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ , ใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ , บ้วนปากและกลั้วคอบ่อยๆ

ใน "การล้างมือ" จะต้องใช้สบู่และเปิดน้ำล้างอย่างน้อย 20 วินาทีขึ้นไป โดยทาง WHO ได้ให้คำแนะนำไว้ว่าจะต้องล้างทั้งง่ามนิ้วและซอกเล็บให้ดี หากไม่สามารถล้างมือได้ให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออย่าง แอลกอฮอล์ ซึ่งก็เป็นวิธีการที่ได้ผลดีเช่นกัน

นอกจากนี้ ไวรัสที่ติดอยู่กับมือนั้นจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา ปากและจมูกได้ จึงไม่ควรใช้มือสัมผัสหน้าตาหากยังไม่ได้ล้างมือให้สะอาดเสียก่อน และยังแนะนำให้ทุกคนล้างมือทันทีที่กลับถึงบ้าน รวมทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหารด้วย

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การสวมหน้ากากอนามัย ทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างก็เห็นปัญหาเดียวกันว่าโคโรน่าเป็นโรคที่ "ติดต่อจากคนสู่คน" ดังนั้น การป้องกันล่วงหน้าที่จำเป็นที่สุดก็คือ การไม่สัมผัสกับบุคคลอื่น

"การสวมหน้ากากอนามัยให้ผลที่มีประสิทธิภาพ เพราะสามารถป้องกันการติดเชื้อทางลมหายใจที่มาจากการไอจามซึ่งทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส"

อย่างไรก็ตาม การสวมหน้ากากอนามัยนั้น อาจช่วยป้องกันได้ดีในพื้นที่ที่มีผู้คนแออัดอยู่ภายในอาคารหรือรถโดยสารสาธารณะซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้มีการไหลเวียนของอากาศมากนักเท่านั้น หากเป็นพื้นที่นอกอาคารที่ไม่แออัดเท่าไร การสวมหน้ากากอนามัยก็อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก

นอกจากนี้ เรื่องที่เราอยากให้ทุกคนระมัดระวังกันก็คือ การเลือกซื้อหน้ากากนั้น "ไม่ใช่ว่าจะเป็นหน้ากากอะไรก็ได้" หน้ากากราคาถูกที่วางขายอยู่ทั่วไปนั้นอาจเป็นเพียงเส้นใยสังเคราะห์ที่ไม่สามารถป้องกันอากาศภายนอกที่จะไหลเข้ามาได้ และเมื่อสวมไปนานๆ ก็อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวจนพูดได้เลยว่าไม่มีประโยชน์และป้องกันโรคไม่ได้

หากต้องการป้องกันจมูกและคออย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องใช้หน้ากากที่มีสัญลักษณ์ " ウイルス飛沫 (ป้องกันไวรัสระบบทางเดินหายใจ)" "超息らくフィルタ (มีตัวกรองอากาศที่หายใจสะดวก)" "PM 2.5 (กันฝุ่น PM 2.5)" ฯลฯ เขียนอยู่บนแพ็กเกจ

โดยทั่วไปหน้ากากแบบนี้มักจะมีราคาที่สูงกว่าหน้ากากที่ขายทั่วไปอยู่หลายร้อยเยน แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพ วิธีสวมใส่ที่ถูกต้อง คือ "สวมให้ปิดมิดชิดไม่มีช่องว่างที่ปากและจมูก" นอกจากนี้ คุณควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกๆ 1 - 2 วัน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากสถานที่ที่มีผู้คนแออัดด้วย

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ระวังอาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์, พักผ่อนให้เพียงพอ

การรับประทานอาหารที่เป็นของสดหรืออาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ปรุงแบบสุกๆ ดิบๆ ก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน รวมถึงควรหลีกให้ห่างจากคนที่มีไข้สูง หรือไอจามติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ด้วย

นอกจากนี้ หากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเสื่อมลงจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อให้สูงขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดีอยู่เสมอ

มาตรการรับมือกับผู้โดยสารต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศของรัฐบาลญี่ปุ่น

ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดให้มีช่องทางพิเศษในสนามบินนาริตะและฮาเนดะเพื่อกักกันโรค โดยเฉพาะผู้โดยสารที่เดินทางจากจีนและเน้นกลุ่มคนที่มาจากอู่ฮั่น (รวมถึงฮ่องกงและมาเก๊า) เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศ

นอกจากนี้ ยังเริ่มมีการคัดกรองและปฏิเสธผู้โดยสารที่เป็น "ชาวต่างชาติที่เดินทางไปจีนมณฑลหูเป่ย ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมา" และ "ผู้เดินทางเข้าประเทศด้วยพาสปอร์ตจีนที่ออกโดยมณฑลหูเป่ย" ไม่ให้เข้าประเทศญี่ปุ่นด้วย ที่ด่านคัดกรองและตรวจคนเข้าเมืองยังได้มีการติดโปสเตอร์ "ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารจากอู่ฮั่นเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น" ที่มีเขียนไว้ทั้งภาษาญี่ปุ่น, ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ

และเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ก็ได้มีการออกกฎเน้นย้ำให้พนักงานภายในสนามบินสวมหน้ากากอนามัย ทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อที่ลูกบิดประตู, ราวบันได, ราวจับรถเข็นภายในเทอร์มินอลสนามบิน ภายในอาคารสนามบินจะมีการวางแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถที่จะใช้ในการป้องกันการติดเชื้อได้ด้วยตัวเอง

การรับมือเมื่อสงสัยว่าตนเองติดเชื้อโคโรน่าระหว่างที่อยู่ในญี่ปุ่น

กรมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (JNTO) ได้มีการวางมาตรการการดูแลนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเป็นบริการ Call Center ที่มีภาษาต่างประเทศไว้ให้บริการแบบ 24 ชั่วโมง ตลอด 365 วัน เรียกว่า "Japan Visitor Hotline" คุณสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่จากที่นี่ได้อีกด้วย

 

〈 Japan Visitor Hotline 〉
เบอร์โทร:050-3816-2787
เวลาให้บริการ:24 ชั่วโมง 365 วัน
ภาษาที่ให้บริการ:อังกฤษ, จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น
บริการ:ให้ข้อมูลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน (การเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ), ให้ข้อมูลเหตุเกิดภัยพิบัติ, ให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป

〈 เนื้อหาที่ให้คำปรึกษา 〉

○ ค่าธรรมเนียมในการยกเลิกการบริการต่างๆ
・ ต้องการยกเลิกโรงแรมที่จองไว้ สามารถติดต่อรับเงินคืนได้ที่ไหน

○ แจ้งเรื่องอาการเจ็บป่วย
・ มีอาการไอจาม มีไข้ ไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นติดเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือเปล่า, สอบถามสถานที่เพื่อเข้ารับการตรวจ
・ โรงแรมที่เข้าพักมีผู้ป่วยที่ไอจามและมีไข้สูง

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Keisuke
Keisuke Tsunekawa
เป็นคนญี่ปุ่นที่ชอบหลีกหนีจากชีวิตในเมืองโตเกียวเป็นครั้งคราว เพื่อค้นพบเส้นทางใหม่ๆ รวมถึงท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าได้สนุกกับการเชื่อมโยงกับสิ่งที่แตกต่างไปจากที่เคยทำเคยเห็นในชีวิตประจำวัน
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร