ไกด์พาเที่ยวนิชิจิน ย่านแห่งสิ่งทออันสวยงามของเกียวโต
ย่านนิชิจินของเกียวโตโด่งดังอย่างยิ่งในเรื่องสิ่งทอ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยเลยที่ถูกนำไปทำเป็นกิโมโนสุดหรู เราจะพาคุณไปชมพิพิธภัณฑ์ผ้าทอมือ Orinasu-kan เรียนรู้เรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับผ้า แล้วแวะไปเวิร์กช็อปของ Watabun ผู้ผลิตสิ่งทอที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน รวมไปถึงบ้านแบบนิชิจินดั้งเดิมที่มีชื่อว่า Tondaya พร้อมลองใส่กิโมโนของตระกูลทานากะ ตระกูลที่ขายกิโมโนมาแล้วกว่า 13 รุ่น!
เมื่อกล่าวถึงเอกลักษณ์ของเกียวโต บางคนอาจนึกถึงเสียงเสียดสีกันเบาๆ ของผ้าไหมในขณะที่ไมโกะ หรือเกอิชาฝึกหัด กำลังเดินทางอย่างเร่งรีบอยู่ในย่านกิอง ในย่านนิชิจินนี้ เสียงที่คุณได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงของผ้าไหม แต่จะเป็นเสียงกิ๊กกั๊กที่เป็นจังหวะของกี่ทอผ้าแทน
เสียงดังกล่าวจะชัดเจนและกึกก้องเป็นพิเศษที่เวิร์กช็อปของ Watabun แห่งนี้
กี่ทอผ้าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของเกียวโต
"เห็นนี่ไหม" คุณมุไร ช่างทอมืออาชีพกล่าวพลางชี้ให้เราดูที่กี่ทอผ้า
"นี่คือส่วนที่ผ้าที่ทอเสร็จแล้วจะโผล่ออกมา" สายผ้าสีขาวและทองส่องประกายอ่อนๆ ให้เราเห็นจากด้านล่างขึ้นมา
นิชิจิน (Nishijin) ตั้งอยู่ที่ส่วนตะวันตกเฉียงเหนือของเกียวโต เป็นบริเวณที่รู้จักกันดีในฐานะย่านสิ่งทอของเกียวโต และยังเป็นแหล่งผลิตกิโมโนสวยๆ และเครื่องไหมอื่นๆ อีกด้วย
คุณมุไรนั่งลงยังกี่ทอผ้าเพื่อสาธิตเทคนิคทอผ้าให้เราดู กี่ทอผ้ามีลักษณะเป็นโครงไม้ที่สูงเหนือศีรษะขึ้นไปจนเกือบจรดเพดาน ส่งเส้นไหมจำนวนมากลงมาราวกับสะพานแขวน คุณมุไรทำการทอเส้นไหมที่ส่องแสงแพรวพราวอย่างคล่องแคล่ว ในขณะเดียวกันก็มีเสียงกิ๊กกั๊กของแผ่นไม้กระทบกันให้เราได้ยินจากด้านบน
คุณมุไรและช่างฝีมือคนอื่นๆ ที่นี่นั้นเรียกได้ว่ามีฝีมืออย่างน่าทึ่ง เครื่องแต่งกายหลายชิ้นที่พวกเขาถักทอขึ้นเป็นการจำลองมาจากชิ้นงานเก่าแก่ซึ่งมีสีสันสวยงามและดีไซน์ที่ซับซ้อน การจะสร้างผลงานเหล่านี้ได้จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนกว่าสิบปี (ช่างฝีมือทุกคนของที่นี่มีประสบการณ์ 20-50 ปี) ไม่ใช่ช่างทอเท่านั้นที่มีบทบาทในการผลิตชิ้นงานเหล่านี้ มันยังเป็นงานที่ต้องการช่างฝีมือในมุมอื่นๆ เช่นกัน ตั้งแต่ผู้ที่ปั่นด้ายอยู่ทางด้านหลังของห้อง ไปจนถึงผู้ที่คอยส่งเส้นไหมเข้าสู่กี่ทอผ้า
ห้องที่อยู่ติดกับเวิร์กช็อปเป็นห้องสำหรับจัดแสดงที่มีการคัดสรรและนำโอบิ (สายคาดกิโมโน) มาจัดแสดงไว้ โดยแต่ละชิ้นจะใช้เวลาการผลิตเริ่มตั้งแต่สองสัปดาห์ไปจนถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียว
การจัดแสดงสิ่งทอของนิชิจินและอื่นๆ อีกมากมาย
พิพิธภัณฑ์ผ้าทอมือ Orinasu-kan ตั้งอยู่ติดกับเวิร์กช็อปที่เราพูดถึงเมื่อครู่ เป็นสถานที่ซึ่งบอกเล่าประวัติศาสตร์อันยาวนานของศิลปะสิ่งทอในนิชิจิน
Orinasu-kan สร้างขึ้นในปี 1936 เพื่อเป็นทั้งร้านและบ้านของผู้ก่อตั้ง Watabun ภายหลังอาคารนี้ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงในหลากหลายธีม ตั้งแต่เครื่องแต่งกายที่ใช้ในละครโน ม้วนผ้าหายากจากทั่วญี่ปุ่น ไปจนถึงชุดกิโมโนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
ผู้มาเยี่ยมชม Orinasu-kan นอกจากจะได้ชมการจัดแสดงดังกล่าวแล้ว ยังสามารถแวะที่ส่วนห้องรับแขกเพื่อรับประทานขนมและดื่มชาพลางชมสวนหย่อมเล็กๆ ได้อีกด้วย ขอแนะนำให้ใส่ถุงเท้ามาด้วย เนื่องจากคุณจำเป็นต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าเช่นเดียวกับบ้านญี่ปุ่นอื่นๆ
หากทำการจอง (10-14 วันล่วงหน้า ขั้นต่ำสี่คนขึ้นไป) คุณจะสามารถทัวร์เวิร์กช็อปของ Watabun ที่อยู่ข้างๆ ได้ และยังจะได้ลองทอผ้าสไตล์นิชิจินแบบง่ายๆ อีกด้วย แต่ราขอแนะนำให้ติดต่อสอบถามล่วงหน้าให้ดีก่อน เนื่องจากทางเวิร์กช็อปนั้นเปิดเป็นธุรกิจเอกชน ซึ่งต่างกับพิพิธภัณฑ์จึงไม่ได้เปิดให้ผู้คนเข้าชมได้อยู่ตลอดเวลา
บริเวณไม่ไกลจาก Orinasu-kan คุณจะพบกับถนนสายเล็กๆ ที่เป็นที่ตั้งของ Tondaya บ้านไม้สไตล์มาจิยะที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1885 แม้ที่นี่จะไม่มีช่างทออยู่ แต่ภายในก็เต็มไปด้วยผ้าไหมและวัฒนธรรมนิชิจินอื่นๆ มากมาย
วิถีชีวิตแบบนิชิจิน
Tondaya เป็นศูนย์กลางบริหารร้านขายกิโมโนของตระกูลทานากะมาหลายต่อหลายรุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่สวนทางกับกระแสสังคมในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ผู้ดูแลคนปัจจุบันของที่นี่คือ คุณทานากะ มิเนโกะ ผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านการจัดแต่งกิโมโน พิธีชงชา ศิลปะจัดดอกไม้ (อิเคบานะ) และวิถีชีวิตพื้นเมืองของนิชิจิน
ภายใต้การบริหารงานของเธอ Tondaya ได้รับการระบุให้เป็นสมบัติทางวัฒธรรมแห่งชาติ และในปัจจุบันได้ดำเนินกิจการเป็น "พิพิธภัณฑ์วิถีชิวิตนิชิจิน" ให้คนทั่วไปสามารถแวะมาเข้าชมได้
"เห็นไหมคะ มันง่ายมากเลย" คุณทานากะกล่าวพลางสวมกิโมโนของตระกูลเธอให้กับแขกด้วยท่าทีที่สง่างามและแม่นยำสมกับประสบการณ์หลายปีในฐานะครูของเธอ
"คุณสามารถสวมกิโมโนได้ภายในห้านาที ของทุกอย่างในที่แห่งนี้เป็นของจริง สามารถนำไปใช้งานได้จริงๆ" เธอกล่าวพลางชวนให้เราดูชิ้นผ้าสวยๆ ที่อยู่รอบๆ
กระจกในห้องโถงหลักมีอายุกว่า 130 ปี สามารถมองออกไปเห็นสวนสวยได้ ทั้งได้รับการติดตั้งอย่างประณีต และร่องรอยของน้ำที่ไหลผ่านภายในกระจกก็บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของมันได้เป็นอย่างดี หากเกิดแตกลงแล้ว คงไม่มีช่างคนไหนสามารถทำให้มันกลับมาเหมือนเดิมได้อย่างแน่นอน
คุณทานากะอธิบายกับเราว่าเธออยากให้ Tondaya เป็นสถานที่ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าใจวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมได้ดีขึ้น เธอกล่าวว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านลักษณะนี้มีวิถีชีวิตที่มีศูนย์กลางอยู่กับสามเรื่องด้วยกัน ได้แก่ ความหวังหรือความฝัน (negai) การภาวนา (inori) และความรู้คุณ (kansha) พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า
"แต่เดิมการใช้ชีวิตอยู่ในมาจิยะหมายถึงการใช้ชีวิตเคียงข้างกับเทพของบ้าน สิ่งนี้ถือเป็นรากฐานของหัวใจแบบญี่ปุ่นเลยจริงๆ" จึงสามารถกล่าวได้ว่าบ้านนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เลยก็ว่าได้
แม้ภายนอกจะดูไม่ใหญ่โตมาก แต่ภายใน Tondaya ก็มีทั้งห้องชา โรงละครโน สวนสามแห่งและห้องเก็บของอีกสามห้อง โดยทุกๆ ห้องต่างก็แฝงไปด้วยความลับทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจทั้งนั้น
ในทัวร์ชมมาจิยะครั้งนี้ นอกจากผู้เข้าร่วมทัวร์จะได้ชมสิ่งของสวยๆ งามๆ อย่างโต๊ะขนาดใหญ่ที่ฝังเลี่ยมด้วยรูปมังกร หรือผงทองที่ส่องประกายอยู่บนแผ่นไม้ด้านบนเพดานแล้ว ยังมีโอกาสได้รับฟังเรื่องเล่าต่างๆ อย่างเรื่องเล่าเกี่ยวกับห้องเก็บของห้องที่สาม ซึ่งไม่ได้เปิดมานานหลายปีแล้วเนื่องจากเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของทวยเทพนั่นเอง
สำหรับส่วนอื่นๆ ในบ้านหลังนี้ก็คึกคักอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากมีอีเวนต์ต่างๆ จัดขึ้นตลอดทั้งปี ทั้งยังมีจัดห้องเรียนสาธิตการชงชา การจัดดอกไม้ (อิเคบานะ) การแต่งชุดกิโมโน และศิลปะพื้นบ้านอื่นๆ อีกหลายชนิด ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 13 รุ่น พนักงานของที่นี่เตรียมพร้อมที่จะแบ่งปันไลฟ์สไตล์แบบนิชิจินให้กับแขกที่มาเยี่ยมชมเสมอ
ศิลปะพื้นบ้านอันสวยงามของสิ่งทอแห่งนิชิจินเป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความรู้กับความสามารถ หากมีโอกาสได้มาเกียวโตแล้ว ก็ไม่ควรพลาดที่จะลองมาสัมผัสเสน่ห์ของสิ่งทอแห่งนิชิจินด้วยตัวคุณเองดูสักครั้ง
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ในบทความนี้
เวิร์กช็อป Watabun (ภาษาอังกฤษ)
พิพิธภัณฑ์ผ้าทอมือ Orinasu-kan (ภาษาญี่ปุ่น)
บ้านเก่าแก่ Tondaya (ภาษาอังกฤษ)
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่