[รีวิว] โอกินาว่า "กิน" อะไรอร่อย อะไรเด็ด อะไรดี รวมมาให้หมดแล้ว!
จังหวัดโอกินาว่า จังหวัดที่รวบรวมอาหารการกินพื้นบ้านหลากหลายวัฒนธรรมเอาไว้ด้วยกัน วันนี้ tsunagu Japan จะพาทุกท่านไปชิมอาหารญี่ปุ่น ในอีกมุมของประเทศ จะมีร้านไหนดี เมนูไหนเด็ด มาตามดูรีวิวเต็มๆกันได้เลย
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก โอกินาว่า (Okinawa) เกาะจังวัดทางใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นสถานที่รวบรวมวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและอเมริกาเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งนี่แหละที่ทำให้โอกินาว่าเป็นจังหวัดที่มีอาหารการกินพื้นบ้านที่หลากหลายมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่น อย่ารอช้ามาเริ่มที่ร้านแรกกันเลย
1. Ashibiuna (琉球茶房 あしびうなぁ)
Ashibiuna (อะชิบิอุนะ) เป็นร้านอาหารโอกินาว่าดั้งเดิม ตัวร้านตกแต่งเป็นสไตล์บ้านโบราณสมัยริวกิว (ก่อนจะกลายเป็นเกาะโอกินาว่า) ตั้งอยู่ด้านหลังของปราสาทชูริ ซึ่งตอนนี้ปิดให้บริการเนื่องจากเหตุไฟไหม้เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา (T_T) แต่ส่วนด้านนอกยังเปิดให้เข้าชมได้อยู่ กลับมาที่ร้าน Ashibiuna ทางร้านมีการจัดสวนหินญี่ปุ่นอยู่ตรงกลางของร้าน แถมมีที่นั่งห้อยขาสุดชิว ทำให้สามารถดื่มด่ำบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่ เมนูของทางร้านก็มีให้เลือกมากมาย
มาเริ่มกันที่เมนูเด็ดของทางร้าน เซ็ทข้าวและปลากุรุกุงทอด (กุรุกุงคาราอาเกะ Gurukun Karaake) ปลากุรุกุงเป็นปลาท้องถิ่นของจังหวัดโอกินาว่าใครมาเที่ยวเป็นต้องลิ้มลอง (นิยมนำมาทอดแต่ถ้าอยากกินซาชิมิต้องเป็นร้านที่ขายปลาที่ยังมีชีวิตแล้วสั่งกินตอนนั้นเลยเท่านั้น เนื่องจากถ้าปลาเสียชีวิตนานแล้วนำมาทำเป็นซาชิมิรสชาติจะไม่ดีและมีกลิ่นคาว) ซึ่งทางร้านทอดมาได้กรอบมากจนกินได้ทั้งตัวแม้แต่ก้างก็ไม่เหลือ (ส่วนหัวใครชอบก็สามารถกินได้หมดเช่นกัน)
ต่อมาเป็นเมนู เซ็ทข้าวหมูอากุผัดขิง (อากูโชวกะยากิ Aku Shokayaki) ผัดขิงของที่ญี่ปุ่นจะใช้เป็นขิงบดซึ่งเมนูนี้ก็เป็นอีกเมนูขึ้นชื่อของทางร้านเนื่องจากหมูอากูเป็นหมูดำที่เกิดและโตในจังหวัดโอกินาว่า มีชื่อเสียงมากที่สุดในเขตนาโกะ( Nago) หมูอากูจะมีเนื้อสำผัสที่นุ่มลิ้นซึ่งมาหั่นสไลด์เป็นชิ้นที่บางพอคำผัดกับขิงบดและปรุงรสให้เข้ากันนั้นทำให้เมนูนี้เรียกได้ว่าเป็นเมนูหมูเทวดาเลยทีเดียว (อันนี้คิดเองนะ) แต่เอาเป็นว่าใครมาก็ต้องลอง
ต่อมาเป็นเมนูเบาๆ เฮลตี้ๆ ด้านซ้ายจะเป็น เซ็ทข้าวฟองเต้าหู้ผัดไข่ (ฟู จามปุรุ Fuu Chanpuru) ฟองเต้าหู้ของโอกินาวาจะโดดเด่นไม่เหมือนฟองเต้าหู้ทั่วไป มีความหนาและเหนียวนุ่มมากกว่า ซึ่งฟองเต้าหู้จะซึมซับรสชาติของเครื่องปรุงได้ดีจึงทำให้มีรสชาติเข้มข้นดีเลยทีเดียว ลองแล้วรับรองจะติดใจ
ส่วนด้านขวาจะเป็น เซ็ทข้าวเต้าหู้ผักไข่ (โทฟุ จามปุรุ Tofu Chanpuru) เมนูที่คล้ายกันกับฟองเต้าหู้ผัด แต่เนื่องจากความเป็นเต้าหู้จึงทำให้รสชาติไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีรสชาติ เป็นรสชาติเบาๆ กินเพลินๆ แต่แปปเดียวก็หมดจานได้เช่นกัน
หากใครยังไม่หนำใจก็สามารถสั่งแยกเป็นกับข้าวมาได้แบบนี้เลย ด้านซ้ายคือมะเขือม่วงผัดมิโซะ (นัทซึมิโซะ Natsu Miso) หอมมากแถมรสชาติเข้มข้นจนต้องสั่งข้าวเพิ่มอีกจาน ต้องลองอีกเช่นกัน ต่อกันที่ด้านขวามันก็คือขาหมูตุ๋น (เทะบิจินิซึเกะ Tebichi Nitsuke) คล้ายๆกับคากิบ้านเรา แต่รสชาติจะอ่อนกว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่เลี่ยน แถมตุ๋นมาได้แบบนิ่มละมุนมากแต่หนังก็ยังมีความกรุบกริป คือดีย์อ่ะบอกเลยคอลลาเจนเน้นๆแบบนี้ใครจะอดใจไหว
ยังไม่หมดเท่านั้น เมนูอื่นๆยังมีอีกมากมาย เช่น มะระผัดไข่ (โกยะ จามปุรุ Goya Chanpuru) ยากิโซบะหมึกปลาหมึก (อิกะซึมิเมน ยากิโซบะ Ikazumimen Yakisoba) และ หมูทอดทงคัทซึ (โรสซ ทงคัทซึ Roo-su Tonkatsu ขายวันละ 30 ที่เท่านั้น) ทั้งนี้ทั้งนั้นใครมาร้านนี้อยากเทสภาษาญี่ปุ่นก็สั่งตามที่แอดเขียนไว้ให้ได้เลย ถ้าสั่งเป็นเซ็ทให้เติม เทโชคุ (Teishoku) ไปด้านหลังเมนู เช่น โกยะ จามปุรุเทโชคุ (เซ็ทข้าวมะระผัดไข่) หากใครจะสั่งเป็นกับข้าว ให้เติมด้านหลังว่า ทัมปิน (Tanpin) หากใครไม่สะดวกก็จิ้มเอาได้ไม่เสียหาย
ลืมแจ้งไปว่าอาหารเซ็ทจะประกอบไปด้วย จานหลัก ข้าว (เลือกได้ว่าจะเอาข้าวขาว หรือข้าวชูฉี้สไตล์โอกินาวา) ซาชิมิ ซุป ผลไม้ เครื่องเคียง และของดอง
หากใครผ่านไปผ่านมาแถวปราสาทชูริก็อย่าลืมแวะมาชิมที่ร้าน Ashibiuna (อะชิบิอุนะ) กันนะการันตีรสชาติ ถ้าออกทางด้านหลังปราสาทชูริเดินมาถึงทันที และหากใครนำรถมาสามารถจอดได้ที่ซอย Lawson ด้านหลังของร้าน ตอนกลางวันจอดฟรี 40 นาที (ต้องขอบัตรจอดรถจากทางร้านหลังเช็คบิล)
2. Nakamura Soba (なかむらそば)
ร้านนากามูระโซบะ (Nakamura Soba) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแหลมหัวช้าง ซึ่งเป็นที่ท่องเที่ยวที่มีความนิยมของโอกินาวา จึงทำให้ร้านนี้ซึ่งปกติก็มีขาประจำแวะเวียนมามากอยู่แล้ว มีลูกค้าแน่นขึ้นไปอีก โดยร้านจะเปิดให้บริการเวลา 10:30 – 17:00 น. ซึ่งถ้าหากวัตถุดิบหมดจะปิดให้บริการก่อนเวลา (ตัวแอดเคยไปตอน 16:30 น. สรุปว่าอดกินนะจ๊ะ T_T) หากใครตั้งใจที่จะไปทานร้านนี้แนะนำว่าให้ไปช่วงเปิดร้าน หรือช่วงเที่ยงๆจะดีกว่า ร้านนากามูระโซบะ นอกจากจะทานที่ร้านแล้ว ยังสามารถซื้อเซทโซบะสำเร็จรูปกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย เมนูในร้านจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลยดีกว่า
โซบะซุปสาหร่าย (Aza Soba) เมนูยอดนิยมอันดับ 1 ของทางร้านนากามูระโซบะ ซุปที่อัดแน่นไปด้วยสาหร่ายทะเล เวลาที่ได้ลิ้มลองซุปจะให้ความรู้สึกสดชื่น ซึ่งจะเป็นเมนูที่มีความสดชื่นมากที่สุดจากทุกเมนูในร้าน เสิร์ฟคู่กับหมูสามชั้นชิ้นพอคำพร้อมกับลูกชิ้นปลาอีก 2 ชิ้น ใครมาได้ลองเมนูนี้รับรองได้ว่าต้องติดใจ
เมนูพิเศษประจำร้าน นากามูระโซบะ ก็คือ โซบะหมูสามชั้นชิ้นยาวววว สามแผ่น (Sanmai Niku Soba) ซึ่งเมนูนี้จะขายเพียงวันละ 7ชามเท่านั้น เรียกได้ว่าหากต้องการลิ้มลองเมนูนี้ก็ต้องมารอร้านเปิดกันเลยทีเดียว ซึ่งอยากจะแนะนำว่าให้มารอร้านเปิดอย่างน้อย 30 นาทีเนื่องจากมีคนจากทั่วสารทิศที่อยากมาลิ้มลองเมนูสุดเด็ดชามนี้ เพราะหากได้ลิ้มลองแล้วล่ะก็ต้องอุทานออกมาว่า “อุไมมม” (อร่อยมว๊ากก) อย่างแน่นอน
โซกิโซบะ (Soki Soba) เมนูขึ้นชื่อของเกาะโอกินาวาใครมาต้องได้ลิ้มลอง แต่ของร้านนากามูระโซบะนั้นมีความพิเศษอยู่ที่ เนื้อหมูโซกิชิ้นใหญ่มากแถมตุ๋นมาจนได้ที่นุ่นละมุนลิ้นแถมยังละลายในปาก ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึงหมูเข้มข้น น้ำซุปสดชื่น เมนูนี้รสชาติจะไม่หนักมากสามารถกินได้ไม่มีเบื่อไม่มีเลี่ยนกันเลยทีเดียว
เมนูโซบะหมูสามชั้นสับชิ้นเล็กๆ (Nakamura Soba) ที่ชิ้นหมูจะมีรสชาติที่เข้มข้นมากๆ เนื่องจากตุ๋นได้เข้าเนื้อมากกว่าชิ้นใหญ่ ซึ่งทำให้ชามนี้น้ำซุปจะรสชาติเข้มข้มกว่าทุกเมนูในร้านอีกด้วย หากใครชอบหมูชิ้นเล็กทานง่ายๆ และซุปที่เข้มข้น ต้องไม่พลาดเมนูนี้
3. Flipper (ふりっぱー)
Flipper ร้านสเต็กชื่อดังอีกร้านหนึ่งที่ต้องแวะมาสัมผัสเมื่อขึ้นมาเยือน นาโกะ(Nago - 名護)ร้านนี้เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 50 ปี ตั้งแต่ปี 1971 จึงเป็นที่การันตีได้เลยว่ารสชาติและวัตถุดิบที่นำมาใช้นั้นมีคุณภาพดีอย่างแน่นอน และที่สำคัญราคาไม่แพงเลย! นอกจากนี้ยังมีโฮมเมดพายชิ้นเล็กน่ารักให้เลือกซื้อกันได้หลากหลายรสชาติอีกด้วย ส่วนเมนูของที่ร้านนั้นก็อย่างรอช้ามาดูกันเลยว่ามีเมนูอะไรกันบ้าง
เมนูแรกที่อยากแนะนำมากที่สุดก็คือ ล็อบสเตอร์ จะมีให้สั่งทั้งแบบแยกเฉพาะล็อบสเตอร์ หรือจะสั่งเป็นจานล็อบสเตอร์กับสเต็กเนื้อเซอร์ลอยก็ได้ ล็อบสเตอร์มีความสดมาก เนื้อเด้ง เต็มปากเต็มคำ ถ้ามีโอกาสและไม่ได้แพ้กุ้ง แนะนำว่าต้องโดน!
ต่อมาเป็นเมนูเบสิคของสเต็กที่ต้องมีทุกร้าน นั่นก็คือสเต็กเซอร์ลอย ซึ่งร้าน Flipper มีเนื้อให้เลือกหลายขนาดตามความอยากของเรา ส่วนความสุกของเนื้อก็สามารถระบุได้ตามที่ชอบ และสุดท้ายเลือกซอส (แนะนำซอสกระเทียม ถือว่าเด็ด!)
ส่วนเมนูอื่นๆ ก็จะมีแฮมเบิร์กที่ย่างมาได้สุกพอดี ไม่แห้งแข็งกระด้าง เนื้อในชุ่มฉ่ำ และถ้าใครมาแบบท้องหิวๆ เลยล่ะก็ เราแนะนำให้สั่งมินิแฮมเบอร์เกอร์มาทานเล่นก่อนได้ เนื่องจากสเต็กนั้นค่อนข้างใช้เวลา
ปล. สั่งเป็นเซ็ทจะเลือกได้ว่าจะทานคู่กับ ขนมปัง, มันบด หรือข้าวได้
4. Daizaemon (大左衛門)
ยังคงอยู่ที่ "นาโกะ" ร้านซูชิเก่าแก่อีกร้าน "ไดซาเอมอน (Daizaemon)" เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1986 จนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 34 ปีแล้ว ซึ่งจุดเด่นของร้านนี้คือยังคงความเป็นความดั้งเดิมตั้งแต่เปิดร้าน ลุงเจ้าของร้านเป็นคนปั้นซูชิเองทุกคำ จึงการันตีได้เลยว่าซูชิแต่ละคำมีคุณภาพแน่นอน แถมที่นี่ราคาถูกมากทั้งซูชิและซาชิมิ
ซูชิและซาชิมิของที่นี่เมนูแต่ละวันจะแตกต่างกันออกไปตามวัตถุดิบที่คัดสรรค์มาได้ ซูชิจะมีราคาตั้งแต่คำละ 100 เยนขึ้นไป ส่วนซาชิมิจะสามารถสั่งได้ว่าเป็นจานสำหรับกี่ท่าน บางท่านอาจจะเห็นราคาซูชิแล้วอาจจะคิดว่าเป็นราคาปกติธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าหากได้ลิ้มลองแล้วล่ะก็ คุณภาพและความสดขนาดนี้ต้องบอกได้เลยว่า "ราคาโครตถูก"
นอกจากซูชิและซาชิมิแล้ว ก็ยังมีเมนูอื่นๆที่น่าอร่อยอยู่อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น สลัดทะเล (เนื้อปลา, กุ้ง, ปลาหมึก, หอย จัดเต็มมากๆ) และใครที่ชอบทานปลาไหลก็แนะนำข้าวหน้าปลาไหลจานยักษ์ เนื้อนุ่มลิ้น ละลายในปาก และยังมี ปลาหมึกทอด และซุปปลาต่างๆ ให้เลือกมากมาย หากใครได้มาเยือนเมืองนาโกะ ขอแนะนำให้มาลองสักครั้ง แล้วจะติดใจ
5. Wakaba (パーラーわかば)
วากาบะ (Wakaba) ร้านคุณป้าใจดีอาหารพื้นบ้านของโอกินาวา ร้านนี้บอกก่อนเลยว่าไม่ได้มีรสชาติโดนเด่นอะไรมากมาย แต่ได้ใจไปเต็มๆ เนื่องจากร้านนี้ค่อนข้างจะเป็นร้านบ้านๆ มาก ไม่ค่อยมีชาวต่างชาติมาทานสักเท่าไหร่ คุณป้าจึงอาจจะรู้สึกดีใจที่มีคนจากต่างที่มาเยือน (อันนี้คิดเอาเอง) เข้ามาดูแลชวนพูดคุย แถมให้นู่นให้นี่มาเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นตั๋วส่วนลดที่ท่องเที่ยว หรือขนมเล็กๆน้อยๆ เรียกได้ว่าประทับใจกันไปเลยทีเดียว
เมนูเบสิคที่แนะนำก็คือ ข้าวทาโก้ หรือที่เรียกกว่าว่า "ทาโก้ไรซ์ (Taco-Rice)" คือข้าวที่ราดด้วยโทโก้นั่นเองซึ่งอาจจะแปลกใหม่เนื่องจากปกติแล้วทาโก้จะทานกับแป้งบางๆ กรอบๆ แต่ทานกับข้าวก็ได้รสชาติที่ดีเลยทีเดียว
ส่วนอีกเมนูก็คือ "ทงคัทซึ" หรือข้าวหน้าหมูทอดไข่ นั่นเอง เมนูนี้ถือว่าเป็นเมนูที่หาทานได้ทั่วไป แต่ที่ร้านนี้ให้ปริมาณที่เยอะมากในราคาเพียง 500 เยน ถือว่าอิ่มได้ในราคาเบาๆ ส่วนเมนูอื่นๆ ยังมีอีกมากมาย ราคาส่วนมากจะอยู่ที่ 400-500 เยน ถือว่าเป็นร้านที่มีราคาถูกมากๆ และเน้นปริมาณ หากมีโอกาสผ่านไปผ่านมาที่ นาโกะ ก็อย่าลืมแวะมาลองชิมอาหารและรับใจของคุณป้าไว้ด้วยนะ
6. Yukino (ゆきの)
ยูกิโนะ (Yukino) ร้านอิซากายะที่รู้จักกันดีในหมู่คนพื้นที่ เป็นร้านอาซากิยะที่เปิดมาอย่างยาวนาน ตั้งอยู่ที่เขต นาโกะ หลังโรงแรม Yugaf Inn Okinawa ร้านนี้จะเสิร์ฟอาหารโอกานาว่าและของแกล้มเบียร์เป็นหลัก ขาดื่มต้องห้ามพลาดต้องมาลิ้มลอง เบียร์โอริออน (Orion Beer) เบียร์ประจำจังหวัดโอกินาวา ซึ่งร้านยูกิโนะจะเสิร์ฟพร้อมแก้วที่เย็นจนน้ำแข็งเกาะ รับรองความสดชื่น
กับแกล้มที่อยากแนะนำ ของขึ้นชื่อของจังหวัดโอกินาวา สาหร่ายทะเล หรือที่เรียกกันว่า "อุมิบุโด (Umibudo)" ที่รสชาติกำลังดีไม่เค็มจนเกินไป และ สาหร่ายทะเลทอด เรียกว่า โมซุกุเทมปุระ (Mozuku Tempura) จิ้มเกลือหน่อย อร่อยไม่มีวันลืม
ส่วนเมนูพื้นบ้านที่สามารถสั่งมาเป็นกับแกล้มได้ด้วยเช่นกัน ผัดมะระ (Goya Champuru) รสชาติอ่อนๆ กินได้เรื่อยๆ มะระไม่ขม หรือจะสั่งเป็น ราฟุเท (Rafute) หมูตุ๋นซอสหวาน คล้ายๆกับพะโล้บ้านเรา
ปลากุรุกุง ปลาท้องถิ่นของโอกินาวา ก็แนะนำว่าห้ามพลาดนำมาทอดอร่อยอย่าบอกใคร กุรุกุงคาราอาเกะ (Gurukun Karaake) หรือจะสั่งเป็นเทมปุระรวมก็ย่อมได้ กุ้งสด ผักหวาน หมึกหนึบ และนอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอร่อยๆ น่าลองอีกมากมาย แนะนำให้ไปกันหลายๆคน จะได้แชร์อาหารกัน กินได้หลายๆ เมนู
7. Okinawa Soba Yamaya (沖縄そば處やまや)
ร้านสุดท้ายที่จะมาแนะนำกันในวันนี้ ร้านยามะยะ (Yamaya) เป็นร้านพิ้นบ้านที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเขตนาโกะอีกเช่นกัน เมนูของร้านนี้จะมีเพียง 3 เมนูเท่านั้น คือ เมนูแรกซิกเนเจอร์ประจำร้าน โซกิโซบะ (Soki Soba) โซบะกระดูกหมู น้ำซุปของร้านนี้จะมีเอกลักษณ์พิเศษ เป็นซุปสีน้ำตาลและรสชาติเข้มข้นกว่าร้านอื่นๆ และกระดูกหมูที่ตุ๋นมาอย่างดีกินง่ายไม่ติดกระดูกเลยสักนิด
ต่อมาเป็นเมนู โซบะหมูสามชิ้น (Sanmai Niku Soba) ซึ่งใช้ซุปแบบเดียวกันแต่แตกต่างตรงที่ชามนี้จะเป็นเนื้อหมูสามชั้นตุ๋นและลูกชิ้นปลาแทนกระดูกหมู ส่วนเมนูสุดท้าย ข้าวแกงกะหรี่ (Curry Rice) แกงกะหรี่หน้าตาธรรมดาที่รสชาติไม่ธรรมดา หวานหอมรสชาติกลมกล่อมอย่างบอกไม่ถูก พูดได้แค่ว่าต้องลอง ส่วนเครื่องเคียงที่ร้าน Yamaya ทำเองทั้งหมดผักดองที่มีความสดชื่น (ไม่ใช่รสเปรี้ยวหรือเค็ม อธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้) และเยลลี่ของหวานแฮนเมด อันนี้เป็นเยลลี่รสชาติดีมากอีกเช่นกัน ร้านนี้แนะนำเป็นที่สุด แล้วจะไม่มีวันลืมได้เลย
หมายเหตุ : ร้านนี้ปิดให้บริการถาวรแล้ว
สุดท้ายนี้ทาง tsunagu Japan ต้องขอตัวลาไปหาอะไรมาลงท้องกันหน่อยแล้ว เนื่องจากตอนนี้ต่อมน้ำลายแตกอย่างแรง บทความหน้าเราจะพาไปรีวิวของอร่อยๆ ที่ไหนอีกก็รอติดตามกันได้เลย
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่