ฝนตกก็ไม่หวั่น! เรื่องควรรู้ก่อนมาเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูฝน (พ.ค.-ก.ค.)

เวลาจะไปเที่ยวที่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือสภาพอากาศ หากฝนตกล่ะก็วิวสวยๆ ที่อยากจะดูก็ไปดูไม่ได้ งานเทศกาลต่างๆ ก็ต้องหยุดกลางคัน อุตส่าห์วางแผนมาดีๆ ทริปก็อาจจะล่มไม่เป็นท่า สำหรับประเทศญี่ปุ่นช่วงที่ฝนตกบ่อยคือช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม เรียกได้ว่าเป็นฤดูที่ควรระวังที่สุดฤดูหนึ่งเลยทีเดียว เพราะช่วงเวลาหน้าฝนนั้นแตกต่างกันไปในแต่ล่ะพื้นที่ ! ในบทความนี้ จะมาแนะนำข้อมูลเบื้องต้นของฤดูฝนในญี่ปุ่น ช่วงเวลาที่ฝนตก รวมไปถึงวิธีการเที่ยวในฤดูฝนให้ทุกท่านได้ทราบกัน !

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

ฤดูฝนคืออะไร ?

Flickr / chez_sugi

เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสี่ฤดูคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งแต่ละฤดูก็จะมีจุดเด่นที่พลาดไม่ได้แตกต่างกันออกไป เช่น ดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง รวมไปถึงหิมะสีขาวในฤดูหนาว เป็นความงดงามตามธรรมชาติที่เปลี่ยนผันไปตามฤดูกาล

แต่ทว่า ก่อนจะเข้าสู่ฤดูร้อนอันแสนร้อนชื้นอย่างเต็มตัว ก็จะมีเมฆฝนปกคลุมทั่วเกาะญี่ปุ่น สำหรับเกาะฮอนชู (เกาะหลักของญี่ปุ่น) จะเป็นช่วงเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม และสำหรับเกาะโอกินาว่าจะเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน

ทำไมถึงเกิดฤดูฝน ? นั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อถึงช่วงเวลาเปลี่ยนจากฤดูใบไม้ผลิไปเป็นฤดูร้อนนั้นจะเกิดความกดอากาศสูงในมหาสมุทรแปซิฟิค ทำให้มวลความกดอากาศสูงถูกกดไว้ที่ทางเหนือของทวีป แนวปะทะมวลอากาศคงที่ (Meiyu front) จึงชะลอตัวที่บริเวณหมู่เกาะ เป็นเหตุให้เกิดฝนหรือเมฆครึ้มแทบจะทุกวันนั่นเอง โดยฤดูฝนนี้จะเกิดขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่น ยกเว้น เกาะฮอกไกโด

'ฤดูฝน' อยู่ในช่วงไหน แล้วฝนจะตกหนักแค่ไหนกันนะ ?

Flickr / Tatters

ถึงแม้ปริมาณฝนที่ตก ความแรงของฝน และจุดที่ฝนตก (เช่น ริมฝั่งหรือในแผ่นดิน) จะต่างกันออกไปในแต่ละปี แต่มีแนวโน้มว่าปริมาณน้ำฝนจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นในฝั่งตะวันตก เช่น ภูมิภาคคันโตและโทโฮคุที่อยู่ค่อนไปทางทางตะวันออกจะมีปริมาณน้ำฝนประมาณ 300 มม. ต่อปี (ประมาณ 1 ใน 5 ของปริมาณน้ำฝนในหนึ่งปี) ในขณะที่เกาะคิวชูที่อยู่ค่อนไปทางตะวันตกจะมีปริมาณน้ำฝนประมาณ 500 มม. ต่อปี (ประมาณ 1 ใน 4 ของปริมาณน้ำฝนในหนึ่งปี) แต่ก็มีบางปีที่มีฝนตกน้อยมากเพียงแค่ประมาณ 150 มม. เท่านั้น

ในช่วงครึ่งแรกของฤดูฝนจะมีเมฆมากสลับกับฝนตกปรอยๆ แต่เมื่อเข้าครึ่งหลังก็มีโอกาสมากขึ้นที่ฝนจะตกหนัก จุดเด่นอีกข้อของช่วงนี้คือช่วงเวลาที่มีแสงแดดจะค่อนข้างสั้น ที่โตเกียวในเดือนมิถุนายนเคยมีวันที่ไม่มีแสงแดดส่องเลยยาวติดต่อกัน 8 วัน และมีหลายวันที่มีฝนตกไม่มากแต่ฟ้ามืดครึ้มตลอดทั้งวัน

 

ช่วงฤดูฝนของภูมิภาคต่างๆ

ความยาว และช่วงเวลาของฤดูฝนจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี ฤดูฝนจะเริ่มจากทางใต้ที่มีความอบอุ่นและค่อยๆ คลืบคลานขึ้นไปทางทิศเหนือ ช่วงหมดฤดูฝนเองก็เริ่มจากทางใต้ขึ้นไปยังทิศเหนือเช่นเดียวกัน

โอกินาว่าซึ่งอยู่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของญี่ปุ่นนั้นจะเข้าสู่ฤดูฝนประมาณวันที่ 9 พฤษภาคม และหมดฤดูฝนประมาณวันที่ 23 มิถุนายน ส่วนทางฝั่งคันไซ (หรือ Kinki) จะเป็นช่วงประมาณวันที่ 7 มิถุนายนถึง 21 กรกฎาคม  ส่วนโตเกียวจะเป็นช่วงประมาณวันที่ 8 มิถุนายนถึง 21 กรกฎาคม ส่วนมากฤดูฝนจะมีระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนถึงหนึ่งเดือนครึ่ง แต่สภาพภูมิอากาศในบางปีก็ทำให้ฤดูฝนยาวนานกว่าปกติ เมื่อหมดหน้าฝนแล้วท้องฟ้าจะสดใสและอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

เสื้อผ้าที่ใช้ในฤดูฝน

Flickr /Dick Thomas Johnson

ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อนหรือช่วงเดือนมิถุนายน เป็นช่วงที่ฝนจะมาเยือนเกาะญี่ปุ่น ทำให้ฝนตกหนักต่อเนื่องข้ามวันข้ามคืน ยิ่งฝนตกมากความชื้นก็ยิ่งมาก ถึงจะไม่มีแดดมาทำให้เหงื่อออกก็เหนียวตัวเพราะความชื้น หรือเวลาจะออกไปไหนก็ฝนตก ทำให้เที่ยวค่อนข้างลำบาก และด้วยความที่เป็นช่วงเปลี่ยนฤดู บางวันอุณหภูมิในเวลากลางวันและกลางคืนจะต่างกันมาก ปกติแล้วใส่แค่เสื้อบางๆ ก็ได้ แต่เตรียมเสื้อคลุมหรือแจ็คเก็ตที่ถอดออกได้มาเผื่อด้วยจะดีกว่า

 

Klook.com

แล้วอย่างนี้หน้าฝนจะทำอะไรดีล่ะ ?

หน้าฝนเนี่ยฝนก็ตกเมฆก็เยอะแถมยังชื้นอีก คงไม่ค่อยมีใครอยากออกไปข้างนอกกันสักเท่าไหร่ แต่ไหนๆ ก็มาถึงญี่ปุ่นแล้ว ถึงอากาศจะแย่ก็ต้องเที่ยวให้คุ้ม ! ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าในช่วงฝนตกนั้นทำอะไรได้บ้าง บางกิจกรรมก็ทำได้เฉพาะวันที่ฝนตกเท่านั้นด้วย บางทีอาจจะทำให้คุณอยากให้ฝนตกไปเลยก็ได้นะ

 

1. เพราะฝนตกยังไงล่ะถึงต้องไปดูวิวที่นี่ !

ช่วงที่ฝนตกปรอยๆ นี่แหละ เป็นช่วงที่ "มอส" สวยที่สุด หากมองดูตามพื้นดินและตามลำต้นของต้นไม้ก็จะพบมอสแผ่เป็นวงกว้าง ถึงจะไม่โดดเด่นแต่ทุกต้นก็มีเอกลักษณ์ ในวันที่ฝนตกที่ปลายใบเองก็จะมีหยดน้ำมาเกาะและส่องประกายระยิบระยับสะท้อนไปทั่วบริเวณ เป็นภาพที่สวยงามมาก

 

・Oirase Gorge・奥入瀬渓流 (จังหวัดอาโอโมริ)

หุบเขาโออิราเสะ หรือ Oirase Gorge อยู่ในจังหวัดอาโอโมริ ในช่วงที่ฝนตกต้นไม้และมอสจะเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ประจุลบที่เกิดจากการถักทอรวมกันของต้นไม้และน้ำจะปกคลุมไปทั่วบริเวณทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ทางเดินก็ถูกสร้างไว้อย่างเรียบร้อย ต่อให้เป็นวันที่ฝนตกก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเดินลำบาก รับรองว่าไปแล้วเที่ยวได้อย่างเต็มที่แน่นอน

 

・Bijin Bayashi・美人林 (จังหวัดนีงาตะ)

Flickr / Bjtenkinzoku

เพราะเป็นป่าที่มีความสวยงามมาก จึงได้รับชื่อว่า Bijin Bayashi ที่แปลว่า ป่าหญิงงาม ตั้งอยู่ในจังหวัดนีงาตะ มีต้นบีชญี่ปุ่นที่มีอายุกว่า 100 ปี บ่อน้ำที่ตั้งอยู่กลางป่าสะท้อนภาพของต้นบีชดูราวกับบานกระจกบนสรวงสวรรค์ ทำให้ป่าแห่งนี้ดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก ใบสีเขียวและลำต้นสีขาวของต้นบีช เมื่อเปียกน้ำฝนก็ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล เหมาะกับการเดินเล่นรับประจุไอออนลบมากๆ

・Narai-juku・奈良井宿 (จังหวัดนากาโน่)

จังหวัดนากาโน่นั้นมีชื่อเสียงในเรื่องไม้ Kiso-Hinoki หรือไม้จากต้นไซปรัสที่เติบโตในพื้นที่ชื่อ Kiso ถึงขนาดนำมาใช้ในการสร้างสะพานและบ้านเรือน

ไม้ Hinoki นี้ เมื่อโดนน้ำฝนจะส่งกลิ่นแรงขึ้น ดังนั้นถ้าไปเดินเล่นที่ Narai-juku ในวันที่ฝนตกล่ะก็ จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้ Hinoki ที่โชยมาให้ชื่นใจได้อย่างแน่นอน

"Narai-juku" เป็นเมืองที่รุ่งเรืองด้านที่พักในสมัยเอโดะ จึงยังมีทางเดินที่ปูด้วยหินและบ้านเรือนที่ทำด้วยไม้จากสมัยนั้นหลงเหลืออยู่ เป็นเมืองที่มีความเป็นญี่ปุ่นมาก ยิ่งฝนตกก็ยิ่งทำให้วิวในเมือง Narai-juku ดูงดงามมากขึ้น

 

・Iya Valley, Kazura Bashi・祖谷渓、かずら橋 (จังหวัดโทคุชิมะ)

ท่ามกลางภูเขาที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตามีช่องแคบที่มีแม่น้ำ Iyagawa ใสแจ๋วไหลผ่าน สถานที่ที่จะเห็นธรรมชาติที่งดงามเหล่านี้ได้ คือที่หุบเขาอิยะ หรือ Iya Valley ในจังหวัดโทคุชิมะ วันที่อากาศแจ่มใสนั้นไม่ต้องพูดถึง ช่วงหน้าฝนที่มีม่านหมอกปกคลุมนิดๆ ก็เป็นที่กล่าวขานกันว่าดูงดงดงามราวกับภาพวาด

ที่นี่ยังมีสะพานคาซุระ (Kazura Bashi) ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสามสะพานเก่าแก่ที่มีโครงสร้างพิเศษดูแปลกตาที่สุดในญี่ปุ่นพาดผ่าน นอกจากตัวสะพานจะมีรูปร่างสวยงามถ่ายภาพขึ้นสุดๆ แล้ว วิวที่มองลงมาจากสะพานก็สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน

 

・Takachiho Gorge・高千穂峡 (จังหวัดมิยาซากิ)

หุบเขาทาคาจิโฮะ หรือ Takachiho Gorge เป็นสถานที่สวยงามขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่น ได้รับการยกย่องเป็นมรดกทางธรรมชาติ  ตั้งอยู่ในเมือง Takachiho ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือสุดของจังหวัดมิยาซากิ

เมืองนี้ที่มีเรื่องเล่าในตำนานอยู่มากมาย และมีศาลเจ้าตั้งอยู่ เป็นจุดรับพลังทางจิตวิญญาณ สถานที่ที่พลาดไม่ได้เลยของที่นี่คือ "น้ำตกมานาอิ (真名井の滝; Manai no Taki)" ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในร้อยน้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ยิ่งฝนตกก็ยิ่งทำให้มีปริมาณน้ำมากขึ้น ทำให้สถานที่แห่งนี้ยิ่งดูลึกลับและงดงาม ถ้าได้นั่งเรือในวันฝนตกโดยอาจจะใส่เสื้อกันฝนหรือถือร่มไว้ ก็จะได้สัมผัสกับภาพวิวที่งดงามนี้ได้ใกล้กว่าเดิม

2. ถ้าพูดถึงหน้าฝนล่ะก็ ต้องนึกนึงดอกไฮเดรนเยียร์ (อาจิไซ)

"ดอกไฮเดรนเยียร์" หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าอาจิไซ เป็นดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของฤดูฝนในประเทศญี่ปุ่น ดอกไฮเดรนเยียร์สีพาสเทลอ่อนๆ กับใบสีเขียวสดใส ยิ่งฝนตกก็ยิ่งดูสดชื่น

 

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

จุดชมดอกไฮเดรนเยียร์ที่มีชื่อเสียง

Klook.com

・Michinoku Hydrangea Garden・みちのくあじさい園 (จังหวัดอิวาเตะ)

สวนมิจิโนคุ หรือ Michinoku Garden เป็นสวนที่มีดอกไฮเดรนเยียร์ 400 ชนิด กว่า 40,000 ต้น บานเรียงรายอยู่สองข้างทางเดินกว่า 2 กิโลเมตร เป็นสวนดอกไฮเดรนเยียร์ที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งญี่ปุ่นตะวันออก มีความสวยงามราวกับเป็นฉากหนึ่งของภาพยนตร์ ดอกไฮเดรนเยียร์สีต่างๆ ล้อมรอบด้วยป่าสนที่ตั้งตระหง่านให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

 

・Minoyama Park・美の山公園 (จังหวัดไซตามะ)

สวนมิโนยามะ หรือ Minoyama Park ตั้งอยู่บนยอดเขามิโนยามะ เป็นสวนที่แผ่กว้างกินพื้นที่เมืองชิชิบุ (Chichibu) และเมืองมินาโนะมาจิ (Minanomachi) ในจังหวัดไซตามะ มีดอกไม้หลากหลายชนิดผลัดกันบานในแต่ละฤดู แต่ดอกไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของสวนนี้คือดอกไฮเดรนเยียร์นั่นเอง

ในฤดูฝนดอกไฮเดรนเยียร์กว่า 4,500 ต้นจะบานเต็มแนวลาดเขา สีสันสดใสของดอกไฮเดรนเยียร์ที่เบ่งบานตัดกับสีเขียวสดของต้นไม้ใบหญ้าได้เป็นอย่างดี ถ้าหากโชคดีก็อาจจะได้เห็นทะเลเมฆและดอกไฮเดรนเยียร์ที่ต้องแสงอาทิตย์ยามเย็นด้วยก็ได้นะ

・Hakusan Shrine・白山神社 (โตเกียว เขตบุนเคียว)

ศาลเจ้าฮาคุซัน หรือ Hakusan Shrine เป็นหนึ่งในจุดชมดอกไฮเดรนเยียร์ที่สวยที่สุดในเขตเมืองโตเกียว และยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลดอกไฮเดรนเยียร์ของเขตบุนเคียว (Bunkyo-ku) อีกด้วย ภายในมีดอกไฮเดรนเยียร์หลากสีกว่า 3,000 ต้น เบ่งบานอยู่อยู่เต็มสวน สวนนี้ตั้งอยู่ในเขตบุนเคียวซึ่งมีบรรยากาศย้อนยุค ปกติเขตนี้จะเงียบสงบ แต่พอเข้าสู่ช่วงกลางเดือนมิถุนายนก็จะคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกไฮเดรนเยียร์จากทั้งในและนอกโตเกียว

 

 

・Meigetsu-in・明月院 (จังหวัดคานากาว่า)

วัดเมเกทสึ หรือ Meigetsuin เป็นวัดที่มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า Ajisai-dera หรือวัดดอกไฮเดรนเยียร์ ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในเขตคันโต ทางเดินเข้าอาคารหลักของวัดมีดอกไฮเดรนเยียร์อยู่สองข้างอย่างสวยงาม มีทั้งสีฟ้า สีม่วง และสีชมพู ดอกไม้ที่บานสะพรั่งในหน้าฝนกับวัดที่ตั้งตระหง่านดูงดงามจนแทบลืมหายใจ เห็นไหมหน้าฝนก็ไม่ได้แย่เสมอไปนะ

・Katahara Onsen - Ajisai no Sato・形原温泉 (จังหวัดไอจิ)

คาตาฮาระออนเซ็น หรือ Katahara Onsen เป็นหนึ่งในออนเซ็นในเมืองออนเซ็นริมหาดมิคาวะ บริเวณใกล้ๆ จะมีบ่อน้ำ Hodaigaike ซึ่งถูกสร้างเป็นหมู่บ้านดอกไฮเดรนเยียร์ ตามสองข้างทางเดินมีดอกไฮเดรนเยียร์บานอยู่กว่า 50,000 ดอก ในทุกปีจะมีการเทศกาลดอกไฮเดรนเยียร์ในเดือนมิถุนายนซึ่งมีผู้เยี่ยมชมกว่า 100,000 คน อีกทั้งในช่วงเทศกาลจะมีรถบัสชั่วคราวให้บริการด้วย

ในเวลากลางคืนที่สวนแห่งนี้จะประดับประดาด้วยแสงไฟ ความงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายของดอกไฮเดรนเยียร์ซึ่งต่างจากเวลากลางวันอย่างสิ้นเชิงนั้นทำให้มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีการแสดงชุด "การร่ายรำของหิ่งห้อย" เปิดแสดงที่ Hotaru no Yado เวลา 19.30 น. รับรองว่าดอกไฮเดรนเยียร์ในแสงไฟยามค่ำคืนนั้นสวยงาม ควรค่าแก่การมาเที่ยวชมอย่างแน่นอน

 

・Yoshimine-dera・善峯寺 (จังหวัดเกียวโต)

วัดโยชิมิเนะเดระ หรือ Yoshimine-dera เป็นสวนที่มีดอกไฮเดรนเยียร์กว่าหมื่นต้น แต่งแต้มบนพื้นที่ราบขนาดกว่า 6 ไร่ มีดอกไฮเดรนเยียร์หลากหลายสายพันธุ์ทั้ง Seiyou-Ajisai (ดอกไฮเดรนเยียร์ญี่ปุ่นที่ถูกนำไปปรับปรุงพันธุ์ในประเทศตะวันตก) Gaku-Ajisai  และ Yama-Ajisai ในวันที่หมอกลงจัด ดอกไฮเดรนเยียร์จะได้รับความชุ่มชื้น ทำให้ลาดเขาที่ปกคลุมไปด้วยดอกไฮเดรนเยียร์แห่งนี้ยิ่งดูสดชื่นยิ่งขึ้น

วัดแห่งนี้ยังตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 300 เมตร จากน้ำทะเล ทำให้ระหว่างชมดอกไฮเดรนเยียร์ ก็จะสามารถมองเห็นเกียวโตทาวเวอร์ เมืองเกียวโต และภูเขาเฮเอ (比叡山) ได้พร้อมกัน เป็นจุดชมวิวชื่อดังที่อยากให้ทุกคนไปสัมผัส

 

・Oshidori Lake・おしどりの池 (จังหวัดนางาซากิ)

ดอกไฮเดรนเยียร์กว่า 10,000 ดอก บานอยู่ริมทะเลสาบสีมรกต เป็นภาพที่นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศต่างก็หลงใหล ที่นี่คือ ทะเลสาบโอชิโดริ หรือ Oshidori Lake นอกจากนี้บริเวณใกล้ๆ ยังมีสถานที่ที่บูชาเทพเจ้าด้านการค้าที่มีชื่อเสียงอย่าง Daikokutenmagaibutsu ซึ่งมีผู้เดินทางมาสักการะบูชาเป็นจำนวนมากเช่นกัน

 

3. สวนสนุกที่ถึงฝนตกก็เที่ยวได้ !

ฝนตกแล้วไปสวนสนุกเนี่ยนะ !? ฟังยังไงก็ดูไม่น่าสนุกเอาซะเลย แต่ญี่ปุ่นนั้นมีสวนสนุกในร่ม ที่มีเครื่องเล่นหลากหลายชนิดให้เลือกเล่น ต่อไปนี้จะขอแนะนำสวนสนุกในร่มในโตเกียวยอดนิยมให้ทุกท่านได้รู้จักกัน

 

・Tokyo Joypolis

Tokyo Joypolis เป็นหนึ่งในสวนสนุกในร่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตโอไดบะ  มีเครื่องเล่นให้เลือกเล่นกว่า 20 ชนิด เต็มไปด้วยเครื่องเล่นที่ฉายภาพเสมือนจริง และเนื่องจากเป็นสวนสนุกของ SEGA บริษัทเกมส์ที่โด่งดังของญี่ปุ่น จึงมีการจัดงานอีเวนต์ร่วมกับอนิเมะเรื่องต่างๆ บ่อยครั้ง

อีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่คือ สามารถเข้าออกสวนสนุกได้ตามใจชอบ รับรองได้เลยว่า เพียงแค่หนึ่งวันก็สามารถช็อปปิ้งในห้างใหญ่ย่านโอไดบะ รับประทานอาหารอร่อยๆ พร้อมกับสนุกไปกับเครื่องเล่นใน Tokyo Joypolis ได้ !

 

Klook.com

・Sanrio Puroland

Sanrio Puroland เป็นสวนสนุกในร่มที่คุณจะได้พบเจอกับเหล่าตัวละครแสนน่ารักจากซานริโอ ไม่ว่าจะเป็น Hello Kitty, Gudetama, Pompompurin, Cinnamonroll และอื่นๆ นอกจากการเดินทางจะใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที จากชินจูกุแล้ว ยังมีเครื่องเล่นหลากหลาย มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลมีเดีย พาเหรดที่ใช้ดนตรีมิวสิคอล และของฝากลายตัวการ์ตูนจากซานริโอที่หาซื้อได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น !

