เจาะลึก "ราเมงสไตล์ฮากาตะ" ทำไมถึงดังที่สุดในโลก!?
หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบราเมง ก็อาจจะเคยได้ยินชื่อของ อิปปุโดะ (Ippudo) อิจิรัน (Ichiran) และ อิคโคชะ (Ikkousha) กันอยู่บ้าง ร้านเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงร้านราเมงญี่ปุ่นแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ทุกร้านยังมีต้นกำเนิดในจังหวัดฟุกุโอกะเหมือนกัน และเสิร์ฟเมนูเดียวกัน คือ ทงคตสึราเมงสไตล์ฮากาตะ แต่ทำไมราเมงสไตล์ฮากาตะถึงมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นและในโลกกันนะ? ตามไปหาคำตอบพร้อมดูคำแนะนำร้านราเมงสไตล์ฮากาตะที่ดีที่สุดในจังหวัดฟุกุโอกะกันเลย
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
สารบัญ
ราเมง: ราชาองค์ใหม่แห่งวงการอาหารญี่ปุ่น
ทำไมราเมงสไตล์ฮากาตะถึงเป็นที่นิยม?
จากฮากาตะสู่โลกกว้าง: ยุคสมัยของ อิปปุโดะ อิจิรัน และ อิคโคชะ
5 ร้านราเมงสไตล์ฮากาตะที่ดีที่สุดในจังหวัดฟุกุโอกะ
ราเมง: ราชาองค์ใหม่แห่งวงการอาหารญี่ปุ่น
ราเมงได้กลายเป็นอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่างรวดเร็ว จากรายงานผลสำรวจของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นซึ่งสอบถามนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเที่ยวญี่ปุ่นในปีค.ศ. 2019 เกี่ยวกับอาหารที่ชอบที่สุดในญี่ปุ่น พบว่านักท่องเที่ยวพูดถึงราเมงมากกว่าซูชิ และมีคนที่ตอบว่าเขาชอบราเมงมากที่สุดถึง 19% นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายังมีร้านราเมงจำนวนไม่น้อยไปเปิดสาขาในเมืองต่างๆ ทั่วโลก นับว่าเป็นยุคทองของราเมงเลยทีเดียว
โลกของราเมงนั้นเต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งเส้นราเมงที่มีรสสัมผัสและความหนาต่างกัน รวมถึงน้ำซุปที่มีหลายรสชาติและความเข้มข้นหลายระดับ ราเมงญี่ปุ่นนั้นทั้งหลากหลายและน่าตื่นเต้น เพราะแต่ละภูมิภาค แต่ละเมืองจะมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ถึงแม้ราเมงในญี่ปุ่นจะมีหลายชนิด แต่หากคุณไปทานราเมงรสต้นตำรับที่นอกญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้สูงว่าราเมงที่คุณทานไป คือ “ทงคตสึราเมง” (ราเมงซุปกระดูกหมู) หรือจะให้เจาะจงกว่านั้นก็คือ "ทงคตสึราเมงสไตล์ฮากาตะ" นั่นเอง
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะร้านราเมงแฟรนไชส์ระดับนานาชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด 3 ร้าน ต่างก็มาจากที่เดียวกัน คือ เมืองฮากาตะ จังหวัดฟุกุโอกะ
ทำไมราเมงสไตล์ฮากาตะถึงเป็นที่นิยม?
รสชาติของทงคตสึราเมงสไตล์ฮากาตะ
ราเมงสไตล์ฮากาตะโดดเด่นด้วยน้ำซุปทงคตสึ (ซุปกระดูกหมู) ที่เข้มข้น มันลื่นคอ และมีสีคล้ายน้ำนม เสิร์ฟพร้อมเส้นราเมงเล็กบาง ในขณะที่น้ำซุปทงคตสึรูปแบบอื่นมักจะมีกระดูกไก่หรือกระดูกสัตว์ชนิดอื่นปนอยู่ด้วย ราเมงสไตล์ฮากาตะทำจากกระดูกหมูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยนำไปต้มด้วยอุณหภูมิสูงเป็นเวลานานเพื่อให้ได้น้ำซุปที่ขุ่นข้นและมัน จากนั้นก็ใส่ท็อปปิ้ง ซึ่งโดยทั่วไปก็จะเป็นของอย่าง ขิงแดงดอง เพื่อตัดรสชาติที่เข้มข้นของหมู, เนื้อชาชู (หมูสามชั้นตุ๋น), งาขาวและ "ต้นหอมบันโน" (Banno Negi) ของเมืองฮากาตะ
เส้นที่ใช้ในราเมงสไตล์ฮากาตะนั้นเป็นราเมงเส้นตรง โดยทั่วไปจะเสิร์ฟในชามขนาดเล็กประมาณ 100 กรัม และเนื่องจากตัวเส้นมีความบางและละเอียดอ่อน ผู้ทานส่วนใหญ่จะนิยมสั่งเส้น "คาเอดามะ" (Kaedama เส้นเปล่า) มาใส่เพิ่มเมื่อทานหมดเพื่อใช้ทานกับน้ำซุปที่เหลือมากกว่า การรับประทานแบบนี้จะทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับประทานเส้นราเมงที่เพิ่งลวกเสร็จใหม่ๆ ไม่เละไม่อืดจากการแช่ในน้ำซุปนานเกินไป
ประวัติของราเมงสไตล์ฮากาตะ
ราเมงฮากาตะได้ชื่อนี้มาเพราะถือกำเนิดขึ้นในเขตฮากาตะของจังหวัดฟุกุโอกะ เขตนี้เป็นหนึ่งในย่านธุรกิจและศูนย์กลางการคมนาคมของเมือง ราเมงสไตล์ฮากาตะที่เรารู้จักกันในปัจจุบันถือกำเนิดขึ้นในปีค.ศ. 1946 เมื่อพ่อครัวชื่อ Shigeru Tsuda ออกเดินทางไปขายบะหมี่สไตล์จีนเหมือนที่เขาเคยกินสมัยที่เป็นทหารประจำการอยู่ในประเทศจีน เขาใช้น้ำซุปที่ได้รับอิทธิพลมาจากชนเผ่าไอนุ (ชนพื้นเมืองของญี่ปุ่น) และปรับปรุงสูตรจนได้ซุปกระดูกหมูที่ขุ่นข้นนี้ เกิดเป็นราเมงชนิดใหม่ซึ่งเป็นที่รู้จักภายใต้ชื่อ "ราเมงสไตล์ฮากาตะ" ในเวลาต่อมา
ในปีค.ศ. 1952 ราเมงอีกชนิดได้ถือกำเนิดขึ้นที่ร้านอาหารชื่อ "นากาฮามะ" (Nagahamaya) แถวท่าเรือฮากาตะ เรียกว่า " ราเมงนากาฮามะ" (Nagahama Ramen) มีการใช้เส้นราเมงที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการปรุงอาหารอย่างรวดเร็วสำหรับเหล่าชาวประมงที่เร่งรีบ ในท้ายที่สุด ราเมงประเภทนี้ก็ขยายอิทธิพลไปถึงฮากาตะราเมงพร้อมกับระบบ "คาเอดามะ" (Kaedama) ที่ให้เติมเส้นราเมงเพื่อทานกับน้ำซุปที่เหลือ ทุกวันนี้เราไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่าง ราเมงนากาฮามะและราเมงสไตล์ฮากาตะได้ แม้แต่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังเคยได้ยินแต่ชื่อราเมงฮากาตะเท่านั้น
จากฮากาตะสู่โลกกว้าง: ยุคสมัยของ อิปปุโดะ อิจิรัน และ อิคโคชะ
ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าทำไมราเมงสไตล์ฮากาตะถึงเป็นที่นิยมไปทั่วโลกได้เร็วกว่าอย่างอื่น ทั้งๆ ที่ญี่ปุ่นมีราเมงอยู่มากมายหลายประเภท เช่น โชยุราเมงของโตเกียว ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมที่มีประวัติยาวนานและดูจะมีโอกาสเป็นที่นิยมในประเทศอื่นได้มากกว่า เพราะนักท่องเที่ยวจำนวนมากมักจะมาเที่ยวโตเกียวกัน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเหล่าคนที่คลั่งไคล้ราเมงจากฟุกุโอกะจะเป็นผู้ที่กระตือรือร้นในการเผยแพร่ราเมงชนิดนี้ไปยังพื้นที่ต่างๆ ของญี่ปุ่นและทั่วโลกมากที่สุด และมันก็ได้ผล! ต้องขอบคุณร้านราเมงแฟรนไชส์ด้านล่างนี้ที่ทำให้ฮากาตะราเมงกลายเป็นเมนูที่พบเห็นได้ทั่วไปนอกประเทศญี่ปุ่น
อิปปุโดะ: ร้านราเมงแฟรนไชส์ที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น
ในปีค.ศ. 1985 มีร้านราเมงชื่อ “ฮากาตะ อิปปุโดะ” (Hakata Ippudo) เปิดให้บริการในจังหวัดฟุกุโอกะ เมนูยอดนิยมของร้าน คือ ราเมงสไตล์ฮากาตะแสนอร่อย และไม่ได้ขยายสาขาอื่นเลยเป็นเวลา 9 ปี จนกระทั่งปีค.ศ. 1994 อิปปุโดะก็ได้มีโอกาสไปเปิดสาขาที่ 2 ในพิพิธภัณฑ์ราเมงโยโกฮาม่าที่เพิ่งสร้างเสร็จ และเป็นตัวแทนในการเผยแพร่ราเมงสไตล์ฮากาตะให้เป็นที่รู้จักในภูมิภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น หลังจากเปิดตัวได้ไม่นานก็กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ชาวโตเกียวและพื้นที่ใกล้เคียง จนในที่สุด อิปปุโดะก็ได้ก้าวสู่ระดับสากลในปีค.ศ. 2008 โดยเปิดสาขาในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาและได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ปัจจุบันอิปปุโดะมีสาขาในต่างประเทศมากกว่า 100 แห่งใน 15 ประเทศทั่วโลกและยังคงขยายและพัฒนาแบรนด์ของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน
อิปปุโดะเริ่มต้นจากการเสิร์ฟทงคตสึราเมงสไตล์ฮาตากะแบบดั้งเดิมซึ่งยังคงรักษารสชาติที่เป็นเอกลักษณ์นั้นไว้จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ ร้านอิปปุโดะหลายสาขายังมีราเมงที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองซึ่งสามารถหาทานได้เฉพาะในสาขานั้น ๆ เช่น "Chiba Red" และ "Chiba Black" ราเมงสูตรท้องถิ่นของอิปปุโดะที่มีให้บริการเฉพาะในจังหวัดชิบะเท่านั้น หรือ "Shirunashi Karakamen" ราเมงแห้งที่มีให้บริการเฉพาะสาขาในจังหวัดนาโกย่า ทำให้การไปลองชิมราเมงอิปปุโดะสาขาต่างๆ กลายเป็นเรื่องสนุก และผู้ทานสามารถลิ้มรสราเมงสูตรต่างๆ ที่มีเฉพาะสาขานั้นๆ ได้
อิจิรัน: ราเมงข้อสอบชื่อดัง มีชื่อเสียงเรื่องความเป็นส่วนตัว
ร้านอิจิรันราเมงเปิดให้บริการสาขาแรกในปีค.ศ. 1960 ภายใต้ชื่ออื่น และไม่ได้เปิดในรูปแบบปัจจุบันจนกระทั่งปีค.ศ. 1993 อิจิรันได้เปิดร้านราเมงรูปแบบปัจจุบันในเมืองนาโนะกาวะ (Nanokawa) จังหวัดฟุกุโอกะ จากนั้นก็เติบโตและขยายสาขาในพื้นที่ฟุกุโอกะได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีระบบภายในร้านที่ไม่เหมือนใครและยังมีบูธที่นั่งส่วนตัวด้วย ถือเป็นระบบการกินราเมงที่มีการเว้นระยะห่างทางสังคมแบบดั้งเดิมทีเดียว และภายในเวลาไม่นานอิจิรันก็ได้ขยายสาขาไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศญี่ปุ่น (ช่วงต้นศตวรรษที่ 20) และในที่สุด ร้านอิจิรันราเมงก็ได้เปิดสาขาในต่างประเทศแห่งแรกที่ฮ่องกงเมื่อปีค.ศ. 2013 ปัจจุบันอิจิรันมีสาขาในต่างประเทศมีทั้งหมด 7 แห่งในฮ่องกง, นิวยอร์ก, ไต้หวัน และยังคงมีแผนที่จะขยายสาขาไปเรื่อยๆ ในอนาคต
ร้านอิจิรันเสิร์ฟราเมงเพียงชนิดเดียว คือ ทงคตสึราเมงสไตล์ฮาตากะแบบดั้งเดิม ราดด้วยซอสเครื่องเทศสีแดงสูตรพิเศษ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้อิจิรันเป็นที่รู้จัก คือ ระบบการสั่งอาหารที่ไม่เหมือนใคร ในการสั่งอาหารที่นี่ลูกค้าจะต้องกรอกรายละเอียดในแผ่นเมนูที่มีให้เลือกทุกอย่างตั้งแต่ความสุกของเส้นราเมง ท็อปปิ้ง ไปจนถึงปริมาณความมันของน้ำซุปที่ต้องการ ซึ่งคล้ายกับการทำข้อสอบ และเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนออกแบบราเมงของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เมื่อสั่งเสร็จแล้วก็สามารถนั่งทานราเมงใน "บูธกินราเมง" ทีมีความเป็นส่วนตัวสุดๆ ได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้อิจิรันแตกต่างจากแบรนด์อื่น และได้รับความนิยมจนลูกค้าต้องต่อแถวยาวไปจนถึงนอกร้านในช่วงเวลาเร่งด่วนอยู่เป็นประจำ
อิคโคชะ: ร้านราเมงน้องใหม่ที่ขยายสาขาไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
ร้านฮากาตะอิคโคชะสาขาแรกเปิดให้บริการในปีค.ศ. 2004 เมื่อคนท้องถิ่นในฮากาตะ 3 คนมีแผนจะเผยแพร่ราเมงสไตล์ฮากาตะแท้ๆ ไปทั่วโลก แต่ก่อนที่จะเปิดร้านอาหารในประเทศอื่น เหล่าผู้ก่อตั้งก็ต้องเริ่มเปิดร้านราเมงที่บ้านเกิดของตัวเองในเมืองฮากาตะก่อน ซึ่งร้านของพวกเขาก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในแถบฟุกุโอกะและได้ขยายสาขาไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น ในที่สุด ร้านอิคโคชะสาขาต่างประเทศแห่งแรกก็ได้เปิดให้บริการในกรุงจาการ์ตาประเทศอินโดนีเซียในปีค.ศ. 2011 ก่อนจะขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งสิ้น 48 สาขาใน 9 ประเทศตั้งแต่ออสเตรเลีย จีน ไปจนถึงบราซิล
ราเมงของร้านอิคโคชะเป็นทงคตสึราเมงสไตล์ฮาตากะที่ยังคงรสชาติแบบดั้งเดิมอันเป็นที่ชื่นชอบของชาวเมืองฮากาตะไว้ นอกจากนี้ ทางร้านก็ยังมีราเมงสูตร "Red" อันเผ็ดร้อนและราเมงที่ใส่กระเทียมอย่างสูตร "Black" ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกเมนูอะไร ก็รับรองได้ว่าจะไม่ผิดหวังกับรสชาติของราเมงร้านนี้อย่างแน่นอน
5 ร้านราเมงสไตล์ฮากาตะที่ดีที่สุดในจังหวัดฟุกุโอกะ
Hakuryuken
Hakuryuken เป็นร้านราเมงดั้งเดิมที่ให้บริการราเมงสไตล์ฮากาตะ ที่นี่ยังคงรสชาติราเมงสไตล์ฮากาตะเหมือนเมื่อ 70 ปีก่อน รอให้คุณไปลิ้มลอง ถึงแม้ว่าร้าน Hakuryuken จะไม่ได้อยู่ในบริเวณที่ครึกครื้นที่สุดของเมือง และไปตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยอันเงียบสงบ แต่ก็คุ้มค่าแก่การแวะมาทาน เพื่อที่คุณจะบอกได้ว่าคุณเคยกินราเมงที่เป็นต้นกำเนิดของราเมงสไตล์ฮากาตะมาแล้ว ร้าน Hakuryuken เปิดเฉพาะช่วงอาหารกลางวัน และปิดทำการทุกวันจันทร์และพฤหัสบดี
Hakata Isso
จากรีวิวบนเว็บไซต์ Ramen Database ของญี่ปุ่น Hakata Isso จัดว่าเป็นร้านราเมงที่ดีที่สุดในจังหวัดฟุกุโอกะ ร้านนี้เปิดกิจการเป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 2012 โดยสองพี่น้องบ้าน Isso ปัจจุบันร้านนี้มี 3 สาขาในจังหวัดฟุกุโอกะ มีเมนูที่เรียบง่ายอยู่เพียงเมนูเดียวเท่านั้น คือ ราเมงสไตล์ฮากาตะแบบดั้งเดิม หากคุณต้องการลิ้มลองรสชาติฮากาตะราเมงที่ดีที่สุดในฮากาตะ (และน่าจะที่สุดในโลกด้วย) นี่คือสถานที่ที่คุณห้ามพลาดเลยทีเดียว
อิคโคชะ
จากที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า อิคโคชะ เป็น 1 ใน 3 ร้านราเมงที่ขยายสาขาไปทั่วโลก การมาเยี่ยมชมอิคโคชะสาขาดั้งเดิมเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวในจังหวัดฟุกุโอกะ ร้านนี้อยู่ห่างจากสถานี Hakata ในระยะเดินเพียงไม่กี่นาที แล้วคุณก็จะได้มาลิ้มลองราเมงสไตล์ฮากาตะแสนอร่อยสูตรต้นตำรับของอิคโคชะ
Ganso Nagahamaya
Ganso Nagahamaya เป็นต้นกำเนิดของราเมงสไตล์นากาฮามะ ที่นี่ยังคงเสิร์ฟราเมงสไตล์นากาฮามะรสดั้งเดิมเหมือนที่เสิร์ฟครั้งแรกเมื่อประมาณ 70 ปีก่อน เป็นร้านที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่คลั่งไคล้ราเมง
อิจิรันสาขาสำนักงานใหญ่
ร้านอิจิรันราเมงสาขานี้ตั้งอยู่บนชั้น 1 ของอาคารสำนักงานใหญ่ของอิจิรันราเมง ที่นี่เป็นหนึ่งในร้านอิจิรันที่ดีที่สุดในจังหวัดฟุกุโอกะ เปิดให้บริการตั้งแต่เช้าจนถึงดึกและเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการลองทานราเมงสไตล์ฮากาตะแสนอร่อยไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของอิจิรันหรือผู้ที่เพิ่งเริ่มรับประทานราเมง
สำรวจภูมิภาคคิวชูกันเถอะ!
ถึงแม้ว่าราเมงสไตล์ฮากาตะจะอร่อยสุดยอด แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ซ่อนอยู่ในภูมิภาคคิวชูซึ่งเป็นที่ตั้งของจังหวัดฟุกุโอกะ คิวชูมีร้านอาหารดีๆ มากมายอยู่รอบด้าน ดังนั้น หากคุณคิดว่าฮากาตะราเมงอร่อยแล้วล่ะก็ เราเชื่อว่าคุณจะต้องหลงรักภูมิภาคคิวชูอย่างแน่นอน หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภูมิภาคนี้ ก็สามารถตามไปชมเว็บไซต์การท่องเที่ยวของภูมิภาคคิวชูได้เลย
เว็บไซต์ทางการของภูมิภาคคิวชู: https://www.visit-kyushu.com/en/
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
To enable screen reader support, press Ctrl+Alt+Z To learn about keyboard shortcuts, press Ctrl+slash
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่