สนุกสบายๆ กับ "ทัวร์เช้าเย็นกลับ จากโอซาก้าไปเกียวโต" ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศหรือสายรถบัสสุดซับซ้อนอีกต่อไป !
จากทัวร์เที่ยวเกียวโตวันเดียวกลับยอดนิยม ครั้งนี้เราขอแนะนำทัวร์ใหม่กับเส้นทางใหม่!! ไม่ต้องค้นหาการเดินทางโดยรถบัสสุดซับซ้อน ไม่ต้องห่วงว่าจะตกรถบัส ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ วัดคิโยมิสึ วัดคินคะคุจิ อะระชิยามะ หรือสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอื่นๆ ในเกียวโต แค่นั่ง 'บัสทัวร์' ชิลล์ๆ นี้ก็ไปได้ทั่ว! เรียกได้ว่าประหยัดทั้งเวลาและพลังงาน เที่ยวได้สนุกกว่าเดิมแน่นอนค่ะ!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
※บทความนี้ร่วมเขียนโดยบริษัท Hankyu Travel International
※ ลิงก์สำหรับจองทัวร์อยู่ท้ายบทความ
ใครจะเป็นคนวางแผนเที่ยวเกียวโตครั้งนี้ดีล่ะ ?
วันหนึ่ง ณ ปาร์ตี้น้ำชายามบ่าย K และ H กำลังสนทนาเกี่ยวกับทริปเที่ยวญี่ปุ่นที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้า
"เกียวโตมีที่เที่ยวน่าสนใจเยอะมากเลย แต่พอคิดว่าจะต้องหาเส้นทางนั่งบัสไปๆ มาๆ ก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว... แท็กซี่ก็แพงมากอีก..."
"เคยไปเที่ยวช่วงไฮซีซั่น ตอนนั้นคือที่ไหนก็มีแต่คน บัสมาถึงก็เต็มแล้วขึ้นไม่ได้เลย มีรายการที่ที่อยากไปเยอะเกินไปอีก ได้ไปทั้งหมดแหละนะแต่เวลาน้อยมากๆ เหนื่อยสุดๆ ไปเลย ฮือ" K นึกถึงตอนไปเที่ยวเกียวโตช่วงฤดูใบไม้ผลิเมื่อสองปีก่อน เวลาส่วนมากหมดไปกับการเดินทาง ไม่ค่อยจะเป็นความทรงจำที่ดีสักเท่าไหร่
"ถ้างั้น ใช้บริการบัสทัวร์ (ทัวร์รถบัส) ดีไหม ได้ไปทั้งศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ วัดคิโยมิสึ วัดคินคะคุจิ แล้วก็อะระชิยามะเลยนะ!" H แนะนำ ขณะเปิดดูโฮมเพจของบริษัทฮังคิว ทราเวล
"ที่เที่ยวเจ๋งๆ ทั้งนั้นเลยนี่นา!" K เห็นด้วย แล้วทั้งคู่ก็รีบจองทัวร์ในทันที!
ออกเดินทางจากโอซาก้า แล้วไปสนุกที่เกียวโตกันเถอะ!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็ถึงวันออกเดินทาง ทั้งสองรีบออกเดินทางแต่เช้า แล้วไปรอบัสที่จุดนัดหมาย
"เมื่อคืนตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลยอ่ะ" K กล่าวด้วยใบหน้าสะลึมสะลือ
"เดี๋ยวขึ้นบัสแล้วก็นอนได้เลย! ไม่ต้องต่อรถด้วย สบายจังเลยเนอะ ~" H พูดเสริมขึ้น
"แต่จะว่าไป ต่อให้ข้างนอกจะลมแรง หรือฝนตกหนักก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่เนอะ นั่งบัสไป ชมสถานที่ท่องเที่ยวไปก็ยังได้"
"วันนี้ออกจะอากาศดีขนาดนี้ อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ!" พอมองออกไปเห็นแดดจ้าแล้ว K ก็รู้สึกถึงข้อดีของการนั่งบัสขึ้นมาทันที
ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (เที่ยวอิสระ : 50 นาที)
และแล้วก็ถึงจุดหมายแรกของทัวร์ในวันนี้ 'ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ' (伏見稲荷大社) ทั้งสองมองไปยังร้านค้ามากมายที่เรียงรายตามถนนที่ทอดยาวไปสู่ศาลเจ้า น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ
"มีคนต่อแถวหน้าร้านเยอะแยะเลย รีบไปกันเถอะ !"
・โฮเกียวคุโด (Hougyokudou・宝玉堂)
และนี่ก็คือร้านขายขนมเซมเบ้แสนอร่อย 'โฮเกียวคุโด' K มองไปยังเซมเบ้หลากรสหลายแบบแล้วก็ต้องคิดหนัก น่ากินทุกอันเลย !
"เอาเซมเบ้รูปจิ้งจอกอันนี้ดีไหม ดูถ่ายรูปขึ้นดีด้วย" H ชี้ไปยังเซมเบ้ 'ไดคิสึเนะ (540 เยน / มีสามแผ่น)' [คิสึเนะ แปลว่าสุนัขจิ้งจอก]
"ดีเลย! แต่อันอื่นก็น่ากินเหมือนกันนะเนี่ย ซื้อกลับไปเป็นของฝากด้วยดีกว่า!" เพราะว่ามากับบัสทัวร์ จะซื้อของเยอะแค่ไหนก็เลยไม่ต้องกังวล K นึกได้เช่นนี้แล้วก็เลือกของฝากอย่างมีความสุข
และเซมเบ้รูปจิ้งจอกสุดน่ารักน่ารับประทานอันนี้ก็เป็นหนึ่งในของฝากที่พลาดไม่ได้ ถ้าได้มาที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริแห่งนี้แล้ว มาถ่ายรูปกับเซมเบ้รูปจิ้งจอกแล้วเช็คอินลงโซเชียลกันเถอะ!
・ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ
เดินจากถนนหน้าศาลเจ้าประมาณ 1 นาทีแล้วก็จะพบกับ 'ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ' หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเกียวโต
สิ่งที่โด่งดังที่สุดของที่นี่ก็คือเสาประตูโทริอิสีแดงชาดกว่าพันต้นที่เรียงรายต่อกัน เรียกได้ว่าเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่สุดของที่นี่เลยล่ะ
"ที่ผ่านมาเคยเห็นแค่ในทีวีกับตามเว็บไซต์ต่างๆ ไม่คิดเลยว่าพอได้มาลองเดินผ่านจริงๆ แล้วจะน่าประทับใจขนาดนี้! " H กล่าวชื่นชมทัศนียภาพที่แสนสวยงามนี้ ขณะถ่ายรูปไปด้วย
"รู้ไหมว่าเสาโทริอิเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ให้ผู้คนที่อยากค้าขายร่ำรวยมาขอพร และแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าล่ะ" K อธิบายที่มาของเสาเหล่านี้ แล้วทั้งสองก็โพสท่าถ่ายรูปยอดนิยมเลียนแบบนางเอกในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
หลังจากได้เดินผ่านอุโมงค์ของเสาโทริอิพันต้นแล้ว ทั้งสองก็ตามหาแผ่นเอมะ (แผ่นป้ายสำหรับเขียนขอพร) ลายจิ้งจอกที่มีขายเฉพาะที่นี่เท่านั้น
"แผ่นเอมะที่นี่สามารถวาดรูปใบหน้าของจิ้งจอกได้อย่างอิสระ เหมือนเป็นเรื่องเล่าจากผู้ที่มาสักการะแต่ละคนเลยล่ะ" K กล่าวพลางจ้องมองเอมะแต่ละแผ่นอย่างจริงจัง
"ถ้าเราขอพรกับสุนัขจิ้งจอกที่เป็นดั่งผู้ส่งสารของพระเจ้าแบบนี้ จะต้องสมปรารถนาแน่ๆ เลยเนอะ" H มองไปยังด้านหลังของแผ่นเอมะแต่ละแผ่น แล้วก็พบว่ามีข้อความจากหลายภาษา เป็นที่นิยมทั้งในและนอกญี่ปุ่นเลยนะเนี่ย
วัดคิโยมิสึ เนินนิเน็นซากะ และเนินซันเนนซากะ (เที่ยวอิสระ : 100 นาที)
หลังจากเยี่ยมชมศาลเจ้าฟูชิมิอินาริเสร็จเรียบร้อย รถบัสก็พาพวกเรามุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ต่อไป 'วัดคิโยมิสึเดระ หรือ วัดน้ำใส' (Kiyomizu-dera・清水寺) นั่นเอง
▪ วัดคิโยมิสึเดระ หรือ วัดน้ำใส
"ได้ยินมาว่าตอนนี้อาคารหลักของวัดกำลังปิดซ่อมแซมอยู่ น่าเสียดายจังเลย T^T" K กล่าวหลังจากลงบัสมาด้วยน้ำเสียงเศร้า
"แต่ถ้าคิดในอีกแง่ บรรยากาศในขณะที่อาคารหลักกำลังปิดซ่อมแซมอยู่นี่ก็หาดูไม่ได้ง่ายๆ นะ และก็ยังมีที่เที่ยวในวัดคิโยมิสึอีกเยอะแยะเลยล่ะ!" H ปลอบใจ K ก่อนจะพากันไปยังที่ที่มีผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่
เมื่อได้มาเยี่ยมชมวัดคิโยมิสึ นอกจากตัวอาคารหลักแล้วก็ยังมีน้ำตกศักดิ์สิทธิ์ 'โอะโตะวะ โนะ ทาคิ' (Otowanotaki) ที่ห้ามพลาด!!
มองจากในภาพจะเห็นว่ามีสายน้ำตกลงมาสามสายด้วยกัน เชื่อกันว่าหากดื่มน้ำจากแต่ละสายแล้วจะได้รับพรที่ต่างกันไป ได้แก่ 'สมหวังด้านการเรียน' 'สมหวังในความรัก' และ 'อายุยืนยาว' (ตามลำดับจากซ้ายไปขวา)
"แต่ว่านะ ถ้าดื่มน้ำจากทั้งสามสายแล้วล่ะก็จะไม่ได้รับพรใดๆ เลย เพราะฉะนั้นห้ามโลภนะจ๊ะ" H กล่าวเตือน K
"เข้าใจแล้วจ้าา >_< แล้วถ้าเลือกได้อย่างเดียวจะเลือกอะไรหรอ ?" K ถาม H
"ความรักดีไหมน้า~ แต่สุขภาพก็สำคัญ... เลือกยากจังเลย!" ทั้งสองต่อแถวรอ คิดหนักว่าจะเลือกดื่มน้ำจากสายไหนดี
"ต่อไปจะถึงตาพวกเราแล้วนะ ต้องตัดสินใจแล้วล่ะ!" ทั้งสองยืนหน้าสายน้ำที่ตนเลือก ก่อนจะใช้กระบวยรองน้ำแล้วดื่มเข้าไป 1 อึก
นี่คือเครื่องรางรูปกระเป๋านักเรียนใบจิ๋ว สลักคำว่า 'วัดคิโยมิสึ' ไว้ เครื่องรางสำหรับเด็กนักเรียนชิ้นนี้ราคา 500 เยน
※คาดการณ์ว่าอาคารหลักของวัดคิโยมิสึจะปิดซ่อมแซมจนถึงปี 2020
▪ ศาลเจ้าจิชุจินจะ (Jishujinja ・地主神社)
"ไม่คิดว่า H จะเลือกพรเรื่องความรักจริงๆ นะเนี่ย ฮ่าๆ" หลังจากถูก K แซว H ก็ตัดสินใจเลือกที่เที่ยวที่ต่อไปได้ทันที
"ไปศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความรักดีกว่า จะได้สมหวังเร็วขึ้น อิอิ" ทั้งสองยืนหน้าเสาโทริอิที่เขียนว่า '縁結びの神' (เทพเจ้าแห่งพรหมลิขิต ・Enmusubinokami) รอบกายเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข
"ขนาดบนกระบวยตักน้ำยังเขียนคำขอพรไม่เหมือนกันเลยนะเนี่ย" K ไม่รอช้ารีบถ่ายรูปทันที
(จากซ้ายไปขวา - เงินทอง, ชัยชนะ, คู่ครองที่ดี, ปลดทุกข์, ความรัก, โชคลาภ, สอบผ่าน, ปลอดภัย)
และแล้วก็มาถึงสิ่งที่ห้ามพลาดของศาลเจ้าแห่งนี้ 'หินทำนายความรัก' (恋占いの石) โดยจะมีหินสองก้อน ตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 10 เมตร กล่าวกันว่าถ้าสามารถหลับตาเดินจากหินก้อนหนึ่งไปยังหินอีกก้อนหนึ่งได้ ก็จะสมหวังในความรัก!
"อยากลองจัง! ช่วยบอกทางเดินไปถึงหินอีกก้อนหน่อยได้ไหม >_<?" H มุ่งมั่นมากว่าจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้
"ถ้าให้ช่วยแบบนี้ ก็จะกลายเป็นว่าฉันเป็นคนแนะนำแฟนในอนาคตให้สินะ ฮ่าๆ" K มองไปยัง H ที่หลับตาปี๋แล้วก็หัวเราะเบาๆ
หลังจากเดินเยี่ยมชมภายในวัดคิโยมิสึกันสักพัก ทั้งสองก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา
"มีเวลาแค่ 100 นาที ต้องเที่ยวให้คุ้ม!" ทั้งคู่จึงตัดสินใจหาร้านอาหารที่มีบริการห่อกลับ
บริเวณวัดคิโยมิสึมีร้านอาหารเล็กๆ มากมาย แล้วจะเลือกร้านไหนดีนะ ?
・Souhonke Yudoufu Okutankiyomizu (総本家 ゆどうふ 奥丹清水)
"เคยเจอร้านนี้ในเว็บไซต์แนะนำร้านอาหาร เห็นว่าเมนูเต้าหู้อร่อยมาก แต่เวลาไม่พอนั่งทานชิลล์ๆ งั้นซื้อขนมมันจูเต้าหู้กัน! เมนูยอดนิยมเลยล่ะ" เมื่อเดินผ่านร้านโอคุทังคิโยมิสึ (Okutankiyomizu・奥丹清水) H ก็มองขนมมันจูนึ่งร้อนๆ ไม่วางตา
ทั้งสองจึงซื้อขนมมันจูกันคนละชิ้น ตัวแป้งนุ่มละมุนเหมือนเนื้อเค้ก ข้างในสอดไส้ผักผสมโอคาระ (กากเต้าหู้) รสอ่อนๆ กำลังดี
"มันจูเต้าหู้อร่อยจังเลย~ ให้กินเป็น 10 ชิ้นก็ยังไหว!" K กล่าวขณะทำหน้าฟินสุดๆ
"นั่นก็เยอะไปนะ ฮ่าๆ แต่ถ้ามีโอกาสได้มาที่นี่อีก คราวหน้ามาลองกินชุดเมนูเต้าหู้กัน!" H ดูเมนูพลางคิดว่าถ้าเวลาเที่ยวอิสระเพิ่มขึ้นอีกก็คงดีสินะ
ร้านโอคุทังคิโยมิสึเสิร์ฟอาหารเจ โดยมีเมนูเต้าหู้ให้เลือกมากมาย เต้าหู้นุ่มๆ ของที่นี่นับเป็นรสชาติของอาหารเกียวโตอย่างแท้จริง
หลังจากกินมันจูแสนอร่อยเสร็จแล้ว K ก็เกิดอยากรับประทานของหวานขึ้นมา จึงลองหาร้านขนมอร่อยๆ ในอินเตอร์เน็ตดู
▪ ฟุจินามิ สาขาคิโยมิสึ (Fujinami・藤菜美 清水店)
เดินไปอีกไม่ไกลก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้าจมูก
และนี่ก็คือกลิ่นหอมๆ ของขนมดังโงะย่างร้านฟุจินามิ ดังโงะที่นี่ใช้แป้งโมจิเนื้อเหนียวนุ่ม ย่างเตาถ่านแล้วราดซอสสูตรเฉพาะ เป็นหนึ่งในร้านยอดนิยมในบริเวณวัดคิโยมิสึเลยก็ว่าได้
ขอแนะนำให้สั่งเซ็ตดังโงะวาราบิ 900 เยน ที่เลือกได้ระหว่างมิตะระชิดังโงะ (ดังโงะย่างราดซอส) และขนมวาราบิโมจิ เสิร์ฟพร้อมกับชาเขียวเย็นสูตรพิเศษของร้าน 'ระคุซุย' (Rakusui・洛水)
"ขอขอบคุณเว็บไซต์แนะนำร้านอาหารที่ให้เราได้กินขนมดังโงะสุดอร่อย >_<" K กล่าวก่อนจะกินดังโงะคำสุดท้ายเข้าไป คิดในใจว่าหมดเร็วจังเลยน้า ~
"Rakusui ก็อร่อยสุดยอดไปเลย มีความหวานของชาเขียว ดื่มแล้วสดชื่นหายเหนื่อย เหมาะกับหน้าร้อนแบบนี้จริงๆ !" H กล่าวก่อนจะพบว่ามีน้ำระคุซุยแบบขวดจำหน่ายด้วย จึงซื้อมาเพิ่มอีกหนึ่งขวด
▪ ยะสะกะ โคชินโด (Yasaka Koushindou・八坂庚申堂)
หลังจากรับประทานของอร่อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็เดินต่อไปที่ถนนยะสะกะ (八坂通り) สองข้างทางเรียงรายไปด้วยสิ่งก่อสร้างสไตล์เกียวโต ราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตเลยล่ะ!
และแล้วก็ถึงจุดถ่ายรูปลงโซเชียลยอดนิยม 'ยะสะกะ โคชินโด'
แม้ว่าเป็นวัดที่มีขนาดเล็ก แต่ก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเป็นจำนวนมาก น่าจะเป็นเพราะเครื่องรางรูปลิงหลากสีสัน 'คุคุริซารุ' (Kukurisaru・くくり猿) นี่แหละ
"ถุงกลมๆ พวกนี้คือคุคุริซารุสินะ!" H ก้มลงมองเครื่องรางใกล้ๆ
"ใช่แล้ว! ว่ากันว่าเครื่องรางลิงที่ถูกมัดมือและเท้าจนขยับไม่ได้นี้จะกักเก็บกิเลสเอาไว้ ถ้าเราอธิษฐานแล้วสามารถอดทดกับกิเลส 1 อย่างได้ ความปรารถนาก็จะเป็นจริง!" K หาข้อมูลมาเป็นอย่างดี ดูท่าทางจะอยากมาเที่ยววัดแห่งนี้มากจริงๆ
"เพื่อนๆ ของเราเคยมาที่นี่กันแล้วทั้งนั้นเลย ว่าแล้วพวกเราก็มาถ่ายรูปสวยๆ กันเถอะ!" ว่าแล้วทั้งสองก็ถ่ายรูปคู่โดยมีเครื่องรางหลากสีสันเป็นพื้นหลังอย่างตื่นเต้น
"ใกล้จะถึงเวลาแล้วล่ะ! กลับไปที่บัสกันเถอะ! "
วัดคินคะคุจิ (เที่ยวอิสระ : 45 นาที)
▪ วัดคินคะคุจิ (金閣寺)
"บัสไปวัดคินคะคุจิคนแน่นมากเลย นั่งบัสทัวร์มาก็ดีแบบนี้นี่เอง >_<" K นึกถึงครั้งก่อนที่มาเที่ยวเกียวโต และต้องรอบัสนานมากจนเที่ยวไม่ครบตามแผนที่วางไว้
"ก็เพราะเป็นเกียวโตล่ะนะ ยิ่งช่วงไฮซีซั่นคนก็ยิ่งเยอะไปอีก จริงๆ แล้วฉันเองก็ไม่ถนัดดูสายรถบัสเหมือนกัน ซับซ้อนเกินไปอ่า T^T" H เห็นด้วยกับ K
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ก็ถึงที่หมายที่ต่อไป
"วัดคินคะคุจิเป็นมรดกโลกที่มีชื่อเสียงมากๆ สีทองอร่ามของตัววัดมาจากทองคำเปลวทั้งหมดเลยล่ะ อยากลองสัมผัสจัง~" H เหลือบมองไปยังเงาสะท้อนของวัดในบ่อน้ำเคียวโคจิ (Kyouko-chi ・鏡湖池)
"แค่สัมผัสน่ะไม่พอหรอกนะ ไปลองกินทองคำเปลวกันเลยดีกว่า!" K ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะกล่าวออกมา
วัดคินคะคุจิ
▪ คินคะคุซอฟต์ครีม (金閣そふと)
'คินคะคุซอฟต์ครีม' คือร้านขายซอฟต์ครีมซึ่งมีเมนูพิเศษคือซอฟต์ครีมโปะทองคำเปลวที่ทำโดยช่างฝีมือ เมนูนี้เรียกได้ว่าหาได้แค่ในเกียวโต และมีจำกัดจำนวนต่อวันอีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังใช้ทองคำคุณภาพดีที่สามารถรับประทานได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลไป อร่อยได้เต็มที่และปลอยภัยแน่นอน!
"มัตฉะของที่นี่สดใหม่มาก สามารถสัมผัสรสชาติแท้ๆ ของมัตฉะได้เลยล่ะ" K ชื่นชอบซอฟต์ครีมรสวนิลาผสมมัตฉะที่ตนสั่งมากๆ
"มัตฉะก็ดี วานิลลาก็ดี แถมยังมีท็อปปิ้งถั่วแดงและชิราทามะดังโงะ สุดยอดไปเลย~~" ซอฟต์ครีมนี้มีราคา 950 เยน แม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูง แต่ก็คุ้มค่าความอร่อยจริงๆ !
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงบ่ายบัสก็มุ่งหน้าต่อไปที่อะระชิยามะ !
อะระชิยามะ (嵐山) (เที่ยวอิสระ : 90 นาที)
▪ อะระชิยามะ มะรุน (Arashiyama-marun・嵐山まるん)
"มัวแต่เที่ยวเพลิน ลืมซื้อของฝากเลย!" H นึกได้ขึ้นมา
"ไม่เป็นไรจ้า หาพิกัดร้านขายของฝากที่อยากไปไว้แล้วล่ะ เธอจะต้องชอบแน่นอน >_<" แล้ว K ก็พา H ไปยังร้านขายของฝากยอดนิยม
"ที่นี่มีขายขนมคงเปโท (金平糖 ลูกกวาดสไตล์ญี่ปุ่น) ที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น และเล็กที่สุดในโลกด้วยล่ะ! เอาไปแจกเพื่อนๆ น่าจะดีเลยนะ" H กล่าวอย่างตื่นเต้น
"นอกจากขนมแล้วก็ยังมีของที่เกี่ยวกับคงเปโทเยอะแยะเลยเนอะ! ต่างหูอันนี้ก็น่ารัก~" K หยิบต่างหูรูปร่างเหมือนลูกอมเกียวอาเมะ (京飴) ขึ้นมาแล้วลองส่องกระจกดู
ที่นี่ก็คือ ’มะรุน’ (まるん) ร้านยอดนิยมในเกียวโต ขายของฝากน่ารัก สีสันสดใส เหมาะกับผู้คนทุกวัย ซึ่งนอกจากลูกอมแล้วก็ยังมีแยม สาเก เครื่องปรุงรส น้ำสลัด และอื่นๆ ที่ล้วนทำจากวัตถุดิบคุณภาพดีของเกียวโตทั้งสิ้น
▪ เกียวซุอัง (Kyouzuan・京豆庵)
"พูดเยอะไปหน่อย เริ่มคอแห้งซะแล้วสิ แถวนี้มีร้านดีๆ บ้างไหมนะ ?" H บ่นขึ้นมาหลังจากซื้อของเสร็จ พลางคิดว่าถ้าพกน้ำดื่มไว้ขณะเดินเที่ยวอะระชิยามะไปด้วยน่าจะดีกว่า
"ใกล้ๆ นี้มีร้านที่น่าสนใจมากๆ อยู่ด้วยล่ะ ไปดูกันเถอะ!" K พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นแล้วรีบพา H ไปในทันที
ทั้งสองคนตรงไปยังร้านเกียวซุอังแล้วสั่งเมนูขึ้นชื่อของร้าน 'ซอฟต์ครีมเต้าหู้' เพื่อดับกระหาย เมนูนี้ใช้เต้าหู้ที่ผลิตจากในประเทศ 100% และมีความเข้มข้นมากจน 'สามารถพลิกกลับด้านได้โดยไม่ตก' รสชาตินุ่มละมุนลิ้น ให้รสสัมผัสเหมือนเต้าหู้ญี่ปุ่นจริงๆ
"เมื่อกี้ก็เพิ่งกินซอฟต์ครีมมาเอง แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ ฮ่าๆ" H สั่งซอฟต์ครีมมาแล้วก็แบ่งกันกิน
"ไม่เป็นไรหรอก! อ๊ะ! อยากลองกลับด้านดูจัง อยากรู้ว่าจะไม่ตกจริงไหม" หลังจากเลือกซอฟต์ครีมรสงาดำแล้ว K ก็ลองคว่ำซอฟต์ครีมดู
・ทางเดินป่าไผ่ (竹林の道)
"ไม่คิดว่าพลิกกลับด้านแล้วจะไม่ตกจริงๆ นะเนี่ย! ได้กินซอฟต์ครีมแล้วก็หายร้อนเลยเนอะ ไปเดินเล่นแถวนี้กันเถอะ!" พอตกบ่ายแล้วอากาศก็เริ่มเย็นลง เหมาะแก่การเดินเล่นเป็นอย่างยิ่ง
"ไปกัน! ทางเดินป่าไผ่อยู่ใกล้ๆ พอดีเลย" ทั้งสองถือแก้วกาแฟที่เพิ่งซื้อมา ก่อนจะเดินตรงไปยังป่าไผ่สูงเสียดฟ้า ปกคลุมทางเดินเล็กๆ จนเป็นสีเขียวขจี
และที่นี่ก็คือสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในอะระชิยามะ 'ป่าไผ่' ที่ช่วยบรรเทาแสงแดดจ้า แม้จะเป็นช่วงกลางฤดูร้อนก็ยังรู้สึกเย็นสบายได้ ส่วนในค่ำคืนของฤดูหนาวก็ยังมีการฉายไฟไลท์อัพ สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์
"เดินกลางป่าไผ่ที่เย็นสบาย บรรยากาศเงียบสงบแบบนี้แล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย!" K หายใจเข้าลึกๆ อย่างสดชื่น ราวกับกำลังซึมซับพลังของธรรมชาติอันแสนยิ่งใหญ่
▪ โทะเกะสึเคียว (Togetsu-kyou・渡月橋)
"จะว่าไปแล้วยังพอมีเวลาเหลืออยู่นะเนี่ย ไปโทะเกะสึเคียวกันไหม?" H ชวนไป 'โทะเกะสึเคียว' สะพานที่เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งอะระชิยามะ
สะพานโทะเกะสึเคียวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับการชมทัศนียภาพของอะระชิยามะทั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระบาน และในฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบไม้แดงแสนสวย
"ไม่คิดเลยว่าแม้แต่วิวของหน้าร้อนก็ยังสวยขนาดนี้!" ทิวทัศน์ของผืนป่าสีเขียวบนภูเขากับสะพานโทะเกะสึเคียวที่ทอดยาวนั้นช่างสวยงามราวกับภาพวาด
"ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนโดนมนตร์สะกด เดี๋ยวถ้าขึ้นบัสแล้วจะต้องหลับทันทีแน่ๆ เลยน้า..." พอได้สัมผัสลมเย็นๆ ความเหนื่อยจากการท่องเที่ยวก็มลายหายไปจนหมด ทั้งสองผ่อนคลายจนเริ่มง่วงนอนขึ้นมา
ข้อดีของการใช้บริการบัสทัวร์
"อย่างที่เธอว่าเลยนะ พอไม่ต้องรอต่อรถบัสแล้วก็มีเวลาเพิ่มขึ้นเยอะมากเลย" H พูดขึ้นมาขณะเดินกลับไปขึ้นรถบัส
"พอเอาข้อดีของการเที่ยวเป็นกลุ่มกับการเที่ยวด้วยตัวเองมารวมกันแล้ว เวลาไปเที่ยว 「ที่ที่ต้องไป」 เราก็สามารถเลือกเที่ยว 「ที่ที่อยากไป」 ได้ด้วย ดีมากเลยล่ะ!" K ดูภาพที่ถ่ายมา พลางคิดว่าทริปครั้งนี้สนุกกว่าคร้ั้งก่อนๆ มาก
"เป็นไงล่ะทัวร์ที่ฉันหามาให้ อิอิ" H กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
"พวกเรามาแชร์ทัวร์ดีๆ แบบนี้กันเถอะ!" ทั้งสองอัพโหลดรูปถ่ายลงบนโลกโซเชียล แล้วเขียนความประทับใจจากทัวร์เช้าเย็นกลับนี้ลงไปด้วย
จองได้ที่นี่!! :《จากโอซาก้า》บัสทัวร์เที่ยวเกียวโตวันเดียวกลับ
ค่าใช้จ่าย : 3,000~6,000 เยน (รวมภาษีแล้ว)
จุดรวมพลและเวลารวมพล :
ที่อุเมดะ (ด้านหน้าล็อบบี้ชั้น 1 ของโรงแรม Hotel New Hankyu Osaka) 8.20 น.
ที่นัมบะ (Nanba City Parking Lot) 8.50 น.
'บัสทัวร์' ที่จะไปคนเดียวก็ยังได้! ขอแนะนำให้รีบจองก่อนจะเต็ม แล้วไปสนุกด้วยกันนะ!!
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่