คู่มือท่องเที่ยวย่านแสงสี "คาบุกิโจ": สิ่งที่น่าสนใจและสิ่งใดควรหลีกเลี่ยง
ในเมืองใหญ่ๆ มักมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังเพราะมีวิวอันสวยงามน่าทึ่ง เที่ยวสนุกและมีประวัติศาสตร์น่าสนใจ ในทางกลับกันบางส่วนของเมืองกลับเป็นที่รู้จักกันอย่างเลือนราง วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับสถานที่ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวอยู่ครบถ้วน ทั้งด้านมืดและด้านสว่าง นั่นคือ "ย่านคาบุกิโจ" ในเขตชินจูกุ แล้วย่านแห่งนี้ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวไหม? คำตอบสั้นๆ คือ ปลอดภัย เพียงแต่คุณต้องรู้ว่าควรไปที่ไหน และอะไรที่ควรทำหรือควรหลีกเลี่ยง ไปหาคำตอบกันในบทความนี้เลย!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
ประวัติศาสตร์และภูมิหลังของย่านโคมแดงแห่งชินจูกุ
ย่านคาบุกิโจตั้งอยู่ในเขตชินจูกุของจังหวัดโตเกียว สามารถเดินทางได้สะดวกโดยรถไฟ JR ลงสถานีชินจูกุ ไปทางประตูฝั่งตะวันออก (East exit) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที หรือจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินก็ได้ ทั้งสาย Fukutoshin และ Marunouchi (สองสายนี้ตัดกันที่สถานี Shinjuku - Sanchome) รวมถึงรถไฟสาย Seibu-Shinjuku
ป้ายไฟสีแดงขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทางเข้าย่านคาบุกิโจสามารถสังเกตเห็นได้จากถนนยาสุคุนิ (Yasukuni - dori) หรือคุณจะเริ่มด้วยการมองหาร้านค้าปลอดภาษีดองกิโฮเต้* ก็ได้
*อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านดองกิโฮเต้ได้ในตอนท้ายของบทความ
ไม่มีโชว์คาบุกิที่คาบุกิโจ?
แม้ว่าที่นี่จะเป็นที่รู้จักกันในฐานะ "ย่านโคมแดง" แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะในยุคหลังสงครามตอนที่มีการฟื้นฟูเมืองโตเกียวขึ้นใหม่นั้น ทางการได้วางแผนจะสร้างโรงละครคาบุกิในย่านนี้ แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้สร้างขึ้นจริงๆ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ คือ ชื่อย่านคาบุกิโจที่ยังคงถูกใช้มาจนถึงทุกวันนี้
ในยุคปี '60 และ '70 มีนักเรียนที่มาพบปะกันในบริเวณนี้เพื่อกินดื่มสังสรรค์และชมโชว์ช่วงดึกกันที่โรงภาพยนต์ CinemaScope นอกจากนี้ ยังมีเกมเซนเตอร์และดิสโก้เทคผุดขึ้นมาอีกเป็นจำนวนมากจนทำให้ย่านนี้กลายเป็นย่านท่องราตรีที่โด่งดัง ต่อมาในช่วงปลายยุค '80 ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายที่จำกัดการให้บริการของสถานบันเทิง ทำให้แหล่งรวมพลต่างๆ ของนักเรียนต้องปิดตัวลงและมีธุรกิจสถานบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ที่ให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ เช่น โฮสคลับและโฮสเตสคลับ เปิดกิจการขึ้นมาแทน
ธุรกิจเหล่านี้ขายดีมากและรุ่งเรืองจนกลายเป็นเอกลักษณ์ใหม่ของย่านคาบุกิโจซึ่งยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
คาบุกิโจปลอดภัยแค่ไหน? อะไรที่ควรระมัดระวัง
ถึงแม้ว่าชื่อเสียงในฐานะย่านโคมแดงของที่นี่จะเป็นสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน แต่หากวัดด้วยมาตรฐานทั่วไปแล้วคาบุกิโจก็ยังถือเป็นย่านที่ปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม หากคุณมาเดินเล่นในบริเวณนี้ก็ควรมีสติและระวังตัวให้ดีด้วย เรามาดูกันดีกว่า ว่าสิ่งที่ควรระมัดระวังแและหลีกเลี่ยงในย่านคาบุกิโจแห่งนี้มีอะไรบ้าง
นักหาลูกค้า (Street Hawker) และพนักงานเชียร์ร้านค้า
แม้ว่าการหาลูกค้าบนท้องถนน (Street Hawking) จะถูกกำหนดให้เป็นสิ่งผิดกฎหมายเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่การถูกเข้าหาในขณะที่กำลังเดินเล่นไปมาในย่านคาบุกิโจเพื่อเสนอขายเครื่องดื่มราคาถูก สาวสวยและโปรโมชั่นต่างๆ ของร้าน ก็ยังคงเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไป คำชักชวนของคนเหล่านี้มักจะเป็นข้อมูลที่ทำให้คนฟังเข้าใจผิดหรือไม่ก็เป็นเรื่องโกหก วิธีรับมือกับคนที่เข้าหาคุณ คือ ปฏิเสธอย่างสุภาพ หรือทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินผ่านพวกเขาไปเลย
โฮสเตสคลับ "คยาบาคุระ" และโฮสคลับ (Kyabakura and Host Club)
คุณอาจจะเคยเห็นภาพของเหล่าโฮสต์และโฮสเตสแสนร่าเริงในการ์ตูนมังงะและอนิเมะของญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ แต่ในความเป็นจริง การใช้บริการสถานประกอบการเหล่านี้อาจต้องจ่ายค่าบริการในราคาที่แพงลิบลิ่ว บางคนบอกว่าความเอาอกเอาใจที่ดูเป็นธรรมชาติและความงามของ "โฮสเตส" เหล่านี้ก็คือ เกอิชาสมัยใหม่ดีๆ นี่เอง แต่ท่าทางไร้เดียงสาที่แสดงออกมานั้นขัดกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขามาก นั่นคือ การแสวงหาผลกำไร
เหล่าโฮสเตสจะพยายามชักจูงลูกค้าให้สั่งเครื่องดื่มราคาแพงแก้วแล้วแก้วเล่า นำไปสู่ยอดบิลที่สูงลิ่วทั้งๆ ที่สิ่งที่ได้รับจริงๆ อาจเป็นเพียงบริการเพื่อนนั่งดื่มและเพื่อนคุยเท่านั้น โฮสต์ผู้ชายก็เช่นกัน พวกเขาจะพยายามสร้างช่วงเวลาดีๆ ให้กับลูกค้าและคอยกดดันให้สาวๆ สั่งเครื่องดื่มเยอะๆ จนมันกลายเป็นค่ำคืนราคาแพง
นักท่องเที่ยวควรทำอะไรในคาบุกิโจ?
ถึงแม้จะมีทั้งนักหาลูกค้า บาร์โฮสต์และโฮสเตสที่พร้อมดูดเงินจากกระเป๋าของคุณได้ทุกเมื่อ คาบุกิโจก็ยังเป็นย่านที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นย่านท่องราตรีที่สนุกสนานและมีบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่างความเป็นโตเกียวสมัยเก่าและสมัยใหม่ ด้านล่างนี้ คือ สถานที่ต่างๆ ในคาบุกิโจที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเพลิดเพลินได้
โกลเด้นไก (Golden Gai)
โลกที่ซ่อนเร้นอยู่ในกาลเวลาที่หยุดนิ่งแห่งนี้ คือ "โกลเด้นไก" แหล่งรวมบาร์ขนาดเล็กตั้งแต่ยุคโชวะ (ปี 2469 - 2532) ร้านส่วนใหญ่มีไม่เกิน 8 ที่นั่ง ให้บรรยากาศแบบเป็นส่วนตัวและไม่เหมือนใคร และจะพาคุณย้อนกลับไปในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวจากสงคราม สัมผัสกับจิตวิญญาณของผู้คนที่ทำงานกันอย่างหนักกับโอกาสและความหวังที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า
บาร์ส่วนใหญ่ในโกลเด้นไกจะคิดค่าเข้าซึ่งมีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึง 1,000 เยน บางร้านอาจยกเว้นค่าเข้าให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยจะมีป้ายเขียนบอกไว้ด้านหน้า ร้านส่วนใหญ่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 20:00 น. เป็นต้นไป ที่นี่มีทางเข้าหลายทางแต่ทางที่ใช้กันอยู่ทั่วไป คือ ตามที่อยู่ด้านล่างนี้
Robot Restaurant
ร้านอาหารแห่งนี้ต่างจากโกลเด้นไกโดยสิ้นเชิง "Robot Restaurant" เป็นร้านอาหารสไตล์ Glitz and Glam (แนวชุดปักเลื่อมวิ้งๆ วับๆ) ที่ดูล้ำยุคมากๆ เป็นความจัดจ้านที่ญี่ปุ่นได้แสดงสู่สายตาคนทั้งโลกในช่วง 30 กว่าปีที่ผ่านมา หากคุณชื่นชอบการเที่ยวชมมุมแปลกๆ ของญี่ปุ่นหรือกำลังมองหาความน่าตื่นตาตื่นใจอยู่ล่ะก็ เราขอแนะนำให้คุณแวะมา ที่นี่มีขบวนแห่และโชว์ที่รวมความเวอร์วังอลังการเอาไว้อย่างเต็มพิกัด ทั้งการแสดงแสงสีด้วยไฟนีออนแสนยั่วยวนใจ โชว์เหล่านี้แสดงโดยใช้หุ่นยนต์ทั้งหมด
อาหารที่นี่ราคาไม่แพงแต่มีค่าเข้าอยู่ที่ 8,500 เยน ซึ่งรับรองว่าจะคุ้มกับประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงอย่างแน่นอน! ร้านนี้เปิดทำการทุกวันและมีรอบการแสดงทุกๆ 2 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 15:30 น. ไปจนถึงโชว์สุดท้ายตอน 21:30 น.
ศาลเจ้าฮานาโซโนะ (Hanazono Shrine)
"ศาลเจ้าฮานาโซโนะ" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่างจากสองที่แรก ศาลเจ้าแห่งนี้ไม่มีอะไรโดดเด่น คุณอาจจะเดินผ่านมันไปได้ง่ายๆ โดยไม่ทันสังเกต ศาลเจ้าแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยตึกสูงในเขตชินจูกุและหากคุณได้แวะมาในช่วงกลางคืนตอนที่มีการเปิดไฟศาลเจ้า ก็จะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าจดจำ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของ "เทพอินาริ (Inari)" เทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ และยังเป็นที่จัดงานเทศกาลสำคัญต่างๆ ตลอดทั้งปี
ศาลเจ้าฮานาโซโนะเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง สามารถดูที่อยู่ได้จากข้อมูลทางด้านล่าง
ดองกิโฮเต้ (Don Quijote)
"ดองกิโฮเต้" เป็นร้านค้าปลีกเช่นเดียวกับวอลมาร์ท (Walmart ร้านค้าสัญชาติอเมริกา) ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมง ขายสินค้าหลากหลายประเภทและมีหลายสาขาตั้งอยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น ร้านนี้เหมาะกับการหาซื้อของฝากและหากคุณมีวีซ่านักท่องเที่ยวก็สามารถซื้อสินค้าแบบปลอดภาษี (Tax - Free) ได้อีกด้วย
อย่างที่เราได้บอกไปในตอนต้น ร้านดองกิโฮเต้สาขาชินจูกุนี้เป็นจุดสังเกตของทางเข้าย่านคาบุกิโจด้วย
รูปปั้นหัวก็อตซิลล่าบนตึกโรงภาพยนตร์โทโฮ (Toho Cinema)
เมื่อเดินจากดองกิโฮเต้ลงไปตามถนนคุณก็จะพบกับ "โรงภาพยนตร์โทโฮ" ที่มีรูปปั้นหัวก๊อตซิลล่าขนาดมหึมาติดอยู่ด้านบนเหนือย่านคาบุกิโจ คุณสามารถไปดูเจ้าก็อตซิล่าอย่างใกล้ชิดได้ที่ดาดฟ้าชั้น 8 ของตึกโทโฮ ที่นั่นมีร้านคาเฟ่ก็อตซิลล่าอยู่ด้วย หัวก็อตซิลล่าอันนี้ขยับได้ มันจะส่งเสียงคำรามและมีไฟขึ้นมาทุกชั่วโมงตั้งแต่ 10:00 ถึง 20:00 น. ของทุกวัน
ปิดท้าย
ก่อนจากกัน เราอยากเตือนคุณไว้อย่างหนึ่ง ในย่านคาบุกิโจมีสิ่งน่าสนใจอยู่มากมาย มันอาจจะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับการเที่ยวชม "ย่านแห่งความสุข" แห่งนี้จนลืมเวลาและตกรถไฟรอบสุดท้ายได้ บาร์ฮ็อปปิ้ง (Bar Hopping การเปลี่ยนบาร์เที่ยวไปเรื่อยๆ) ในโกลเด้นไกตลอดคืนก็ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่มันก็ไม่ได้เวิร์คสำหรับทุกคน โชคดีที่ในชินจูกุมีโรงแรมอยู่มากมายให้คุณสามารถไปพักได้ในกรณีที่คุณต้องติดอยู่ที่นี่จริงๆ
ตามไปอ่านบทความเกี่ยวกับที่พักรอบๆ ย่านคาบุกิโจของเราได้เลย!
สำหรับโรงแรมสายประหยัดสามารถดูได้ใน บทความนี้ และหากคุณอยากได้โรงแรมที่ทานหรูอยู่ดีก็สามารถตามไปอ่านได้ที่ บทความนี้
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่