แนะนำอาหารเด็ดของฮอกไกโด เจาะลึกเมนู "หอยชนิดต่างๆ" [อัพเดต2020]

1. หอยเชลล์ (Hotate)

หอยเชลล์ถือเป็นหอยที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับฮอกไกโดและเป็นที่คุ้นเคยกันดีของชาวญี่ปุ่น

สำหรับการทำประมงหอยเชล์นั้นมีสองวิธี คือ "การลากอวน" ในแถบทะเล Ohotsuku หรือแถบช่องแคบ Nemuro และ "การตั้งเสาเพาะหอย" ในแถบอ่าวญี่ปุ่น หอยเชลล์ที่ล่าได้ในแต่ละพื้นที่นั้นจะมีลักษณะเด่นเป็นของตัวเอง ตัวอย่างเช่น หอยเชลล์ในแถบที่มีการปะทุของภูเขาไฟจะมีขนาดใหญ่กว่าบริเวณอื่นๆ

"วิธีการลากอวน" นั้นสามารถทำได้ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ส่วน "การตั้งเสาเพาะหอย" นั้นสามารถทำได้ในเดือนมีนาคมถึงเมษายน นอกจากนี้ การเพาะหอยเชลล์ในฮอกไกโดก็เป็นที่นิยมเช่นกัน ทำให้สามารถที่จะทำเมนูหอยเชลล์กินได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย

แค่นำหอยไปย่างบนเตาย่างทั้งเปลือก เหยาะโชยุลงไป (บ้างก็เติมเนยเหลว) ประสาทรับกลิ่นคุณจะได้พบกับความหอมหวลยวนใจและกลิ่นของท้องทะเลสดใหม่ หากเอาไปทำเป็นซาชิมิก็จะโดดเด่นไปด้วยรสหวานของหอย หรือจะนำส่วนเสาเอ็นหอยที่มีรสสัมผัสหนุบหนับไปผัดซอสก็ได้ เรียกได้ว่ามีเมนูหลากหลายมากๆ ให้คุณสามารถเพลิดเพลิน ลองหาเมนูที่ถูกใจกันดูนะครับ
 

2. หอยฮอกกิ (Hokkigai)

ฮอกไกโดมีความภาคภูมิใจในฐานะผู้ทำประมงหอยฮอกกิที่มีผลผลิตสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น หากไม่นับฝั่งทะเลญี่ปุ่นแล้ว หอยฮอกกิส่วนใหญ่ที่ขายตามเมืองใหญ่ๆ ล้วนแต่มาจากที่นี่ทั้งสิ้น เนื้อหอยมีรสออกหวานลิ้นเป็นเอกลักษณ์ แถมในเนื้อหอยยังมีแร่ธาตุสารอาหารอย่างเทอรีนและเกลือแร่ต่างๆ อีกด้วย จึงทำให้มีสรรพคุณในการช่วยให้คลายความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี

ไม่ว่าจะเป็นการนำไปย่างเนยหรือนำไปหุงกับข้าว ก็จะทำให้เนื้อหอยคลายรสหวานออกมามากยิ่งขึ้น แต่อีกหนึ่งเมนูที่อยากจะแนะนำเลยก็คือ "แกงกะหรี่ฮอกกิ" เมนูเด็ดของเมืองโทมาโกไมที่ใส่หอยฮอกกิสดๆ อย่างไม่หวง

3. หอยเป๋าฮื้อเอโซะ (Ezoawabi)

หอยเป๋าฮื้อเอโซะถือเป็นเป๋าฮื้อตระกูลที่สามารถจับได้ในญี่ปุ่นเยอะที่สุด โดยมีลักษณะลำตัวที่เรียวและเล็กกว่าเป๋าฮื้อชนิดอื่นๆ และมีลักษณะเด่นตรงส่วนผิวเปลือกที่มีรอยย่นๆ อยู่ เนื่องจากรสสัมผัสความนุ่มของเนื้อหอยมีความคล้ายคลึงกับหอยเป๋าฮื้อดำซึ่งถือเป็นอาหารหรู ส่วนใหญ่แล้วจึงนิยมนำมารับประทานในรูปแบบซาชิมิ

