พาเที่ยว "อิซูโมะ" บ้านเกิดตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น เพื่อดึงดูดความโชคดีและความรัก!
"เมืองอิซูโมะ" เป็นที่รู้จักกันในฐานะบ้านเกิดของตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น เมืองนี้อยู่ในจังหวัดชิมาเนะ และเป็นที่ตั้งของ "ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะ" ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการขอพรเรื่องความรักและการหาคู่ อีกทั้งยังมีมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมายที่ทำให้กลายเป็นที่นิยมในหมู่คนรักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็ยังมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ด้วย ทั้งหมดนี้ต่างหลอมรวมกันได้อย่างสวยงามมีเสน่ห์ และในบทความนี้ เราก็จะมาแนะนำ 5 จุดเที่ยวน่าไปในเมืองอิซูโมะที่ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกหรือเคยมาหลายครั้งแล้ว ก็จะได้พบกับสถานที่ที่ช่วยให้ได้รู้จักกับรากเหง้าของญี่ปุ่นมากขึ้นอย่างแน่นอน
*บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก เมือง Izumo
รู้จักกับ "เมืองอิซูโมะ"
"เมืองอิซูโมะ" (出雲) ตั้งอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของจังหวัดชิมาเนะ ภูมิภาคชูโกคุ ประเทศญี่ปุ่น ที่นี่มีพื้นที่คาบสมุทรชิมาเนะ (島根半島) ล้อมอยู่ทางเหนือ และเทือกเขาชูโกคุ (中国山地) ตั้งตระหง่านอยู่ทางใต้ และมีที่ราบอิซูโมะ (出雲平野) คั่นอยู่ตรงกลาง เมืองนี้เต็มไปด้วยพรจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา, ทะเล, ทุ่งนา, แม่น้ำ, ทะเลสาบ ฯลฯ เมืองอิซูโมะจึงมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามทั้ง 4 ฤดูกาล รวมถึงอาหารแสนอร่อยที่ทำจากวัตถุดิบตามฤดูกาลในท้องถิ่นอย่างผักผลไม้และปลาให้คุณได้เพลิดเพลินกันด้วย
พื้นที่แถบนี้มีจุดท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนเวทีของตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่นมากมาย จนบางครั้งก็ถูกเรียกว่า "บ้านเกิดของตำนานเรื่องเล่า" (神話のふるさと) และ "ดินแดนแห่งเทพเจ้า" (神々の国) ดังนั้นเมื่อคุณมาเยือน ก็จะได้สัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมและสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานญี่ปุ่นกันอย่างลึกซึ้ง โดยเริ่มตั้งแต่ "ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะ" (出雲大社) ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
คุณสามารถเดินทางมาถึงเมืองอิซูโมะได้ทางเครื่องบิน เพราะที่นี่มี "สนามบินอิซูโมะ เอ็นมุซึบิ" (Izumo Enmusubi Airport) ไว้คอยรองรับเที่ยวบินในประเทศที่เดินทางมาจากเมืองใหญ่ๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 90 นาทีจากโตเกียว และ 60 นาทีจากโอซาก้าหรือฮากาตะ จากนั้นจึงนั่งค่อยรถบัสจากสนามบินเพื่อไปยังสถานีรถไฟ JR Izumo โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ตำนานญี่ปุ่นเกี่ยวข้องกับอิซูโมะอย่างไร?
คำว่า "ตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น" หรือ "นิฮงชินวะ" (日本神話) หมายถึง เรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพเจ้าต่างๆ ที่บันทึกอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์เวอร์ชั่นคลาสสิกของญี่ปุ่นที่รวบรวมไว้ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 8 เช่น "โคจิกิ" (古事記) "นิฮนโชกิ" (日本書紀) และ "อิซูโมะ โนะ คุนิ ฟุโดคิ" (出雲国風土記) ซึ่งเปรียบเสมือนหนังสือรายงานโบราณที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของชื่อสถานที่ต่างๆ ในประเทศ, สินค้าประจำท้องถิ่น, ประเพณี และเรื่องเล่าต่างๆ ของญี่ปุ่น เป็นต้น
ในบรรดาตำนานเหล่านี้ทั้งหมด จะมีเรื่องเล่าของเหล่าเทพเจ้าที่โลดแล่นอยู่ในเขตแดนของอิซูโมะ จนมีชื่อเรียกเฉพาะตัวว่า "อิซูโมะชินวะ" (出雲神話) ตัวอย่างเรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงก็ได้แก่ เรื่องของ "เทพซูซาโนโอะ" (素戔嗚尊) น้องชายของ "เทพอามาเทราสึ-โอมิกามิ" (天照大神) ที่เป็นผู้สังหารงูยักษ์ และเรื่องของ "เทพโอคุนินุชิ" (大国主命) ผู้สร้างประเทศญี่ปุ่นที่ส่งดินแดนนี้ต่อให้ลูกหลานของเขา
จากตรงนี้ เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอิซูโมะ ที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานอิซูโมะเหล่านี้กัน!
"ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะ" สัญลักษณ์ของอิซูโมะ บ้านเกิดของตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น!
หากมาถึงอิซูโมะแล้วไม่ได้แวะ "ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะ" (出雲大社) ทริปนี้ก็คงจะไม่สมบูรณ์ ที่นี่ถือเป็นสัญลักษณ์ของอิซูโมะ และเป็นที่สถิตของเทพโอคุนินุชิ ผู้มีบทบาทสำคัญในตำนานอิซูโมะ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในฐานะเทพเจ้าแห่งการแต่งงานด้วย
ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน จากบันทึกในหนังสือโคจิกิที่รวบรวมไว้ในศตวรรษที่ 8 มีเรื่องเล่าว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นรางวัลที่เทพโอคุนินุชิได้รับ หลังจากที่เขามอบแผ่นดินที่สร้างขึ้นให้กับเทพอามาเทราสึ-โอมิกามิไป
ศาลเจ้าหลักที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ เป็นแบบที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1744 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมศาลเจ้าโบราณที่เรียกว่า "ไทชะ-สึคุริ" (大社造) อาคารสูง 24 เมตรนี้นับว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติด้วย
การชมเชือกศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "โอชิเมนาวะ" (大注連縄) ที่ประดับอยู่หน้า "โถงคางุระเด็น" (神楽殿) นี้ถือเป็นอะไรที่ไม่ควรพลาด โถงนี้มักจะใช้ในการสวดมนต์ จัดงานแต่งงาน และทำพิธีกรรมต่างๆ ว่ากันว่าเชือกของศาลเจ้านี้เป็นเส้นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และจะมีการเปลี่ยนเชือกใหม่ทุกๆ 2 - 3 ปี เชือกที่เห็นอยู่นี้ยาว 13.6 เมตร และมีน้ำหนักถึง 5.2 ตันเลย
นอกจากนี้ ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะยังมีจุดเด่นอยู่ที่การสักการะศาลเจ้าที่ไม่เหมือนใครด้วย ตามปกติแล้ว การสักการะศาลเจ้าในญี่ปุ่นมักจะใช้วิธีที่เรียกว่า "2 คำนับ 2 ปรบมือ 1 คำนับ" (2礼2拍手1礼) แต่ที่นี่จะใช้วิธีแบบ "2 คำนับ 4 ปรบมือ 1 คำนับ" (2礼4拍手1礼) เมื่อคุณไปถึงแล้ว ก็ลองสังเกตผู้คนรอบข้างแล้วทำตามเขาดูนะ
นอกจากนี้ในเขตพื้นที่ศาลเจ้าอิซูโมะไทชะก็ยังมี "ศาลเจ้าโซกาโนะยาชิโระ" (素鵞社) ตั้งอยู่ด้วย ศาลนี้เป็นที่สถิตของ "เทพซูซาโนโอะ" ผู้สังหารงูยักษ์ที่ชื่อ ยามาตะ โนะ โอโรชิ (ヤマタノオロチ) และ "จูคุชะ" (十九社) ซึ่งเป็นที่พักของเหล่าเทพเจ้าระหว่างที่พวกเขามาชุมนุมกันในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปีตามปฏิทินจันทรคติ บอกได้เลยว่าศาลเจ้าอิซูโมะไทชะนี้ มีสถานที่ที่จะทำให้คุณได้เชื่อมต่อกับโลกแห่งตำนานเทพเจ้าอยู่มากมายทีเดียว
หากคุณสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีรูปปั้นกระต่ายอยู่มากมายด้วย นี่เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับ "ตำนานกระต่ายแห่งอินาบะ" (因幡) ที่มีเทพโอคุนินุชิเป็นตัวเอกนั่นเอง
หากคุณได้มาที่นี่แล้วล่ะก็ อย่าลืมดื่มด่ำกับโลกแห่งตำนานอิซูโมะกันด้วยนะ!
"หาดอินาสะ" จุดรวมพลังงานจากเทพเจ้าญี่ปุ่นทั่วประเทศ!
"หาดอินาสะ" (稲佐の浜) เป็นชายหาดที่อยู่ห่างจากศาลเจ้าอิซูโมะไทชะไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1 กิโลเมตร ที่นี่มีทิวทัศน์ของหาดทรายสีขาวอันสวยงามที่ทอดตัวยาวคดเคี้ยวไปทางทิศใต้ เป็นจุดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ชายหาดยอดนิยมของประเทศญี่ปุ่น
หาดอินาสะเป็นฉากหนึ่งในตำนานของ "เทพโอคุนินุชิ" ที่มอบดินแดนที่เขาสร้างขึ้นให้กับเทพอามาเทราสึ-โอมิกามิ เมื่อเดินจากชายหาดไปอีกสักนิด คุณก็จะได้พบกับ "หินเบียวบุ" (屏風岩) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ "เทพทาเคมิคาซึจิ" (建御雷之男神) ซึ่งเป็นผู้ส่งสารของอามาเทราสึ มาพบกับเทพโอคุนินุชิเพื่อเจรจาเกี่ยวกับการส่งมอบดินแดน
นอกจากนี้ บริเวณชายหาดก็ยังมีหินอีกก้อนหนึ่งที่เรียกว่า "เบ็นเท็นจิมะ" (弁天島) และมีเสาโทริอิกับศาลเจ้าขนาดเล็กตั้งอยู่ด้านบน ว่ากันว่านี่เป็นที่สถิตของ "เทพโทโยตะมะฮิโกะ" (豊玉毘古命) ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
นอกจากนี้ หาดนี้ก็ยังเป็นที่จัดงาน "เทศกาลคามิมุคาเอะ-ชินจิ" (神迎神事) ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี (ตรงกับเดือนตุลาคมในปฏิทินจันทรคติ) เพื่อต้อนรับเทพเจ้าจากทั่วประเทศญี่ปุ่น
พื้นที่อื่นๆ ของญี่ปุ่นในช่วงนี้จะเรียกเดือนตุลาคมในปฏิทินจันทรคติว่า "คันนะ-สึคิ" (神無月) ที่แปลว่า เดือนที่ไม่มีเทพเจ้า แต่ในอิซูโมะซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอิซูโมะไทชะที่เหล่าเทพเจ้าจะเดินทางมารวมตัวกันนี้ จะเรียกว่า "คามิอาริ-สึคิ" (神在月) ที่แปลว่า เดือนที่มีเทพเจ้าแทน เป็นประเพณีที่ยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
"ศาลเจ้านางาฮามะ" ดึงดูดโชคดีกันที่ศาลเจ้าซึ่งเกี่ยวพันกับต้นกำเนิดของอิซูโมะอย่างใกล้ชิด!
"ศาลเจ้านางาฮามะ" (長浜神社) มีความเกี่ยวข้องกับ "เทพยัตสึคามิซึโอะมิตสึนุ" ที่เป็นตัวเอกใน "ตำนานคุนิบิคิ" (国引き神話) ซึ่งบันทึกอยู่ในหนังสือรายงานอิซูโมะ โนะ คุนิ ฟุโดกิ และเป็นปู่ของเทพโอคุนินุชิที่สถิตอยู่ในศาลเจ้าอิซูโมะไทชะ
ตำนานนี้เป็นเรื่องเล่าจากตอนที่เทพยัตสึคามิซึโอะมิตสึนุทำการขยายพื้นที่เมืองอิซูโมะซึ่งเล็กเกินไปในขณะนั้น โดยใช้วิธีนำเชือกมาลากแผ่นดินข้ามทะเลไป ตำนานพื้นบ้านได้เล่าว่าเสาและเชือกที่เทพองค์นี้ใช้ในตอนนั้น ต่อมาได้กลายเป็น "ภูเขาซันเบะ" (三瓶山) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลางของจังหวัดชิมาเนะและชายหาดอินาสะตามลำดับ
หากคุณมีโอกาส ก็อย่าลืมมาเที่ยวศาลเจ้านางาฮามะที่มีความเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของอิซูโมะอย่างใกล้ชิดเพื่อดึงดูดความโชคดีกันด้วยนะ!
"ศาลเจ้าฮิโนะมิซากิ" สีแดงชาดสดใส หนึ่งในจุดเที่ยวห้ามพลาด!
"ศาลเจ้าฮิโนะมิซากิ" (日御碕神社) ตั้งอยู่ห่างจากศาลเจ้าอิซูโมะไทชะไปประมาณ 15 นาทีเมื่อเดินทางด้วยรถยนต์ เป็นศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีความเกี่ยวข้องกับเทพเจ้า 2 องค์ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของตำนานญี่ปุ่น เช่นเดียวกับความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่บอกว่าศาลเจ้าอิเสะทำหน้าที่ปกป้องประเทศญี่ปุ่นในช่วงกลางวัน ศาลเจ้าฮิโนะมิซากิแห่งนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกป้องญี่ปุ่นในเวลาค่ำคืน โดยที่นี่จะมีโถงหลักอยู่ 2 แห่ง คือ "ฮิชิสึมิ โนะ มิยะ" (日沈宮) และ "คามิ โนะ มิยะ" (神の宮) ซึ่งเป็นที่สถิตของเทพที่เป็นบรรพบุรุษของเทพโอคุนินุชิ ได้แก่ เทพอามาเทราสึ-โอมิกามิ และ เทพซูซาโนะโอะตามลำดับ ว่ากันว่าหากมาที่นี่ก็จะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและนำความโชคดีมาสู่ชีวิตได้ เช่น โชคดีเรื่องความรักและการแต่งงาน ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนเดินทางมาสักการะกันมากมาย
ศาลเจ้าที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นแบบที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1644 โดยทั้ง 2 แห่งจะมาในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า "กอนเก็น-สึคุริ" (権現造) ที่จะมีการเชื่อมห้องโถงหลักและโถงสักการะเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการใช้สีแดงชาดสดใสและเครื่องประดับที่ดูงดงามหรูหรา เป็นสถานที่ที่ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมประจำชาติไปใน ค.ศ. 1953 ในฐานะสถาปัตยกรรมศาลเจ้าอันทรงคุณค่าจากช่วงต้นยุคเอโดะ
นอกจากนี้ ศาลเจ้าแห่งนี้ก็ยังมีเครื่องรางที่เรียกว่า "สึนะ มาโมริ" (砂守り) ที่ขายในจำนวนจำกัดทุกวัน ว่ากันว่ามีพลังในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ดังนั้น หากคุณได้ไปศาลเจ้าแห่งนี้ก็อย่าลืมซื้อกันด้วยนะ! ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ถัดจากทะเลญี่ปุ่นสีฟ้าอมเขียวสดใสที่แผ่กว้าง หากคุณชมศาลเจ้าเสร็จแล้วก็อย่าลืมแวะกันด้วยล่ะ
"ประภาคารอิซูโมะ ฮิโนะมิซากิ" ประภาคารขาวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น!
"ประภาคารอิซูโมะฮิโนะมิซากิ" (出雲日御碕灯台) ตั้งอยู่ห่างจากศาลเจ้าฮิโนะมิซากิประมาณ 3 นาทีเมื่อเดินทางด้วยรถยนต์ ที่นี่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1903 โดยตั้งอยู่ในระดับความสูง 63.3 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ส่วนตัวประภาคารเองจะมีความสูง 43.65 เมตรเมื่อวัดจากฐานไปถึงไฟที่ยอดหอคอยซึ่งนับว่าสูงที่สุดในบรรดาประภาคารหินในญี่ปุ่น และเนื่องจากที่นี่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ประภาคารแห่งนี้จึงได้รับการกำหนดเป็นทรัพย์สินประจำชาติญี่ปุ่นไปใน ค.ศ. 2022
ประภาคารแห่งนี้สามารถส่องแสงได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร และคอยดูแลความปลอดภัยของเรือที่แล่นในทะเลญี่ปุ่นมานานกว่า 100 ปีนับตั้งแต่สร้างเสร็จ คุณสามารถเข้าไปชมรอบๆ บริเวณด้านในประภาคารได้ และหากคุณเดินขึ้นบันไดเวียน 163 ขั้นไปจนถึงยอดแล้ว ก็จะพบกับจุดชมวิวที่สามารถเห็นได้ทั้งทิวทัศน์ของทะเลญี่ปุ่นและคาบสมุทรชิมาเนะด้วย
ใกล้ๆ กับประภาคารนี้จะมีทางเดินที่สร้างไว้สำหรับเดินเล่นโดยเฉพาะ ให้คุณสามารถเดินไปรอบๆ ได้ระหว่างที่ฟังเสียงน้ำแตกกระจายยามคลื่นกระทบฝั่ง อีกทั้งยังมีแนวชายฝั่งที่เป็นชั้นหินยกสูง เสาหินรูปร่างแปลกประหลาด และผาหินที่สูงชัน บอกเลยว่าเป็นทัวทัศน์ที่ไม่ควรพลาด!
ส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้าง? บอกเลยว่านอกจากสถานที่ที่เรานำมาแนะนำกันในครั้งนี้แล้ว อิซูโมะก็ยังมีสถานที่อีกมากมายที่คุณได้สัมผัสกับลมหายใจของเทพเจ้าในโลกแห่งตำนานและเรื่องเล่าระหว่างที่เชื่อมต่อกับโชคชะตาดีๆ กันไปด้วย หากมีโอกาสก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวและสร้างสัมพันธ์กับผู้คนกันหลายๆ ครั้งดูนะ!
คุณสามารถอ่านรายละเอียดการท่องเที่ยวในเมืองอิซูโมะที่มีการอัพเดททุกวันได้ในช่องทางต่อไปนี้:
เว็บไซต์ทางการ และ ภาษาอังกฤษ
- Ancient Japan,IZUMO: https://www.ancient-japan-izumo.com/
- Youtube: https://www.youtube.com/@izumojapan3011
- Facebook: https://www.facebook.com/AncientJapanIzumo/ (ภาษาอังกฤษ)
- Instagram: https://www.instagram.com/ancient_japan_izumo/ (ภาษาอังกฤษ)
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่