เสน่ห์ของ GYRE โอโมเตะซันโด! ตอบโจทย์อาหาร แฟชั่น และงานศิลปะคุณภาพสูง

ย่านการค้าชั้นแนวหน้าของโตเกียว โอโมเตะซันโด เป็นศูนย์รวมสถานที่สุดชิคตามเทรนด์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ หรืออาคารอเนกประสงค์ที่เรียงรายไปด้วยของจิปาถะและเครื่องสำอางใหม่ล่าสุด หนึ่งในสิ่งน่าจับตามองของโอโมเตะซันโดนี้ก็คือ "GYRE" อาคารแฟชั่นอเนกประสงค์ที่ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากผู้ที่เอาใจใส่ในรสนิยมของตัวเอง เป็นที่ชื่นชอบอย่างยาวนานของผู้คนทั้งในและนอกประเทศเนื่องจากไม่ได้มีเพียงร้านแฟชั่นแบรนด์ดังระดับโลกเท่านั้น แต่ยังมีแกลลอรี่ ร้านอาหาร และร้านของใช้รสนิยมดีอยู่อีกด้วย อาคารดังกล่าวนี้ได้ทำการเปิดตัวชั้นร้านอาหารในโฉมใหม่ขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 กลายเป็นพื้นที่แสดงฝีมือของผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร โครงสร้าง หรือดีไซน์ ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์สุดหรูหรา

เกี่ยวกับ GYRE

"ถนนโอโมเตะซันโด" เป็นถนนทางเข้าฝั่งด้านหน้าของศาลเจ้าเมจิจินกู ที่อยู่ระหว่างสถานีโอโมเตะซันโดและเมจิจินกูของรถไฟสายโตเกียวเมโทร มีความยาวประมาณ 900 เมตร ขนาบข้างไปด้วยแนวต้นเคยากิที่สวยงาม เป็นถนนการค้าอันดับต้นๆ ของโตเกียวที่ทั้งคึกคักและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง มีทิวทัศน์ที่ทำให้ผู้มาเยี่ยมเยือนหลงใหลอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในฤดูที่ใบไม้เขียวชอุ่ม ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือช่วงคริสต์มาสที่ส่องประกายไปด้วยไฟประดับ

บริเวณสองข้างทางของถนนโอโมเตะซันโดดังกล่าวนี้ เป็นศูนย์รวมของอาคารพาณิชย์และร้านแฟชั่นแบรนด์ระดับโลกมากมาย และมีผู้คนมาจับจ่ายกันอย่างไม่ขาดสาย นอกจากสินค้าที่เรียงรายอยู่ภายในร้านแล้ว พื้นที่นี้ยังมีเสน่ห์เป็นสถาปัตยกรรมจากสถาปนิกชื่อดังที่เกาะกลุ่มกันอยู่มากมายอีกด้วย หากคุณเป็นผู้ที่สนใจเรื่องแฟชั่น รับรองได้ว่าแค่ได้เดินเล่นบนถนนสายนี้ก็จะรู้สึกตื่นเต้นอย่างแน่นอน

บนถนนโอโมเตะซันโดดังกล่าวนี้มีอาคารอยู่หลังหนึ่งที่ส่องประกายโดดเด่นกว่าใครเพื่อน ซึ่งก็คือ "GYRE" อาคารแฟชั่นอเนกประสงค์ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 2007 จะเห็นได้ว่าจุดเด่นของมันคือรูปร่างที่ดูเหมือนกล่อง 5 กล่องซ้อนทับกันขึ้นไปเป็นเกลียว ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวอาคารนั้นกำลังมีชีวิตอยู่เลยทีเดียว
อาคารหลังนี้ออกแบบโดย MVRDV บริษัทก่อสร้างสัญชาติฮอลแลนด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "SHOP & THINK" ที่แฝงความหมายไว้ว่า "ใช้ชีวิตโดยคำนึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลก" ในส่วนของชื่อ "GYRE" นั้นมีความหมายว่าหมุนหรือขดเป็นเกลียว แสดงถึงความแน่วแน่ที่จะเป็นศูนย์รวมดึงดูดสิ่งต่างๆ และเป็นแรงพลักดันให้กับกระแสและผู้คนรุ่นใหม่ๆ

ตั้งแต่ชั้นใต้ดินไปจนถึงชั้น 5 อัดแน่นไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารถึง 18 ร้าน ตั้งแต่ร้านแฟชั่นชื่อดังระดับโลกอย่าง CHANEL, Maison, COMME de GARCONS, และ KENZO ร้านสินค้าจิปาถะอย่าง MoMA Design Store และ HAY TOKYO ไปจนถึง GYRE GALLERY การที่เรียงรายไปด้วยร้านที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีและสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบได้อย่างมีรสนิยมนี้เอง เป็นสาเหตุที่ทำให้มันเป็นที่หลงใหลของผู้คนทั้งในและนอกประเทศ

"GYRE.FOOD" ชั้นอาหารธีมธรรมชาติจากเหล่าครีเอเตอร์รุ่นใหม่ไฟแรง!

หนึ่งในเหตุผลที่คุณทำให้ต้องมาที่นี่ให้ได้ก็คือ "GYRE.FOOD" ชั้นอาหารบนชั้น 4 ที่เปิดตัวขึ้นใหม่ในวันที่ 10 มกราคม 2020 ซึ่งจะมอบประสบการณ์อันหรูหราที่หาที่อื่นไม่ได้ ทั้งชั้นนี้เป็นศูนย์รวมของร้านค้าในธีม "หมุนเวียน" ที่สอดคล้องไปกับคอนเซ็ปต์ "SHOP & THINK" ของ GYRE

ทันทีที่ก้าวเข้าไปก็จะพบกับทิวทัศน์อันน่าตกใจ พื้นที่กว้างขวางราว 1,000 ตารางเมตร ไม่ว่าจะเป็นพื้นหรือกำแพง ต่างมีดินห่อหุ้มไว้ และมีพืชพรรณปลูกไว้มากมาย ให้ความรู้สึกราวกับว่าเป็นโบราณสถานใต้ดินหรือถ้ำในป่าลึกเลยทีเดียว

ในด้านของพื้นที่ใช้สอยส่วนรวมนั้นเรียงรายไปด้วยบล็อกทรงลูกบาศก์ ผู้คนที่มาเยี่ยมชมสามารถนั่งพักผ่อนและพูดคุยกันได้อย่างอิสระ นับว่าเป็นการออกแบบที่ดูขี้เล่นมากเลยทีเดียว

ผู้ที่รับผิดชอบในการออกแบบพื้นที่นี้ก็คือ ทาเนะ สึโยชิ สถาปนิกที่ได้สร้างผลงานมากมายไว้ในฝรั่งเศส และยังมีส่วนร่วมในการออกแบบ "Estonian National Museum", "แผนการสร้าง Kobun Stadium", และ "TORAYA Paris" คุณทาเนะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบ "GYRE.FOOD" โดยได้ใช้ "ดิน" เป็นธีมหลักในการจินตนาการถึงวัฒนธรรมอาหารในอนาคต ออกมาเป็นโปรเจคเชิงทดลองที่จะนำร้านอาหารกลับสู่ผืนดิน ตอบรับกับภาวะโลกร้อนที่กำลังทำให้แผ่นดินแห้งแล้งขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน คุณทาเนะคาดหวังไว้ว่าพื้นที่นี้จะทำให้ผู้คนได้มาเพลิดเพลินไปกับอาหารพลางสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมในโลกอนาคต และกลายเป็นจุดสรรสร้างวัฒนธรรมอาหารโตเกียวในยุคต่อไป

ผู้ที่รับผิดชอบในคอนเซ็ปต์องค์รวมของ "GYRE.FOOD" ก็คือ ฮิราโอะ คาโยโกะ ผู้ที่เป็นตัวแทนของ HiRAO INC บริษัทที่เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ GYRE และ โนมุระ ยูริ เชฟที่เปิดร้าน "restaurant eatrip" ขึ้นที่บ้านสไตล์ญี่ปุ่นเก่าแก่ในย่านเมจิจินกูมาเอะของฮาราจูกุ และมีผลงานด้านอาหารอยู่อย่างหลากหลาย ในส่วนตำแหน่งผู้อำนวยการหน้าไซต์งานก็ได้รับความร่วมมือจาก ทานากะ ฮิรากุ ผู้มีผลงานเป็น "THE OPEN BOOK" ร้าน Lemon Sour ในย่านชินจูกุโกลเด้นไก สุดท้ายในส่วนผู้อำนวยการด้านอาหารก็รับตำแหน่งโดย ชิดะ เรียวมะ ผู้ที่ได้เดินทางไปฝึกฝนถึงปารีสและกลับมาขัดเกลาฝีมือในฐานะซูเชฟอยู่ที่ร้าน "ESqUISSE" ในย่านกินซ่า 
จะเห็นได้ว่า "GYRE.FOOD" เป็นศูนย์รวมของครีเอเตอร์รุ่นใหม่ไฟแรงที่มีผลงานอยู่ทั้งในและนอกประเทศ แต่ละท่านได้นำทักษะ เซนส์ และความมุ่งมั่นมารวมตัวกันทำให้เกิดเป็นพื้นที่อันหรูหรานี้ขึ้นมา

ที่เห็นอยู่ด้านบนนี้คืออาหารจากร้านอาหารฝรั่งเศส "elan"

ชั้นนี้ประกอบด้วยร้านอาหาร 4 ร้านได้แก่ ร้านอาหารฝรั่งเศส "elan", ร้าน "EUREKA" ที่มีอาหารค่ำให้รับประทานตลอดวัน, บาร์ "funklein", และร้านของฝากและของชำ "eatrip soil" โดย "elan" จะมีอาหารฝรั่งเศสให้คุณสั่งรับประทาน ในขณะที่ "EUREKA" จะเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสประยุกต์ในราคาที่แสนถูก ในกรณีของมื้อค่ำนั้นคุณยังสามารถสั่งค็อกเทลจากร้าน "funklein" มาดื่มได้อีกด้วย จึงมีข้อดีเป็นการที่สามารถเพลิดเพลินไปกับร้านหลายๆ ร้านได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ "elan" และ "EUREKA" ยังได้ทำการทดลองต่างๆ เพื่อลดการสิ้นเปลืองของวัตถุดิบ ตัวอย่างเช่น มีการใช้ครัวร่วมกันและนำเครื่องหมักปุ๋ยเข้ามาใช้ อาหารทุกอย่างนั้นมาจากผืนดิน เข้าสู่ร่างกายเรา สุดท้ายก็กลับลงสู่ดินอีกครั้ง แม้จะตั้งอยู่ในย่านการค้าชั้นนำของโตเกียวอย่างโอโมเตะซันโด แต่ก็เป็นสถานที่สุดล้ำยุคที่แสดงถึง "วัฏจักรแห่งอาหาร" ในโลกธรรมชาติออกมาได้เป็นอย่างดี

ในส่วนของที่นั่งนั้นมีอยู่ราว 150 ที่นั่ง แม้ย่านโอโมเตะซันโดจะมีร้านอาหารที่แออัดอยู่เต็มไปหมด แต่ในกรณีของชั้นอาหารนี้ก็มีดีไซน์ที่เปิดโล่งไร้สิ่งกีดขวาง ในวันที่อากาศดีก็ยังสามารถออกไปนั่งรับประทานอาหารบริเวณระเบียงด้านนอกได้อีกด้วย หากมาที่ "GYRE.FOOD" แล้ว รับรองได้ว่าคุณจะได้สัมผัสกับช่วงเวลาสบายๆ อย่างเป็นส่วนตัวแน่นอน

GYRE.FOOD / 4F

"funklein" บาร์ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มจากวัตถุดิบทั่วประเทศ และเป็น Cocktails on Tap แห่งแรกของญี่ปุ่น!

"funklein" เป็นบาร์ที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของ "GRYE.FOOD" ร้านที่จัดวางที่นั่งเคาน์เตอร์ไว้อย่างเป็นระเบียบนี้ มีจุดเด่นเป็นจำนวนของแทปที่เรียงรายกันอยู่ สิ่งที่จะออกมาจากแทปทั้ง 17 แทปนี้ไม่ใช่เบียร์ แต่เป็นค็อกเทลสูตรออริจินัลสีสันสดใส เพื่อล้วงลึกถึงความโดดเด่นของร้านนี้ เราได้ทำการขอสัมภาษณ์คุณทานากะ ฮิรากุ ผู้เป็นเจ้าของร้าน และคุณอิจิโนเสะ บาร์เทนเดอร์ของทางร้าน มาเป็นกรณีพิเศษ

คุณทานากะเป็นหนึ่งในบุคคลที่วงการร้านอาหารในปัจจุบันต่างพากันจับตามอง เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้บริหาร "OPEN BOOK" บาร์ Lemon Sour ที่ตั้งอยู่ในย่านชินจูกุโกลเด้นไกของโตเกียว เมื่อครั้งที่คุณทานากะได้แวะเวียนไปตามร้านอาหารและบาร์ต่างๆ ทั่วโลก ก็ได้พบกับความคึกคักของค็อกเทลบาร์ในต่างประเทศ ทำให้รู้สึกได้ว่าวัฒนธรรมค็อกเทลในญี่ปุ่นกับในต่างประเทศนั้นมีความแตกต่างด้านค่าใช้จ่ายอยู่ค่อนข้างมาก คุณทานากะจึงอยากให้ผู้คนได้สัมผัสกับค็อกเทลขนานแท้ในราคาที่สบายกระเป๋ามากกว่านี้ และนำเสนอบาร์ที่เสิร์ฟ "ค็อกเทลแทป" ขึ้นมาเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่น

ในบรรดาค็อกเทลสุดพิถีพิถันที่มีอยู่มากกว่า 16 ชนิดของทางร้าน เราได้สอบถามบาร์เทนเดอร์คุณอิจิโนเสะถึงเมนูที่น่าแนะนำให้กับชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวญี่ปุ่น คำตอบที่ได้ก็คือ "Jahana Old-Fashioned" (ราคา 1,200 เยน) ค็อกเทลนี้มีส่วนผสมเป็นน้ำตาลที่ใช้ในการหมักฟักเขียว เพื่อนำมาทำเป็นขนมญี่ปุ่นที่ชื่อ "คิปปัง" ของบริษัท Jahana ในโอกินาว่า ในขั้นตอนการทำคิปปังนั้นจะใช้เพียงตัวฟักเขียวเพียงอย่างเดียว และทิ้งส่วนน้ำตาลที่ใช้หมักไป แต่จริงๆ แล้วน้ำตาลดังกล่าวนี้ให้รสหวานที่หรูหราเข้มข้น และเข้ากันกับวิสกี้ได้ดีเป็นพิเศษ "Jahana Old-Fashioned" เป็นเครื่องดื่มแบบง่ายๆ ที่ทำขึ้นโดย Rye whiskey, Angostura bitters, Orange bitters, และน้ำเชื่อมฟักเขียว โดยปกติแล้วค็อกเทลมักจะเสิร์ฟโดยนำไปเขย่าในเชคเกอร์ แต่ในกรณีของค็อกเทลสูตรพิเศษของร้านนี้ คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่เห็นค็อกเทลไหลออกมาจากแทป และลิ้มรสชาติอันแปลกใหม่ที่ได้จากการนำไปบรรจุไว้ในถังไม้

หากจะพูดถึงความยากลำบากในการพัฒนาค็อกเทลแทป ก็คงไม่พ้นเรื่องการจูนรสชาติ เนื่องจากในการปล่อยค็อกเทลออกมาทางแทปนั้นจำเป็นต้องใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ค็อกเทลจะมีรสกรดคาร์บอนิกแฝงอยู่ด้วย ทำให้เกิดเป็นรสที่ต่างออกไปจากที่กำหนดไว้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องผ่านการลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง สุดท้ายแล้วในกรณีของ "Jahana Old-Fashioned" ก็พบทางออกเป็นการผสมเบียร์ส้มและเลมอนลงไปเล็กน้อยก่อนที่จะทำการเสิร์ฟ เนื่องจากให้ความสดชื่นที่เข้ากันได้ดีกับกรดคาร์บอนิก กลายเป็นค็อกเทลที่สามารถหาดื่มได้ที่นี่เท่านั้น

ก่อนที่ร้านนี้จะเปิดตัว สตาฟหลายท่านได้เดินทางไปยังนากาโน่ ชิโคคุ โอกินาว่า และสถานที่อื่นๆ เพื่อวัตถุดิบที่พบในแต่ละพื้นที่มาตระเตรียมเป็นค็อกเทลที่มีความเป็นญี่ปุ่น เมนูอื่นๆ ที่ทางร้านขอแนะนำก็ได้แก่ "Lemon Sour" ที่ใช้เลมอนผลิตในญี่ปุ่นอย่างไม่หวง "Chawari" ที่ได้รับความนิยมในหมู่หญิงสาว และ "Gyre Ball" ที่ทั้งวิสกี้และแก้วถูกแช่ไว้ในอุณหภูมิ -25 องศาเซลเซียส ไม่ว่าเมนูไหนก็มีราคา 900 เยนเท่านั้น นอกจากนี้ ทางร้านยังมีแผนที่จะเปลี่ยนเมนูไปในแต่ละฤดูกาล หากไม่จับตามองให้ดีก็อาจพลาดเมนูดีๆ ไปก็เป็นได้

ทางร้านมีเมนูภาษาอังกฤษและรองรับการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ จึงสามารถสอบถามเกี่ยวกับจุดเด่นของเครื่องดื่มแต่ละชนิดได้อย่างง่ายๆ อีกด้วย นอกจากนี้ ร้านนี้ยังมีทั้งชา กาแฟ และอาหารว่างอย่างแซนด์วิช รวมถึงสามารถสั่งอาหารและของหวานจากร้าน "EUREKA" ที่อยู่ติดกันมารับประทานได้อีกด้วย สุดท้ายแล้วร้านนี้ยังมีที่นั่งนอกระเบียงและที่นั่งแบบโต๊ะขนาดใหญ่ที่หันหน้าเข้าหาถนนโอโมเตะซันโด แขกทุกประเภทจึงสามารถเข้ามาใช้บริการได้ ไม่ว่าจะมากับเพื่อน แฟน หรือครอบครัวที่เด็กเล็กๆ

คุณทานากะผู้เป็นเจ้าของร้านได้กล่าวไว้ว่า "อยากให้ทุกคนไม่ว่าจะกลุ่มใหญ่หรือเล็ก กลางวันหรือกลางคืน ได้ใช้บริการบาร์อย่างง่ายๆ สบายๆ" แม้ว่าทั้งวัตถุดิบและบรรยากาศของร้านจะพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีเสน่ห์เป็นการที่แขกทุกคนสามารถมาผ่อนคลายได้อย่างสบายใจ หากได้แวะไปแล้วรับรองได้ว่าคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

"MoMA Design Store" มอง สัมผัส และสนุกไปกับสินค้าดีไซน์โดดเด่นที่คัดสรรมาอย่างดี!

หลังจากที่ได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์สุดหรูที่ "GYRE.FOOD" แล้ว ลองมาต่อกันที่การเลือกซื้อของฝากดีไซน์เก๋ไก๋ดูหน่อยไหม? MoMA Design Store บนชั้น 3 ของ GYRE นั้นเรียงรายไปด้วยสินค้าจิปาถะที่โดดเด่นทั้งด้านประสิทธิภาพและดีไซน์มากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นสินค้าที่ภัณฑารักษ์ของ The Museum of Modern Art ในนิวยอร์กได้เฟ้นหาจากทั่วโลก ร้านนี้มีฐานะเป็นร้านจำหน่ายสินค้าจัดแสดงของ The Museum of Modern Art และยังเป็นร้านสาขาแรกที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ วางจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่ของใช้ในครัว เครื่องเขียน ของประดับแฟชั่น ไปจนถึงไอเทมที่เกี่ยวกับสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ของ The Museum of Modern Art ที่ว่า "อยากให้ทุกคนสนุกไปกับศิลปะโดยไม่ต้องคิดมาก"

สินค้ายอดนิยมของร้านนี้คือไอเทมจาก คุซามะ ยาโยย ที่มีแฟนๆ อยู่ทั่วโลก สเก็ตบอร์ดลายจุดที่เห็นอยู่ด้านบนเป็นสินค้าออริจินัลที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อร้านนี้โดยเฉพาะ ทางซ้ายเป็น "Yellow Trees เซ็ตสเก็ตบอร์ด 3 ชิ้น" ราคา 71,500 เยน ในขณะที่ทางขวาและตรงกลางเป็น "DOTS สเก็ตบอร์ด" ที่มีราคาชิ้นละ 28,600 เยน
นอกจากนี้ยังมี "Snow Dome" ราคา 11,000 เยน ที่ขนาดเล็กพกพาง่าย และได้รับความนิยมในฐานะของฝาก ถึงขนาดที่ขายออกจนหมดสต๊อกอย่างรวดเร็วเมื่อครั้งแรกที่วางจำหน่าย โลกของคุซามะ ยาโยยจะอัดแน่นอยู่ในขนาดเล็กๆ เท่าฝ่ามือ เมื่อเขย่าผงทองหรือก้อนกลมๆ ก็จะล่องลอยไปมา เกิดเป็นภาพที่น่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง

ผลงานของศิลปินญี่ปุ่นชื่อดัง นาระ โยชิโมโตะ ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน สเก็ตบอร์ดลายศิลป์ "Welcome Girl" และ "Solid Fist" ราคาชิ้นละ 28,600 เยนนี้ เป็นสินค้าลิมิเต็ดที่ทำขึ้นโดยจับมือกับ MoMA นอกจากนี้ สมุดฉีกเมมโมลายออริจินัลราคา 900 เยน และเซ็ตดินสอสีราคา 2,200 เยน ก็เป็นสินค้าที่เราขอแนะนำเช่นกัน

นอกจากนี้ร้านนี้ก็ยังเรียงรายไปด้วยสินค้าอีกมากมายหลายชนิด ตั้งแต่สินค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินชื่อดังอย่าง Keith Haring, Andy Warhol, และ Jean-Michel Basquiat สินค้าเสื้อผ้าที่ MoMA ร่วมมือกับแบรนด์ดังๆ อย่าง Champion และ NEW ERA จัดทำขึ้น ไปจนถึงสินค้าไฮเทคที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สุดท้ายนี้ก็ยังมีสินค้าออริจินัลของ MoMA ในราคาสบายกระเป๋าที่ไม่เกิน 1,000 เยนอยู่อีกด้วย

ภายในร้านมีพนักงานที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ประจำอยู่ตลอดเวลา แม้แต่คนที่พูดญี่ปุ่นไม่ได้ก็สามารถสอบถามเกี่ยวกับสินค้าได้อย่างสบายๆ เนื่องจากทางร้านมีเป้าหมายเป็น "การทำให้ดีไซน์สวยๆ เป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึง" สินค้าในร้านจึงสับเปลี่ยนไปในทุกๆ เดือน MoMA Design Store จึงเป็นร้านที่ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็สามารถทำให้ตื่นเต้นได้เสมอ ลองแวะมาค้นหาสินค้าที่จะช่วยเติมสีสันให้กับทุกๆ วันของคุณดูหน่อยไหม?

GYRE จุดรวมตัวของอาหาร สิ่งของ และบรรยากาศที่คุณภาพสูงจนยากที่จะหาเปรียบ หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปให้ได้สักครั้ง นอกจากคุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษแล้ว ยังอาจได้รับแรงบันดาลที่ช่วยทำให้วันพรุ่งนี้สนุกและมีคุณค่าขึ้นอีกด้วย

GYRE

เกี่ยวกับ JRF

อาคารพาณิชย์ในบทความนี้เป็นเจ้าของโดย Japan Retail Fund Investment Corporation (JRF)
JRF เป็นห้างหุ้นส่วนแห่งแรกในญี่ปุ่นที่มุ่งเน้นด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สำหรับทำการค้า และเป็นห้างหุ้นส่วนแห่งแรกที่มีสปอนเซอร์เป็นบริษัทประเภทอื่นที่ไม่ใช่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ และได้ถูกจัดให้อยู่ใน Tokyo Stock Exchange (รหัสหลักทรัพย์: 8953) ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ.2002 เป็นต้นมา

ในฐานะ J-REIT ประเภทมุ่งเน้นด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับทำการค้าที่ถือครองหุ้นมากที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบัน JRF ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงในการกระจายส่วนแบ่งให้กับผู้ถือคุ้น รวมถึงเพิ่มมูลค่าของตัวเอง ผ่านการเฟ้นหาและเลือกลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สำหรับทำการค้าที่มีคุณภาพสูงอยู่อย่างต่อเนื่อง

คลิกที่นี่สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม


คำสงวนสิทธิ์
● บทความนี้เขียนขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อแนะนำให้ทราบเกี่ยวกับ Japan Retail Fund Investment Corporation (JRF) ไม่ใช่คำเชิญชวนให้ลงทุนในหลักทรัพย์ของ JRF หรือกองทุนใดๆ กรุณาเลือกลงทุนด้วยการตัดสินใจและความเสี่ยงของคุณเอง
บริษัทหลักทรัพย์: Mitsubishi Corp. -UBS Realty Inc.
(ผู้บริหารตราสารทางการเงิน: Kanto Local Finance Bureau (FIBO) No. 403, Full Member of The Investment Trusts Association, Japan)

มนต์เสน่ห์คันโต

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

รับส่วนลดมากมายในญี่ปุ่น ที่นี่!

เกี่ยวกับนักเขียน

Chisa
Chisa Nishimura
เป็นคนเกียวโต ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และการวิ่ง
  • แผนการท่องเที่ยวคัดสรรค์โดยนักเขียน tsunagu Japan!

ค้นหาร้านอาหาร