แนะนำ 12 เว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ในญี่ปุ่น บางเว็บจัดส่งให้ถึงโรงแรม!
การมาช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นคือเป้าหมายหลักของหลายๆ คน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเราก็สามารถช้อปปิ้งออนไลน์ในเว็บชั้นนำของญี่ปุ่นได้เช่นกัน แถมบางเว็บสามารถชำระเงินและรอรับของที่โรงแรมหรือที่พักได้เลย จะมีเว็บไซต์ไหนบ้างนั้นมาลองดูกันเลย
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
เพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งในญี่ปุ่นของคุณไปอีกขั้นกับ 12 สุดยอดเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ในประเทศญี่ปุ่น คุณสามารถคอยอัพเดทสินค้ายอดนิยมในญี่ปุ่นผ่านทางเว็บไซต์เหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องแฟชั่น ของกิน ของใช้ และของเล่นต่างๆ นอกจากนี้บางเว็บไซต์ยังสามารถจัดส่งให้ถึงที่พักของคุณได้โดยที่คุณไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทาง หรือการแบกของกลับที่พักเลย แถมยังช่วยประหยัดเวลาในการช้อปปิ้ง และเพิ่มเวลาให้ได้ไปท่องเที่ยวมากขึ้นอีกด้วย
แต่ก่อนที่เราจะไปดูเว็บไซต์ยอดนิยมต่างๆ เรามาดูข้อดีและข้อควรระวังหากคุณต้องการช้อปปิ้งออนไลน์บนเว็บเหล่านี้กันก่อน
ข้อดีในการช้อปปิ้งออนไลน์ญี่ปุ่น
- สามารถตรวจสอบสินค้าและราคาได้ล่วงหน้า
- ประหยัดเวลาในการช้อปปิ้ง
- ไม่ต้องถือของเยอะระหว่างเที่ยว
ข้อควรระวังในการช้อปปิ้งออนไลน์ญี่ปุ่น
- ก่อนการสั่งซื้อต้องทำการสอบถามกับทางโรงแรมหรือที่พักว่าสามารถสั่งของออนไลน์มาส่งได้หรือไม่ หากสามารถรับของได้ก็ไฟเขียวสามารถช้อปปิ้งกันได้เลย แต่ควรจะบอกกับที่พักว่าสินค้าเป็นอะไรและจะมาส่งประมาณช่วงวันและเวลาไหน (ส่วนมากตอนซื้อของจะสามารถระบุวันและเวลาจัดส่งได้)
- คุณต้องมีกำหนดการพักที่แน่นอน และต้องคอยคำนึงถึงระยะเวลาการจัดส่งด้วย โดยปกติแล้วเว็บไซต์ออนไลน์จะใช้เวลาส่ง 2-3 วัน ซึ่งคุณต้องเช็คแต่ละเว็บไซต์อีกครั้งว่าใช้เวลาส่งประมาณกี่วัน ซึ่งส่วนมากจะมีระบุอยู่ชัดเจนต้องสั่งซื้อสินค้า และบางเว็บไซต์สามารถระบุวันและเวลาจัดส่งที่แน่นอนได้เลย
- หากคุณทำการสั่งสินค้าออนไลน์และระบุวันจัดส่งเรียบร้อยแล้ว หากคุณเช่าเป็น Airbnb คุณต้องห้ามลืมอยู่รอรับสินค้าด้วย! มิฉะนั้นอาจจะเกิดปัญหาไม่มีคนรับของและต้องทำการแจ้งให้มาส่งของใหม่อีกครั้ง และบางทีอาจจะไม่ทันการกับการพักอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามเรายังสามารถไปรับที่ศูนย์เก็บพัสดุได้ ซึ่งจะมีความยุ่งยากมากเลยทีเดียว
- แต่หากคุณพักที่โรงแรมให้ทำการสอบถามกับทางโรงแรมว่าสามารถรับของไว้ให้ได้หรือไม่
เมื่อได้ทราบข้อดีและข้อควรระวังข้างต้นกันแล้ว ก็มาดูกันเลยว่าเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ในญี่ปุ่นมีเว็บไหนที่เป็นยอดนิยมกันบ้าง
(ข้อมูลอัพเดทล่าสุดวันที่ 22/05/2024)
1. ZOZOTOWN
เว็บไซต์ช้อปปิ้งในเรื่องแฟชั่นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นที่เป็นสายแฟชั่น ชอบแต่งตัว รับรองได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักเว็บ ZOZOTOWN อย่างแน่นอน เนื่องจากมีสินค้าแฟชั่นให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย แถมยังมีสินค้าแบรนด์เนมให้ช้อปอีกด้วย และที่สำคัญเว็บนี้สามารถปรับที่อยู่เป็นที่พักของเราได้ภายในระบบ สามารถกดเลือกจ่ายเงินผ่านทางร้านสะดวกซื้อได้อีกด้วย สูงสุด 300,000 เยนผ่านร้านสะดวกซื้อ หากเกินยอดนี้ต้องทำการชำระผ่านบัตรเครดิต แต่น่าเสียดาย ZOZOTOWN ไม่สามารถใช้บัตรเครดิตจากต่างประเทศได้ แต่สามารถระบุวันเวลาที่ต้องการให้จัดส่งได้
2. Amazon JP
เว็บไซต์ Amazon ที่มีขายของแทบจะทุกชนิดบนโลกนี้ แน่นอนว่าที่ญี่ปุ่นนั้นเป็นเว็บช้อปปิ้งที่ใหญ่มาก คุณสามารถหาซื้อขนม ของฝาก สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ จนไปถึงของเล่น อนิเมะ การ์ดเกม ที่นี่มีให้คุณได้เลือกช้อปมากมาย แถมยังสามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตต่างประเทศ และรอรับได้เลยที่ที่พักของคุณ สิ่งที่คุณต้องทำหากต้องการช้อปผ่าน Amazon ญี่ปุ่น ก็คือ ติดต่อกับที่พักล่วงหน้าว่าจะมีของมาส่งเท่านั้น เพียงแค่นี้ก็สามารถประหยัดเวลาในการช้อปปิ้งลงไปได้เยอะแถมยังไม่ต้องแบกของอีกด้วย ที่สำคัญสามารถระบุวันเวลาที่ต้องการให้จัดส่งได้
3. SNKRDUNK
สายสตรีทแฟชั่นเชิญทางนี้ หากคุณเป็นสนีกเกอร์เฮด ชอบของลิมิเต็ด คอลแลปต่างๆ ต้องไม่พลาดเว็บนี้ SNKRDUNK ซึ่งย่อมากจาก Sneaker Dunk นั่นเอง ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเน้นไปที่รองเท้าสนีกเกอร์ที่มีให้เลือกมากมายและส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นหายากที่ SOLD OUT ไปหมดแล้ว ซึ่งที่นี่จะเป็นตัวกลางในการตรวจสอบสินค้าว่าเป็นของแท้หรือไม่จากคนขาย ก่อนที่จะจัดส่งให้กับเราที่เป็นคนซื้อ เพราะเนื่องจากไม่ใช่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสินค้าต่างๆ สินค้าของที่นี่ส่วนมากจะเป็นการ "รีเซล" จากผู้ขายในประเทศญี่ปุ่น แต่ข้อเสียคือเราไม่สามารถกำหนดวันที่จัดส่งได้อย่างแน่นอน เนื่องจากทาง SNKRDUNK ต้องรอให้คนขายจัดส่งมาที่ศูนย์กลางเพื่อตรวจเช็ค และต้องใช้เวลาตรวจเช็คสินค้าให้เรียบร้อยและจัดส่งมาให้กับเรา จึงอาจจะกินเวลา 5-7 วันเลยทีเดียว
4. Yahoo Auction
เว็บไซต์ประมูลสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งที่นี่คุณจะสามารถเลือกร่วมประมูลได้ตามใจ ตั้งแต่สิ่งของเครื่องใช้ แฟชั่น ของฝาก สาเกญี่ปุ่น อนิเมะ ของเล่น และอุปกรณ์ต่างๆ แต่เนื่องจากเป็นเว็บประมูลที่ใครก็สามารถมาลงเปิดประมูลได้ ฉะนั้นต้องพึงระวังเกี่ยวกับสินค้าปลอมที่อาจจะมีมาลงประมูลได้ เพราะฉะนั้นต้องเช็คเครดิตผู้ขาย และราคาความเป็นไปได้ก่อนจะใส่ประมูลทุกครั้ง
5. Rakuten JP
Rakuten เว็บไซต์ช้อปปิ้งเจ้าใหญ่อีกเว็บของญี่ปุ่น ซึ่งมีสินค้าให้เลือกช้อปหลากหลายจากทั่วประเทศญี่ปุ่น และส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าที่มีร้านอยู่ในญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นจึงวางใจได้ระดับนึงว่าสินค้าที่ได้จะเป็นสินค้าแท้ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องดูรีวิวร้านค้าแต่ละร้านก่อนทำการซื้อสินค้าด้วยเช่นกัน เว็บ Rakuten สามารถระบุวันเวลาที่ต้องการให้ร้านค้าจัดส่งได้อย่างแน่นอน
6. Mercari
เว็บไซต์ฟรีมาร์เกตที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่ Mercari จะมีสินค้ามากมายจากทั่วทุกมุมในญี่ปุ่นมาลงขาย เนื่องจากเป็นเว็บไซต์ที่ซื้อขายระหว่างคนขายและคนซื้อ ซึ่งจะไม่ได้ผ่านตัวกลาง ซึ่งจะมีทั้งสินค้าใหม่และสินค้ามือสอง การช้อปปิ้งผ่าน Mercari อาจจะต้องแปลภาษากันสักหน่อย เนื่องจากต้องอ่านรายละเอียดที่ผู้ขายลงขาย และอาจจะต้องทำการติดต่อกับผู้ขายด้วย แต่โดยทั่วไปแล้วหากเราซื้อของและชำระเงินเรียบร้อยก็ไม่น่าจะต้องติดต่อกับผู้ขายมากมายสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือสินค้าปลอมนั่นเอง เพราะฉะนั้นควรตรวจสอบบัญชีผู้ขาย และเช็คราคาก่อนซื้อทุกครั้ง
7. Rakuma
Rakuma หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่าเว็บไซต์ fril เจ้าของเดียวกับ Rakuten ซึ่งเว็บไซต์นี้จะเหมือนกับ Mercari เป็นเว็บไซต์ฟรีมาร์เกตที่จะสามารถซื้อสินค้าจากทางคนขายได้โดยตรงจากทั่วประเทศญี่ปุ่น และข้อควรระวังก็เช่นเดียวกันคือ "สินค้าปลอม" นั่นเอง
8. Yahoo Shopping
อีกหนึ่งเว็บไวต์ใหญ่ในญี่ปุ่นที่รวบรวมสินค้าแทบจะทุกชนิดในญี่ปุ่นไว้ให้ช้อปกันได้ในที่เดียว ซึ่งส่วนมากจะเป็นร้านค้าในญี่ปุ่นที่มาขายออนไลน์ด้วย แต่ก็อีกเช่นกันต้องทำการเช็ครีวิวของร้านค้า รวมถึงรีวิวของตัวสินค้าด้วย และเนื่องจากเป็นร้านค้าจากทั่วญี่ปุ่นมารวมกันบนเว็บ Yahoo ก่อนจะทำการซื้อสินค้าแนะนำให้ติดต่อกับทางร้านค้าก่อนว่าสามารถจัดส่งมาให้ที่โรงแรมได้หรือไม่ รวมถึงห้ามลืมติดต่อสอบถามโรงแรมด้วยว่าสามารถทำการสั่งสินค้ามาส่งที่โรงแรมได้หรือไม่
9. Yellow Submarine
สายอนิเมะ การ์ดเกมส์ ต่างๆ ไม่มีใครไม่รู้จักร้าน Yellow Submarine อย่างแน่นอน สัญลักษณ์เรือดำน้ำสีเหลืองโดดเด่นทำให้จดจำแบรนด์ได้ง่าย แถมยังมีสาขากว่า 25 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีแบ่งแยกเป็นประเภทดังนี้ 1.สาขาที่เน้นไปที่การ์ดเกมส์ และการ์ดอนิเมะต่างๆ 2. สินค้าของสะสมอนิเมะและเกมส์ต่างๆ และ 3. ของเล่น ฟิกเกอร์ และของสะสมต่างๆ แต่สำหรับช็อปออนไลน์แล้วคุณสามารถช้อปปิ้งทุกประเภทได้ในที่เดียว ซึ่งช็อปออนไลน์ของทาง Yellow Submarine จะเปิดขายอยู่ในเว็บของ Rakuten ส่วนในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการนั้นจะเน้นไปที่ขายส่งอุปกรณ์ฮอบบี้ต่างๆ
10. BicCamera
แน่นอนว่าไม่มีสายช้อปคนไหนที่ไม่รู้จัก BicCamera ถ้าหากมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วยังไงก็ต้องแวะไปเดินดูหาของฝากยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มแอลกอฮอล สาเกญี่ปุ่น ขนมญี่ปุ่นต่างๆ รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ และนอกจากนี้สายเกมส์และอนิเมะก็พลาดไม่ได้เพราะมีสินค้าเกมส์และอนิเมะให้เลือกซื้อได้หลากหลายเช่นกัน หากใครไม่ต้องการช้อปปิ้งออนไลน์ อย่างน้อยก็สามารถตรวจสอบสินค้าและเช็คราคาก่อนไปเห็นของจริงได้ แต่ถ้าใครไม่อยากถือของหนักๆ ก็สามารถสั่งออนไลน์ได้เช่นกัน หรือหากกังวลว่าวันไปช้อปจะไม่มีสินค้า ก็สามารถสั่งสินค้าทางออนไลน์ไว้ก่อนและไปรับสินค้าได้ที่สาขาของ BicCamera เช่นกัน
11. Yodabashi Camera
เช่นเดียวกัน Yodabashi Camera ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ร้านค้าที่นักช้อปไม่ควรพลาด เนื่องจากมีสินค้าที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์เสริม ขนมของฝากต่างๆ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สาเกญี่ปุ่น และอื่นๆ ซึ่งเราสามารถลองส่องสินค้าที่มีวางขายได้บนเว็บไซต์ออฟิเชียล หากเจอสินค้าที่ต้องการก็สามารถสั่งซื้อออนไลน์และรอรับของได้ที่ที่พักโดยไม่ต้องเดินทางไปซื้อให้เสียเวลา หรือยังไงก็ต้องเดินทางไปอยู่แล้วหรือที่พักไม่สามารถรับของจากการสั่งออนไลน์ ก็สามารถสั่งซื้อและไปรับของที่สาขาที่กำหนดได้เช่นกัน
12. MINT Games Ikebukuro
ร้านการ์ดเกมส์และอนิเมะต่างๆ ที่พึ่งเปิดบริการเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วตั้งอยู่ในห้าง PARCO สาขาอิเคะบุคุโระ ชั้น 2 ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในสาขาของร้าน MINT ที่มีสินค้าฮอบบี้มากมายหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกีฬาก็มีทั้ง ของสะสมจากผู้เล่นทั่วโลก การ์ดกีฬาต่างๆ รวมถึงการ์ดเกมส์ และการ์ดอนิเมะต่างๆ อีกด้วย ซึ่งจะมีจำหน่ายต่างกันไปตามสาขา แต่ที่ MINT Games Ikebukuro นั้นจะเป็นสาขาเฉพาะที่มีแต่การ์ดเกมส์และอนิเมะเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การ์ดโปเกม่อน การ์ดวันพีช การ์ดยูกิ การ์ด Magic แต่คุณสามารถช้อปปิ้งออนไลน์ได้ทุกหมวกหมู่ในที่เดียวที่เว็บออฟฟิเชียลของ MINT
สมัครสมาชิกและสั่งซื้อยากมั้ย?
โดยทั่วไปแล้วเว็บไซต์ช๊อปปิ้งออนไลน์ก็จะเหมือนๆ กันทั่วโลก จะมีความยากก็แค่เพียงส่วนของภาษาเท่านั้น แต่ในญี่ปุ่นอาจจะมีความแตกต่างในการกรอกที่อยู่สักหน่อยเนื่องจากการเรียงเขียนที่อยู่อาจจะต่างจากประเทศอื่นๆ นิดหน่อย มาลองดูตัวอย่างเบื้องต้นกันหน่อยดีกว่า จะได้ช้อปปิ้งกันได้ง่ายยิ่งขึ้น
ตัวอย่างจากเว็บ ZOZOTOWN ซึ่งทุกๆ เว็บจะมีวิธีการสมัครสมาชิกที่คล้ายๆกัน เริ่มจากลองมองหาปุ่มเมนูของเว็บไซต์ หรือบางเว็บอาจจะมีเป็นปุ่มให้ล๊อคอิน ログイン(ล๊อคอิน) เมื่อลองคลิกล๊อคอินหรือเมนูแล้วให้สังเกตุปุ่มสมัครสมาชิก 新規会員登録(สมัครสมาชิกใหม่) จากนั้นก็กดเริ่มสมัครสมาชิกกันได้เลย
ซึ่งการสมัครสมาชิกนั้นจะมีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น การสมัครผ่านไลน์ไอดี, Yahoo, Apple, อีเมล และอื่นๆ แต่แนะนำให้สมัครผ่านการใช้อีเมลน่าจะเป็นวิธีที่สะดวกมากที่สุด เนื่องจากการใช้ไลน์ไอดีหรือบริการอื่นๆ คุณอาจจะต้องเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น เลือก メールアドレスで登録 (สมัครผ่านทางอีเมล) แล้วไปต่อกันเลย
เข้าสู้หน้าการกรอกข้อมูล ซึ่งเบื้องต้นจะกรอกเป็นข้อมูลอีเมลและรหัสผ่านที่ต้องการและไปกรอกข้อมูลรายละเอียดภายหลัง หน้านี้ใช้แอพช่วนในการแปลได้สบายๆ เรียงจากข้างบนเริ่มจาก
- 性別 (เพศ) จะมีตัวเลือก 男性 (ชาย) 女性 (หญิง) その他 (อื่นๆ)
- 生年月日 (วันเกิด) เลือก 年 (ปี) 月 (เดือน) 日 (วัน)
- 郵便番号 (รหัสไปรณีย์) ต้องกรอกรหัสไปรณีย์ซึ่งสามารถทราบได้จากที่อยู่ของที่พักคุณ ซึ่งเป็นตัวเลข 7 หลัง เช่น 110-0055
- メールアドレース (อีเมล)
- パスワード (รหัสผ่าน)
ซึ่งที่กล่าวมานั้นบางข้อมูลไม่จำเป็นต้องกรอก เช่น เพศ หรือวันเกิด ให้เราสังเกตุจากตัวอักษรสีแดงด้านหลังแสดงถึงข้อมูลที่จำเป็นต้องกรอก เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วจากนั้นก็กดปุ่นสมัครสมาชิกด้านล่างได้เลย แต่บางเว็บต้องการการยืนยันทางอีเมลก่อนถึงจะเริ่มช้อปได้ คุณก็เพียงกดยืนยันผ่านลิงก์ในอีเมลหรือบางเว็บอาจจะต้องการยืนยันเป็นเลขโค๊ด เราก็เพียงทำตามขั้นตอนก็เป็นอันเรียบร้อย
จากนั้นเราก็เริ่มช้อปปิ้งกันได้เลย! และเมื่อเราได้สินค้าที่ต้องการแล้วก็มาถึงขั้นตอนการชำระเงิน เมื่อเรากดที่รถเข็นของเราจะมีข้อมูลให้เราตรวจสอบรายการที่ต้องการซื้อ เมื่อเราตรวจสอบเรียบร้อยแล้วเราก็กดที่ปุ่ม レジへ進む (ไปจ่ายเงิน) ได้เลย
มาถึงขั้นตอนสำคัญนั่นก็คือ การกรอกที่อยู่และชำระเงิน เรามาเริ่มจากวิธีการกรอกที่อยู่กันเลย
- お名前 ชื่อนามสกุลซึ่งที่ญี่ปุ่นจะกรอก นามสกุล ก่อนและตามด้วย ชื่อ
- お名前(カナ)ชื่อตัวอักษรญี่ปุ่นคาตาคานะซึ่งจำเป็นต้องกรอก สามารถแปลได้จากการที่ใส่ชื่อภาษาอังกฤษของเราไปใน Google Translate และให้แปลเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ชื่อบางคนอาจจะมีความหมายตรงและแปลออกมาไม่เป็นคาตาคานะ ก็อาจจะต้องใช้ Katakana Converter กันดู ซึ่งสามารถค้นหาได้จาก Google เช่นกัน รับรองว่าไม่ยาก
- 郵便番号 รหัสไปรษณีย์ที่พัก
- 都道府県 จังหวัด เช่น โตเกียว(Tokyo)
- 住所1ที่อยู่1 จะกรอกเป็น เมือง เขต บล๊อคที่อยู่ เช่น Chuo City, Ginza, 2 Chome เลขที่อยู่ เช่น 1-1-1
- 住所2 จะกรอกเป็นชื่อโรงแรม ตึก อพาร์ทเม้นท์ และเบอร์ห้องพัก
- 電話番号 เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งต้องทำการติดต่อขอจากที่พัก
จากนั้นก็กรอกข้อมูลบัตรเครดิตใส่ในช่อง クレジットカード(เครดิตการ์ด) และกดที่ปุ่มไปชำระเงินได้เลย แต่ในกรณีที่บางเว็บไซต์ที่ไม่สามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตต่างประเทศได้ ก็ต้องดูว่าสามารถทำการชำระเงินผ่านช่องทางอื่นๆ อย่างไรได้บ้าง เช่น จ่ายเงินผ่านร้านสะดวกซื้อ จ่ายเงินผ่านแอพต่างๆ ตัวอย่างเช่น Alipay และอื่นๆ
ในบางเว็บไซต์ที่สามารถทำการรับของที่ร้านสะดวกซื้อได้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องกรอกที่อยู่ต่างๆ สามารถเลือกสาขาร้านสะดวกซื้อที่ต้องการไปรับของได้เลย และคุณจะได้เลขรับของซึ่งใช้ในตอนรับของ ก็ให้บอกพนักงานว่า "นิโมสึอุเคโทริ" (荷物受け取り) และยื่นเลขให้พนักงานดู และนอกจากนี้ในขั้นตอนการชำระเงินก็เช่นกันกรณีที่สามารถชำระที่ร้านสะดวกซื้อได้ก็จะมีตัวเลือกให้คุณกดเช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้อาจจะต้องใช้เครื่องมือในการช่วยแปลกันหน่อย แต่ถ้าได้ลองครั้งแรกแล้วรับรองว่าประสบการณ์ในการช้อปปิ้งในญี่ปุ่นของคุณจะเปลี่ยนไปแน่นอน และสุดท้ายนี้ขอย้ำอีกครั้งว่าถ้าต้องการให้สินค้าไปส่งถึงที่พัก ก็อย่าลืมแจ้งกับที่พักและขออนุญาติก่อนว่าเราจะทำการสั่งสินค้าออนไลน์มา หรือบางร้านค้าอาจจะต้องอีเมลไปสอบถามก่อนว่าสามารถจัดส่งไปที่โรงแรมได้หรือไม่ ขอให้ช้อปปิ้งกันอย่างมีความสุขนะคะ
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่