นอกจากนำไปทำเป็นซาชิมิแล้ว การนำไปย่างเนย หรือทำเป็นสเต็กก็อร่อยไม่แพ้กันเลยครับ
 

4. หอยสึบุ (Tsubugai)

สำหรับหอยสึบุที่ทำประมงได้ในฮอกไกโดนั้นมีทั้ง Matsubugai, Aotsububai, Todaitsubugai, และสายพันธุ์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งหอยเหล่านี้เรียกรวมๆ กันว่า "หอยสึบุ"

โดยตัวหอยนั้นมีความยาวในแนวตั้งราว 15 เซนติเมตร ขดอยู่ในเปลือก เปลือกภายนอกมีลักษณะสวยงาม ถือเป็นหอยชั้นดีในตลาด นิยมนำไปรับประทานแบบซาชิมิเนื่องจากมีรสสัมผัสหนึบหนับและให้รสอูมามิที่คุ้นเคยได้ง่าย

5. หอยนางรม (Kaki)

หากจะพูดถึงหอยนางรมของฮอกไกโดแล้ว จะไม่พูดถึง Akkeshi อันโด่งดังไม่ได้ Akkeshi นั้นเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างเมือง Kushiro และเมือง Nemuro ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความเจริญในเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงหอยนางรมชั้นดี นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่สามารถส่งออกหอยนางรมไปยังทั่วประเทศได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย

Akkeshi นั้นมีหอยนางรมขนาดใหญ่เป็นพิเศษ แถมมีเนื้อแน่น รสชาติเข้มข้นออกหวาน ซึ่งหอยนางรมนั้นมีสารอาหารมากมายจนถึงขนาดถูกเรียกว่า "น้ำนมแห่งท้องทะเล" และยังมีธาตุเหล็กเหมาะสำหรับผู้เป็นโลหิตจางอีกด้วย เนื้อหอยมีส่วนไขมันน้อย รับประทานมากก็ไม่ทำให้อ้วน และมีสารอาหารบำรุงผิวที่สุภาพสตรีชื่นชอบอีกด้วย ชาวญี่ปุ่นนิยมนำไปรับประทานกันสดๆ โดยหยดซอสพอนสึ (ซอสถั่วเหลืองรสเปรี้ยว) ลงไป ไม่ก็นำไปชุบแป้งทอด หรือจะต้มเป็นอาหารหม้อไฟก็อร่อยเช่นกัน

6. เพรียงหัวหอม (Hoya)

เพรียงหัวหอมที่จับได้ในญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่มี 2 ชนิดระหว่าง Mahoya และ Akahoya โดยในฮอกไกโดนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็น Akahoya

ส่วนใหญ่แล้วมักจะจัดอยู่ในหมวดของอาหารประเภทหอยก็จริง แต่ที่จริงแล้วเป็นสิ่งมีชีวิตในหมวดของเพรียงไม่ใช่หอย เทคนิคการเลือกเพรียงหัวหอมให้อร่อยมีเคล็ดลับอยู่ว่าให้เลือกตัวที่กลม หนัก มีผิวนอกสีออกแดงสดและนุ่มเด้งที่สุด โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะนำไปรับประทานสดๆ เป็นซาชิมิ

อย่างไรก็ตาม หากเพรียงหัวหอมเสียความสดไปแล้วจะทำให้เกิดกลิ่นคาวรุนแรง จึงควรระวังเรื่องความสดใหม่ไว้ให้ดี ยิ่งมีความสดเท่าไหร่ยิ่งได้รสชาติตามธรรมชาติของเพรียงหัวหอมมากเท่านั้น จึงขอแนะนำให้เลือกร้านกันดีๆ นะครับ

7. หอยลายจากเมือง Akkeshi (Akkeshisan Asari)

หอยลายจากเมือง Akkeshi นั้นแทบจะไม่มีลายโดดเด่น แต่จะมีลักษณะพิเศษเป็นเปลือกหอยที่หนาและบานออกเป็นวงรี
 

