เดินเทศกาลฤดูร้อน (Natsumatsuri) อย่างไรให้สนุก !
หน้าร้อนมาถึงแล้ว ! เลิกอุดอู้อยู่ในบ้านแล้วคว้ากระเป๋าออกไปหาอะไรสนุกๆ ทำกันดีกว่า และครั้งนี้เราจะมาให้คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ทุกท่านเดินเที่ยวเทศกาลฤดูร้อนในญี่ปุ่นได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
หน้าร้อนกลับมาแล้ว ! ไม่ว่าคุณจะรู้สึกยังไงกับความอบอ้าว กองทัพยุงและพายุฝนฟ้าคะนองที่มาแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว ก็คงจะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเมื่อฤดูร้อนมาเยือน นั่นหมายถึงว่าได้เวลาออกโรงของเทศกาลน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนในญี่ปุ่นเช่นกัน ดังนั้นจะมามัวแต่สนใจความชื้นหรือแมลงอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว ! (แต่ถ้าเจอพายุก็คว้าร่มติดมือไปด้วยก็ดีนะคะ)
ถ้าคุณไม่เคยไปเดินงานเทศกาลฤดูร้อน (Natsumatsuri) และไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี ไม่ต้องกังวลไป เราจะแนะนำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้เอง คุณอาจจะไม่ได้เจอทุกสิ่งที่เราบอกในบางที่ แต่ถ้าเป็นเทศกาลใหญ่ๆ ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ยิ่งถ้าเป็นเทศกาลที่มีดอกไม้ไฟด้วยล่ะก็มากันแบบครบเครื่องแน่นอนค่ะ
1. สวมชุดยูกาตะ
ชุดยูกาตะ (浴衣) คือชุดแต่งกายของประเทศญี่ปุ่น เป็นชื่อเรียกของกิโมโนแบบลำลองที่ใส่ในฤดูร้อน มักจะทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าสังเคราะห์และไม่มีซับใน สามารถสวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง ชุดยูกาตะจะตัดเย็บแบบตรงและมีแขนเสื้อที่กว้างเช่นเดียวกับเครื่องแต่งกายพื้นบ้านอื่นๆ ของญี่ปุ่น ชุดยูกาตะของผู้ชายจะมีจุดที่แตกต่างคือมีแขนเสื้อที่สั้น ความยาวต่อออกมาจากตะเข็บรักแร้ประมาณ 10 เซนติเมตรเท่านั้น ในขณะที่ของผู้หญิงจะยาวออกมาถึง 20 เซนติเมตร
ชุดยูกาตะโดยทั่วไปจะประกอบด้วยชั้นในผ้าฝ้าย (juban), ยูกาตะ, สายรัดเอวหรือโอบิ (obi), รองเท้าแตะ (geta) ที่ใส่กับเท้าเปล่า, พัดแบบพับได้, กระเป๋าถือ (kinchaku) และผู้ชายจะสามารถเลือกที่จะใส่หมวกเพื่อกันแดดได้ด้วย ส่วนกระเป๋าถือนั้นใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนมากจะใช้ใส่โทรศัพท์มือถือ แว่นกันแดด กระเป๋าสตางค์ และกระดาษชำระ
หากแปลแบบตรงตัวยูกาตะจะหมายถึงชุดคลุมอาบน้ำ แต่ตัวชุดยูกาตะเองไม่มีการจำกัดว่าจะต้องใส่หลังอาบน้ำเท่านั้น และยังเป็นเครื่องแต่งกายที่ชาวญี่ปุ่นใส่กันทั่วไปในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย
ราคาของตัวยูกาตะบางชุดอาจจะสูงสักเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปเราจะสามารถซื้อทั้งชุดแบบรวมทุกอย่าง (รวมทั้งรองเท้าแตะด้วย) ได้ในราคาไม่แพงนัก ถ้าอยากจะได้บรรยากาศของเทศกาลฤดูร้อนอย่างเต็มที่ก็ต้องสวมชุดยูกาตะนี่ล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นก็เลือกลายยูกาตะกับโอบิที่ถูกใจ คว้าอุจิวะ (พัด) แล้วออกจากบ้านไปสนุกกันได้เลย !
จะเดินในชุดยูกาตะให้คล่องก็อาจจะต้องฝึกกันสักหน่อย แต่ก็ยังนับว่าง่ายกว่าการเดินในชุดกิโมโนมากนัก วิธีการสวมก็อาจจะซับซ้อนไปบ้าง แต่ถ้าลองค้นหาใน YouTube ก็จะพบว่ามีวิดีโอสอนการใส่อยู่ไม่น้อย เรียนรู้ได้ไม่ยากเลยค่ะ
(สุนัขของคุณก็ใส่ยูคาตะได้เช่นกัน แต่พวกมันก็อาจจะไม่ได้ชอบสักเท่าไร)
2. เดินกินอาหารจากร้านแผงลอย (Yatai)
เมื่อพูดถึงร้านอาหารแผงลอย (Yatai) หลายคนอาจจะนึกถึงร้านในตรอกซอกซอยเล็กๆ ที่เราแวะไปหาอะไรเร็วๆ รับประทานก่อนกลับบ้าน แต่ร้านแผงลอยเรากำลังพูดถึงนั้นคือร้านอาหารร้านขนมต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในเทศกาลฤดูร้อน ให้เราได้มีอะไรทานรองท้องกันระหว่างช่วงที่เดินชมงานหรือนั่งรอดูดอกไม้ไฟนั่นเองค่ะ
อาหารที่นิยมนำมาขายในร้านเหล่านี้ก็มีทั้งทาโกะยากิ, ยากิโทริ (ไก่ย่างเสียบไม้), ไก่คาราอาเกะ, ไทยากิ (ขนมปังรูปปลาใส่ไส้ถั่วแดง), ยากิโซบะ และขนมหวานต่างๆ
ถ้าหากมีโอกาสได้ไปงานเทศกาลที่มีการแสดงดอกไม้ไฟ การนำเสื่อพลาสติกไปด้วยก็เป็นความคิดที่ไม่เลว เราสามารถหาพื้นที่ว่างๆ บนสนามหญ้าเพื่อปูเสื่อทานอาหารได้ หรือสำหรับใครที่ไม่ชอบเดินเยอะๆ จะพกติดตัวไปเผื่อนั่งพักก็ได้ไม่เสียหาย
บางครั้งเราจะเจอร้านแผงลอยที่ขายหน้ากาก ของเล่น รวมไปถึงแผงสำหรับเล่นเกมต่างๆ ด้วย ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเกมง่ายๆ สำหรับเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็เล่นได้เช่นกัน!
3. ดื่มรามุเนะ (Ramune)
รามูเนะ (ラムネ) คือน้ำอัดลมชนิดหนึ่งที่มีการจัดจำหน่ายเป็นครั้งแรกในเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น โดย Alexander Cameron Sim รามูเนะเป็นที่รู้จักด้วยการออกแบบขวดที่มีเอกลักษณ์ มักเรียกว่าขวดแบบ Codd-neck ตามชื่อของผู้คิดค้น Hiram Codd ตัวขวดทำด้วยแก้วและใช้ลูกแก้วแทนฝาปิด โดยลูกแก้วจะถูกกดให้อยู่กับที่ด้วยแรงดันจากน้ำอัดลม สามารถเปิดขวดได้โดยใช้อุปกรณ์กดลูกแก้วลงไปภายในส่วนคอขวด และลูกแก้วที่กลิ้งไปกลิ้งมาก็จะทำให้เกิดเสียงในระหว่างที่ดื่ม ด้วยเหตุนี้บางครั้งรามูเนะจึงถูกเรียกว่า 'โซดาลูกแก้ว' ในต่างประเทศ
รามูเนะเป็นสัญลักษณ์ของฤดูร้อนในญี่ปุ่น และเป็นเครื่องดื่มที่เห็นได้บ่อยๆ ในเทศกาลฤดูร้อนทั้งกลางวันและกลางคืน โดยทั่วไปร้านที่ขายจะเก็บขวดเปล่ากลับไปเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่
หลายคนอาจจะเคยดื่มรามูเนะมาก่อน แต่การดื่มรามูเนะในเทศกาลฤดูร้อนเป็นคนละเรื่องกันเลยล่ะค่ะ ฤดูร้อนเป็นฤดูที่เราต้องดื่มมัน และเทศกาลฤดูร้อนก็เป็นที่ที่เราต้องมีมันติดมือ บอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด
4. รับประทานคาคิโกริ (Kakigōri)
คาคิโกริ (かき氷) คือน้ำแข็งไสสไตล์ญี่ปุ่นที่ราดด้วยไซรัปและนมข้นหวาน
รสชาติที่เป็นนิยมมีทั้งสตรอว์เบอร์รี่ เชอร์รี่ มะนาว ชาเขียว องุ่น เมลอน บลูฮาวาย พลัม และน้ำเชื่อมไร้สี บางร้านจะมีการผสมไซรัปหลายรสชาติเพื่อให้ได้สีที่สวยงาม และราดน้มข้นปิดท้ายเพื่อให้มีรสชาติหวาน โดยคาคิโกริจะต่างกับสไนว์โคน (Snow Cone) ตรงที่เกล็ดน้ำแข็งไสจะนุ่มฟูและให้ความรู้สึกเหมือนหิมะที่เพิ่งตกใหม่ๆ มักใช้ช้อนเพื่อตักรับประทาน แต่เริ่มเดิมทีน้ำแข็งในคากิโกริจะถูกไสด้วยเครื่องไสแบบหมุนมือ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีเครื่องไสน้ำแข็งไฟฟ้าแล้ว คากิโกริแบบทำด้วยมือก็ยังคงพบเห็นได้ตามร้านข้างถนนทั่วไป
นอกจากตามถนนแล้ว คาคิโกริยังมีขายในเทศกาล ร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ และร้านอาหารทั่วไปด้วย ยิ่งถ้าเป็นในช่วงฤดูร้อนแล้วไม่ว่าที่ไหนในญี่ปุ่นก็มีคากิโกริวางขายทั้งนั้น โดยบางร้านอาจจะเสิร์ฟไอศกรีม ถั่วแดงหวาน หรือไข่มุกมาให้รับประทานคู่กันด้วย
เช่นเดียวกับรามูเนะ คาคิโกริไม่ได้เป็นแค่เป็นขนมหวานประจำฤดูร้อน แต่เป็นขนมหวานประจำเทศกาลฤดูร้อนด้วย โดยคาคิโกริที่ขายในเทศกาลจะมาพร้อมกับถ้วยขนาดพอดีมือ ทำให้สามารถเดินทานได้สบายๆ ไม่เลอะเทอะนั่นเอง
5. เล่นเกมต่างๆ ในเทศกาล
อย่างที่ว่า เกมในงานเทศกาลหลายอย่างเป็นเกมสำหรับเด็ก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่จะเล่นไม่ได้ (และอันที่จริงก็เล่นกันเป็นปกติซะด้วย) เราสามารถจะเล่นกับโยโย่ลูกโป่งน้ำหลากหลายลวดลาย หรือไปลอง kingyo sukui หรือก็คือการเล่นตักปลาทองขึ้นจากน้ำโดยใช้ห่วงที่มีกระดาษแผ่นบางๆ แทนตาข่าย ซึ่งขอบอกไว้ว่ามันยากกว่าที่คิดเยอะเลยล่ะค่ะ
แต่ไม่ว่าจะลองเล่นอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในงานเทศกาลก็คือทำตัวให้สนุกเข้าไว้นะคะ!
6. ดูดอกไม้ไฟ
สำหรับชาวญี่ปุ่นบางคน การแสดงดอกไม้ไฟก็คือสิ่งที่ดีที่สุดของฤดูร้อน ฤดูร้อนเท่ากับดอกไม้ไฟ เทศกาลก็เท่ากับดอกไม้ไฟ ทำไมถึงไม่มีดอกไม้ไฟให้เราดูทุกวันไปเลยนะ !?
หรือต่อให้เป็นคนที่ไม่ได้ชอบดอกไม้ไฟขนาดนั้น การหาโอกาสออกจากบ้านในตอนเย็นบ้างและจบทริปด้วยการนั่งชิลๆ ดูดอกไม้ไฟสวยๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวใช่มั้ยล่ะคะ
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่
เกี่ยวกับนักเขียน
