Starbucks Reserve Roastery แห่งแรกของญี่ปุ่นเปิดให้บริการแล้วที่โตเกียว!
Starbucks Reserve Roastery Tokyo ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2019! นอกจากจะเป็น Reserve Roastery แห่งที่ 5 ของโลกและแห่งแรกของญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ยังเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย แดนสวรรค์ของกาแฟ 4 ชั้นนี้เป็นสถานที่ที่คอกาแฟต้องมาให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตเพราะคุณจะได้รับประสบการณ์สตาร์บัคส์ที่ไม่มีใครเหมือน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
เกี่ยวกับ Starbucks Reserve Roastery
หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรคือ "Starbucks Reserve Roastery" ?
ลองนึกถึงภาพสวนสวรรค์ของกาแฟที่กว้างขวาง หรูหรา และเปิดโอกาสให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับกาแฟในหลายๆ แง่มุม ตั้งแต่ลองชิมกาแฟจากเมล็ดกาแฟระดับพรีเมี่ยมและหาได้ยากที่สุด ไปจนถึงรับชมการคั่วกาแฟอย่างสดๆ Starbucks Reserve Roastery ไม่ใช่ร้านสตาร์บัคส์ทั่วไปที่คุณรู้จัก แต่เป็นร้านที่ใหญ่กว่า คลาสสิกกว่า และมีเมนูเครื่องดื่มและอาหารให้เลือกมากกว่า
Reserve Roastery แห่งแรกเปิดให้บริการขึ้นเมื่อปี 2014 ที่เมืองซีแอตเทิล (Seattle) บ้านเกิดของสตาร์บัคส์ เสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลามทำให้มีการเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ มิลาน และเมื่อธันวาคมที่ผ่านมานี้ก็ที่นิวยอร์ก จนในที่สุดก็ได้มาเปิดที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น!
โตเกียวเป็นเมืองที่น่าจับตามองมากสำหรับกลุ่มคนรักสตาร์บัคส์ เนื่องจากเป็นตลาดสากลอันดับ 1 ของสตาร์บัคส์ที่อยู่นอกทวีปอเมริกาเหนือ ด้วยความที่ Starbucks Coffee Japan รังสรรค์เมนูเครื่องดื่มและของหวานแบบลิมิเต็ดของญี่ปุ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมสตาร์บัคส์ถึงได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในที่แห่งนี้
ย่านอันทันสมัยอย่าง นากาเมกุโระ (Nakameguro) เป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ Reserve Roastery เนื่องจากเป็นหนึ่งสถานที่รับชมดอกซากุระที่สวยสดงดงามและมีชื่อเสียงที่สุดของโตเกียว!
Starbucks Reserve Roastery Tokyo
แม้ว่าจะมีสาขาอื่นอยู่แล้วถึง 4 แห่ง และอีก 1 แห่งกำลังจะเปิดใหม่ที่ชิคาโก (Chicago) แต่ก็กล่าวได้ว่า Reserve Roastery 4 ชั้นของกรุงโตเกียวนี้เป็นสตาร์บัคส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก!
นอกจากจะเป็น Roastery แห่งแรกในญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ยังเป็นแห่งแรกที่ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด! ภายในมีบาร์ชา Teavana ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนภายนอกตัวอาคารเป็นการออกแบบที่ได้รับความร่วมมือจาก Kengo Kuma สถาปนิกชื่อดังของญี่ปุ่น ในขณะที่คอนเซ็ปต์ของ Roastery ทั้งหมดถูกออกแบบโดย Liz Muller ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบผู้รับผิดชอบขั้นตอนการออกแบบ Roastery ทุกแห่งทั่วโลก
ภายในตัวอาคารเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความงามแบบญี่ปุ่นกับการดีไซน์ที่แสนละเอียดอ่อน ตั้งแต่ถังทองเหลืองทรงต้นซากุระขนาดใหญ่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวต้นซากุระข้างแม่น้ำเมกุโระ ไปจนถึงเพดานไม้ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโอริกามิ (ศิลปะการพับกระดาษของญี่ปุ่น)
ณ พื้นที่แห่งนี้ คุณจะได้สัมผัสถึงความลงตัวแสนหรูหราระหว่างดีไซน์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมกับดีไซน์แบบโมเดิร์นในทุกๆ ชั้นของอาคาร แต่ละชั้นมีธีมเป็นของตัวเองและพร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ที่รับรองได้ว่าคุณจะต้องไม่เคยสัมผัสที่ใดมาก่อน
ชั้น 1 - บาร์หลักและร้านขนมปัง Princi
ทริปโลกกาแฟของคุณเริ่มต้นขึ้นที่บาร์หลักบนชั้น 1 ที่ซึ่งคุณจะได้ดื่มด่ำไปกับกาแฟและเรียนรู้ทุกๆ สิ่งเกี่ยวกับมัน! ภายในพื้นที่ที่กว้างขวางและเปิดโล่งนี้ คุณจะได้รับชมขั้นตอนการผลิตกาแฟตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเมล็ด รวมไปถึงชิมเครื่องดื่มกาแฟที่ชงโดยบาริสต้าระดับปรมาจารย์
บาร์นี้จะเสิร์ฟกาแฟสดที่สุดและคุณภาพดีที่สุดให้กับคุณ! เครื่องดื่มชงมือของที่นี่เป็นการผสมผสานอย่างชาญฉลาดของกาแฟรสชาติซับซ้อนและนุ่มลึก อย่างเช่น เมนู Cascara Lemon Sour (1,200 เยน) ซึ่งเป็นกาแฟ Cold brew รสชาติขมแต่ให้ความสดชื่น ทำขึ้นโดยใช้เมเปิ้ลไซรัปและใส่เลมอนลงไปเล็กน้อย
คุณยังสามารถพูดคุยกับบาริสต้าเพื่อเรียนรู้วิธีการชงกาแฟที่ดีที่สุด สอบถามเกี่ยวกับกาแฟของที่นี่และรสชาติที่แตกต่างกันของเมล็ดกาแฟแต่ชนิด หรืออาจจะลองสั่งเครื่องดื่มหลายๆ เมนูมาชิม ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น!
ใกล้กับบันไดเป็นที่ตั้งของร้านขนมปัง Princi ที่เสิร์ฟขนมปังอิตาเลียนอย่างขนมปังโฟคาเซียที่อบใหม่ๆ มีความเป็นต้นตำรับและทำขึ้นแบบแฮนด์เมด พิซซ่ากับสลัดก็มีให้เลือกทานอยู่ด้วยเช่นกัน
หนึ่งในเมนูยอดนิยมของร้านนี้คือ Focaccia Pizza (980 เยน) ซึ่งเป็นแป้งโฟคาเซียท็อปปิ้งด้วยซอสโพโมโดโร ชีสบัฟโฟโรมอซซาเรลลาจากอิตาลี ออริกาโน่ ใบโหระพา และปิดท้ายด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ที่นี่เป็น Princi แห่งแรกในญี่ปุ่น ดังนั้นคุณจึงไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองขนมปังแสนอร่อยเหล่านี้!
ชั้น 2 - บาร์ชา Teavana
ชั้น 2 คือชั้นที่คุณจะได้พบกับบาร์ชา Teavana ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ซึ่งคุณจะสามารถรวมทริปชิมชาเพื่อสำรวจโลกของชาญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ที่นี่เปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การดื่มชารูปแบบใหม่ นำโดยเมนูชาลิมิเต็ดเฉพาะในญี่ปุ่นอย่าง Pop'n Tea Sakura Jasmine (950 เยน) ซึ่งเป็นชาสูตรผสมระหว่าง Jasmine Silver Needle Tea กับ Sakura Allure Tea เพิ่มเติมด้วยกลิ่นหอมของซากุระและดอกไฮบิสคัส แถมยังท็อปปิ้งด้วยไอศกรีมแท่งสีชมพูสดใส ที่คุณจะทานทั้งแบบนั้นเลยหรือจะปล่อยไว้ให้ละลายเพื่อสร้างรสชาติใหม่ให้กับชาก็ได้
นอกจากเมนูที่กล่าวไปแล้ว เครื่องดื่มที่ดูแปลกตาก็มีให้เลือกสรรอยู่มากมาย ตัวอย่างเช่น Sakura Path (1,200 เยน) เครื่องดื่มที่นำชากับสาเกมาผสมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว TEAVANA Cream Soda Matcha (900 เยน) ชาที่ดูเหมือนของหวาน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากครีมโซดาใส่มัทฉะ น้ำโซดา ไอศกรีมวานิลลาและเชอรี่ Golden-sky Black Tea Latte (950 เยน) ลาเต้ชาดำที่มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนใคร สัมผัสได้ถึงกลิ่นอ่อนๆ ของขมิ้นและกระวาน ท็อปปิ้งด้วยก้อนเมฆสีทองที่ทำจากขนมสายไหมรสขมิ้น
เครื่องดื่มประเภทชา ของหวานจากชา และเมนู Loose leaf tea blends รวมทั้งสิ้น 15 รายการนี้หาซื้อได้เฉพาะที่ Tokyo Roastery เท่านั้น!
ลองมาดื่มชาคุณภาพสูงเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง และเพลิดเพลินไปกับเค้กอร่อยๆ ดูสิ! แถมทางร้านเขายังให้คำแนะนำด้วยว่าชาชนิดไหนเข้ากับของหวานชิ้นไหนได้ดีอีกด้วย
ชั้น 3 - ค็อกเทลบาร์ Arriviamo
ชั้น 3 ของ Tokyo Reserve Roastery เป็นที่ตั้งของค็อกเทลบาร์ Arriviamo เช่นเดียวกับที่นิวยอร์กและมิลาน ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นบาร์แห่งแรกที่เปิดให้บริการในสตาร์บัคส์ของญี่ปุ่น คุณสามารถมาเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงวันหยุดพักผ่อนหรือหลังจากเลิกงานได้เต็มที่เพราะเขามีค็อกเทล ไวน์ และเบียร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมนูกาแฟและชาให้เลือกสรรอยู่มากมายหลายเมนู
สัมผัสประสบการณ์บาร์รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีให้เห็นที่ไหนมาก่อน ด้วยเครื่องดื่มอันเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่าง Nakameguro Espresso Martini (2,000 เยน) ที่ผสมผสานระหว่างวอดก้าญี่ปุ่น เหล้าเกาลัด เอสเพรสโซ่ และเหล้าหวาน Crème de cacao เสิร์ฟพร้อมกับช็อกโกแลตดิบขนาดพอดีคำจากเปรูที่จัดหาโดย "Green bean to bar CHOCOLATE" ร้านช็อกโกแลตท้องถิ่นในย่านนากาเมกุโระ เป็นเครื่องดื่มผสมระหว่างเอสเพรสโซ่กับช็อกโกแลตที่อร่อยและนุ่มลึกเป็นอย่างยิ่ง!
เมนูค็อกเทลอื่นๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านก็ได้แก่ Spring Shower (2,000 เยน) แชมเปญรุ่นลิมิเต็ดโรยหน้าด้วยกาแฟ Cold brew สูตรพิเศษและกลีบดอกซากุระ และ Tokyo Pour Over (3,000 เยน) ค็อกเทลที่ทำขึ้นโดยการใส่กาแฟของ Reserve Roastery ลงในที่กรองแล้วเทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างวิสกี้ทับลงไปอีกที อาหารจานเล็กๆ จาก Princi ก็มีขายอยู่ที่ชั้นนี้เช่นกัน มาหากับแกล้มแสนอร่อย ชีสล้น และอัดแน่นไปด้วยเนื้อ เพื่อทานคู่กับเครื่องดื่มของคุณกันเถอะ!
ที่นั่งนอกระเบียงของชั้นนี้มีบรรยากาศที่เหมาะเจาะแก่การนั่งจิบกาแฟเหลือเกิน ลองจินตนาการดูสิว่าจะสวยงามขนาดไหนเมื่อซากุระเริ่มออกดอกให้เห็นในฤดูใบไม้ผลิ!
ชั้น 4 - เลาจน์ AMU Inspiration Lounge
ที่ชั้น 4 คุณจะได้พบกับ AMU Inspiration Lounge ("Amu" หรือ 編む แปลว่าถักทอเข้าด้วยกัน) เป็นที่พบปะพูดคุย และพื้นที่จัดงานอีเว้นต์สำหรับคนในพื้นที่
พื้นที่ส่วนนี้มีให้เห็นได้ที่ Roastery Tokyo เท่านั้น ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดที่ต้องการให้ผู้คนหลากหลายหน้าที่การงานได้มาพบปะและพูดคุยปรึกษารวมถึงจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมและอนาคตไปในทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับพูดคุยปัญหาทั่วไป ยังเป็นที่จัดการแสดงดนตรีสด และกิจกรรมทดลองชิมกาแฟอีกด้วย
ข้อมูลทั่วไป
Starbucks Reserve Roastery Tokyo มีเมนูกาแฟ ชา และสินค้าอื่นๆ รวมอยู่กว่า 100 เมนู ในบรรดาเมนูดังกล่าวมีเครื่องดื่มอยู่ถึง 60 ชนิดซึ่งออกแบบมาเพื่อ Starbucks Reserve Roastery โดยเฉพาะ หลังจากเดินเล่นริมแม่น้ำเมกุโระเสร็จแล้ว ลองแวะมาที่นี่เพื่อสวมบทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟดูสิ!
หากต้องการส่งฟีดแบคเกี่ยวกับบทความของเรา หรือมีไอเดียอะไรที่อยากให้เราทำ หรือเพียงแค่อยากถามคำถามเกี่ยวกับญี่ปุ่น สามารถติดต่อเราได้ทาง Facebook และ Twitter!
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่