ทริปพิเศษกับคนพิเศษ : 3 วัน 2 คืนใน 'คาตะยามะสุออนเซ็น' เมืองแห่งแสง สี และสายธาร
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ ลองออกจากเมืองที่แสนวุ่นวาย แล้วมายืดเส้นยืดสายผ่อนคลายความเครียดกันหน่อยไหมคะ? สำหรับบทความนี้เราขอแนะนำ คาตะยามะซุออนเซ็น ณ หมู่บ้านคากะออนเซ็นที่แสนโด่งดัง ที่นี่นอกจากจะมีบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งให้ผ่อนคลายแล้ว ยังห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบ และภูมิทัศน์แสนสวยงามมากมาย ถ้าได้ไปกับคนที่คุณรักแล้ว รับรองว่าจะต้องเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมแน่นอนค่ะ :)
【วันที่สอง】
มื้อเช้าของวันนี้ต่างจากเมื่อวาน เนื่องจากพวกเราเลือกทานบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่ห้อง 'ไซอุน' (彩雲) ที่ชั้นสามของเรียวคัง
การรับประทานอาหารเช้าในห้องเสื่อทาทามิที่กว้างมากขนาดนี้เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้เลยล่ะค่ะ
สำหรับเมนูที่ขอแนะนำเลยก็คือเต้าหู้ออนเซ็นในภาพด้านบน ขอบอกว่าเมนูนี้หาทานได้แค่ที่คาตะยามะซุออนเซ็นเท่านั้นนะคะ !
และเพื่อไม่ให้เสียเวลา หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว พวกเราก็ปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรกของวันนี้ 'วัดไอเซนจิ'
วัดไอเซนจิ (愛染寺)
ว่ากันว่าวัดแห่งนี้เป็นผู้คุ้มครองแห่งคาตะยามะซุออนเซ็น คอยปกป้องหมู่บ้านออนเซ็นแห่งนี้ให้สงบสุขมายาวนานหลายปี
บริเวณรอบๆ วัดรายล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ถูกออกแบบอย่างสวยงาม ทรงคุณค่าด้วยศิลปะและวัฒนธรรมพื้นเมืองดั้งเดิม
'อิชชินเอมะ' (一心絵馬) หรือเอมะ (แผ่นไม้ที่ใช้เขียนคำอธิษฐานในศาลเจ้าและวัด) รูปหัวใจสำหรับขอพรเกี่ยวกับความรักและชีวิตคู่นี้ เป็นเอมะแบบเดียวในญี่ปุ่นที่ถูกเจาะรูตรงกลาง โดยสามารถใส่รูปหัวใจที่ถูกเจาะเข้าไปได้อีกด้วย
ไม่เพียงเรื่องความรัก แต่แผ่นไม้นี้ยังช่วยเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว การสอบผ่าน และเรื่องอื่นๆ ได้อีกด้วย
หลังจากเขียนความปรารถนาลงบนแผ่นไม้แล้ว ให้นำไปยังห้องอธิษฐาน แล้วอธิษฐานด้วยหัวใจที่แน่วแน่ต่อเทพเจ้าแห่งความรัก Ragaraja หรือ Aizen-Myo-o (愛染明王)
นอกจากขอพรเรื่องความรักแล้ว ถ้าสมหวังเมื่อไหร่ ยังสามารถมาจัดพิธีแต่งงานที่นี่ได้อีกด้วยนะ
บนเอมะแต่ละแผ่นต่างก็มีความฝัน และความหวังเขียนเอาไว้ ♡
ภาพของแผ่นเอมะที่วางเรียงกันให้บรรยากาศที่ไม่เหมือนศาลเจ้าที่ใดๆ จึงกลายเป็นจุดถ่ายรูปลงอินสตาแกรมยอดนิยมไปเลยล่ะค่ะ
ฮานะยะคะตะ (芸妓検番 花館)
บริเวณใกล้ๆ วัดไอเซนจิจะมีตึกที่มีโครงตาข่ายสีแดง ที่นี่คือ 'ฮานะยะคะตะ '
ในสมัยก่อน ที่นี่คือโรงฝึกของเหล่าเกกิ (อีกชื่อเรียกหนึ่งของเกอิชา) สำหรับฝึกเล่นชามิเซน (เครื่องดนตรีประเภทดีดของญี่ปุ่น มีสามสาย) และการร่ายระบำ แต่ในปัจจุบันนี้ ที่ชั้นหนึ่งของตึกได้มีการจัดเวิร์คช็อปสอนทำเต้าหู้โดยใช้น้ำพุร้อน และการย้อมสีผ้าเช็ดหน้าที่มีลวดลายเฉพาะตัวโดยใช้น้ำพุร้อนและดินจากทะเลสาบชิบะยามะกะตะ
ในภาพถ่ายนี้ิ น้ำที่กำลังจะถูกเติมลงไปในเต้าหู้ก็คือน้ำร้อนจากคาตะยามะซุออนเซ็นนั่นเอง !
พวกเราไม่คิดเลยว่าการใส่น้ำพุร้อนใสๆ ไร้สี ไร้กลิ่น ลงในนมถั่วเหลืองจะทำให้ได้เต้าหู้รสอร่อยขนาดนี้
ขณะที่กำลังทำเต้าหู้นั้น จะต้องคอยคนนมถั่วเหลืองไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้นมถั่วเหลืองเดือดจนเกินไป
สำหรับเต้าหู้ที่ทำเสร็จแล้ว จะทานเปล่าๆ เลยก็ได้ หรือจะทานกับเกลือหรือโชยุก็อร่อยไม่แพ้กัน
ฉันพูดกับแฟนหนุ่มว่า 'เต้าหู้ที่ทำเองเนี่ย อร่อยที่สุดในโลกเลยเนอะ !'
เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบกลับมาว่า 'ไม่ใช่เพราะว่าเธอกำลังหิวหรอกเหรอ' :)
ไอ ไอ พลาซ่า และ บ่อน้ำร้อนแช่เท้าที่สวนสุนะฮะเสะ (砂走公園)
ขณะเดินทางต่อ ฉันก็สังเกตเห็นบ่อน้ำร้อนแช่เท้าอยู่ระหว่างทาง เพราะอยากจะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเพิ่มอีกสักหน่อย เราจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที
บ่อน้ำร้อนแช่เท้าที่สวนสุนะฮะเสะ (砂走公園) ล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้า เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจแห่งหนึ่งเลยล่ะค่ะ
เนื่องจากใช้น้ำร้อนจากคาตะยามะซุออนเซ็น อุณหภูมิน้ำจึงค่อนข้างจะสูงกว่าบ่อแช่เท้าทั่วไปสักหน่อย เหมาะเป็นพิเศษกับอากาศหนาวเช่นนี้ ><
หลังจากนั้น พวกเราก็แวะรับประทานอาหารกลางวันกันต่อที่ 'หมู่บ้านคะโบฉะ' (カボチャ村)
ถึงแม้จะเป็นย่านร้านอาหารขนาดเล็ก แต่ก็มีร้านอาหามากมายรหลายประเภทตั้งแต่ คาเฟ่ ร้านเค้ก อิซากายะ (ร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่น) ไปจนถึงร้านอาหารอิตาเลียน
ในครั้งนี้ร้านที่พวกเราไปคือ 'อิจิโกะอิจิเอะ' ซึ่งเปิดจนถึงเที่ยงคืนเลยทีเดียว แม้ว่าจะอยู่จนดึกก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะ
มาจิคาเฟ่ (まちカフェ)
เมื่อฉันบ่นกับแฟนหนุ่มว่า อยากกินของหวานจังเลยน้า~ เขาก็พาฉันไปที่ร้านวิวสวย 'มาจิคาเฟ่' และพวกเราก็ได้ลองทานของหวานสุดเฮลท์ตี้ 'คากะพาร์เฟต์' (加賀パフェ)
ร้านนี้อยู่บนชั้นสองของโรงอาบน้ำรวมแห่งคาตะยามะซุออนเซ็น ซึ่งทั้งตึกสร้างจากกระจกด้วยดีไซน์แสนโมเดิร์น
คากะพาร์เฟต์ เป็นของหวานยอดนิยม ที่พลาดไม่ได้หากได้มาเยือนคาตะยามะซุออนเซ็น อัดแน่นไปด้วยผักและผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดูดีแถมยังรับประทานง่าย หลังจากมื้ออาหารแสนหรูหราตลอดสองวัน ร้านนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากเลยล่ะค่ะ
โรงอาบน้ำรวมแห่งคาตะยามะซุออนเซ็น (片山津温泉 総湯)
ที่ชั้นหนึ่งของที่นี่มีออนเซ็นอยู่สองแห่ง ได้แก่ 'กะตะโนะยุ' ซึ่งสามารถมองเห็นทะเลสาบชิบะยามะกะตะ และ 'โมริโนะยุ' ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ
ออนเซ็นทั้งสองแห่งนี้ให้ผู้ชายและหญิงเข้าสลับกันทีละวัน เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจประจำเมืองที่ชาวเมืองมักจะมาใช้บริการเป็นประจำ
ทางจักรยานชิบะยามะกะตะ (柴山潟サイクリングロード)
ถ้ายังมีเวลาเหลือละก็ ฉันขอแนะนำให้ลองเช่าจักรยานปั่นรอบทะเลสาบชิบะยามะกะตะดูนะคะ
ถนนรอบทะเลสาบระยะทางหนึ่งรอบ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที สิ่งที่น่าสนใจของที่นี่ก็คงจะเป็นการค่อยๆ ปั่นไปเรื่อยๆ แล้วแวะชมวิวตามจุดต่างๆ นี่แหละค่ะ
ในฤดูหนาว ถ้าหากโชคดีก็อาจจะได้เห็นหงส์ทุนดราจำศีลผ่านฤดูหนาว ในฤดูใบไม้ผลิก็จะมีดอกซากุระแสนสวยผลิบานอยู่ริมทะเลสาบ มาสร้างความทรงจำสุดวิเศษของสองเราจากทิวทัศน์แสนงดงามนี้กันเถอะ :)
※ติดต่อสอบถาม:ติดต่อได้ที่ฟรอนต์ของเรียวคังแต่ละแห่ง
กินลมชมวิวบนเรือยะกะตะ (屋形船)
เรือยะกะตะ (屋形船 หรือเรือท่องเที่ยวของญี่ปุ่น) เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม (อาจหยุดตามสภาพอากาศ, นั่งได้ 14 คน) ถ้าได้นั่งเรือนี้แล้ว ก็จะสามารถสัมผัสประวัติศาสตร์และธรรมชาติของคาตะยามะซุได้อย่างใกล้ชิด
แม้ว่าครั้งนี้พวกเราจะไม่สามารถนั่งเรือนี้ได้ แต่นี่ก็ทำให้ได้เหตุผลที่ดีที่จะทำให้พวกเราอยากมาเที่ยวที่นี่อีก
ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม จะมีบริการนั่งเรือชมวิวยามค่ำคืนที่เรียกว่า 'Night Cruise' และในเดือนสิงหาคมก็สามาถชมดอกไม้ไฟสุดอลังการได้อีกด้วย
คำเตือน: คอร์ส 'Night Cruise' ขอสงวนแก่ผู้มาพักค้างคืนเท่านั้น และจำเป็นต้องจองล่วงหน้า
ดูเหมือนว่าคำกล่าวที่ว่า 'เราหยุดพัก เพื่อที่จะก้าวเดินไปได้ไกลขึ้น' นั้นจะถูกต้องจริงๆ สินะคะ พอได้ลองหยุดพักด้วยทริปสั้นๆ เช่นนี้แล้ว เป้าหมายในการมีชีวิตอยู่อาจจะดูชัดเจนขึ้นก็เป็นได้
หากมีโอกาส ลองแวะไปเยี่ยมเยียนเมืองแสนสงบและสวยงามแห่งนี้ดูนะคะ แล้วคุณจะรู้สึกได้ว่า แท้จริงแล้วการใช้ชีวิตก็คือการใช้เวลาไปกับเรื่องดีๆ เช่นนี้เอง :)
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่