รู้จักกับ MC จัสติน พอตส์ ผู้บอกเล่าแก่นแท้ของญี่ปุ่นผ่านพอดแคสท์สาเก "Sake on Air"!

ซีรี่ส์ "People of Japan" ที่พวกเรา tsunagu Japan นำเสนอจะเป็นซีรี่ส์บทสัมภาษณ์บุคคลที่โดดเด่นในวัฒนธรรมดั้งเดิมรูปแบบต่างๆ ของญี่ปุ่นตั้งแต่ช่างฝีมือไปจนถึงนักธุรกิจหลากสาขา พาให้คุณไปสัมผัสและรู้จักกับวัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้ไม่มากก็น้อย สำหรับครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับคุณจัสติน พอตส์ หนึ่งในนักชิมสาเกอันดับต้นๆ ของโลก นอกจากจะเป็นผู้ริเริ่ม "Sake on Air" พอดแคสท์เจ้าแรกในโลกที่ใช้สาเกญี่ปุ่นเป็นธีมแล้ว ยังทำกิจกรรมที่ช่วยทำให้สาเกญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักมากขึ้น และช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านอาหารและการเกษตรท้องถิ่นด้วย ว่าแล้วก็ไปพบเขากันเลย!

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ

ตามหางานในฝัน

พวกเราได้พบกับคุณจัสติน พอตส์ที่ Ponshukan ร้านของฝากที่สถานีนีงาตะซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสาเกท้องถิ่น คุณพอตส์อาศัยอยู่ที่จังหวัดชิบะ และมักจะเดินทางไปตามโรงเบียร์ โรงหมัก หรือศูนย์กลางอาหารการกินต่างๆ เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างเขตเมืองกับชานเมือง และจังหวัดนีงาตะก็เป็นจังหวัดที่มีโรงหมักสาเกมากที่สุดในญี่ปุ่น จึงเป็นหนึ่งในที่ที่คุณพอตส์มาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยๆ

คุณพอตส์มาที่ญี่ปุ่นด้วยโครงการแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยเหมือนกับใครหลายๆ คน เดินทางตามหาความฝันที่จะจุดประกายให้ตัวเองไปพลางระหว่างทำงานสอนและงานอื่นๆ

เมื่อใช้ชีวิตในญี่ปุ่นไปพักหนึ่ง คุณพอตส์ก็เริ่มรู้สึกได้ว่าตัวเองแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาหารที่ชอบเลย หรือก็คือในเมืองใหญ่นั้นแทบไม่มีสายสัมพันธ์หรือการติดต่อกับชุมชนที่เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบของอาหารเลยนั่นเอง แม้ว่าจะพยายามเดินทางไปยังพื้นที่รอบๆ เพื่อตามหาวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น แต่ ณ เวลานั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับผู้คนแข็งแกร่งขึ้น

ผู้ที่ให้คำตอบกับคุณพอตส์ก็คือครอบครัวของภรรยาซึ่งเป็นผู้ที่ชี้นำเขาไปสู่เส้นทางอาชีพใหม่ด้วย ครอบครัวใหม่ของคุณพอตส์อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงทั้งประกอบอาหารภูมิภาคและเผยแพร่ด้วย เรียกว่ามีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับอาหารท้องถิ่นเลยก็ว่าได้ พวกเขาเป็นผู้ที่เปิดประตูสู่โลกใบใหม่ที่คุณพอตส์ใฝ่ฝัน และคุณพอตส์ก็เลือกที่จะกระโดดเข้าสู่เส้นทางนั้นโดยไม่ลังเล

คุณพอตส์ลาออกจากงานแปลภาษาที่ทำอยู่ในเวลานั้น ย้ายที่อยู่จากโอซาก้าไปยังโตเกียว และเข้าร่วมกับทีมโปรเจคท์ดีไซน์ของ Umari ซึ่งทำงานกับแบรนด์และสินค้าท้องถิ่นเป็นหลัก ด้วยรูปแบบของงาน คุณพอตส์จึงมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยียนแหล่งผลิตและแหล่งการเกษตรของญี่ปุ่นมากขึ้น โดยมักจะพักค้างคืนเพื่อผูกสัมพันธ์กับชาวบ้านให้มากขึ้นด้วย และจุดนี้เองที่นำไปสู่จุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็คือการเจอกับเชื้อ "โคจิ" (麹) นั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่หาได้ในเมืองหรือนอกเมือง ของโปรดของคุณพอตส์ทั้งอาหารและเครื่องดื่มมักมีมิโซะ โชยุ หรือสาเกเป็นส่วนประกอบ ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่ทำขึ้นจากเชื้อราโคจิทั้งสิ้น แม้ที่ผ่านมาจะมีโอกาสได้พบเจอกับอาหารแบบเดียวกันมาโดยตลอด แต่ก็มักจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่มาของมันมากนัก ในขณะที่ชุมชนท้องถิ่นของญี่ปุ่นมักจะมีสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับวัตถุดิบที่เติยโตในพื้นที่ของตัวเอง ในระหว่างที่แวะเวียนไปยังพื้นที่ต่างๆ คุณพอตส์จึงได้รู้ว่าความสัมพันธ์เช่นนั้นเองที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรม และการค้นพบนี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยจุดประกายให้เขาเริ่มก้าวเข้าสู่วงการอาหารหมักดองของญี่ปุ่น

ให้วงการสาเกญี่ปุ่นเป็นดังสวนหลังบ้าน

แม้ว่าจะมีโอกาสได้พบกับคนท้องถิ่นอยู่เสมอเวลาทำงาน แต่เพียงการใช้เวลาสั้นๆ อยู่ท่ามกลางชุมชนการเกษตรและโรงหมักไม่สามารถขจัดความรู้สึกของการเป็นคนนอกออกจากใจคุณพอตส์ได้ 

คุณพอตส์อยากเข้าไปอยู่ในโลกของอาหารหมักดองอย่างสมบูรณ์ จึงตัดสินใจเปลี่ยนงานอีกครั้งไปยังโรงหมักสาเกคิโดะอิซึมิที่อยู่บนคาบสมุทรโบโซในจังหวัดชิบะ และทุ่มเทให้กับการเรียนรู้ทักษะในการทำสาเกญี่ปุ่นตั้งแต่ศูนย์

โรงหมักสาเกคิโดะอิซึมิเริ่มทำการในปี 1879 และรับบทบาทเป็นเสาหลักหนึ่งของชุมชนแถบนั้นมาอย่างยาวนาน เป็นต้นแบบของแหล่งวัฒนธรรมที่คุณพอตส์ตามหาเลยก็ว่าได้ โรงหมักแห่งนี้ใช้วิธีการกลั่นแบบเฉพาะตัว ผลิตสาเกแบบต่างๆ โดยใช้ข้าวออร์แกนิคที่ปลูกตามธรรมชาติ เป็นโรงหมักที่ใส่ใจกับวัตถุดิบที่ใช้มากๆ ถึงขั้นที่เคยซื้อขายข้าวจากตลาดมืดในยุคที่รัฐบาลควบคุมการผลิตข้าวอย่างเข้มงวดเลยทีเดียว

ในปีหนึ่ง จะมีช่วงถึง 4 เดือนที่คุณพอตส์เริ่มงานตั้งแต่ตี 5 ครึ่งในตอนเช้า และเลิกงานในเวลา 5 โมงเย็นทุกวันไม่เว้นเสาร์อาทิตย์ บางทีแม้กลับถึงบ้านแล้วก็ยังต้องกลับไปที่ทำงานอีกเพื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เป็นตารางที่เหน็ดเหนื่อยแต่ก็ทำให้คุณพอตส์ทุ่มเทให้กับการทำสาเกได้อย่างเต็มที่ เขาลดสิ่งที่จะรบกวนสมาธิให้น้อยที่สุด ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเขาในการดื่มด่ำกับรสชาติ กลิ่น และบรรยากาศโดยรอบ ทำให้คุณพอตส์เข้าใจในสิ่งที่เขาหลงใหลได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก

หลังจากสะสมประสบการณ์จนเต็มเปี่ยมแล้ว ขั้นถัดไปของคุณพอตส์ก็คือการเก็บเกี่ยวความรู้เกี่ยวกับสาเกญี่ปุ่นให้ได้มากพอที่จะเป็นที่ยอมรับโดยมาตรฐาน เขาจึงเริ่มเตรียมตัวเพื่อการทดสอบคุณสมบัติการเป็น "ซากะโช" (酒匠 / ผู้เชี่ยวชาญการชิมสาเกในระดับที่สามารถให้คำปรึกษาด้านธุรกิจหรือส่งเสริมการขายสาเกได้) จาก Sake Service Institute (SSI) โดยในปี 2017 ที่คุณพอตส์ผ่านการทดสอบมีผู้ที่มีใบประกอบการเป็นนักชิมสาเกอยู่เพียง 300 คน และในประวัติศาสตร์ก็มีชาวต่างชาติอยู่เพียง 2 คนเท่านั้น

ใบอนุญาตประกอบอาชีพซากะโชและ "คิคิซาเกชิ" (唎酒師 / ผู้เชี่ยวชาญการดื่มสาเก ช่วยแนะนำสาเกให้กับลูกค้า คล้ายกับซอมเมอลิเยร์) ได้กลายเป็นตั๋วเบิกทางให้กับงานของคุณพอตส์ ผู้คนในวงการเริ่มมองเห็นความสามารถของเขาและขอความร่วมมือในด้านธุรกิจต่างๆ รากฐานอันมั่นคงของคุณพอตส์จึงเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นในช่วงนี้เอง

ก้าวต่อไปของการต้มเบียร์

หลังจากสร้างชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตสาเกแล้ว ขั้นต่อไปของคุณพอตส์ก็คือการเพิ่มอิทธิพลของตัวเองในวงการนี้ เขาเริ่มต้น  Potts.K Productions ร่วมกับภรรยาซึ่งเป็นเชฟและมีใบอนุญาตมัคคุเทศน์เพื่อฟื้นฟูธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการต้มเบียร์ การหมักเหล้า และอาหารญี่ปุ่น และได้ทำโปรเจคท์ Koji Akademia ขึ้นมาร่วมกับคุณนาคาจิซึ่งเป็นอาจารย์ของเขาด้วย โดยในช่วงก่อนโคโรนาไวรัสจะระบาดจะมีการจัดเวิร์คช็อปและสัมมนาเพื่อผลักดันให้ผู้คนทำโคจิไว้ใช้เองในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อครัวแม่ครัวมืออาชีพหรือบุคคลทั่วไปก็ตาม

 

คุณพอตส์เชื่อว่าการสื่อสารเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างผู้บริโภคในเมืองใหญ่และผู้ผลิตในชนบท ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรมักขาดความรู้ความเข้าใจที่จะดึงดูดลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง คุณค่าของพวกเขาจึงมักจะถูกความคึกคักวุ่นวายของเมืองหลวงฝังกลบไป Potts.K Productions หวังที่จะสนับสนุนในจุดนี้ โดยร่วมมือกับผู้คนในท้องถิ่น ดึงจุดเด่นเฉพาะตัวของผลิตภัณฑ์ออกมา และสร้างเป็นแบรนด์ที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร

ตัวอย่างหนึ่งของโปรเจคท์เหล่านั้นคือ UDON HOUSE ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ด้านอาหารและมีที่พักในตัว ตั้งอยู่ในจังหวัดคางาวะที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอุด้ง เป็นที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนถูกโยนเข้าไปอยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมของอุด้งในคางาวะมากกว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หากได้ลองมาสัมผัสดูสักครั้งจึงยากที่จะไม่รู้สึกผูกพัน UDON HOUSE จะอยู่ใน "โคะมิงคะ" (古民家) หรือเรือนญี่ปุ่นเก่าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างมีสไตล์ และมีเว็บไซต์สวยๆ เป็นหน้าเป็นตา เป็นสถาบันอันแปลกประหลาดที่คงสมดุลระหว่างความน่าตื่นตาตื่นใจและการอนุรักษ์วัฒนธรรมเดิมไว้ได้อย่างลงตัว

แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

แบ่งปันความหลงใหลให้กับคนทั้งโลก

คุณพอตส์วิ่งไปตรงโน้นตรงนี้ทั่วญี่ปุ่นเพื่อลงมือทำสิ่งต่างๆ มากมาย แต่ทั้งจิตใจและจิตวิญญาณของเขาก็ยังคงอยู่กับสาเกญี่ปุ่นเสมอ คำถามถัดไปคือจะทำอย่างไรให้ผู้คนเข้าใกล้วัฒนธรรมที่ซับซ้อนของสาเกได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น

อีกอย่างหนึ่งที่คุณพอตส์ชอบมากคือพอดแคสท์ เขาจึงผิดหวังที่ไม่มีพอดแคสท์เกี่ยวกับสาเกญี่ปุ่นเลย และตัดสินใจว่าเขาจะเป็นผู้ที่ริเริ่มมันขึ้นมาเอง อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นพอดแคสท์ยังไม่เป็นที่นิยมในญี่ปุ่นมากนัก กว่าจะเริ่มมีผู้คนให้ความสนใจก็ต้องผ่านการวางแผนและการนำเสนอมาหลายครั้งหลายครา เมื่อความคิดเริ่มเป็นรูปเป็นร่างและอิทธิพลในวงการเริ่มมากขึ้น ในที่สุดก็ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมผู้ผลิตสาเกและโชจูญี่ปุ่น (Japan Sake & Shochu Makers Association / JSS) จากนั้นคุณพอตส์ก็ได้รวมทีมกับผู้เชี่ยวชาญการชิมสาเกที่พูดภาษาอังกฤษได้และเริ่มดำเนินการสร้างพอดแคสท์ในฐานะ MC

เป้าหมายหลักของคุณพอตส์ในการทำพอดแคสท์ไม่ใช่การอธิบายหลักการของทักษะต่างๆ แต่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนจริงๆ และ "เผยแพร่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสาเกและโชจู" พอดแคสท์ Sake On Air ออกอากาศเป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคมปี 2018 และ ณ เดือนมีนาคมปี 2022 นี้ก็ออกอากาศไปแล้วถึง 80 ครั้ง ทั้งหมดล้วนสามารถฟังได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เนื้อหาของพอดแคสท์จะเน้นไปที่สิ่งใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมและวัฒนธรรมสาเก มีตั้งแต่เรื่องวงในลึกๆ ไปจนถึงการสัมภาษณ์ผู้คนในวงการเลยทีเดียว

Klook.com

มุมมองของคุณพอตส์ต่ออนาคตของสาเกญี่ปุ่น

คุณพอตส์เชื่อว่ารูปแบบของสาเกญี่ปุ่นในปัจจุบันเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องทำจึงไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง แต่เป็นการบอกเล่าเสน่ห์เหล่านั้นให้ไปสู่สายตาของผู้คน เขาไม่ได้ต้องการให้โรงกลั่นสาเกหรือชุมชนการเกษตรกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก แต่อยากสื่อสารความพิเศษของสาเกญี่ปุ่นและแบ่งปันมันให้กับผู้คนที่สนใจ

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมสาเกญี่ปุ่นเองก็ดูจะเปลี่ยนไปไม่น้อยเมื่อเทียบกับตอนที่คุณพอตส์เพิ่งเข้าวงการมาใหม่ๆ และยังคงเห็นความเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างต่อเนื่อง โรงกลั่นหลายแห่งพร้อมที่จะทิ้งแนวคิดและกฎเกณฑ์แบบเดิมๆ ในขณะที่อีกหลายแห่งก็ใช้วัฒนธรรมเก่าเป็นแรงบันดาลใจในการคิดค้นวิธีการกลั่นใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในระหว่างที่เดินชมร้าน Ponshukan คุณพอตส์ก็ได้แนะนำยี่ห้อสาเกใหม่ๆ ที่น่าสนใจให้พวกเราฟัง ซีรี่ส์ "GO-POCKET" ของโรงกลั่นสาเกสึนันที่รูปร่างหน้าตาดูมีสไตล์สุดๆ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เห็นว่าเขาเพิ่งดื่มสาเกกับผู้ผลิตของโรงกลั่นสึนันในคืนก่อนที่จะมาให้สัมภาษณ์นี้เอง สาเกชุดนี้เป็นสาเกขนาดกระเป๋าที่บรรจุอยู่ในซอง ทำขึ้นมาเพื่อให้พกพาไปข้างนอกได้ง่าย ตามเทรนด์การตั้งแคมป์ที่กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ในญี่ปุ่น การทำสินค้าที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมในอดีตไปพร้อมกับตามกระแสของยุคปัจจุบันเช่นนี้เองที่ทำให้สาเกของญี่ปุ่นยังคงทันสมัยอยู่เสมอ

นอกจากการเกิดนวัตกรรมในการดื่มและกลั่นสาเกแล้ว อุตสาหกรรมสาเกก็ยังมีการเคลื่อนไหวให้เห็นอย่างต่อเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการให้การศึกษาหรือการทำกิจกรรมส่งเสริมในสาขาที่เกี่ยวข้อง ในจำนวนนั้นก็มีโครงการที่คุณพอตส์เข้าร่วมด้วยอยู่เช่นกัน จุดประสงค์ของโปรเจคท์เหล่านี้คือทำให้คนรู้จักญี่ปุ่นมากขึ้นผ่านสาเกญี่ปุ่นและสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างก็เช่นกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์ทำเกษตร คอร์สจับคู่สาเกญี่ปุ่นที่เข้ากับอาหารท้องถิ่น ห้องเรียนทำอาหาร การพบปะสังสรรค์กับผู้ผลิตสาเกหรือเกษตรกร ไปจนถึงการทัวร์อิซากายะ เป็นต้น

แม้จะมีกิจกรรมต่างๆ เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่ แต่ถ้ามองจากข้อมูลอย่างเดียวเราก็จะพบว่าส่วนแบ่งของสาเกญี่ปุ่นในประเทศกำลังตกต่ำลงอย่างมาก แม้ว่าการที่สาเกได้รับความสนใจจากต่างประเทศมากขึ้นจะเป็นเรื่องดี และผู้คนในอุตสาหกรรมสาเกหลายคนจะมองว่าตลาดต่างประเทศเป็นทางออก แต่คุณพอตส์มองว่าการพึ่งพาการค้าขายในต่างประเทศเพียงอย่างเดียวไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีเท่าไรนัก

"การที่สาเกเติบโตขึ้นและเผยแพร่ไปยังประเทศอื่นๆ เป็นเรื่องดีนะครับ ผมก็คิดว่าอุตสาหกรรมสาเกควรจะทุ่มเทให้กับเป้าหมายนี้ต่อไปเหมือนกัน แต่ผมว่ามันเศร้านะถ้าจะให้อนาคตของสาเกขึ้นอยู่กับความสำเร็จในต่างประเทศอย่างเดียว สาเกเป็นรากฐานที่สำคัญของทั้งวัฒนธรรมและคุณภาพชีวิตของคนญี่ปุ่น ถ้าเราสามารถดึงคุณค่าของมันออกมาให้ผู้คนมองเห็นได้อีกครั้ง มันจะต้องนำไปสู่อนาคตที่ผมวาดฝันไว้ได้อย่างแน่นอนครับ"

สำหรับโปรเจคท์ของตัวเอง คุณพอตส์บอกว่าอยากจะให้ Sake On Air ได้ออกอากาศในหลายๆ ภาษา โดยอยากให้เป็นการปรับเนื้อหาให้เข้ากับผู้ฟังมากกว่าที่จะเป็นการแปลพอดแคสท์เฉยๆ ให้คนที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสกับโลกของสาเกได้เหมือนกัน หากทำให้เป็นจริงได้ก็จะทำให้เสน่ห์ของสาเกญี่ปุ่นส่งไปถึงผู้คนได้มากขึ้น และจะนำพาให้คุณค่าที่แท้จริงของวัฒนธรรมสาเกได้เป็นที่ประจักษ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศด้วย

วิธีการดึงเสน่ห์ของสาเกในญี่ปุ่นออกมาให้ถึงขีดสุด

คุณพอตส์เชื่อว่าการเข้าใจสาเกญี่ปุ่นจะนำไปสู่อะไรหลายๆ อย่าง ไม่ใช่แค่การรับรู้ว่ารสชาติดีหรือรู้สึกสนุกเวลาดื่มกับเพื่อนฝูงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ประเพณี หรือประวัติศาสตร์ของแหล่งผลิต สาเกมีเสน่ห์ของญี่ปุ่นทั้งหมดอัดแน่นอยู่ภายใน และยังมีบทบาทในการผูกสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่มีค่านิยมคล้ายกันด้วย มันฝังรากลึกอยู่ในทุกส่วนของชุมชน ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ผลิตสาเก ไปจนถึงอิซากายะและบาร์

นอกจากนี้ สาเกยังมีสีที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพอากาศ รวมถึงลักษณะของดินและน้ำในแหล่งผลิต เป็นเครื่องดื่มที่สร้างขึ้นจากของดีในธรรมชาติของพื้นที่นั้นๆ ทั้งหมด หากได้ลองดื่มสาเกท้องถิ่นคู่กับอาหารของที่นั่นแล้ว คุณจะได้รู้จักท้องถิ่นนั้นๆ มากขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นสาเกญี่ปุ่นจึงมีความสำคัญไม่ต่างจากการท่องเที่ยวหรือการปฏิสัมพันธ์กับคนในท้องที่เลยแม้แต่น้อย

"ถ้าลองก้าวออกจากเส้นทางที่ทุกคนเลือกไป คุณก็จะได้ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครมาแทนไงล่ะครับ ไม่มีอะไรที่เป็นประสบการณ์ของแท้ได้มากกว่านี้แล้วนะผมว่า"​ แม้ว่าคุณพอตสท์จะเคารพในความหลากหลายของเมืองใหญ่อย่างโตเกียว แต่เขาก็เชื่อมั่นว่า "อนาคตของญี่ปุ่นอยู่ในชนบท" ถ้าคุณชอบเครื่องดื่มหรืออาหารของญี่ปุ่น คุณพอตส์ก็บอกว่าคุณจะพบอะไรได้มากกว่าเมื่อออกไปผจญภัยนอกเมืองใหญ่ๆ

เพื่อให้ผู้คนคุ้ยเคยกับเสน่ห์ของญี่ปุ่นได้มากขึ้น

สาเก อาหาร และผลผลิตทางการเกษตรของชนบทญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่ทำให้คุณจัสติน พอตส์เดินทางมาถึงจุดนี้ หวังว่าการเดินทางติดตามประวัติของเขาในครั้งนี้จะทำให้ผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากขึ้น ในปัจจุบัน การท่องเที่ยวที่หยุดชะงักไปเพราะโคโรนาไวรัสก็ค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาแล้ว อนาคตของธุรกิจของคุณพอตส์และอุตสาหกรรมสาเกญี่ปุ่นจึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามองมากทีเดียว!

สำหรับใครที่อยากทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสาเกญี่ปุ่นหรือโครงการของคุณพอตส์ก็สามารถตามลิงค์ข้างล่างนี้ไปติดตาม Sake On Air และ Potts.K Productions กันได้เลย!

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Steve
Steve Csorgo
เกิดและโตในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันอาศัยอยู่ในเมืองนีงาตะ มีงานอดิเรกเป็นการอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวภายในญี่ปุ่น และหาสาเกท้องถิ่นใหม่ๆ สิ่งที่ชอบในญี่ปุ่นคือออนเซ็น โบราณสถาน และธรรมชาติที่ไม่ถูกสัมผัสโดยฝีมือมนุษย์ ชอบเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับงานฝีมือดั้งเดิม บ้านเมืองที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร เรื่องน่าสนใจตามท้องถิ่น
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร