10 โรงแรมน่าพักในคิตะคิวชู เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และอาหารอร่อย!
เมืองคิตะคิวชูถูกเรียกว่าเป็นประตูหน้าของคิวชู เป็นเมืองใหญ่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ของจังหวัดฟุกุโอกะ มีทั้งวิวตัวเมืองยามค่ำคืนมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ที่สามารถรับชมได้จากภูเขาซารากุระ และสถานที่ที่สามารถสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอย่างปราสาทโคคุระ โมจิโคเรโทร และโคคุระที่เป็นย่านการค้าใจกลางเมือง ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำที่พักที่ควรเข้าพักให้ได้สักครั้งหากมีโอกาสได้แวะมาเมืองคิตะคิวชูที่เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์นี้
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
เมืองคิตะคิวชู (北九州市)
เมืองคิตะคิวชูตั้งอยู่บนภาคเหนือของจังหวัดฟุกุโอกะ ตรงปลายเหนือสุดของคิวชู ในอดีตเคยมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของคิวชู แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นเมืองที่คึกคักและเต็มไปด้วยผู้คน ถึงขนาดที่ถูกกำหนดให้เป็นมหานครตามข้อบัญญัติของรัฐบาลญี่ปุ่น
เมืองคิตะคิวชูเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแนว ครอบคลุมทั้งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ อาหารอร่อย และเอนเตอร์เทนเมนท์ ตั้งแต่สถานที่สัมผัสประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและต่างชาติอย่างปราสาทโคคุระ (小倉城) และโมจิโคเรโทร (門司港レトロ) สถานที่ดื่มด่ำธรรมชาติอย่างฮิราโอะได (平尾台) และถ้ำหินปูนเซ็นบุตสึ (千仏鍾乳洞) ไปจนถึงตลาดทันงะ (旦過市場) ครัวแห่งคิตะคิวชูที่มีอาหารทะเลอร่อยๆ ให้ได้ลิ้มลอง
10 โรงแรมแนะนำในเมืองคิตะคิวชู
1. Rihga Royal Hotel Kokura (リーガロイヤルホテル小倉)
Rihga Royal Hotel Kokura ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคิตะคิวชู เชื่อมต่ออยู่กับสถานี JR Kokura (JR小倉駅) ใช้เวลาเดินจากตัวสถานีเพียง 3 นาที สามารถเดินทางจากสนามบินฟุกุโอกะมาถึงได้โดยนั่งชินคันเซ็น 20 นาที หรือรถไฟสายด่วนพิเศษ 40 นาที
ห้องพักของโรงแรมนี้มีลักษณะกว้างขวาง ทุกห้องตั้งอยู่บนชั้น 14-27 ของอาคาร ส่งผลให้สามารถดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์เมืองคิตะคิวชูได้อย่างทั่วถึง
ชั้น 26 และ 27 เป็นห้องพักแบบ Tower Floor (タワーフロア) นอกจากจะสามารถชมวิวสวยๆ ของคิตะคิวชูจากความสูง 100 เมตรแล้ว ยังสามารถใช้บริการยิม ซาวน่า สระว่ายน้ำ และ Tower Library (タワーライブラリー) ที่เป็นบริการพิเศษเฉพาะผู้เข้าพักในชั้นนี้ได้อย่างฟรีๆ ทั้งยังมาพร้อมกับเซ็ตอาหารเช้าสุดพิเศษอีกด้วย
ภายในโรงแรมเชื่อมต่ออยู่กับร้านอาหาร 7 ร้าน เช่น Chambord (シャンボール) ร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีวิวสวยๆ จากชั้น 28 และ Naniwa (なにわ) ร้านเทปปังยากิที่เชฟจะปรุงเมนูให้เราเห็นต่อหน้าต่อตา นอกจากนี้ก็ยังมีร้านบุฟเฟ่ต์ที่สามารถใช้บริการได้ทั้งมื้อเช้าและมื้อค่ำ รวมถึงร้านอาหารที่เสิร์ฟทั้งเมนูญี่ปุ่นและเมนูจีน รับรองว่าคุณจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารที่หลากหลายอย่างแน่นอน
2. Daiwa Roynet Hotel Kokura-Ekimae (ダイワロイネットホテル 小倉駅前)
โรงแรมที่ตั้งอยู่ในย่านการค้าของโคคุระ ห่างจากสถานี JR Kokura โดยเดินเพียง 4 นาที และจากสถานี JR Hakata (JR博多駅) โดยนั่งชินคันเซ็น 15 นาที
เนื่องจากอยู่ในย่านการค้า บริเวณรอบๆ จึงมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ สามารถเข้าพักได้อย่างสะดวกสบาย
ห้องพักทุกห้องกว้างขวางถึงขนาดที่สามารถวางกระเป๋าเดินทางได้อย่างสบายๆ มีเตียงที่เน้นความสบายในการนอนหลับโดยเฉพาะ ทั้งยังมีห้องที่มาพร้อมกับเก้าอี้นวด การันตีความผ่อนคลายและสะดวกสบายในการเข้าพัก
ภายในอาคารเชื่อมต่อยู่กับร้านอาหาร 2 ร้าน ได้แก่ ร้านอาหารฝรั่งเศส Salvatore Cuomo & Bar Kokura (サルヴァトーレクオモ&バール小倉) ที่เปิดทั้งช่วงมื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อค่ำ โดยมีบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นผสมตะวันตกให้ใช้บริการในช่วงมื้อเช้า และ Robata no Kurobei (炉端のくろ兵衛) ที่สามารถดื่มด่ำไปกับสาเกญี่ปุ่นและเมนูย่างเตาถ่าน รวมถึงซาชิมิที่ตกปลาให้เห็นกันตรงนั้นเลย
3. Nishitetsu Inn Kokura (西鉄イン 小倉)
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคิตะคิวชู ในจุดที่เดิน 5 นาทีจากสถานี JR Kokura ห้องพักตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นและแผ่กว้างไปด้วยบรรยากาศที่ชวนผ่อนคลาย มีทั้งห้องสำหรับ 1 หรือ 2 คน และห้องสำหรับครอบครัว สามารถตอบโจทย์ผู้เข้าพักได้ทุกประเภท
ภายในโรงแรมเชื่อมต่ออยู่กับห้องอาบน้ำรวมและซาวน่า
สามารถเหยียดร่างกายแช่อ่างใหญ่ๆ ได้ในห้องอาบน้ำรวมที่กว้างขวาง และเยียวยาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางในหนึ่งวัน ส่วนที่ซาวน่านั้น คุณจะได้สามารถประสบการณ์ โทโทโนอุ (การเข้าซาวน่า แช่น้ำเย็น พักผ่อน ซ้ำกันไป 2-3 รอบ) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในญี่ปุ่น
มื้อเช้าของที่นี่เป็นแนวบุฟเฟ่ต์ สามารถดื่มด่ำไปกับเมนูขึ้นชื่อของฟุกุโอกะและคิตะคิวชู เช่น ยากิอูด้งของโคคุระ ทั้งยังมีของหวานอยู่มากมาย ช่วยทำให้การเริ่มต้นวันใหม่ของคุณราบรื่นขึ้นอย่างแน่นอน
4. Hotel Crown Palais Kokura (ホテルクラウンパレス小倉)
โรงแรมที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวภายในตัวเมืองคิตะคิวชู อยู่ห่างจากสถานี JR Kokura โดยเดิน 10 นาที และสามารถเดินไปถึงปราสาทโคคุระได้ภายใน 5 นาที ภายในโรงแรมตกแต่งอย่างหรูหรา ในขณะเดียวกันก็อบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ชวนผ่อนคลาย
ห้องพักมี 2 แบบให้เลือก ได้แก่ ห้องตะวันตกในสไตล์โมเดิร์น และห้องญี่ปุ่นที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของไม้ ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนก็ล้วนเป็นห้องที่มีบรรยากาศน่าผ่อนคลาย สามารถเข้าพักได้อย่างรีแลกซ์และไม่ต้องเร่งรีบ เนื่องจากทุกห้องมาพร้อมกับห้องอาบน้ำส่วนตัว จึงสามารถเยียวยาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้อย่างหมดจน
ร้านอาหาร Lavande (ラヴァンド) ของโรงแรมนี้ตั้งอยู่ในมุมตรงกันข้ามกับสวนสาธารณะคัตสึยามะ (勝山公園) ทำให้เกิดเป็นบรรยากาศราวกับรีสอร์ท สามารถดื่มด่ำไปกับมื้อเช้าแนวบุฟเฟ่ต์ และมื้อกลางวันกับมื้อค่ำที่เป็นอาหารฝรั่งเศสเต็มรูปแบบ
5. Nishitetsu Inn Kurosaki (西鉄イン黒崎)
Nishitetsu Inn Kurosaki ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เดิน 2 นาทีจากสถานี JR Kurosaki (JR黒崎駅) ห้องพักทุกห้องเป็นแบบเตียงคู่ที่กว้างขวาง เป็นโรงแรมที่ตอบโจทย์การเข้าพักที่เน้นความผ่อนคลาย
ภายในโรงแรมพร้อมไปด้วยห้องอาบน้ำรวมที่กว้างขวาง
นอกจากช่วงเย็นถึงกลางคืนแล้ว ยังสามารถใช้บริการในช่วงเช้ามืดได้อีกด้วย สะดวกต่อการเยียวยาความเหนื่อยล้าและเตรียมตัวสำหรับการเดินทางครั้งใหม่
มื้อเช้าสไตล์บุฟเฟ่ต์ของที่นี่มีทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารตะวันตก สามารถลิ้มรสขนมปังที่อบใหม่ๆ และเมนไทโกะ (ไข่ปลาค็อด) ที่เป็นของขึ้นชื่อของฟุกุโอกะ
6. Hotel Crown Palais Kitakyushu (ホテルクラウンパレス北九州)
Hotel Crown Palais Kitakyushu อยู่ห่างจากสถานี JR Kurosaki โดยเดินเท้า 15 นาที และสามารถเดิน 15 นาทีเพื่อไปถึงภูเขาซาราคุระ (皿倉山) ที่มีชื่อเสียงจากทิวทัศน์ยามค่ำคืนมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (วลีที่คนญี่ปุ่นใช้เรียกวิวที่มีแสงไฟจำนวนมาก หากคำนวณเป็นค่าไฟแล้วอาจมีราคาถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์)
ห้องพักทุกห้องมีโทนสีเรียบๆ ช่วยให้เข้าพักได้อย่างผ่อนคลาย
เนื่องจากมาพร้อมกับห้องอาบน้ำส่วนตัว จึงสามารถเยียวยาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและใช้เวลาไปอย่างสบายๆ
ชั้น 11 ของโรงแรมมีบาร์เลานจ์ที่ใช้ระบบจองล่วงหน้า 100% สามารถดื่มด่ำไปกับบรรยากาศน่าผ่อนคลายและเงียบสงบ พลางชมวิวค่ำคืนสวยๆ จากชั้นบนสุดของโรงแรม
มื้อเช้าของที่นี่เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นและอาหารตะวันตก ส่วนมื้อค่ำก็สามารถเลือกได้ระหว่างบุฟเฟ่ต์อาหารตะวันตกกับเซ็ตเมนูของทางร้าน
7. Kamenoi Hotel Genkainada (亀の井ホテル 玄界灘)
โรงแรมที่มีความภาคภูมิใจเป็นออนเซ็นสรรพคุณเพิ่มความชุ่มชื้นที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินลึก 1,500 เมตร ภายในโรงแรมมีห้องอาบน้ำรวมและบ่ออาบน้ำกลางแจ้งทั้งแบบออนเซ็นธรรมชาติและออนเซ็นฝีมือมนุษย์ สามารถเยียวยาร่างกาย แช่น้ำร้อนอย่างสบายๆ พลางชื่นชมทิวทัศน์ที่กว้างขวาง
ห้องพักของที่นี่มี 3 แบบ ได้แก่ ห้องญี่ปุ่นผสมตะวันตก ห้องตะวันตก และห้องญี่ปุ่น โดยสามารถเลือกได้อีกด้วยว่าจะอยู่ฝั่งพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกดิน ทุกห้องพักมีวิวที่ยอดเยี่ยมของทะเลเปิดเกนไค (玄界灘) บางห้องยังมาพร้อมกับระเบียงให้คุณออกไปรับลมทะเลได้อีกด้วย
ภายในโรงแรมมีร้านอาหารชมวิวที่ให้บริการทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อค่ำ คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารพลางชมวิวอันยอดเยี่ยมของทะเลเปิดเกนไค โดยมื้อเช้าจะเป็นเมนูบุฟเฟ่ต์ ส่วนมื้อค่ำก็จะเป็นชุดอาหารไคเซกิจากวัตถุดิบตามฤดูกาล
8. Marine Terrace Ashiya (国民宿舎マリンテラスあしや)
โรงแรมที่มีจุดขายเป็นห้องพักทุกห้องที่มาพร้อมกับวิวทะเล โดยมีห้องพักให้เลือกอยู่ 3 แบบ ได้แก่ ห้องญี่ปุ่นที่สามารถผ่อนคลายได้อย่างสบายๆ ห้องญี่ปุ่นผสมตะวันตกที่เป็นห้องแฝดกว้างขวาง และห้องตะวันตกที่สามารถใช้เวลาไปได้อย่างไม่ต้องเร่งรีบ
นอกจากห้องอาบน้ำรวมแล้ว โรงแรมแห่งนี้ยังมีออนเซ็นกลางแจ้งที่มีให้เลือกระหว่างบ่อหินกับบ่อแกรนิต คุณจะได้ฟังเสียงคลื่นทะเลและเยียวยาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไปอย่างสบายๆ
ชั้น 2 ของโรงแรมมีร้านอาหาร Marine ka tei (海香亭) ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารและวิวทะเลสวยๆ เป็นร้านที่มีมื้อกลางวันและมื้อค่ำสุดหรูหราจากวัตถุดิบในท้องถิ่น สามารถดื่มด่ำไปกับเมนูที่อร่อยและหรูหราอย่างซาชิมิหมึกยาริที่เสิร์ฟแบบทั้งตัว และอาหารไคเซกิจากปลาตามฤดูกาล เนื้อคุโรเกะวากิว และกุ้งอิเสะ
9. Premier Hotel Mojiko (プレミアホテル門司港)
โรงแรมที่เหมาะสำหรับการเที่ยวโมจิโคเรโทร อยู่ห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ในระยะที่สามารถเดินถึงได้ และใช้เวลาเดินประมาณ 2 นาทีจากสถานี Mojiko (門司港駅) สร้างขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากปรมาจารย์แห่งวงการสถาปัตยกรรม เป็นโรงแรมเน้นดีไซน์ที่มีชื่อเสียงในฐานะสิ่งก่อสร้างระดับโลก
ห้องพักในแต่ละชั้นจะมีโทนสีและบรรยากาศที่แตกต่างกัน เช่น ห้องพักที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรือสำราญ และห้องพักที่ตกแต่งให้เข้ากับทิวทัศน์ของโมจิโคเรโทร ทำให้แต่ละห้องสามารถมอบประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ภายในอาคารเชื่อมต่ออยู่กับร้านอาหาร 3 ร้าน เช่น ร้านอาหารอิตาเลี่ยนต้นตำรับที่ใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบตามฤดูกาล และสเต็กเฮ้าส์ที่ผสมผสานสเต็กคุณภาพสูงเข้ากับวัตถุดิบตามฤดูกาล มีไฮไลท์เป็นบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าที่เต็มไปด้วยความเอาใจใส่ คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับเมนูญี่ปุ่นจากการรวมตัวกันของอาหารและวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ของคิตะคิวชู เช่น คาราชิเมนไทโกะ (ไข่ปลาค็อดหมักซอสเผ็ด) และอาหารตะวันตกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโมจิโค นอกจากนี้ก็ยังมีคอนเทนต์เกี่ยวกับอาหารที่น่าสนุกอีกมากมาย เช่น ครัวแสดงสดที่เชฟจะทำอาหารให้เราเห็นกันอย่างจะๆ และสปาร์คกลิ้งไวน์ที่มีให้ดื่มได้ไม่อั้น การันตีได้ว่าเป็นประสบการณ์บุฟเฟ่ต์ที่ไม่มีใครเหมือนอย่างแน่นอน
10. Grand Base Mojiko-Ekimae (グランドベース門司港駅前)
Grand Base Mojiko-Ekimae อยู่ห่างจากสถานี Mojiko โดยเดิน 7 นาที และใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ในระยะที่เดินถึงได้ เป็นโรงแรมแนวอพาร์ทเม้นท์ที่ขอแนะนำให้กับผู้ที่อยากเที่ยวโมจิโคเรโทรอย่างเต็มที่
ห้องพักทุกห้องกว้างขวางและน่าผ่อนคลาย แผ่กว้างไปด้วยบรรยากาศที่ราวกับบ้านของคุณเอง เนื่องจากเป็นโรงแรมแนวอพาร์ทเม้นท์ จึงสามารถเข้าพักได้อย่างผ่อนคลายโดยไม่ต้องกังวลถึงแขกคนอื่นๆ
ห้องพักของที่นี่มีทั้งห้องอาบน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำกว้างๆ และห้องนั่งเล่นที่มีโซฟา ช่วยให้คุณสามารถสัมผัสช่วงเวลาที่ผ่อนคลายได้อย่างตลอดเวลา
ส่งท้าย
ทั้งหมดนี้เป็นโรงแรมที่เราขอแนะนำเป็นพิเศษสำหรับการเที่ยวคิตะคิวชู เมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติอย่างปราสาทโคคุระ โมจิโคเรโทร และถ้ำหินปูนเซ็นบุตสึ โรงแรมแต่ละแห่งก็มีจุดที่ให้ความสำคัญที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ออนเซ็น หรือตัวห้องพัก ซึ่งจะช่วยให้การเข้าพักของคุณเป็นที่น่าจดจำอย่างแน่นอน เราหวังว่าคุณจะพบกับโรงแรมที่ถูกใจ และสนุกไปกับการเที่ยวเมืองคิตะคิวชูอย่างเต็มที่
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่