ในวันที่ฝนตกหากนำสินค้า "Kerokerokeroppi (けろけろけろっぴ)"  ไปด้วย จะได้รับส่วนลดเคโระเคโระ (けろけろ割引) โดยลดค่าเข้า Puroland จากปกติราคาผู้ใหญ่ 3,300 เยน เหลือ 2,500 เยน ได้อีกด้วยนะ

 

・LEGOLAND DISCOVERY CENTER Tokyo

LEGOLAND DISCOVERY CENTER Tokyo ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า DECKS Tokyo Beach ที่นี่คุณจะได้เต็มอิ่มไปกับโลกของเลโก้  มีตั้งแต่ของเล่นส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์อย่างบล็อกตัวต่อ ไปจนถึงห้องเรียนเลโก้ที่สอนโดย "มาสเตอร์เลโก้" ให้คุณได้สนุกไปพร้อมกับการเรียนรู้ ! 

แม้ว่าที่นี่จะเป็นพื้นที่สำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พาเด็กมาด้วยจึงเข้าไม่ได้ แต่ก็ยังมี "ห้องเรียนเลโก้สำหรับผู้ใหญ่" เปิดสอนในวันที่ 5 ของทุกเดือน และ "เลโกไนท์" ทุกวันเสาร์ที่ 3 ของเดือน ที่ผู้ใหญ่คนเดียวก็เข้าร่วมได้ ! ปัจจุบันมี 2 สาขาคือ โตเกียว และโอซาก้า

 

・OOedo-onsen Monogatari (大江戸温泉物語)

โอเอโดะออนเซ็นโมโนกาตาริ เป็นสวนสนุกและออนเซ็นในธีมยุคเอโดะ ตั้งอยู่ในโตเกียวย่านโอไดบะ ที่นี่ได้จำลองเมืองเก่าในสมัยปี ค.ศ. 1600 ให้คุณได้เพลิดเพลิน นอกจากจะมีบ่อออนเซ็นแล้ว ยังมีบ่อแช่เท้า ซาวน่าหินร้อน และอาหารหลากหลายให้คุณได้ลิ้มลอง เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 09.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ทำให้เป็นที่นิยมในลูกค้าหลากหลายกลุ่มทุกช่วงวัยทั้งครอบครัว คู่รัก เพื่อน และคนต่างชาติ

นอกจากที่ได้กล่าวไปแล้ว แม้แต่สวนสนุกกลางแจ้งสุดโด่งดังอย่างโตเกียวดิสนีย์แลนด์ โตเกียวดิสนีย์ซี และยูนิเวอร์ซอลสตูดิโอเจแปน ที่มีคนเยอะแทบทุกวัน ก็จะโล่งในวันฝนตก แม้แต่เครื่องเล่นที่แถวยาวในวันปกติ เมื่อฝนตกก็แทบจะไม่ต้องรอเลยทีเดียว !

4. วันฝนตกอย่างนี้ ไปเที่ยวหอศิลป์หรือพิพิธภัณฑ์กันดีกว่า !

ประเทศญี่ปุ่นมีหอศิลป์หลายแห่งที่มีประวัติมายาวนาน หากจะยกตัวอย่างหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ในเมืองโตเกียวแล้วก็ไม่พ้น 

Edo-Tokyo Museum (江戸東京美術館) เรียนรู้ประวัติศาสตร์กว่า 400 ปี ของนักรบซามูไรได้ที่นี่
National Museum of Western Art (国立西洋美術館) จัดแสดงศิลปะตะวันตก
The National Art Center, Tokyo (国立新美術館)
Tokyo National Museum (東京国立博物館)
T
eamLab Borderless (チームラボボーダーレス
Yayoi Kusama Museum (草間彌生美術館
Sumō Museum (相撲博物館)

ณ สถานที่เหล่านี้ คุณจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไปพร้อมกับความสนุกในการสัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นและวัฒนธรรมต่างชาติ เป็นอีกประสบการณ์ที่เราขอแนะนำให้ไปลอง !

 

5. ช็อปปิ้งเต็มอิ่มไม่มีเปียกในห้างใหญ่ที่เชื่อมกับสถานี !!

หนึ่งในเรื่องที่ทำได้ในวันฝนตก คือการสนุกไปกับการช็อปปิ้ง ! มีห้างสรรพค้าหลายแห่งในโตเกียวที่มีทางเชื่อมกับตัวสถานี ถึงแม้จะเป็นวันฝนตกก็สนุกไปกับการช็อปปิ้งและลิ้มลองของอร่อยๆ ได้

ตัวอย่างห้างดังในโตเกียว
Shibuya Hikarie (渋谷ヒカリエ) ณ ย่านชิบูย่าที่มีห้าแยกชิบูย่าที่แสนโด่งดัง

NEWoMan ในย่านชินจูกุ ใกล้กับสถานีชินจูกุ สถานีที่มีผู้ใช้บริการต่อวันจำนวนมากที่สุดในโลก
Odaiba Palette Town (お台場パレットタウン) ในย่านโอไดบะ แหล่งที่ตั้งของสวนสนุกในร่มและร้านค้าขนาดใหญ่จำนวนมาก
Roppongi Hills (六本木ヒルズ) ห้างดังในรปปงงิ ย่านที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรม
Tokyo Solamachi (東京ソラマチ) ใกล้สถานี Oshiage ที่มีโตเกียวสกายทรี หอคอยกระจายคลื่นวิทยุที่สูงที่สุดในโลก
ย่านการค้า Tokyo First Avenue (東京駅一番街) แถวสถานีโตเกียว สถานีเทอร์มินัลของโตเกียว ซึ่งมีจุดน่าสนใจมากมายทั้ง Tokyo Character Street แหล่งรวมสินค้าตัวการ์ตูนอนิเมชั่นและมังงะขนาดใหญ่ รวมถึง Tokyo Ramen Street แหล่งรวมร้านราเมงที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีจากทั่วประเทศ

ถึงจะอยู่ในร่มก็สามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารสี่ฤดู อัพเดตแฟชั่นล่าสุด และซื้อของฝากตามสไตล์ของคุณเองได้ ต่อให้มาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฝนตกหรือฤดูฝน ก็ไม่ต้องกลัวว่าเวลาจะสูญเปล่า ลองมาหาเรื่องสนุกๆ ทำกันดีกว่า !

 

Klook.com

ถึงจะเป็นหน้าฝนก็สนุกสุดเหวี่ยงในญี่ปุ่นได้ !

Flickr / istolethursday

ในช่วงฤดูฝนที่ฝนตกอย่างต่อเนื่อง ความชื้นก็สูง บรรยากาศก็ขมุกขมัวทำเอาอารมณ์หดหู่ไปด้วย แต่ว่าพอลองอ่านสื่งต่างๆ ที่เราแนะนำไปในบทความนี้ ก็จะพบว่าจริงๆ แล้ว มีหลายที่ที่ถึงแม้ฝนจะตกก็เที่ยวสนุกได้ ไหนๆ ก็มาญี่ปุ่นทั้งที มาทำช่วงเวลานี้ให้เป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดสำหรับคุณกันดีกว่า !

 

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Keisuke
Keisuke Tsunekawa
เป็นคนญี่ปุ่นที่ชอบหลีกหนีจากชีวิตในเมืองโตเกียวเป็นครั้งคราว เพื่อค้นพบเส้นทางใหม่ๆ รวมถึงท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าได้สนุกกับการเชื่อมโยงกับสิ่งที่แตกต่างไปจากที่เคยทำเคยเห็นในชีวิตประจำวัน
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร