เข้าครัวทำโอโคโนมิยากิฮิโรชิม่า และฮาชิมากิ! ทำเองได้ ไม่ยากอย่างที่คิด!
เจอโรคโควิดระบาดแบบนี้จะมาญี่ปุ่นก็ยังไม่กล้า เรามาทำอาหารญี่ปุ่นกินที่บ้านแทนดีกว่า! สำหรับบทความนี้จะพาทุกคนไปทำพิซซ่าญี่ปุ่น หรือ "โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า" และโอโคโนมิยากิแบบพันด้วยตะเกียบหรือ "ฮาชิมากิ" ที่ใครๆ ก็ทำเองได้ที่บ้าน ทำไม่ยากแต่ฟินมากเลยทีเดียว!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
ทราบกันไหมเอ่ยว่าจริงๆ แล้วโอโคโนมิยากิหรือพิซซ่าญี่ปุ่นนั้นมีอยู่หลายแบบ หลักๆ ที่นิยมรับประทานกันคือแบบคันไซและแบบฮิโรชิม่า ซึ่งในบทความที่แล้วเราก็ได้สอนทำโอโคโนมิยากิแบบคันไซกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ คราวนี้เราจะมาแนะนำวิธีการทำโอโคมิยากิแบบฮิโรชิม่าและแบบฮาชิมากิ (แบบพันด้วยตะเกียบ) กันดูบ้าง
สำหรับใครที่อยากลองทำแบบคันไซควบคู่ไปด้วยสามารถกลับไปดูได้ที่ลิงก์นี้เลยค่ะ หรือถ้าใครอยากทำความรู้จักกับเครื่องปรุงญี่ปุ่นก่อน ก็ตามไปอ่านที่บทความนี้ได้เลยค่ะ
・โอโคโนมิยากิแบบฮิโรชิม่า
เรามาเริ่มจากโอโคโนมิยากิแบบฮิโรชิม่ากันดีกว่าค่ะ โดยจะมีจุดเด่นหลักๆ ที่ต่างจากแบบคันไซตรงที่จะไม่ได้ผสมส่วนผสมทุกอย่างกับแป้งแล้วทอด แต่จะค่อยๆ เรียงวัตถุดิบต่างๆ เป็นชั้นๆ ทำให้เมื่อทอดเสร็จจะเรียงตัวสวย น่ารับประทาน อีกข้อหนึ่งก็คือโอโคโนมิยากิแบบฮิโรชิม่าจะใส่เส้นยากิโซบะลงไปด้วย เส้นหมี่นุ่มๆ เข้ากับแป้งและส่วนผสมอื่นได้เป็นอย่างดี ทำให้โอโคโนมิยากิแบบฮิโรชิม่าเป็นที่นิยมไม่แพ้แบบคันไซนั่นเองค่ะ
เขียนๆ ไปก็เริ่มชักจะหิว เราลองไปทำกันเลยดีกว่า! ถ้าใครเคยกินโอโคโนมิยากิแบบฮิโรชิม่าที่ร้าน อาจจะรู้สึกว่ามันดูทำยาก แต่จริงๆ แล้วมันไม่ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ แถมทำเองก็ถูกกว่าไปกินที่ร้านด้วย เพียงแต่อาจจะต้องเตรียมวัตถุดิบหลากหลายอยู่สักหน่อย ลองไปดูส่วนผสมกันเลยดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง
ส่วนผสม
- แป้งฮาคุริกิ (แป้งสาลีที่มีกลูเต็นน้อย ถ้าไม่มีใช้แป้งเค้กแทนได้ค่ะ) 45 กรัม
- น้ำ 90 มิลลิลิตร
- ผงปลาป่นแบบญี่ปุ่น (削り粉) ตามชอบ
- กะหล่ำปลีหั่นฝอย ประมาณ 100 กรัม หรือตามชอบ
- ถั่วงอก ประมาณ 50 กรัมหรือตามชอบ
- เนื้อหมูหั่นบางๆ 3-4 แผ่น
- เกลือและพริกไทย ตามชอบ
- เส้นยากิโซบะ 1 ก้อน
- ไข่ 1 ฟอง
- ซอสโอโคโนมิยากิ อาโอโนริ (สาหร่ายป่น) มายองเนส ปลาแห้ง ตามชอบ
เตรียมของพร้อมแล้วก็ไปทำกันเลย!
วิธีทำ
1. เริ่มจากการผสมตัวแป้งก่อนเลยค่ะ โดยผสมแป้งฮาคุริกิเข้ากับน้ำที่เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะ ทาด้วยน้ำมัน ใช้ไฟกลางๆ ไปทางอ่อนนะคะ เพราะเราต้องค่อยๆ เรียงไส้ไปทีละอย่าง เดี๋ยวจะไหม้ค่ะ
3. เมื่อกระทะร้อนแล้วใช้กระบวยตักส่วนผสมบางส่วนจากข้อ 1 มาเทให้เป็นวง โดยให้เหลือบางส่วนไว้ใช้ทีหลังค่ะ
4. โรยผงปลาป่นแบบญี่ปุ่นลงไป ถ้าไม่มีไม่ใส่ก็ได้ค่ะ ตามด้วยกะหล่ำปลีหั่นฝอย และถั่วงอก กะหล่ำปลีให้ใส่เยอะหน่อยนะคะ เพราะเวลาโดนความร้อนมันจะหดเล็กลงค่ะ
5. ต่อมาก็เรียงเนื้อหมูหั่นบางๆ ลงไปเลย หลังจากใส่เนื้อหมูลงไปให้โรยเกลือและพริกไทยตามชอบค่ะ อาจจะใส่เกลือเยอะนิดนึง เพราะเราไม่ได้ปรุงผักเลย ใส่น้อยอาจจะจืดไปหน่อยค่ะ
6. จากนั้นให้ใส่ส่วนผสมแป้งที่เหลือจากข้อ 3 ลงไปได้เลยค่ะ รอจนแป้งข้างใต้สุดสุกดี จากนั้นให้กลับด้าน
7. ระหว่างรอหมูสุก เราก็จะไปทำเส้นยากิโซบะกันค่ะ ถ้าใครใช้กระทะฮอทเพลทอยู่แล้วก็สามารถผัดเส้นในฮอทเพลทได้เลย แต่สำหรับคนบ้านๆ แบบเราก็จะผัดในกระทะอีกใบแทนค่ะ ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยแล้วนำเส้นลงไปผัดกับซอสโอโคโนมิยากิค่ะ สำหรับซอสกะปริมาณตามชอบได้เลยนะคะ
8. เมื่อหมูสุกดีแล้ว ยกตัวโอโคโนมิยากิขึ้นแล้วนำมาวางทับบนเส้นที่ผัดไว้แล้วโดยไม่ต้องกลับด้าน
9. จากนั้นก็ทอดไข่ในกระทะใบเดิมที่เราเพิ่งย้ายโอโคโนมิยากิออกไป พยายามแผ่ไข่ให้กว้างเท่ากับตัวแป้งนะคะ
10. เมื่อไข่เกือบสุกให้นำโอโคโนมิยากิมาวางทับลงบนไข่โดยยังไม่ต้องกลับด้านค่ะ
11. เมื่อไข่สุกดีแล้วให้เสิร์ฟโดยกลับด้านให้ไข่ขึ้นมาอยู่บนสุด แล้วราดซอสโอโคโนมิยากิ มายองเนส อาโอโนริ และปลาแห้งตามชอบเลยค่ะ
เห็นไหมคะว่าไม่ยากเลย ยิ่งถ้ามีเตาแบบฮอทเพลทก็จะยิ่งง่ายค่ะ เพราะไม่ต้องยกข้ามกระทะไปมา
ออกมาเป็นชั้นสวยเลยค่ะ เราใส่กะหล่ำปลีน้อยไปหน่อย เลยดูแบนไปเลย แต่ถึงอย่างนั้นรสชาติก็ออกมาอร่อยมากๆ เลยค่ะ
・ฮาชิมากิ (โอโคโนมิยากิพันตะเกียบ)
ต่อไปเรามาทำโอโคโนมิยากิอีกสักแบบกันดีกว่าค่ะ หลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าฮาชิมากิคืออะไร เกี่ยวอะไรกับโอโคโนมิยากิ? ถ้าให้พูดง่ายๆ ฮาชิมากิก็คือโอโคโนมิยากิแบบที่นำมาม้วนด้วยตะเกียบ ทำให้กินได้ง่ายขึ้นค่ะ โดยส่วนใหญ่มักจะเจอวางขายที่ซุ้มอาหารตามงานเทศกาลต่างๆ ฮาชิมากินี้นิยมรับประทานกันในแถบคิวชู ชูโกคุ และคันไซ แต่หลังๆ มานี้ก็ในแถบคันโตก็หาทานได้เหมือนกันค่ะ
ช่วงนี้งานเทศกาลต่างๆ ก็จัดกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราลองมาทำฮาชิมากิกินเองไปพลางๆ กันดีกว่า!
ส่วนผสม
แป้ง (สำหรับประมาณ 4 ชิ้น)
- แป้งฮาคุริกิ (薄力粉) 100 กรัม (สำหรับคนที่ไม่มีสามารถใช้แป้งเค้กแทนได้ค่ะ)
- น้ำสต็อกแบบญี่ปุ่น 120 มิลลิลิตร (เราใช้น้ำซุปคัทสึโอะแบบผง だしの素 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 120 มิลลิลิตรค่ะ)
- ไข่ 1 ฟอง
ไส้ทูน่า
- กะหล่ำปลีหั่นฝอย
- กุ้งแห้ง
- ปลาทูน่ากระป๋อง
ไส้แฮมชีส
- กะหล่ำปลีหั่นฝอย
- แฮม
- ชีส
ท็อปปิ้ง
- ซอสโอโคโนมิยากิ
- มายองเนส
- อาโอโนริ (青のり) หรือสาหร่ายแห้ง
- ไข่ดาว
- ซอสมะเขือเทศ
วิธีทำ
การผสมแป้ง
1. เริ่มต้นด้วยการผสมแป้งกันก่อนเลยค่ะ วิธีจะคล้ายๆ กับการผสมแป้งโอโคโนมิยากิแบบคันไซ โดยเริ่มจากการเตรียมน้ำซุป ถ้าใช้ซุปผงแบบเราให้นำผงซุปมาผสมกับน้ำอุ่นก่อนนะคะ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นก้อน
2.ตอกไข่แล้วตีในชาม จากนั้นเทน้ำซุปที่ผสมไว้แล้วตามลงไปแล้วคนให้เข้ากันดีค่ะ
3.ใช้ตะแกรงร่อนแป้งร่อนแป้งลงไปในชามที่ผสมน้ำซุปกับไข่ไว้แล้วทีละนิด แล้วใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันค่ะ ถ้าทำแบบนี้แป้งก็จะไม่เป็นก้อนเลยค่ะ
ไส้ทูน่า
1. ต่อไปเรามาเริ่มทำไส้ทูน่ากันเลยค่ะ เริ่มจากแบ่งแป้งออกมา ¼ ส่วน แล้วโรยกุ้งแห้งลงไปผสมประมาณหนึ่งหยิบมือเล็กๆ
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันแล้วทาให้ทั่ว
3. ใส่แป้งที่ผสมกุ้งแห้งแล้วลงไปในกระทะ โดยใส่แค่ครึ่งบนทำเป็นรูปครึ่งวงกลมตามภาพ ค่อยๆ ใส่พยายามทำให้แป้งบางๆ นะคะ ยิ่งบางก็จะยิ่งม้วนได้ง่ายค่ะ
4. หลังจากนั้นโรยกะหล่ำปลีหั่นฝอยและทูน่ากระป๋องลงไป
5. จากนั้นก็ใช้ตะเกียบม้วนได้เลยค่ะ
ไส้แฮมชีส
1. ต่อไปเป็นไส้แฮมชีสนะคะ แบ่งแป้งออกมา ¼ ส่วน ตั้งกระทะใส่น้ำมันแล้วทาให้ทั่ว เทแป้งลงไปโดยใส่แค่ครึ่งบน ทำเป็นรูปครึ่งวงกลมเหมือนเดิมค่ะ อย่าลืมเกลี่ยแป้งให้บางๆ นะคะ ยิ่งบางก็จะยิ่งม้วนได้ง่ายค่ะ
2. หลังจากนั้นโรยกะหล่ำปลีหั่นฝอย แฮมที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และชีสลงไป ปิดฝาให้ชีสละลายสักครู่
3. เมื่อชีสละลายแล้วก็ใช้ตะเกียบม้วนได้เลยค่ะ
เมื่อทอดเสร็จแล้วก็มาแต่งหน้ากันเลยค่ะ
เริ่มจากทาซอสโอโคโนมิยากิให้ทั่ว จากนั้นก็ราดด้วยมายองเนส นำไข่ดาวมาวาง แล้วโรยผงอาโอโนริ แล้วราดซอสมะเขือเทศตามอีกทีก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ ดูน่ากินทั้งคู่เลยใช่ไหม อ่านจบแล้วอย่าลืมลองไปทำกันดูนะคะ บอกเลยว่าถึงจะทำอยู่ที่บ้านแต่ก็จะรู้สึกเหมือนได้มาเที่ยวญี่ปุ่นเลยล่ะ! ใครอยากลองทำอาหารญี่ปุ่นเมนูอื่นๆ ก็ลองเข้าไปอ่านกันที่บทความด้านล่างนี้ได้เลย!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่