8 ที่เที่ยวฤดูหนาวในโทโฮคุ เพราะหิมะสวยๆ ไม่ได้มีแค่ในซัปโปโร!

มีคนกว่า 2 ล้านคนพากันมาเที่ยวซัปโปโรในฤดูหนาวเพื่อชมประติมากรรมน้ำแข็งอันตื่นตา จนหลายๆ คนอาจ สงสัยว่าในตอนเหนือของญี่ปุ่นมีที่เที่ยวอื่นๆ อีกไหม? แต่ไม่ต้องกังวลไป ภาคเหนือหรือ "โทโฮคุ" เต็มไปด้วยสถานที่น่าชมและสิ่งน่าสัมผัสในช่วงฤดูหนาว ไม่ต้องไปไกลถึงฮอกไกโดก็ชมวิวหิมะสวยๆ ได้ ไปลองสัมผัสประสบการณ์เจ๋งๆ ที่เรากำลังจะแนะนำกัน!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

1. เผชิญหน้าปีศาจและยักษ์หิมะในอาโอโมริ

บนเนินหิมะของจังหวัดอาโอโมริ คุณอาจจะได้เผชิญหน้ากับปีศาจ ไม่ใช่ปีศาจแบบกินคน แต่เป็น "จุเฮียว" หรือต้นไม้ปกคลุมหิมะ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์หายากที่เกิดแค่ในสภาพอากาศแบบเฉพาะ ตอนเหนือของญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ครบเงื่อนไข โดยกล่าวกันว่าจุเฮียวจะมีลักษณะคล้ายกับปีศาจนั่นเอง

หากพบภูเขาใกล้ๆ กับเมืองอาโอโมริ หนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้คือภูเขาฮัคโคดะ (八甲田山) ซึ่งเดินทางถึงได้โดยรถบัสจากสถานีอาโอโมริที่จะไปจอดที่ Hakkoda Ropeway

และหากมาถึงอาโอโมริแล้วก็ควรหาโอกาสแวะไป Nebuta Warasse Museum พิพิธภัณฑ์ใกล้สถานี Aomori  ภายในอาคารนี้คุณจะพบกับขบวนรถแห่ประดับไฟขนาดใหญ่ ที่จะผ่านถนนทุกปีในช่วงเทศกาลเนบุตะมัตสึริ (ねぶた祭り) ของเมืองนี้ หากเดินทางมาในช่วงสุดสัปดาห์ ก็อาจจะได้ชมการแสดงรำบำเนบุตะอันโด่งดังอีกด้วย

2. เดินเล่นชมไฟประดับที่ปราสาทฮิโรซากิ

ปราสาทในญี่ปุ่นสวยงามอย่างไม่ต้องสงสัย และหนึ่งในจุดห้ามพลาดคือวิวปราสาทฮิโรซากิ (弘前城) ในฤดูหนาว ช่วงที่ดีที่สุดในการชมคือตอนบ่ายๆ ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน เพราะคุณจะได้ชมการประดับไฟไปพร้อมๆ กับพระอาทิตย์ตก บริเวณปราสาทจะค่อยๆ มีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยแสงสีม่วงและฟ้าที่ซ่อนอยู่ในหิมะในช่วงกลางวัน

นอกจากไฟส่องแสงสุดแฟนตาซีแล้ว ยังมีโคมไฟหิมะขนาดเล็กรอบสวนมากมาย รวมถึงระเบียงภาพสึงารุนิชิกิเอะ (津軽錦絵) ที่จัดแสดงงานศิลปะญี่ปุ่นหลากหลายในทางเดินน้ำแข็ง เหมาะสำหรับใครที่อยากหาที่เดทสุดโรแมนติกในเมืองฮิโรซากิ

3. เล่นกับไฟที่ Kakunodate Fire and Snow Festival

แม้ว่าจะมีคำสอนเก่าแก่ว่าอย่าเล่นกับไฟ แต่ที่คาคุโนะดาเตะมีการฉลองฤดูหนาวสุดอลังการด้วยการควงก้อนฟางไฟลุกขนาดใหญ่ ในขณะที่ไฟก็ทำให้เชือกค่อยๆ สั้นลงไปด้วย

นอกจากนี้ ชาวบ้านที่นี่ยังเป็นมิตรกับผู้ที่แวะมาเยี่ยมชมงานฉลองอย่างมาก และรับรองว่าจะต้อนรับคุณอย่างอบอุ่น (แน่นอนว่าไม่ปาลูกไฟใส่แน่นอน) ขอเชิญชวนให้เข้าร่วมการฉลองริมแม่น้ำ และควงลูกไฟของคุณเอง บรรยากาศสบายๆ ของเมืองนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่าทำไมเทศกาลที่จัดในเมืองใหญ่ๆ ถึงไม่ได้ดีกว่าเสมอไป!

เทศกาล Kakunodate Fire and Snow Festival จะเริ่มตอนหัวค่ำประมาณ 5 โมงเย็น และต่อเนื่องไปจนดึกดื่น เมืองมาถึงเมืองนี้แล้ว แค่เดินตามไฟสีส้มที่ส่องสว่างอยู่ไกลๆ ก็จะถึงจุดชมเทศหาลได้อย่างไม่ต้องกลัวหลง

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

4. ผ่อนคลายในกินซังออนเซ็น

กินซังออนเซ็น (銀山温泉) กล่าวได้ว่าเป็นเมืองออนเซ็นที่สวยตรึงใจที่สุดของญี่ปุ่น และจะงดงามยิ่งขึ้นเมื่อฤดูหิมะมาถึง อาคารออนเซ็นเก่าแก่ตั้งอยู่บนถนนหลัก ทอดยาวไปตามแม่น้ำที่ไหลผ่านกลางเมือง อาคารเหล่านี้หลายหลัง เช่น Notoya Ryokan มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับออนเซ็นในอนิเมชั่นยอดฮิตของ Studio Ghibli เรื่อง Spirited Away

และถ้าคุณไม่อยากจ่ายเงินพักในเรียวคังของย่านนี้ ที่นี่ก็ยังมีโรงอาบน้ำสาธารณะให้คุณได้ผ่อนคลาย รวมถึงบ่อแช่เท้าหลายแห่งตั้งอยู่เลียบไปตามถนนสายหลัก ขอแนะนำให้อยู่จนช่วงกลางคืนเพราะเมืองออนเซ็นแห่งนี้จะดูมีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้นเมื่ออาคารต่างๆ พากันเปิดไฟ

Klook.com

5. ขึ้นเขายามาเดระ

หากการชิลล์ไปตามออนเซ็นไม่ใช่แนวของคุณ และชอบอะไรที่ลุยๆ มากกว่านั้น ที่เขตภูเขาของจังหวัดยามากาตะมีสิ่งท้าทายเหมาะกับคุณอยู่

คุณจะต้องเดินขึ้นบันได 1,000 ขั้นสู่วัดยามาเดระบนยอดเขา อาจดูเป็นเรื่องง่าย แต่ในช่วงฤดูหนาวจะท้าทายสุดๆ เพราะบริเวณนี้จะปกคลุมไปด้วยหิมะ เมื่อถึงยอดเขา คุณจะพบกับภาพที่ราวกับหลุดออกมากจากนิยายแฟนตาซี

พื้นที่วัดอายุเก่าแก่กว่าพันปีหันหน้าเข้าหาหุบเขาเบื้องล่างซึ่งปกคลุมด้วยหมอก งดงามถึงขนาดที่กวีไฮกุชื่อดังอย่างบะโช ได้เขียนถึงความเงียบสงบของบริเวณนี้ไว้ในหนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาเมื่อประมาณปี 1600 อ่านแล้วอาจจะยังไม่อิน แต่ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น!

6. ดื่มอามะสาเกในกระท่อมหิมะโยโคเตะ

เทศกาลหิมะโยโคเตะ (Yokote Snow Festival) ในจังหวัดอากิตะมีเมนูฤดูหนาวหลากหลายรอคอยให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลอง สำหรับผู้เริ่มต้น เราขอแนะนำอิกลูหิมะ "คามาคุระ" ที่จะมีสตาฟคอยเชื้อเชิญให้คุณดื่ม อามะสาเก (สาเกเวอร์ชั่นอุ่น หวาน และแอลกอฮอล์ต่ำ) พร้อมรับประทานโมจิคู่กันไป

กระท่อมเหล่านี้เดิมทีเป็นที่พำนักของศาลที่สักการะเทพแห่งน้ำในศาสนาชินโต หมายความว่าคุณยังสามารถขอพรเพื่อฤดูหนาวอันปลอดภัย และผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์หลังจากที่อบอุ่นร่างกายด้วยอาหารและเครื่องดื่มได้ด้วย

กระท่อมคามาคุระจะกระจายอยู่ทั่วเมืองในจุดที่ผู้คนชุกชุม แต่ก็หาเจอได้ไม่ยากเพราะมีเด็กๆ คอยทำหน้าที่เป็นไกด์นำทาง นอกจากนี้ยังขอแนะนำให้เดินเล่นตามริมแม่น้ำหรือโรงเรียนประถมมินามิ คุณจะได้พบกับภาพของอิกลูคามาคุระเวอร์ชั่นจิ๋วนับร้อยที่มีเทียนขนาดเล็กอยู่ภายใน ซึ่งจะส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรียน รวมเปลวไฟเล็กๆ นับร้อยส่องกะพริบในความมืดมิด เป็นภาพสุดประทับใจที่จะลืมไม่ลงแน่นอน

7. ใกล้ชิดกับสุนัขจิ้งจอกซาโอ

เป็นที่รู้กันดีว่าคนญี่ปุ่นชอบสัตว์น่ารักๆ อย่างสุนัขจิ้งจอกขี้เล่นในหมู่บ้านจิ้งจอกซาโอ (蔵王キツネ村) 

จิ้งจอกหรือ คิสึเนะ ในภาษาญี่ปุ่นนั้น ปรากฎบ่อยครั้งในนิทานญี่ปุ่นในบทบาทจอมเจ้าเล่ห์ หากคุณได้พบกับสัตว์ไฮเปอร์พวกนี้ก็จะเข้าใจได้เลยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น จิ้งจอกในฟาร์มนี้ไม่มีปัญหากับการที่นักท่องเที่ยวเข้าไปใกล้ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาหารมาให้พวกมัน! 

อย่างไรก็ตาม จิ้งจอกพวกนี้ไม่ได้เหมือนกันทุกตัว บางตัวคึกคักพลังเหลือ ในขณะที่อีกหลายตัวอาจชอบรีแลกซ์ และพวกชอบรีแลกซ์นี่แหละที่พนักงานอนุญาตให้คุณเล่นกับมันได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าคุณไม่ชอบใกล้ชิด ก็ยังมีจุดให้อาหารให้คุณซื้ออาหารเลี้ยงจิ้งจอกสายไฮเปอร์อยู่อีกด้วย

หมู่บ้านจิ้งจอกเปิดให้เข้าชมได้ตลอดปี แต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาวเป็นช่วงน่าแวะไปที่สุด เนื่องจากเป็นเวลาที่จิ้งจอกเหล่านี้พองขนปุกปุยเตรียมรับลมหนาวนั่นเอง

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

8. เงยหน้าชมดอกไม้ไฟโออุจิจูคุ

ไอสึ (会津) เป็นบริเวณหนึ่งของจังหวัดฟุกุชิมะที่งดงามน่าไปสัมผัส เราสามารถลิสต์สิ่งน่าทำและน่าดูในไอสึช่วงฤดูหนาวได้ยาวเป็นบทความ แต่ช่วงเวลาที่พิเศษจริงๆ ก็เห็นจะเป็นดอกไม้ไฟที่ส่องสว่างให้กับโออุจิจูคุ (大内宿) หมู่บ้านเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17

ไม่ว่าจะมาเยี่ยมชมในเวลาใดของปี คุณก็จะสามารถสัมผัสวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของเมืองนี้ได้โดยเดินเข้าไปในอาคารเก่าแก่หลังไหนก็ได้ริมถนนสายหลัก โดย Machinami Tenjikan Town Exhibition Pavilion ได้เก็บสิ่งประดิษฐ์และเครื่องมือสมัยเอโดะมากมายไว้ ซึ่งเคยถูกใช้โดยนักเดินทาง

ทั้งยังมีร้านอาหารอยู่หลากหลายให้คุณได้เลือกลิ้มลองเมนูพื้นเมือง ขอแนะนำให้ลองทานโซบะในแบบคนท้องถิ่น โดยการใช้ต้นหอมแทนตะเกียบ และลิ้มรสปลาอิวานะท้องถิ่นที่ย่างกันให้ดูแบบจะจะ

เมื่อถึงตอนใกล้ค่ำ หากมองบนท้องฟ้าคุณก็จะพบกับการแสดงดอกไม้ไฟที่สร้างแสงสว่างให้กับเมือง ท่ามกลางพื้นหลังยามค่ำคืนของภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

ไปสัมผัสความงดงามของโทโฮคุกันเถอะ!

แน่นอนว่าประติมากรรมโด่งดังระดับโลกที่เทศกาลหิมะซัปโปโรเป็นไฮไลท์ฤดูหนาวของภาคเหนือญี่ปุ่น แต่การจำกัดตัวคุณเองไว้กับเทศกาลนี้เพียงอย่างเดียว ก็จะหมายถึงการพลาดอีกด้านหนึ่งที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิงของภูมิภาคที่สวยงามนี้ ลองนำ 8 ที่นี้ไปเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางฤดูหนาวแสนอัศจรรย์ในภูมิภาคโทโฮคุ และออกสำรวจดินแดนชนบทของประเทศนี้ดูนะ!

 

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !

เครดิตภาพหัวเรื่อง: Oliverouge 3 / Shutterstock

 

มนต์เสน่ห์โทโฮคุ

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Stuart
Stuart Goble
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร