15 ที่เที่ยวถ่ายรูปสวยในโอคายาม่า ห่างจากโอซาก้าเพียง 1 ชั่วโมง!
จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) เป็นหนึ่งในเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะ ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโกคุ (Chugoku) หากคุณอยู่ในโอซาก้าแล้ว เพียงแค่นั่งรถบัส รถไฟ หรือชินคันเซ็น (รถไฟหัวกระสุน) ก็สามารถไปถึงโอคายาม่าได้ภายใน 1 ชั่วโมง! จริงๆ แล้วที่โอคายาม่ามีอะไรให้ทำมากมาย แต่บทความนี้จะพาไปแนะนำสถานที่เที่ยวถ่ายรูปสวยๆ ภายในจังหวัด ดังนั้น อย่าลืมพกกล้องไปและเตรียมตัวขนรูปกลับมาสต็อกเอาไว้ลง Instagram กันไปยาวๆ เลย!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
1. เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (คุราชิกิ)
จากภาพด้านบนก็น่าจะพอบอกได้ว่าทำไมเขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter) จึงนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดแห่งหนึ่งในโอคายาม่า ทิวทัศน์ของที่นี่จะพาเราย้อนเวลากลับไปในอดีต ด้วยภาพร้านค้าที่มีกำแพงสีขาวแบบญี่ปุ่นตั้งเรียงรายริมสองฝั่งของสายน้ำเล็กๆ ที่พาดผ่านพื้นที่ของเขตอนุรักษ์ฯ ซึ่งเป็นภาพที่พบเห็นได้ในสมัยเอโดะ (พ.ศ. 2146 - 2411) ในช่วงที่เมืองคุราชิกิเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าข้าวที่สำคัญและเป็นที่อยู่อาศัยของพ่อค้าในยุคนั้น ถ้าอยากลองจินตนาการถึงเมืองเวนิส (เมืองแห่งสายน้ำในประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่มีการใช้คลองในการคมนาคมมากที่สุด) ในเวอร์ชันญี่ปุ่น ที่นี่น่าจะเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุด!
เมื่อไปที่เขตอนุรักษ์ฯ แล้ว อย่าลืมแวะไปที่ จัตุรัสไอวี่ (Kurashiki Ivy Square) อาคารอิฐสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ซึ่งตั้งอยู่ภายในเคยเป็นส่วนหนึ่งของโรงปั่นฝ้าย ปัจจุบันได้กลายมาเป็นพื้นที่พิพิธภัณฑ์ เวิร์กชอปสตูดิโอเครื่องปั้นดินเผา โรงแรม และอื่นๆ อีกมากมาย!
ภายในอาคารผนังสีขาวที่มีกระเบื้องหลังคาสีดำ สร้างตามสไตล์โรงเก็บข้าวของจังหวัดคุราชิกิเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์งานฝีมือพื้นบ้านคุราชิกิ (Kurashiki Museum of Folkcraft) แสดงผลงานเครื่องปั้นดินเผา เครื่องแก้ว งานไม้ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ คุ้มค่าที่จะแวะเข้าไปชมแน่นอน!
นอกจากนี้ เราแนะนำให้อยู่ในเขตอนุรักษ์ฯ จนถึงช่วงหลังพระอาทิตย์ตก เพราะภายในบริเวณจะมีการจัดแสดงแสงสี (Illumination) ที่ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านแสง รับรองว่าจะทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์และมีมนต์ขลังของที่นี่อย่างเต็มเปี่ยม
2. สวนโอคายาม่าโคราคุเอน (โอคายาม่า)
สวนโอคายาม่าโคราคุเอน (Okayama Korakuen Garden) แห่งนี้นับเป็น 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น รับรองว่าสวยงามสมชื่อ! สวนนี้สร้างขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อน เป็นสวนของขุนนางในระบบศักดินาจึงมีความเป็นสวนญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างสมบูรณ์แบบ มีสระน้ำจำนวนมากสะท้อนภาพความเขียวขจีและอาคารแบบดั้งเดิมที่ตั้งอยู่โดยรอบ ควรไปในวันอากาศที่แจ่มใสเพื่อเก็บภาพในช่วงเวลาที่ดีที่สุด!
ในทุกวันขึ้นปีใหม่ที่สวนโคราคุเอนแห่งนี้ จะสามารถพบเห็นนกกระเรียนได้ในระยะประชิด! นกกระเรียนเป็นนกที่มีความสำคัญของที่นี่เนื่องจากพวกมันเคยอาศัยอยู่บริเวณนี้ในยุคเอโดะ แต่ได้หายไปหลังเกิดสงคราม ต่อมาภายหลังได้มีการนำนกกระเรียนกลับมาในพื้นที่อีกครั้ง ปัจจุบันมีนกกระเรียน 8 ตัว อาศัยในพื้นที่เลี้ยงนกขนาดใหญ่ของสวน และจะถูกปล่อยออกมาในทุกๆ วันที่ 1 มกราคม เพื่อต้อนรับปีใหม่อย่างสง่างาม ช่างภาพสายธรรมชาติไม่ควรพลาดมาเก็บภาพหายากที่นี่!
3. แหล่งอุตสาหกรรมมิซูชิม่า (คุราชิกิ)
หากวางตำแหน่งให้ยอดเขาวาชู (Washu-zan) เป็นเส้นขอบฟ้าและมองออกไปทางมิซูชิม่า (Mizushima) ในตอนกลางคืน จะได้เห็นวิวยามค่ำคืนอันสวยงามของแหล่งอุตสาหกรรมมิซูชิม่า (Mizushima Industrial Complex) แห่งนี้
แสงไฟส่องสว่างอยู่ทั่วบริเวณกลายเป็นฉากที่สมบูรณ์แบบสำหรับช่างภาพที่ชอบถ่ายภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืน และยังเป็นจุดที่สามารถสร้างวีดีโอแบบไทม์แลปส์ (ภาพวีดีโอที่มีวัตถุเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว นิยมถ่ายเพื่อแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของทิวทัศน์ในแต่ละช่วงเวลา) ที่น่าทึ่งได้อีกด้วย!
4. ปราสาทบิทชู มัตสึยามะ (ทาคาฮาชิ)
หากได้แวะเวียนไปในบริเวณใกล้เคียงแล้ว ควรเผื่อเวลาเพื่อไปเยี่ยมชมปราสาทบิทชู มัตสึยามะ (Bitchu Matsuyama Castle) ที่สวยงามแห่งนี้ด้วย ภาพที่เห็นด้านบนนี้ไม่ใช่ภาพถ่ายทางอากาศและจะไม่ผิดจากของจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะปราสาทนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา ในวันที่มีเมฆมากอาจได้เห็นภาพที่ดูเหมือนปราสาทกำลังลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า! ปราสาทตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 430 เมตร จึงกลายเป็นปราสาทที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นที่ยังคงมีโครงสร้างของตึกดั้งเดิมอยู่
การที่ปราสาทตั้งอยู่สูงนั้นอาจจะดูเหมือนว่าต้องใช้ความพยายามในการเดินทางไปให้ถึง แต่ความจริงแล้วเส้นทางขึ้นไปบนปราสาทนั้นเป็นการเดินเขาระยะทางราว 700 เมตร ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย และเมื่อขึ้นไปถึงปราสาทแล้วคงไม่มีอะไรจะเป็นรางวัลที่ดีไปกว่าวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจนแทบลืมหายใจ!
5. น้ำตกอิวาอิดากิ (โทมาตะ)
น้ำตกอิวาอิดากิ (Iwaidaki Fall) น้ำตกสุด unseen ที่ซ่อนตัวอย่างสงบอยู่ในป่าเขาเป็นแห่งนี้ นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามแล้ว ยังเป็นที่รู้จักเนื่องจากเป็นน้ำตกที่มีน้ำประจุลบซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทางเดินเท้าเข้าไปยังน้ำตกนั้นเพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงมากขึ้น เคล็ด(ไม่)ลับ: อย่าลืมเดินเข้าไปเก็บภาพถ่ายจากด้านหลังน้ำตก!
6. เขตอนุรักษ์เมืองเก่าคัตสึยามะ (มานิวะ)
หากได้ไปเยี่ยมชมเขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคังแล้วยังรู้สึกว่าได้ย้อนเวลาไม่พอ แนะนำให้มาที่นี่เลย! เขตอนุรักษ์เมืองเก่าคัตสึยามะ (Katsuyama Historical Town Preservation Zone) เป็นมากกว่าแค่ย่านเมืองเก่า เพราะนอกจากที่นี่จะมีการจัดเทศกาลตุ๊กตาในฤดูใบไม้ผลิและเทศกาลต่อสู้ในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ยังมีภาพของอาคารสีขาวประดับด้วยผ่านม่านสีสดใส (ผ้าม่านแบบดั้งเดิมที่แขวนไว้บริเวณทางเข้าร้านค้า) ให้พบเห็นได้ทั่วไป
7. วัดบิทชู โคคุบันจิ (โซจะ)
ลองค้นหาชื่อวัดนี้ใน Instagram แล้วจะพบว่าวัดแห่งนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติอันเขียวชอุ่มสุดๆ ! ภาพเจดีย์ห้าชั้นร่วมเฟรมกับทุ่งดอกไม้สีสันสดใสเป็นมุมยอดนิยมมุมหนึ่ง
มีคำแนะนำโดยเฉพาะสำหรับเทศกาลตอนไม้ช่วงเวลาต่างๆ เช่น หากต้องการถ่ายภาพความสวยงามของพื้นที่พร้อมวิวดอกบัวบาน ควรไปในช่วงตั้งแต่ประมาณกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ดอกทานตะวันจะบานในช่วงประมาณต้นถึงกลางเดือนกรกฎาคม ส่วนดอกดาวกระจายจะปรากฎให้เห็นในช่วงต้นเดือนตุลาคม
8. เกาะอินุจิมะ (โอคายาม่า)
นั่งเรือจากฝั่งโอคายาม่าเพียง 10 นาที ก็จะมาถึงเกาะอินุจิมะ (Inujima Island) ได้แล้ว! เกาะแสนน่ารักและเงียบสงบแห่งนี้มีชื่อเสียงในทางศิลปะและมีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์โรงงานถลุงแร่ที่เคยเปิดทำการที่นี่ ภาพด้านบนแสดงให้เห็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Inujima Seirensho ที่ประกอบไปด้วยซากปรักหักพังของโรงถลุงทองแดงอายุกว่า 100 ปี
จุดสนใจที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่คือ โปรเจ็คงานศิลปะที่มีชื่อว่า Inujima Art House Project เป็นผลงานออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น Kazuyo Sejima โปรเจ็คนั้นเป็นสวนศิลปะที่ประกอบไปด้วยแกลอรี่ 3 ส่วน ส่วนที่มีห้องกระจกประดับด้วยดอกไม้หลากสีสันเป็นฉากหลังที่ดีมากๆ สำหรับการเซลฟี่!
หลังจากเดินสำรวจศิลปะและวัฒนธรรมของอินุจิมะจนเหนื่อยแล้ว ลองมานั่งริมทะเลและผ่อนคลายไปกับการชมวิวพาโนรามาสวยๆ ที่สามารถพบได้บนเกาะนี้
9. โรงเรียนเก่าชิซูทานิ (บิเซ็น)
อาคารที่สวยงามล้อมรอบด้วยธรรมชาติแห่งนี้ เป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกของที่ญี่ปุ่นสำหรับนักเรียนเป็นชาวบ้านทั่วไป สภาพแวดล้อมที่สงบเงียบและผ่อนคลายทำให้รู้สึกว่า ถ้าได้เรียนที่นี่จะต้องทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ได้ดีขึ้นแน่ๆ !
ทางโรงเรียนมีมัคคุเทศก์อาสาที่จะพาเดินชมรอบๆ และเล่าเรื่องประวัติศาสตร์น่าสนใจของที่นี่ให้ฟัง (เป็นภาษาญี่ปุ่น)
โรงเรียนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2213 แต่สภาพแวดล้อมทั้งภายในและสวนด้านนอกยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าเป็นไปได้ควรจัดทริปมาที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพื่อเพลิดเพลินกับสีสันที่สวยงามของใบไม้!
10. หมู่บ้านโบราณฟูกิยะ ฟูรุซาโตะ (ทาคาฮาชิ)
หมู่บ้านโบราณฟูกิยะ ฟูรุซาโตะ (Fukiya Furusato Village) มีชื่อเสียงจากอาคารสีแดงสดที่ตั้งเป็นเอกลักษณ์อยู่ภายในบริเวณ สีแดงเช่นนี้ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "เบงการะ (bengara)" ได้มาจากเหล็กที่ผ่านการออกซิไดซ์แล้ว ทั่วญี่ปุ่นมีพื้นที่เพียงไม่กี่แห่งที่ใช้สีประเภทนี้จึงนับเป็นอีกภาพที่หาชมได้ยาก
ผลลัพธ์ที่ได้คือทิวทัศน์ในเมืองที่ไม่เหมือนใครที่ควรค่าแก่การจับภาพและการสำรวจ! อย่าพลาดชมพิพิธภัณฑ์เซรามิก Bengara ที่คุณสามารถสัมผัสกับวิธีการทำเครื่องปั้นดินเผาด้วยเม็ดสีที่น่าทึ่งนี้
11. ต้นไดโกะซากุระ (มานิวะ)
มาญี่ปุ่นทั้งที่ยังไงก็ไม่ควรพลาดชมดอกซากุระ! ที่โอคายาม่ามีจุดชมดอกซากุระที่โด่งดังเช่นกัน และนั่นก็คือ ต้นไดโกะซากุระ (Daigo Sakura) เป็นต้นซากุระอายุยาวนานถึง 700 ปี! บางคนบอกว่าจริงๆ แล้วซากุระต้นนี้อาจจะมีอายุถึง 1,000 ปี เลยก็ได้ แต่ไม่ว่าอายุที่แท้จริงของมันจะเป็นเท่าไหร่ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอย่างสมบูรณ์แบบอยู่ต้นเดียวกลางหมู่บ้านบนภูเขาแห่งนี้ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมมันอย่างไม่ขาดสายทุกๆ ปี ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระ (ฮานามิ)
หากมีเวลาลองอยู่จนถึงพระอาทิตย์ตกเพื่อรอชมไดโกะซากุระจากอีกมุมยามค่ำคืน ที่สวยงามและน่าจดจำไม่แพ้กันนะ!
12. เขาวาชู (คุราชิกิ)
หากกำลังท่องเที่ยวอยู่ในคุราชิกิและสถานที่ชมวิว ที่นี่เป็นที่ที่ไม่ควรพลาด ภูเขาวาชู (Mt. Washu) เป็นจุดชมวิวธรรมชาติที่สามารถมองเห็นหมู่เกาะที่สวยงามทั้งหมดในทะเลเซโตะใน (Seto Inland Sea) พร้อมกับสะพานเซโตะ (Great Seto Bridge) ที่เชื่อมต่อเกาะฮอนชู (Honshu) กับชิโกกุ (Shikoku) ได้ในเวลาเดียวกัน (ดูรูปด้านบน)
เวลาที่ดีที่สุดในการปีนภูเขาวาชูคือตอนพระอาทิตย์ตก ยามที่ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของพระอาทิตย์ที่กำลังหล่นลงไปในทะเลหลังหมู่เกาะต่างๆ ทำให้เกิดภาพแบบพาโนราม่าที่สวยงามจนไม่มีคำบรรยาย ไม่แปลกเลยที่ใครๆ ต่างบอกว่าที่นี่เป็น 1 ใน 100 จุดชมพระอาทิตย์ตกที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น!
13. น้ำตกคัมบะ (มานิวะ)
ถ้ากำลังอยู่ในอารมณ์ที่อยากดำดิ่งสู่ธรรมชาติอย่างแท้จริงแนะนำให้ไปที่นี่ น้ำตกคัมบะ (Kanba Fall) ที่ใจกลางของน้ำตกที่มีความสูง 110 เมตร แห่งนี้ มีโขดหินสีดำโผล่ออกมาทำให้ดูเหมือนภาพของปลาคาร์ฟที่กำลังว่ายทวนกระแสน้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อเล่นว่า "โขดหินปลาคาร์ฟ" เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมน้ำตกคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง
บริเวณโดยรอบน้ำตกนั้นมีลิงป่าประมาณ 180 ตัว อาศัยอยู่ เจ้าลิงเหล่านี้จะช่วยทำหน้าที่เป็นนางแบบ/นายแบบที่ดีให้ช่างภาพได้แน่นอน แต่ควรระมัดระวังกระเป๋าไว้ให้ดีโดยเฉพาะถ้ามีอาหารอยู่ด้านใน!
14. สวนพฤกษชาติอุชิมาโดะ (เซโตะอุจิ)
สวนพฤษชาติอุชิมาโดะ (Ushimado Olive Garden) แห่งนี้เป็นระเบียงธรรมชาติอันสวยงามที่หันหน้าเข้าหาทะเลเซโตะใน ภายในบริเวณมีต้นมะกอกปลูกเอาไว้มากมาย บรรยากาศแสนสงบและวิวที่สวยงามทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับคู่รักเป็นอย่างยิ่ง
ตำนานเกี่ยวกับระฆังในภาพ: กล่าวว่า ถ้าลั่นระฆัง 3 ครั้ง จะพบกับความสุข (ระฆังนี้เรียกกันว่า "ระฆังแห่งความสุข") หลังจากเดินเล่นและถ่ายภาพจนพอใจแล้วสามารถแวะอุดหนุนผลิตภัณฑ์ น้ำมันมะกอก เป็นของฝากได้ นอกจากนี้ในเดือนตุลาคมของทุกปีจะมีเทศกาลเก็บเกี่ยวให้เยี่ยมชมอีกด้วย
15. ปราสาทโอคายาม่า (โอคายาม่า)
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด อย่าพลาดการเที่ยวชมปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle)! ความพิเศษของปราสาทแห่งนี้อยู่ที่ผนังของปราสาทนั้นทาด้วยแลกเกอร์สีดำตามแบบสถาปัตยกรรมในยุคเซ็นโกคุ (Sengoku: ประมาณพ.ศ. 2010 - 2146) ซึ่งเป็นช่วงที่ปราสาทถูกสร้างขึ้น มักถูกในอีกชื่อหนึ่งว่า "ปราสาทอีกา" ("อุโจ" ในภาษาญี่ปุ่น)
เช่นเดียวกับสถานที่อื่นๆ ที่นี่สวยงามในยามค่ำคืนเช่นกันด้วยแสงไฟที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีติดตั้งอยู่ในบริเวณโดยรอบ
เคล็ด(ไม่)ลับ: เพียงซื้อตั๋วพาสก็สามารถวางแผนการเดินทางเพื่อมาเยี่ยมชมที่นี่ในวันเดียวกันกับการเยี่ยมชมสวนโอคายาม่า โคราคุเอน (Okayama Korakuen Garden) ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำได้!
เอาล่ะ! เมื่อมีข้อมูลสถานที่น่าสนใจมากมายในโอคายาม่าแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เพียงแค่วางแผนการเดินทางและเตรียมกล้องไว้ให้พร้อม สถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่งรอให้คุณไปค้นพบ ไม่แน่ว่าบางทีคุณอาจต้องการแบตเตอรี่และ SD card สำรองก็ได้ แล้วก็ออกไปลุยได้เลย!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่