นอกจากนี้หอยลายของที่นี่ยังมีขนาดราว 2 เท่าของหอยลายทั่วไปในญี่ปุ่น มีรสชาติเข้มข้นและเต็มไปด้วยรสอูมามิ โดยทั่วไปจะปรุงโดยการย่างไฟแล้วรับประทาน นอกจากนี้ยังมีวิธีการที่ใช้เหล้าญี่ปุ่นหรือไวน์ขาวมานึ่ง แถมยังสามารถใช้เป็นกับแกล้มได้อีกด้วยครับ

8. หอยชิจิมิ (Shijimigai)

หากจะพูดถึงหอยชิจิมิในฮอกไกโดแล้ว หอยชิจิมิของเมือง Abashiri นั้นเป็นที่โด่งดังที่สุด หอยชิจิมิของที่นี่ถือเป็น 80% ของทั้งหมดที่จับได้ในฮอกไกโดเลยทีเดียว

ที่ Abashiri นั้นยังมีการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำโดยเลือกจับเฉพาะหอยชิจิมิที่มีขนาดตั้งแต่ 14 มิลลิเมตร ขึ้นไปเท่านั้น ทำให้ได้เป็นหอยที่มีขนาดใหญ่และอัดแน่นไปด้วยรสอูมามิ โดยทั่วๆ ไปแล้วมักนำไปทำเป็นซุปมิโซะ ในหอยมีสารที่ชื่อว่า Ornithine ซึ่งว่ากันว่าส่งผลดีต่อตับ จึงทำให้ชาวญี่ปุ่นหลายคนเลือกที่จะรับประทานซุปมิโซะที่ใส่หอยชนิดนี้เพื่อคลายอาการเมาค้างอีกด้วย

หอยที่เหมือนจะจับได้ในฮอกไกโดแต่จริงๆ แล้วไม่มีให้จับ

9. หอยซาซาเอะ (Sazae)

หอยซาซาเอะมักชอบน้ำอุ่นจึงทำให้ฮอกไกโดซึ่งเป็นเมืองหนาวนั้นแทบจะไม่สามารถจับหอยชนิดนี้ได้เลย ในประเทศญี่ปุ่นนั้นสามารถจับหอยชนิดนี้ได้มากที่สุดตั้งแต่แถบภูมิภาคคันโตไปจนถึงทะเลทางใต้เท่านั้น

โดยทั่วๆ ไปหอยชนิดนี้จะมีเนื้อแน่นและอร่อยที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงต้นฤดูร้อน แต่เนื่องจากสามารถจับได้ทั้งปีจึงหาได้ตลอดปี ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานหอยชนิดนี้โดยการย่างทั้งเปลือก และยังเป็นหนึ่งในเมนูบาร์บีคิวที่ขาดไม่ได้อีกด้วย
 

10. หอยฮามากุริ (Hamaguri)

หอยฮามากุริมีกระจายอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่นยกเว้นฮอกไกโด โดยหอยชนิดนี้ไม่ได้มีดีแค่เพียงรสอร่อยกลมกล่อมเท่านั้น เนื้อหอยยังเต็มไปด้วยธาตุเหล็ก แคลเซียมและแม็กนีเซียมซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการแบบเต็มๆ อีกด้วย โดยทั่วไปแล้วมักนำไปทำเป็นซุปในอาหารสำหรับเลี้ยงฉลองในโอกาสต่างๆ เสียเป็นส่วนใหญ่

หอยชนิดนี้สามารถจับได้จากจังหวัดอิบารากิถึง 70% ของประเทศญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันเป็นที่น่าเสียดายว่าหอยชนิดนี้ได้กลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จากแถบทะเลเปิดคาชิมะในจังหวัดอิบารากิไปเสียแล้ว จึงทำให้ยิ่งมีราคาแพงขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์ที่คล้ายกันที่เรียกว่า “หอยฮนบิโนซุ (Honbinosugai)” ซึ่งมักถูกนำมาประกอบอาหารแทนกันอีกด้วย

สำหรับครั้งนี้เราได้มีการแนะนำหอยชนิดต่างๆ ลักษณะพิเศษและวิธีการรับประทานไปแล้ว มีชนิดไหนที่อยากลองชิมกันดูไหมครับ? สมัยนี้หอยชนิดต่างๆ ที่จับได้ในฮอกไกโดก็สามารถที่จะหาได้ในโตเกียวอีกด้วย ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองไปชิมกันดูนะครับ
 

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !