ธรรมชาติ VS เมือง! แนะนำวิธีเพลิดเพลินกับจังหวัด "คานางาวะ" ทั้งกลางวันและกลางคืน

"คานางาวะ" เป็นจังหวัดที่มีอะไรสนุกๆ ให้ทำทั้งในช่วงเช้าตรู่และช่วงที่ดึกมากๆ ในครั้งนี้ เพื่อให้เหล่านักท่องเที่ยวได้รู้จักกับความยอดเยี่ยมของที่นี่ นักเขียนชาวอเมริกาของเราคนหนึ่งก็ได้ใช้ช่วงเวลาวันหยุดยาวออกเดินทางไปยังบ้านเกิดที่ "คานางาวะ" และพักค้างคืนที่ "ฮาโกเน่" ใกล้ๆ กับภูเขาไฟฟูจิเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติสวยๆ ต่อด้วยการพักค้างคืนที่จังหวัด "โยโกฮาม่า" เมืองที่แสนจะมีเสน่ห์เพื่อเพลิดเพลินกับความสนุกคึกคักของเมืองใหญ่ ตามมาอ่านบทความนี้เพื่อชมความแตกต่างของกิจกรรมช่วงเช้าและช่วงกลางคืนที่คุณสามารถสนุกกันได้หากได้พักค้างคืน แล้วอย่าลืมมาบอกเราด้วยนะ ว่าคุณชอบเที่ยวในเมืองหรือในธรรมชาติของคานางาวะมากกว่ากัน!

* บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก จังหวัดคานางาวะ

จังหวัดคานางาวะตั้งอยู่ที่ไหน?

"คานางาวะ" (Kanagawa) เป็นจังหวัดที่อยู่ใต้กรุงโตเกียว ซึ่งทอดตัวยาวจากอ่าวโตเกียวไปจนถึงบริเวณใกล้ๆ กับภูเขาไฟฟูจิ ที่นี่มีครบทั้งภูเขา ชายหาด ออนเซ็น และเมืองโบราณที่สำคัญ คุณสามารถเดินทางจากสนามบินฮาเนดะไปได้โดยตรง อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของเมืองใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่นอย่างจังหวัด "โยโกฮาม่า" (Yokohama) ด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากคานางาวะจะได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองยอดนิยมสำหรับการพักอาศัยในประเทศญี่ปุ่น

หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่อยากมาเยี่ยมชมจังหวัดคานางาวะ ฉันขอแนะนำให้คุณพักค้างคืนเป็นช่วงสั้นๆ ระหว่างเที่ยว! ฉันรักจังหวัดนี้มาก แล้วก็ชอบแนะนำสถานที่เจ๋งๆ ให้ผู้คนได้รู้จักกัน ดังนั้น พอรู้ว่าจะได้เขียนบทความนี้ ฉันก็เลยตื่นเต้นสุดๆ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ ว่าคุณจะไม่เสียใจแน่ ที่ได้มาใช้เวลาหลายๆ วันในสถานที่อย่างจังหวัดคานางาวะ ที่สามารถเดินทางจากสนามบินมาได้ง่ายๆ แบบนี้!

เปรียบเทียบคานางาวะ ธรรมชาติ VS เมือง: แนะนำสิ่งน่าทำเมื่อมาเยือน "ฮาโกเน่" จุดแวะพักแช่ออนเซ็นชื่อดังท่ามกลางธรรมชาติ

"ฮาโกเน่" (Hakone) เป็นหนึ่งในจุดแวะพักแช่ออนเซ็นชื่อดังของญี่ปุ่น ที่คุณสามารถเดินทางจากโตเกียวไปได้ง่ายที่สุด พื้นที่นี้เปรียบเสมือนบ้านของ "ออนเซ็นฮาโกเน่ 17 แห่ง" (17 Hotsprings of Hakone) แต่ละแห่งรายล้อมไปด้วยโรงแรมและเรียวกังที่มีบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองไปดื่มด่ำกับทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงาม

เพลิดเพลินกับยามเย็นในฮาโกเน่

คนส่วนใหญ่มาเที่ยวฮาโกเน่เพื่อความผ่อนคลาย และมักจะใช้เวลาไปกับการเดินเล่นกินลมชมบรรยากาศกันแบบสบายๆ ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันทำเมื่อได้มาใช้ช่วงเวลายามเย็นที่นี่เช่นกัน ถึงแม้ว่าฟ้าจะมืดเร็วในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณ 16:30 น.) แต่ฉันก็ได้แวะชมงานประดับไฟตามฤดูกาลที่จัดอยู่ 2 - 3 งาน ทำให้ฉันรู้สึกสนุกกับการออกไปข้างนอก ราวกับอยู่ในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ผลิเลย

ชมแสงพริบพรายของ "พิพิธภัณฑ์ป่าแก้วฮาโกเน่" ในยามเย็น

"พิพิธภัณฑ์ป่าแก้ว" (The Hakone Glass no Mori Venetian Glass Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญเรื่องแก้วเวนิสเป็นพิเศษ อาคารขนาดใหญ่นี้ไม่ได้เป็นแค่พิพิธภัณฑ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสวนขนาดใหญ่ที่จัดแสดงงานศิลปะจากแก้วอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีร้านขนมหวานที่มีกังหันน้ำสวยๆ , สตูดิโอที่แขกสามารถออกแบบเครื่องแก้วที่ตัดและแกะสลักด้วยเลเซอร์กลับไปเป็นของที่ระลึกได้, ร้านขายของกิ๊ฟช็อปที่มีเครื่องแก้วเยอะจนตาลาย และร้านอาหารที่มีวิวสวยๆ กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

ตามปกติแล้ว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเปิดทำการถึง 17:30 น. แต่เมื่อเข้าฤดูเทศกาล (เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม) ก็จะมีการขยายช่วงเวลาทำการให้ยาวขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการประดับไฟและการจัดแต่งสวนสุดพิเศษสำหรับเทศกาลกันได้ ฉันมาถึงก่อนพระอาทิตย์ตกดินพอดี เลยได้ชมความสวยงามของทิวทัศน์บนท้องฟ้าที่ค่อยๆ ดับแสงลงจนมืดสนิท

งานจัดแสดงศิลปะเครื่องแก้วในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้น่าประทับใจและไม่ควรพลาด คอลเลคชั่นที่ถูกรวบรวมไว้จะมีตั้งแต่แก้วเวนิสโบราณที่ส่งตรงมาจากเมืองเวนิส ไปจนถึงศิลปะแก้วสไตล์โมเดิร์น ผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ

เดินเล่นยามค่ำคืนในสวนสไตล์ญี่ปุ่น

อีกหนึ่งสถานที่ที่คุณสามารถชมการประดับไฟยามค่ำคืนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงได้ ก็คือ "สวนซันเก็ตสึเอ็น" (Sangestsuen Garden) สวนสไตล์ญี่ปุ่นที่แผ่กว้างอยู่บนพื้นที่ของเรียวกัง "Yoshiike Ryokan" สวนแห่งนี้เปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าชมได้ และได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบการเดินเล่นรอบสระน้ำขนาดใหญ่ในสวนญี่ปุ่นแบบคลาสสิค ที่ประดับประดาด้วยเกาะจำลองขนาดเล็ก, เนินเขา, สะพานเตี้ย และโรงน้ำชาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม

ตามปกติแล้ว สวนแห่งนี้จะปิดในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน แต่จะเปิดถึง 22:00 น. เป็นกรณีพิเศษในช่วงที่มีการจัดงานอีเวนต์ไฟประดับกับใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง (เข้าชมรอบสุดท้าย 21:30 น.) งานนี้จะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน - กลางธันวาคมของทุกปี และเป็นงานประดับไฟที่สวยงามมาก ถือเป็นโอกาสดีๆ ที่หาได้ยาก ที่คุณจะได้ชมสวนยามค่ำคืนที่งดงามราวกับความฝัน

แนะนำโรงแรม: Hotel de Yama

เนื่องจากฮาโกเน่เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงในหมู่ชาวคันโต ที่นี่จึงเต็มไปด้วยโรงแรมและเรียวกังชั้นยอดมากมาย แต่การจะเลือกที่พักสักที่ก็มีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่ง่ายและสะดวก ความใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่เราอยากไป หรือแม้แต่เรื่องการมีออนเซ็นส่วนตัว ราคา และบริการอาหาร

ในครั้งนี้ ฉันต้องการที่พักที่มีคุณสมบัติตามนี้:

  1. สามารถเดินทางไปเที่ยว "จุดรับพลัง" (Power Spot) ในศาลเจ้าฮาโกเน่ได้ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด (ฉันจะอธิบายทีหลังว่าทำไมมันถึงสำคัญ!) 
  2. มีอาหารไคเซกิชั้นเลิศแบบฟูลคอร์สเป็นมื้อเย็น 
  3. โรงแรมต้องมีพื้นที่กว้างขวาง และฉันสามารถไปเดินเที่ยวรอบๆ เพื่อดื่มด่ำและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติได้

และสถานที่ที่มีคุณสมบัติตรงกับที่ฉันต้องการทุกอย่างเลยก็คือ "Hotel de Yama" โรงแรมเก่าแก่ที่อยู่ห่างจากศาลเจ้าฮาโกเน่ในระยะเดินเพียงไม่กี่นาที! สิ่งที่ทำให้โรงแรมแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเลยก็คือ ทำเลที่ตั้งที่สามารถมองข้าม "ทะเลสาบอาชิ" (Lake Ashi) แสนสงบจากบนยอดเนินได้ อีกทั้งยังมีพื้นที่กว้างขวาง และมีทางเดินคดเคี้ยวที่จะพาคุณเดินชมวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของทั้งทะเลสาบ โรงแรม สวนที่ได้รับการตกแต่งอย่างดี และพื้นที่รกร้างสีเขียวชอุ่มที่อยู่ตรงบริเวณไหล่เขา พื้นที่เหล่านี้จะดูสวยเป็นพิเศษในช่วงเดือนพฤษภาคม เพราะจะมีดอกกุหลาบพันปีที่บานสะพรั่งอย่างเต็มที่ แต่ในฤดูใบไม้ร่วง ต้นเมเปิ้ลที่อยู่ในบริเวณนี้ก็จะพากันเปลี่ยนเป็นสีสันสดใส ดูมีชีวิตชีวาไม่แพ้กันเลย

อาหารที่เสิร์ฟในร้าน "Tsutsuji no Chaya" ของทางโรงแรมก็ยอดเยี่ยมและไม่ควรพลาดเช่นกัน เพราะมันเป็น "ไคเซกิ" (Kaiseki) หรืออาหารญี่ปุ่นที่เสิร์ฟแบบ Fine Dining ที่ผู้คนที่มาพักในเรียวกังหรือโรงแรมรีสอร์ทอย่าง Hotel de Yama ต่างก็เฝ้ารอที่จะลิ้มรส

ร้านนี้จะเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นแสนอร่อยที่แต่งจานมาอย่างสวยงาม ให้คุณได้อิ่มอร่อยกันระหว่างที่มองออกไปชมความเงียบสงบของทะเลสาบอาชิและภูเขาต่างๆ ในฮาโกเน่

ในบรรดาอาหารที่เสิร์ฟในคอร์ส ฉันประทับใจความอร่อยของอาหารเรียกน้ำย่อย 8 คำเล็กๆ ที่เสิร์ฟมาในจานเดียวกันเป็นพิเศษ นอกจากนั้นก็ยังมีอาหารสไตล์ย่างที่เป็นปลาหางเหลือง (Yellow Tail) ในซอสเทริยากิ โรยหน้าด้วยเห็ดเอโนกิทอดกรอบอยู่ด้านบน ทำให้มีรสสัมผัสที่กรุบกรอบ เมนูของทางร้านจะเปลี่ยนไปทุกๆ เดือน ตามชนิดของวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาล แต่ไม่ว่าจะไปเมื่อไหร่ คุณก็จะได้ลิ้มลองอาหารแสนอร่อยทุกครั้งแน่นอน

ช่วงเช้าในฮาโกเน่ มีอะไรให้ทำบ้างนะ?

อาบพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าฮาโกเน่ยามเช้า

"ศาลเจ้าฮาโกเน่" (Hakone Shrine) เป็นสถานที่ที่ดังที่สุดในฮาโกเน่ และถือเป็นจุดท่องเที่ยวห้ามพลาดสำหรับคนที่มาพักบริเวณนี้เลยทีเดียว เสาโทริอิยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลสาบนี้ได้กลายเป็นจุดถ่ายรูปลงอินสตาแกรมยอดนิยมของคนญี่ปุ่นทั่วประเทศ ดังนั้น หากคุณไปในช่วงกลางวันก็เตรียมใจไว้ได้เลยว่าจะต้องต่อคิวถ่ายรูปนานกว่า 1 ชั่วโมงแน่นอน และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเลือกพักค้างคืนใกล้ๆ ศาลเจ้าแห่งนี้ (ซึ่งก็คือ โรงแรม Hotel de Yama นั่นเอง!)

ถ่ายรูปกันเสร็จแล้วก็อย่าลืมไปเดินเที่ยวบันไดหินโบราณของตัวศาลเจ้าหลักดูด้วยนะ

ศาลเจ้าฮาโกเน่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 757 ซึ่งนับเป็นเวลานานกว่า 1,200 ปีมาแล้ว และได้รับการสักการะให้เป็นศาลเจ้าหลักที่ทำหน้าที่ปกปักรักษาภูมิภาคคันโต เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ขนานไปกับถนนโบราณอย่าง "โทไคโดะ" (Tokaido Road) ที่เชื่อมต่อระหว่างเกียวโตและเอโดะ (กรุงโตเกียวในสมัยโบราณ) จึงมีนักท่องเที่ยวแวะมามากมายจนนับไม่ถ้วนตลอดทั้งปี นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ศรัทธาอยู่มากมาย รวมถึงกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงในหมู่ชนชั้นซามูไรของญี่ปุ่นด้วย พื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดยักษ์ที่เก่าแก่พอๆ กับตัวศาลเจ้า แถมยังมีบรรยากาศที่ดูศักดิ์สิทธิ์มากอีกด้วย

นอกจากนี้ ข้างๆ ศาลเจ้าฮาโกเน่ก็ยังมี "ศาลเจ้าคุซุริว" (Kuzuryu Shrine) ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพมังกรผู้ปกป้องทะเลสาบอาชิ อย่าลืมมาเขียนคำอธิษฐานลงบนกระดาษแบบพิเศษของทางศาลเจ้า แล้วนำไปลอยในน้ำพุที่กำหนดไว้ และเฝ้าดูมันถูกพัดไปยังทะเลสาบ เพื่อนำข้อความของคุณไปส่งให้กับเทพมังกรที่อาศัยอยู่ที่นั่นกันด้วยนะ!

2 สถานที่แนะนำสำหรับแวะทานอาหารเช้า และดื่มด่ำไปกับธรรมชาติของฮาโกเน่

1. ทานขนมอบเลิศรส ระหว่างที่แช่ออนเซ็นเท้าในร้าน Bakery & Table Hakone

เมื่อคุณเดินตามทางจากศาลเจ้าฮาโกเน่มาไม่ไกล ก็จะเจอกับสะพานที่ยื่นออกไปในน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เรือโจรสลัดใช้ในการออกเรือ (ใช่แล้ว ทะเลสาบแห่งนี้มีเรือโจรสลัดแล่นอยู่จริงๆ !) สะพานนี้เป็นที่ตั้งของร้านเบเกอรี่แสนอร่อย คาเฟ่ และร้านอาหารที่ชื่อ "Bakery & Table" เมื่อมองไปที่หลังเคาน์เตอร์ คุณก็จะได้เห็นขนมปัง ขนมอบ และโดนัทตั้งเรียงรายกันเป็นแถวเลย

ที่นี่มีคาเฟ่สำหรับนั่งทานในร้านอยู่บนชั้น 2 และร้านอาหารอยู่บนชั้น 3 ซึ่งเป็นจุดที่มีหน้าต่างบานใหญ่ให้คุณได้นั่งชมวิวทะเลสาบกันอย่างสบายๆ ระหว่างที่เคี้ยวขนมอบแสนอร่อยและเพลิดเพลินไปกับเรือที่แล่นไปมาอยู่บนน้ำ นอกจากนี้ บริเวณด้านนอกก็ยังมีออนเซ็นเท้าให้บริการด้วย เป็นอีกหนึ่งความเพลิดเพลินที่จะทำให้การทานอาหารและการชมวิวของคุณเพอร์เฟกต์เลย

มาจิบชาเขียวมัทฉะลาเต้และปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับขนมอบหลากชนิด พร้อมเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่แตกต่างกันของน้ำอุ่นๆ ที่เท้าและลมเย็นๆ ที่ปะทะอยู่บนใบหน้า ทุกอย่างของร้านนี้อร่อยมาก แต่ฉันอยากแนะนำเมนู "ขนมปังแกงกะหรี่" (Curry Pan ขนมปังทอดไส้แกงกะหรี่) เป็นพิเศษสำหรับผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยว เพราะฉันเองก็เคยทานขนมปังแกงกะหรี่ในญี่ปุ่นมาหลายร้านแล้ว แต่บอกได้เลยว่าร้านนี้พิเศษกว่าร้านอื่นๆ มาก เพราะด้านในจะมีการยัดไส้ไข่ต้มที่สุกเต็มที่เอาไว้ตรงกลาง และโรยข้าวพองอบกรอบอยู่บนผิวด้านนอก เป็นรสสัมผัสที่ต่างกันแต่ลงตัวสุดๆ ไปเลย!

2. ทานอาหารเช้าเต็มรูปแบบจากวัตถุดิบท้องถิ่นสุดฮิต

ฉันรักการทานอาหารประจำท้องถิ่นในพื้นที่ที่ได้ไปเที่ยว และฮาโกเน่ก็มีสิ่งที่เรียกว่า "จิเน็นโจ" (Jinenjo) ซึ่งเป็นมันเทศป่าที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในบริเวณนี้ และคุณก็สามารถอร่อยกับอาหารที่ทำจากมันเทศชนิดนี้ได้หลายเมนูตั้งแต่เช้า ในร้านอาหารที่ชื่อว่า "Yamagusuri"

จิเน็นโจ เป็นวัตถุดิบประเภทมันเทศชนิดเดียวที่เป็นของญี่ปุ่นแท้ๆ และเป็นที่รักของชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณในฐานะอาหารบำรุงร่างกายที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และจิเน็นโจของร้าน Yamagusuri นี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่เข้มข้นและรสสัมผัสอันข้นหนืดที่ทำให้สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายเมนู

เมนู "โทโรโระ" (Tororo ข้าวราดหน้าครีมจากมันเทศบด) ที่ทำจากจิเน็นโจมีรสชาติที่เต็มไปด้วยความกลมกล่อม ความข้น และสารอาหารบำรุงร่างกาย เหมาะสำหรับทานเป็นอาหารเช้ามากๆ และเป็นเมนูที่ฉันอยากแนะนำสุดๆ 

สุดยอดกิจกรรมในฮาโกเน่ที่สนุกกันได้ทั้งวัน

สัมผัสกับวัฒนธรรมและศิลปะญี่ปุ่นในสวนโกร่า

"สวนโกร่า" (Gora Park) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาที่สูงชัน ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่แสนสวยที่คุณสามารถเดินเล่นชมพืชพรรณและดอกไม้ตามฤดูกาลที่มีภูเขาเป็นฉากหลังได้เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเพลิดเพลินกับกิจกรรมและวัฒนธรรมประเพณีญี่ปุ่น อย่างการปั้นหม้อและพิธีชงชาได้ด้วย

ในสวนแห่งนี้มีสวนชาญี่ปุ่นแสนวิเศษตั้งอยู่ เรียกว่า "ฮาคุอุนโด" (Hakuun-do) เป็นสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสกับประสบการณ์พิธีชงชาแบบญี่ปุ่นได้ ดังนั้น หากคุณมีเวลาก็ลองมาเพลิดเพลินกับชาเขียวถ้วยใหญ่และขนมหวานท่ามกลางบรรยากาศแสนสงบของสวนชาอายุมากกว่า 100 ปีนี้กันดูสิ

ฉันขอแนะนำกิจกรรมเวิร์กช้อปงานฝึมือที่เรียกว่า "คราฟ เฮาส์" (CRAFTHOUSE) ที่คุณจะได้ลองเป่าแก้ว ลองทำงานเครื่องปั้นของตัวเอง หรือแม้แต่ลองตัดแก้วสีให้เป็นดีไซน์ที่ต้องการ เพื่อทำเครื่องแก้ว "คิริโกะ" (Kiriko) ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก กิจกรรมนี้เป็นวิธีสร้างความทรงจำอันสวยงาม ที่จะทำให้คุณได้งานฝีมือกลับไปเป็นของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย

นั่งรถกระเช้าสู่โอวากูดานิ เพื่อชมวิวภูเขาไฟเหนือจินตนาการจากต้นกำเนิดของน้ำพุร้อนในฮาโกเน่

หากคุณมาเยือนฮาโกเน่ ก็คงไม่อยากพลาดการเที่ยวชมจุดชมวิวยอดฮิตที่เรียกว่า "โอวากูดานิ" (Owakudani) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของน้ำพุร้อนที่ไหลไปยังแหล่งออนเซ็นของฮาโกเน่ คุณสามารถเดินทางได้ด้วยรถกระเช้าและโรปเวย์ที่วิ่งขึ้นลงภูเขาฮาโกเน่อยู่ตลอดเวลา

รถกระเช้าและโรปเวย์จะมาเชื่อมกันที่สถานี Sounzan ซึ่งตั้งอยู่กลางทางขึ้นเขาพอดี ที่นี่มีทั้งคาเฟ่และร้านค้าอยู่ภายใน เรียกว่า "คุโมะ" (Cu-mo) ซึ่งมีเมนูของหวานเครื่องดื่มที่มาในธีมก้อนเมฆสมชื่อ หลังจากที่เติมพลังจากความอร่อยกันอย่างเต็มที่และแช่ออนเซ็นเท้ากันไปแล้ว คุณก็สามารถถ่ายภาพวิว "ในก้อนเมฆ" แล้วไปขึ้นโรปเวย์ต่อเพื่อไปยังยอดเขาได้เลย

ระหว่างที่คุณเดินทางขึ้นไปยังสถานี Owagudani อากาศรอบๆ จะเต็มไปด้วยกลิ่นกำมะถันที่ลอยมาจากน้ำพุร้อนชื่อดังของฮาโกเน่ น้ำพุร้อนเหล่านี้เกิดจากน้ำแร่ที่ถูกสูบขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน แล้วผสมเข้ากับแร่ธาตุที่มาจากแก๊สชนิดต่างๆ บนภูเขาไฟ รีสอร์ทออนเซ็นหลายแห่งที่อยู่ในเมืองจะใช้น้ำออนเซ็นที่ส่งมาจากโอดากูวานิโดยตรง โดยใช้ท่อขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้ตามทางลาดเชิงเขา และหากคุณมองลงมาจากรถกระเช้า ก็จะได้เห็นคนงานที่กำลังง่วนอยู่กับการดูแลสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ได้เลย

ภูมิทัศน์ที่ดูราวกับความฝันของที่นี่นั้นดูเจ๋งสุดยอดและน่าชมมาก แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่ทำให้โอวากูดานิมีชื่อเสียงขึ้นมาก็คือ ไข่ต้มสีดำ ที่เกิดจากการนำไข่ไปต้มในน้ำออนเซ็นเดือดๆ นั่นเอง ว่ากันว่าหากคุณทานไข่สีดำนี้ 1 ใบ ก็จะทำให้อายุยืนขึ้นถึง 7 ปีเลยทีเดียว ไข่สีดำจึงกลายเป็นของฝากที่ได้รับความนิยมมาก เช่นเดียวกับของฝากอื่นๆ ในธีมไข่สีดำ เช่น ของหวาน ขนมขบเคี้ยว และของกระจุกกระจิกที่วางขายอยู่ในร้านกิ๊ฟช็อป หากมีโอกาสก็ลองทานกันดูนะ

ชมวิวภูเขาไฟฟูจิอันน่าทึ่งจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะนารุคาวะ

"พิพิธภัณฑ์ศิลปะนารุคาวะ" (Narukawa Art Museum) ตั้งอยู่บนยอดเนินเขา มีทั้งวิวพาโนรามาของทะเลสาบอาชิและภูเขาไฟฟูจิ ที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม เพราะเป็นสถานที่เก็บรักษาคอลเลคชั่นภาพวาด "นิฮงกะ" (Nihonga) สไตล์ญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีงานศิลปะรวมกันกว่า 4,000 ชิ้น

โชคร้ายที่ฉันมาในวันที่เมฆบังภูเขาไฟฟูจิเข้าเต็มๆ แต่อย่างน้อย ในพิพิธภัณฑ์ก็พอจะมีการจัดแสดงภาพวาดของภูเขาไฟที่ดูสง่างามนี้อยู่บ้าง รวมถึงภาพที่วาดเลียนแบบวิวทิวทัศน์มาแบบเป๊ะๆ ที่ทำให้ฉันได้เห็นว่าปกติแล้วมันจะสวยชวนตะลึงแค่ไหน

ปราสาทโอดาวาระ: จุดแวะห้ามพลาดระหว่างการเดินทางจากฮาโกเน่สู่โยโกฮาม่า

ในเส้นทางที่ใช้เดินทางไป - กลับจากฮาโกเน่ คุณจะต้องผ่าน "โอดาวาระ" (Odawara) เมืองประวัติศาสตร์ที่มีปราสาทแสนสวยที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี และควรค่าแก่การเยี่ยมชมเป็นอย่างมาก รถไฟชินคันเซ็นก็จอดที่โอดาวาระเช่นกัน ดังนั้นคุณจึงสามารถแวะไปได้ง่ายๆ ระหว่างที่เดินทางผ่านโตเกียว โอซาก้า และเกียวโต 

"ปราสาทโอดาวาระ" (Odawara Castle) เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอดาวาระซึ่งคาดการณ์ว่าสร้างขึ้นในยุคเซ็นโกคุ (ยุคสงครามของญี่ปุ่น) ช่วงกลางศตวรรษที่ 15 ทุกวันนี้ บริเวณภายในของปราสาทแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีงานจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของตัวปราสาท และหอชมวิวที่คุณสามารถกวาดสายตาชมวิวเมืองและมหาสมุทรที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาได้ พื้นที่ของทางปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ตามฤดูกาลที่สวยงาม รวมถึงดอกซากุระและดอกบ๊วยที่เบ่งบานเต็มที่ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเช่าชุดซามูไรหรือนินจาไปถ่ายรูปเจ๋งๆ กันได้ด้วย!

[หน้าถัดไป] เปรียบเทียบการเที่ยวธรรมชาติและเมืองในคานางาวะ: แนะนำสิ่งน่าทำในโยโกฮาม่า เมืองชั้นสูงอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น

มนต์เสน่ห์คันโต

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Kurisu
Kurisu
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร