เที่ยว "ชินจูกุ ทาคาชิมายะ" อย่าซื้อแค่ของฝากและแบรนด์เนม มาส่องสินค้าเด็กและของใช้ในชีวิตประจำวันแบบ Made in Japan กัน!
เวลาเที่ยวห้างสรรพสินค้า คุณชอบไปชั้นไหน? ชั้นใต้ดินที่มีขนมหวาน ของฝาก และกับข้าวต่างๆ หรือจะเป็นเครื่องสำอางกับสินค้าแบรนด์อินเตอร์ที่มักจะขายอยู่ในชั้นบนๆ ? ในบทความนี้ กองบรรณาธิการของเราจะมาพาคุณไปเดินเที่ยวตึก "ทาคาชิมายะ" ในเขตชินจูกุของโตเกียวกัน ที่นี่มีทั้งขนมที่เหมาะจะซื้อเป็นของฝากอยู่ในชั้นใต้ดิน รวมถึงสินค้าญี่ปุ่นคุณภาพสูงที่ขายอยู่ในชั้นอื่นๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวทั่วไปไม่ค่อยได้แวะกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!
*บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ห้างสรรพสินค้าทาคาชิมายะ
"ชินจูกุ ทาคาชิมายะ" คืออะไร?
"ทาคาชิมายะ" (Takashimaya) เป็นห้างสรรพสินค้าที่ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1831 และเปรียบเสมือนตัวแทนห้างสรรพสินค้าไฮเอนด์แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น นอกจากห้างนี้จะมีสาขามากมายอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น ทั้งในโตเกียว นาโกย่า โอซาก้า และเกียวโตแล้ว ก็ยังมีสาขาอยู่ในต่างประเทศด้วย และห้าง "ชินจูกุ ทาคาชิมายะ" (Shinjuku Takashimaya) ที่เราจะมาพูดถึงกันในครั้งนี้ ก็เป็นสาขาที่ตั้งอยู่ในอาคารหลักของ "ทาชิมายะ ไทม์ แสควร์" (Takashimaya Times Square) ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ที่มีถึง 2 หลัง คือ อาคารหลักและอาคารทางทิศใต้
อาคารแห่งนี้มีซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ในชั้น B1 จำหน่ายทั้งกับข้าวและเครื่องเคียงต่างๆ , ขนมหวาน, ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบต่างๆ , เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนชั้น 1 จะเป็นชั้นขายเครื่องสำอางและเป็นที่ตั้งของร้าน LOUIS VUITTON ในขณะที่ชั้น 2 และ 3 จะเป็นชั้นรวมสินค้าแบรนด์ดังต่างประเทศ อย่างเช่น CHANEL, HERMES และ BAO BAO ISSEY MIYAKE ส่วนเครื่องประดับนั้นจะไปรวมกันอยู่บนชั้น 4
เสื้อผ้าของผู้หญิงและผู้ชายจะอยู่ในพื้นที่ชั้น 5 - 8 ส่วนชั้น 8 และ 9 จะเป็นชั้นขายสินค้ากีฬา, ของใช้สำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้ง, อุปกรณ์ตีกอล์ฟ รวมถึงสินค้าสำหรับทารกและเด็ก และเมื่อคุณขึ้นไปถึงชั้นที่ 10 ก็จะพบสินค้าจำพวกของใช้ในบ้านและของแต่งบ้านมากมาย ส่วนชั้น 11 ก็จะมีทั้งร้านขายแว่นตา พื้นที่จัดงานนิทรรศการ และเคาน์เตอร์สินค้าปลอดภาษี ในขณะที่ชั้น 12 - 14 จะเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารจำนวนมาก
นอกจากนี้ ชั้น 2 - 8 ในอาคารหลักก็ยังเป็นพื้นที่ของร้าน Hands Shinjuku ที่จำหน่ายข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านโดยเฉพาะ และในอาคารทางทิศใต้ก็จะมีทั้งร้าน NITORI ที่ขายของแต่งบ้าน และร้านหนังสือ Kinokuniya (ขายเฉพาะหนังสือภาษาต่างประเทศ) จัดว่าเป็นอาคารพาณิชย์เพียงแห่งเดียวในย่านชินจูกุเลย!
นอกจากอาหารอร่อย สินค้าแบรนด์ดัง ของฝากแล้ว ห้างนี้ก็ยังมี...
ชั้น B1
100 ร้านขนมยอดนิยม: แหล่งรวมร้านขนมเก่าแก่จากทั่วญี่ปุ่น
โซนนี้เป็นแหล่งรวมร้านขนมขึ้นชื่อจากทั่วประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจรดใต้ เช่น "ฮิโยโกะ" (ひよ子) แบรนด์ขนมของฝากยอดฮิตของโตเกียว, "ขนมคุรุมิกโกะ" ที่ทำจากถั่ววอลนัตจากแบรนด์ Kamakura Beniya (鎌倉紅谷) จังหวัดคามาคุระ ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และ ร้าน Kanazawa Bunsho (金澤文鳥) ที่ขึ้นชื่อเรื่องแพ็คเกจจิ้งสุดน่ารัก ฯลฯ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะกำลังตามหารสชาติที่สดใหม่ หรือแค่อยากหาของฝากไปเติมกระเป๋าเดินทางให้เต็มก็สามารถแวะเวียนกันมาได้ นอกจากนี้ สินค้ายอดนิยมบางชนิดก็มีการขายแยกเป็นชิ้นๆ ด้วย หากคุณไม่แน่ใจว่าจะชอบหรือเปล่าก็สามารถซื้อไปชิมดูก่อน แล้วค่อยกลับมาซื้อแบบกล่องก็ได้
เมื่อคุณมาถึงโซนนี้ ก็จะเห็นคนญี่ปุ่นต่อแถวกันเต็มไปหมด เนื่องจากสินค้าบางชนิดจะวางขายแค่เพียงวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์เท่านั้น หากซื้อไม่ทันก็จะต้องรอถึงวันขายครั้งต่อไปเลย ที่นี่จึงเต็มไปด้วยคนที่อยากทานขนมที่มาต่อคิวกันตั้งแต่เช้าอยู่ทุกวัน นับว่าเป็นโซนที่มีชื่อเสียงมากทีเดียว
Kubara Honke Kayanoya: เพิ่มรสชาติความต่างให้อาหารประจำวันของคุณ
Kuhara Honke Kayanoya (福岡の久原本家 茅乃舎) เป็นร้านขายเครื่องปรุงจากจังหวัดฟุกุโอกะ จำหน่ายทั้ง "ดาชิ" (だし) และเครื่องปรุงอื่นๆ อีกมากมาย ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของร้านเป็นผงเครื่องปรุงที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ อย่างปลาโทบิอุโอะ, ปลาคัตสึโอะ, สาหร่ายคอมบุ ฯลฯ เพียงคุณนำไปต้มในน้ำร้อน 2 - 3 นาที ก็จะได้น้ำซุปดาชิแสนอร่อยที่เป็นส่วนผสมสำคัญของอาหารญี่ปุ่นแล้ว นอกจากนี้ก็ยังสามารถนำไปปรุงอาหารอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผัด ต้ม หรือแม้แต่หุงข้าวเพื่อให้อาหารดูน่าทานยิ่งขึ้นได้ด้วย
ตอนที่เราพูดถึงชื่อร้าน "Kayanoya" ขึ้นมา กองบรรณาธิการของ tsunagu Japan หลายคนก็ถึงกับร้องออกมาว่า "บ้านฉันก็ใช้อันนี้!" เห็นได้ชัดเลยว่าคนญี่ปุ่นนิยมกันมากแค่ไหน
ร้าน Kayanoya ตั้งอยู่บนชั้น B1 ของชินจูกุ ทาคาชิมายะ มีสินค้าให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ดาชิแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม, ดาชิผักสำหรับผู้ทานมังสวิรัติ, ดาชิกุ้งที่เต็มไปด้วยรสอูมามิเต็มปากเต็มคำ ไปจนถึงดาชิแบบ Limited Edition ที่ขายเฉพาะในโตเกียว ทำจากปลาคัตสึโอะแบบเน้นๆ และมีจำหน่ายเป็นช่วงๆ ตามฤดูกาลเท่านั้น
นอกจากดาชิแล้ว ร้านนี้ก็ยังขายเครื่องปรุงอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น โชยุที่มีกลิ่นหอมของปลาคัตสึโอะ และซอสสุกี้ยากี้ นับเป็นสินค้าที่คนรักการทำอาหารต้องมีเลย!
Ogura Sanso: ร้านเซมเบ้สำหรับซื้อเป็นของขวัญให้คนที่รักและตัวคุณเอง
ร้าน Ogura Sanso (小倉山荘) มีต้นกำเนิดอยู่ในเมืองนางาโอกะ จังหวัดเกียวโต เป็นร้านขายขนมเซมเบ้ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือรวม 100 บทกวีวากะ "Ogura Hyakunin Isshu" สุดคลาสสิกของญี่ปุ่นที่แต่งขึ้นในช่วงปลายยุคเฮอัน (ค.ศ. 794 - 1185) ถึงต้นยุคคามาคุระ (ค.ศ. 1185 - 1333) ขนมเซมเบ้เหล่านี้จะทำให้คุณนึกถึงบทกวีวากะและฤดูกาลทั้ง 4 ของญี่ปุ่นผ่านทั้งสี รูปทรง และรสชาติ โดยมีแพ็คเกจจิ้งสไตล์ญี่ปุ่นย้อนยุคที่มีสีสันและรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป เรียกได้ว่า มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นอยู่มากมายเต็มไปหมด
ข้าวที่ใช้ทำขนมเซมเบ้และโอคากิ (เซมเบ้ข้าวเหนียว) ของร้านนี้จะเป็นข้าวที่ปลูกเองในไร่ซึ่งได้รับการดูแลอย่างดี และไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลงหรือปุ๋ยเคมีใดๆ ทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่าทางร้านให้ความสำคัญกับส่วนผสมมากจริงๆ
สินค้าซิกเนเจอร์ของร้าน Ogura Sanso คือ "Ogurayama Shunju" ขนมห่อเล็กๆ ที่ด้านในบรรจุโอคากิ 8 ชนิด คุณสามารถซื้อกลับไปทั้งกล่อง แล้วให้เป็นของฝากทั้งอย่างนั้นเลย หรือจะแยกกันให้เป็นห่อๆ ก็ได้
ร้านนี้ไม่เพียงแต่ขายสินค้าที่ขายดีมานานเท่านั้น แต่ยังมีการทำเซมเบ้ตามฤดูกาลออกมาขายในปริมาณที่จำกัดด้วย เป็นขนมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฤดูกาลทั้ง 4 ของญี่ปุ่นที่สามารถหาทานได้ในช่วงวางจำหน่ายเท่านั้น เหมาะสำหรับซื้อเป็นของขวัญ เพื่อส่งต่อความสุขที่ได้จากการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นเลยล่ะ
ชั้น 9
MIKI HOUSE: เคียงข้างทุกการเติบโตของเด็กๆ ด้วยสินค้าสุดปลอดภัย คุณภาพแบบ Made in Japan
MIKI HOUSE (ミキハウス) เป็นแบรนด์สินค้าสำหรับเด็กและทารกซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของผู้ผลิตชาวญี่ปุ่น แบรนด์นี้ดำเนินการภายใต้คอนเซ็ปต์ "เติมเต็มทุกวันของเด็กๆ และครอบครัวด้วยรอยยิ้ม" และผลิตสินค้าที่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยสบายใจออกมา สินค้าส่วนใหญ่ผลิตเองในญี่ปุ่น และแต่ละชิ้นก็ผ่านการตรวจวัดมาตรฐานมาอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ใช้ ดีไซน์ คัตติ้ง รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เด็กๆ สามารถสวมใส่ได้อย่างสุขกายสบายใจ
นอกจากนี้ แบรนด์เสื้อผ้าและรองเท้าในเครืออย่าง MikihouseDOUBLE.B และ CHIECO SAKU ก็มีข้าวของเครื่องใช้ลายหมีและกระต่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายใช้ก็น่ารักแน่นอน!
นอกจากเสื้อผ้าเด็กแล้ว แบรนด์ MIKI HOUSE ก็ยังมีรองเท้าน่ารักๆ สำหรับเด็กหัดเดิน, หนังสือภาพ, ของเล่น, อุปกรณ์ทานอาหาร, ผ้ากันเปื้อน, โลชั่นเด็ก และอื่นๆ อีกมากมาย ถึงแม้ว่าตัวผู้เขียนเองจะไม่มีลูก แต่ก็เจอของที่อยากซื้อให้ลูกของเพื่อนสนิทเป็นของขวัญเพียบเลยล่ะ!
CS case study kids: ปลูกฝังเซนส์ด้านแฟชั่นตั้งแต่อายุยังน้อย
CS case study เป็นศูนย์รวมร้านค้าที่ทาคาชิมายะคัดสรรมาเป็นพิเศษ เนื่องจากห้างชินจูกุ ทาคาชิมายะจะมีการจัดสินค้าในแต่ละชั้นไปตามหมวดหมู่ เช่น เสื้อผ้าผู้หญิงและเสื้อผ้าผู้ชาย ส่วนเสื้อผ้าเด็กนั้นจะรวมกันอยู่บนชั้น 9
ในชั้นนี้ ได้มีการรวมแบรนด์ดีไซน์เนอร์ระดับโลกสำหรับเด็กวัย 6 - 14 ปี เอาไว้มากมาย เช่น MONCLER (モンクレール) และ STELLA McCARTNEY ร้านเหล่านี้มีเสื้อผ้าที่ดูสวย น่ารักสมวัยสำหรับเด็กอยู่มากมาย ให้พวกเขาได้เพลิดเพลินไปกับการสร้างความมั่นใจระหว่างที่แต่งตัว
ชั้น 10
Hamono Salon Nihonbashi Kiya: ตกตะลึงไปกับโลกอันแสนจะคมกริบ
เราอยู่ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการทานอาหารเพื่อสุขภาพ และในปัจจุบันก็มีผู้คนที่พิถีพิถันกับการเลือกวัตถุดิบและวิธีปรุงกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ การมีมีดดีๆ ติดครัวไว้สักเล่มจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการเตรียมอาหาร
ในร้าน Hamono Salon Nihonbashi Kiya (はものサロン日本橋木屋) ที่ตั้งอยู่บนชั้น 10 ของห้างทาคาชิมายะนี้ คุณจะได้พบกับมีดหลากหลายประเภท ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นและแบรนด์นอก รวมกันได้นับร้อยแบบ มีตั้งแต่มีดซันโตคุอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานกับวัตถุดิบได้ทั้ง 3 อย่าง (เนื้อสัตว์, ปลา, ผัก) ไปจนถึงมีดทำซาชิมิ มีดทำครัวจีน มีดหั่นขนมปัง และมีดเซรามิก!
นับว่าเป็นจุดที่มีสินค้าให้เลือกมากที่สุดแห่งหนึ่งของห้างเลย
มีดญี่ปุ่นที่เป็นแบบ Made in Japan นั้นจะมีใบมีดที่คมและเบา รับรองว่าได้ใช้สักครั้งจะติดใจ และในบรรดามีดทั้งหมดนี้ ก็จะมีบางเล่มที่ผลิตด้วยการตีใบมีดหลายครั้งมากๆ จนทำให้เกิดลายวงน้ำที่ดูเป็นระลอกคลื่น ดูสวยงามน่าชมสุดๆ
นอกจากมีดแล้ว ร้าน Hamo Salon Nihonbashi Kiya ก็ยังขายกรรไกรสำหรับตัดเล็บ ตัดผม และตัดขนจมูกด้วย! ที่สำคัญคือสินค้าบางตัวจะดังมากจนขาดตลาด ดังนั้น หากคุณหาซื้อทันล่ะก็ ถือว่าโชคดีมากๆ เลย!
ชั้น 11
ร้านขายแว่นตา: กรอบแว่นคุณภาพสูงที่เติมเต็มได้ทุกไลฟ์สไตล์
แว่นตาไม่ได้เป็นเพียงตัวช่วยในการมองเห็นเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องแต่งกายแฟชั่นอย่างหนึ่งด้วย และในโซน Megane Salon ของห้างชินจูกุ ทาชิมายะนี้ก็ได้รวมแบรนด์แว่นตาเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์อินเตอร์หรือแบรนด์ญี่ปุ่นคุณภาพเยี่ยม อย่าง KEN OKUYAMA และ 999,9
นอกจากนี้ก็ยังมีดีไซน์อันชาญฉลาด ที่ทำให้พอดีกับผู้สวมใส่จนคนอื่นไม่สามารถเอาไปใส่แทนได้ เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเอามากๆ เลย
หลังจากเลือกประเภทของกรอบและเลนส์แล้ว หากมีเลนส์อยู่ในสต็อก คุณก็จะได้รับสินค้าภายในวันที่ซื้อเลย แต่ในกรณีที่ต้องออเดอร์วัสดุมาเป็นพิเศษก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันสักหน่อย เพราะฉะนั้น อย่าลืมเช็ควันกันด้วยนะ! และหากคุณมีแพลนจะซื้อแว่นตาอยู่แล้วแน่ๆ ล่ะก็ เราขอแนะนำให้สอบถามและขอคำแนะนำกันตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลยว่าต้องรอนานแค่ไหน
นอกจากนี้ ทางร้านก็ยังมีรูปประโยคเกี่ยวกับแว่นสายตาที่เป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนติดอยู่ในร้านด้วย ดังนั้น ถึงคุณจะพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล
บริการแสนสะดวกและเป็นมิตรที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
บัตรส่วนลด 5%
ตอนนี้ ทางห้างฯ ทาคาชิมายะ ได้ทำบัตร TAKASHIMAYA SHOPPER'S CARD สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาด้วย หากคุณนำพาสปอร์ตมาแสดงในสถานที่ที่กำหนด ก็จะได้รับบัตรสมนาคุณ และส่วนลด 5% สำหรับทุกการใช้จ่าย 3,000 เยนขึ้นไปในหนึ่งบิล (ไม่รวมภาษี) แต่เราก็ขอแนะนำให้คุณตรวจสอบข้อมูลกันก่อนด้วย เพราะอาจจะมีบางแบรนด์ที่ไม่ได้ร่วมให้สิทธิ์ส่วนลดแก่ผู้ซื้อ
การ์ดของทาคาชิมายะจะมาในลาย Hello Kitty ที่มีพื้นหลังเป็นลวดลายตามแต่ละท้องถิ่นซึ่งแตกต่างกันไป หากคุณเป็นนักสะสมก็ลองเก็บเป็นคอลเลคชันเลยก็ได้นะ!
บริการขอคืนภาษี
บริการคืนเงินภาษี ถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งคุณก็สามารถไปทำเรื่องได้ที่เคาน์เตอร์ยกเว้นภาษีบนชั้น 11 ของอาคารชินจูกุ ทาคาชิมายะ จากนั้นก็แสดงพาสปอร์ต ใบเสร็จ สินค้า และบัตรเครดิตที่ใช้ซื้อของ
ที่นี่มีทั้งเครื่องขอคืนภาษีอัตโนมัติและเคาน์เตอร์พนักงาน การทำงานของเครื่องขอคืนภาษีอัตโนมัตินั้นง่ายมาก เพียงแค่สแกนหนังสือเดินทาง และเลือกวันที่เดินทางมาถึงหรือวันที่ออกเดินทาง คุณก็จะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อได้อย่างง่ายดาย แถมยังประหยัดเวลาได้มากกว่าเคาน์เตอร์ทั่วๆ ไปด้วย
*การใช้เครื่องขอคืนภาษีอัตโนมัติอาจมีบางขั้นตอนที่ต้องให้เจ้าหน้าที่ช่วย ดังนั้น หากมีจุดที่ไม่แน่ใจก็อย่าลืมตรวจสอบกันด้วยนะ
เครื่องแลกสกุลเงิน และ ตู้ ATM ที่สามารถถอนเงินข้ามประเทศได้
หากต้องการเงินสดกระทันหันหรือมีเงินเยนไม่พอจะทำยังไงดี? ไม่ต้องกังวลไป! เพราะห้างชินจูกุ ทาคาชิมายะก็มีตู้ ATM ของ Seven Bank ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ด้วย หากบัตรของคุณรองรับการกดเงินระหว่างประเทศได้ คุณก็สามารถถอนเงินสดในสกุลเงินของญี่ปุ่นได้ทันที หรือไม่ คุณก็สามารถขึ้นไปแลกที่เครื่องแลกสกุลเงินบนชั้น 11 แทนได้ ซึ่งบอกเลยว่าสะดวกมาก!
*ค่าธรรมเนียมการถอนเงินและอัตราแลกเปลี่ยนอาจแตกต่างกันไปตามธนาคาร ดังนั้น กรุณาติดต่อธนาคารเพื่อสอบถามข้อมูลโดยตรง
วิธีเดินทางไป "ชินจูกุ ทาคาชิมายะ"
สำหรับบทความแนะนำ "ชินจูกุ ทาคาชิมายะ" ของเราก็จบลงเพียงเท่านี้ คุณรู้สึกอยากเพิ่มที่นี่เข้าไปในแพลนการเที่ยวบ้างไหม?
หากคุณสนใจล่ะก็ เรามีวิธีเดินทางแบบง่ายๆ มาเป็นไกด์ให้ด้วย โดยคุณสามารถออกทางประตู Shin-Minami ของสถานี JR Shinjuku หรือ ประตู Miraina Tower ที่สามารถเดินผ่านทางเชื่อมเข้าไปยังชั้น 2 ของทาคาชิมายะได้ภายใน 2 นาที
นอกจากนี้ก็ยังมีรถไฟสายอื่นๆ ที่สามารถเข้าถึงทาคาชิมายะได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น Tokyo Metro, Toei Subway, Keio Electric Railway ฯลฯ ตามไปดูวิดีโอด้านล่างนี้เพื่อตรวจสอบเส้นทางกันได้เลย
"ชินจูกุ ทาคาชิมายะ" ไม่เพียงแต่เข้าถึงได้อย่างสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ของใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงอาหารแสนอร่อย ของฝาก และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาจากการที่ต้องเดินทางไปหลายๆ ที่ ให้มาช้อปปิ้งแบบครบวงจรกันได้ในที่เดียว! หากคุณมีโอกาส ก็ลองแวะมาที่ "ชินจูกุ ทาคาชิมายะ" กันดูสิ!
*ข้อมูลเรื่องราคาและแพ็คเกจจิ้งในบทความนี้ เป็นข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2022
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่