[อัพเดท 2021] พูดถึง “ฤดูใบไม้ร่วง” คนญี่ปุ่นนึกถึงอะไร? อาหาร-สิ่งของ-กิจกรรม เรื่องราวที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน
สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา “ฤดูใบไม้ร่วง” เป็นช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีแสนสวยที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูปและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูเก็บเกี่ยวที่เต็มไปด้วยผลผลิตคุณภาพดีและกิจกรรมมากมาย เป็นช่วงเวลาที่วัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมจะดูมีสีสันเจิดจรัสที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่ชวนให้เกิดความรู้สึกลึกล้ำจนยากจะอธิบายด้วย หากใครอยากรู้ว่าคนญี่ปุ่นคิดถึงอะไรกันบ้างเมื่อพูดถึง “ฤดูใบไม้ร่วง” ก็ตามไปดูกันเลยค่ะ!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
"อาหารญี่ปุ่น" ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวสุดพิเศษ
เรื่องกินเรื่องใหญ่ ไม่ใช่แค่คนไทยแต่คนญี่ปุ่นก็เช่นกัน! อย่างแรกที่หลายๆ คนพูดถึงเกี่ยวกับช่วงฤดูใบไม้ร่วง คือ ผลผลิตสุดพิเศษที่คนญี่ปุ่นต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอ ซึ่งก็เป็นเพราะผลผลิตเหล่านี้จะมีคุณภาพดีที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้นั่นเอง
1. ปลาซันมะ (さんま)
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงที่ปลาซันมะมีการย้ายถิ่นฐาน ทำให้สามารถหาปลาชนิดนี้ทานได้มากกว่าฤดูกาลอื่น โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงปลายเดือนตุลาคม คนญี่ปุ่นนิยมทานปลาซันมะย่างเกลือ โดยจะนำไปย่างบนเตาถ่าน เนื้อปลาจะมีกลิ่นหอม รสคเค็มนิดๆ ขมหน่อยๆ จากไส้ปลาเป็นรสชาติที่ผสานกันออกมาได้ลงตัวสุดๆ
มีหลายคนบอกว่ากลิ่นของปลาซันมะย่างทำให้นึกถึงบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงและภาพของใบไม้เปลี่ยนสีอันสวยงามขึ้นมาด้วยล่ะค่ะ
2. เกาลัด (栗)
เกาลัด ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “คุริ” เป็นผลไม้ที่คนไทยคุ้นเคยกันพอสมควร แต่หากคุณได้มาญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้วล่ะก็ คุณจะได้เห็นเกาลัดที่ถูกนำมาแปรรูปเป็นอาหารและขนมที่แปลกใหม่น่าสนใจ ซึ่งคุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อนตัวอย่างเช่น ข้าวหุงเกาลัดหอมกรุ่น “คุริโกฮัง (栗ご飯)”, อินาริซูชิไส้ข้าวเกาลัด, เค้กและคุกกี้เกาลัด ฯลฯ รับรองว่าจะรู้สึกสนุกตื่นเต้นไปกับเมนูเกาลัดที่ไม่ซ้ำใครแน่นอน
ขนมที่ทำเป็นรสเกาลัด ส่วนมากจะมีคำว่า “มารอง (マロン)” เขียนไว้บนซองค่ะ และหากใครชอบกินขนมที่มีครีมเกาลัด อย่างมองบลังค์ ก็ไม่มีช่วงไหนจะดีไปกว่าฤดูใบไม้ร่วงญี่ปุ่นอีกแล้วค่ะ!
3. ลูกพลับ (柿)
“คาคิ” หรือ ลูกพลับญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในผลไม้ขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวอยากทานกันมากที่สุดเมื่อได้มาญี่ปุ่น แต่ลูกพลับที่อร่อยที่สุดจะมีอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น!
พลับญี่ปุ่นมีหลากหลายสายพันธุ์และสามารถหาซื้อได้ทั่วไป โดยส่วนใหญ่จะมีขายอยู่ 2 ประเภท คือ “พลับสด (生果の柿)” และ “พลับแห้ง (干し柿)” หากคุณซื้อพลับสดก็อาจต้องเลือกกันดีๆ หน่อย เพราะที่นี่มีทั้งพลับสดแบบเนื้อหวานและแบบเนื้อฝาด แต่หากคุณซื้อพลับแห้งก็ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าจะได้ลูกพลับที่หวานอร่อย สามารถหิ้วกลับไปเป็นของฝากได้ด้วยนะ
4. เห็ด
ฤดูใบไม้ร่วง คือ ฤดูเก็บเห็ดของญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ โดยเห็ดที่เป็นตัวเด่นของฤดูใบไม้ร่วงนี้ก็จะมี เห็ดหอมชิทาเกะ (しいたけ), เห็ดไมตาเกะ (まいたけ), เห็ดชิเมจิ และ “เห็ดมัตสึทาเกะ (まつたけ)” ซึ่งถือเป็นพระเอกของเห็ดญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
เห็ดมัตสึทาเกะเป็นเห็ดหายากและมีราคาค่อนข้างแพง(มาก) เนื่องจากเป็นเห็ดที่ไม่สามารถปลูกเองได้ ต้องไปหาเก็บเอาตามป่าตามเขาและเก็บได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น นอกจากนี้ ระบบนิเวศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปก็ยังส่งผลต่อจำนวนและการเติบโตของเห็ดชนิดนี้ด้วย ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เห็ดมัตสึทาเกะมีราคาแพง บางร้านอาจขายในราคาสูงถึงดอกละ 5,000 เยนเลยทีเดียว ใครงบถึงก็สามารถไปลองทานกันได้ค่ะ
5. ชินไม (新米)
คำว่า “ชินไม” ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ข้าวใหม่ หมายถึงข้าวที่เก็บเกี่ยวเป็นรอบแรกของปีนั้นๆ ซึ่งตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง ข้าวใหม่เหล่านี้จะมีเม็ดอวบอ้วนดูสุขภาพดี เมื่อนำไปหุงก็จะขึ้นเงาเป็นประกายอยู่ในหม้อด้วยล่ะค่ะ (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “ปิกะปิกะ” แปลว่า วิบวับๆ เราเห็นครั้งแรกก็ตื่นเต้นมากเลย) ข้าวมีกลิ่นหอม รสหวานและชุ่มฉ่ำ เคี้ยวอร่อยมากๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงได้ตั้งหน้าตั้งตารอทานข้าวใหม่นี้กันนัก
6. แปะก๊วย (銀杏)
ในภาษาญี่ปุ่น “กิงนัน” หมายถึง ผลแปะก๊วยค่ะ คนไทยเราคุ้นเคยกับการทานแปะก๊วยแบบหวาน เช่น ใส่ในขนมหวานต่างๆ , แปะก๊วยนมสดหรือบางครั้งก็อาจนำไปต้มกับน้ำซุปหรือใส่เป็นไส้บะจ่างซึ่งเป็นอาหารจีน แต่ที่ญี่ปุ่น คนนิยมทานแปะก๊วยแบบเค็มกันค่ะ หากคุณไปทานอาหารในบาร์อิซากายะของญี่ปุ่น ก็จะเห็นคนทานแปะก๊วยคั่วหรือจิ้มเกลือระหว่างที่นั่งดื่มและคุยเล่นสังสรรค์กัน บางร้านก็มีแปะก๊วยเสียบไม้ย่างและเมนูอาหารคาวต่างๆ ให้สั่งได้
นอกจากนี้ คนญี่ปุ่นหลายๆ คนก็มีภาพของคุณพ่อคุณแม่ที่นั่งแกะแปะก๊วยทานเล่นเวลาอยู่บ้านด้วย พอได้ยินอย่างนี้แล้วก็รู้สึกว่าแปะก๊วยเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายและอบอุ่นดีค่ะ
"สิ่งของ" ในความทรงจำฤดูใบไม้ร่วงของคนญี่ปุ่น
นอกจากสิ่งของแล้ว ยังมีสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วงอีกมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนญี่ปุ่น มีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ
1. พระจันทร์ (月)
พระจันทร์เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ของทุกปีซึ่งเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “จูโกะยะ (十五夜 แปลว่า คืนที่ 15)” นั้นตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงพอดี ในคืนนี้คนญี่ปุ่นจะมีประเพณีชมจันทร์ หรือที่เรียกว่า “สึคิมิ (月見)” และมีการทานขนมดังโกะกันด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ร้านอาหารหลายๆ แห่งยังมีการออกเมนูใหม่ที่เน้นดีไซน์กลมๆ เหลืองๆ ดูคล้ายพระจันทร์ออกมาเพื่อให้เข้ากับประเพณีนี้ด้วย อย่างในปี 2020 นี้ ร้านแม็กโดนัลด์ญี่ปุ่นก็ได้ออกเมนูเบอร์เกอร์ชมจันทร์ ที่มีไข่ดาวกลมดิ๊ก ไข่แดงสีเหลืองสวยและแผ่นชีสเพื่อให้ดูเหมือนพระจันทร์เต็มดวงด้วยค่ะ
2. หนังสือ (本)
ข้อนี้อาจทำให้หลายๆ คนแปลกใจ คนญี่ปุ่นเหมือนจะอ่านหนังสือกันเยอะอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมถึงมีหนังสือโผล่มาในสิ่งของประจำฤดูใบไม้ร่วงด้วยล่ะ? นั่นเป็นเพราะคนญี่ปุ่นมีธรรมเนียมที่เรียกว่า “โดคุโชโนะอากิ (読書の秋)” หรือ การอ่านหนังสือช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง
สำหรับคนญี่ปุ่น ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงเวลาที่สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันและกลางคืน อากาศเย็น แถมยังมีช่วงกลางคืนที่ยาวนานกว่าฤดูอื่น ทำให้มีเวลาทำอะไรๆ ได้เยอะขึ้นด้วย คนญี่ปุ่นหลายคน (โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษา) ก็จะรู้สึกว่ามีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้นด้วยเช่นกัน
3. งานศิลปะ (芸術)
กิจกรรมสร้างสรรค์งานศิลปะในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ การไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะ หรือ การเล่นดนตรีก็เป็นกิจกรรมที่อยู่ในความทรงจำฤดูใบไม้ร่วงของคนญี่ปุ่นเช่นกัน ซึ่งเหตุผลก็เหมือนกับการอ่านหนังสือ คือ ฤดูนี้ทำให้รู้สึกสบายๆ ทำให้สามารถปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุนทรีย์และงานศิลปะได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
ภาษาญี่ปุ่นมีคำว่า “เก็นชุตสึโนะอากิ (芸術の秋)” ไว้ใช้เรียกกิจกรรมที่เกี่ยวกับศิลปะและความสุนทรีย์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วยนะคะ
4. ดอกคอสมอส (コスモス)
ดอกคอสมอส มีชื่อเล่นในภาษาญี่ปุ่นว่า "อากิซากุระ (秋桜)" ซึ่งหมายถึง ซากุระแห่งฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง ดอกคอสมอสในญี่ปุ่นมีหลายสี แต่ที่พบได้บ่อยที่สุดในฤดูนี้จะมีสีชมพู สีขาวและสีส้ม หากคุณถามคนญี่ปุ่นเกี่ยวกับดอกไม้ประจำฤดูใบไม้ร่วง หลายๆ คนก็จะนึกถึงดอกคอสมอสเป็นอย่างแรก
คอสมอสเป็นดอกไม้ดอกเล็กสีสันสดใส ซึ่งจะให้ภาพทิวทัศน์ที่แตกต่างไปจากใบไม้เปลี่ยนสีโทนส้มแดงจัดจ้าน หากคุณได้มาญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้วเปลี่ยนบรรยากาศหรืออยากสัมผัสกับประสบการณ์ชมฤดูใบไม้ร่วงแบบคนญี่ปุ่นดู เราขอแนะนำให้หาโอกาสไปชมทุ่งคอสมอสญี่ปุ่นให้ได้สักครั้งค่ะ
5. ดอกฮิกังบะนะ (彼岸花)
"ดอกฮิกังบะนะ" หรือ พลับพลึงแมงมุมแดงญี่ปุ่น เป็นดอกไม้อีกหนึ่งชนิดที่คนญี่ปุ่นนึกถึงบ่อยที่สุดเมื่อพูดถึงฤดูใบไม้ร่วง ฮิกังบะนะเป็นดอกไม้มีพิษที่สามารถทำให้คนที่รับประทานเข้าไปถึงตายได้ สีแดงเพลิงของมันเข้ากับบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงมากๆ และจะดูสวยงามทรงพลังเป็นพิเศษในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน
คนญี่ปุ่นถือว่าดอกฮิกังบะนะเป็นสัญลักษณ์ของความตาย, ความโศกเศร้า, ความเร่าร้อน และยังเป็นสัญลักษณ์ของการรอคอยที่จะได้กลับมาพบคนรักอีกครั้งหนึ่งด้วย ลึกซึ้งมากๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ!
บางครั้งคุณอาจได้ยินคนญี่ปุ่นเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า "มังจูชาเกะ (曼殊沙華)" ชื่อนี้เป็นชื่อที่ได้รับอิทธิพลมาจากความเชื่อในศาสนาพุทธ ซึ่งถือว่าเป็นดอกไม้สวรรค์ที่เหมาะสำหรับใช้ในงานมงคลค่ะ หากใครอยากชมพลับพลึงแดงแต่ไม่รู้จะเดินทางไปที่ไหนอย่างไร เราแนะนำให้ลองตามไปอ่าน บทความนี้ ดูค่ะ
"เทศกาล" ฤดูใบไม้ร่วง สีสันแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่น
เมื่อพูดถึงฤดูใบไม้ร่วง นอกจากอาหาร สิ่งของและกิจกรรมในความทรงจำแล้ว คนญี่ปุ่นต่างก็มีงานเทศกาลในความทรงจำด้วยเช่นกัน ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างก็ตามไปดูกันเลยค่ะ!
1. ชมใบไม้เปลี่ยนสี (紅葉)
เมื่อพูดถึงฤดูใบไม้ร่วง แน่นอนว่าการชมใบไม้เปลี่ยนสีจะต้องมาเป็นอันดับแรก! คนญี่ปุ่นเรียกใบไม้เปลี่ยนสีแบบรวมๆ ว่า "โคโย (紅葉)" แต่ที่จริงแล้วต้นไม้แต่ละสายพันธุ์ก็จะมีใบไม้โทนสีแตกต่างกันไป เช่น ใบเมเปิลโมมิจิ (もみじ) จะมีสีส้มและสีแดงสดใส, ใบแปะก๊วยกิงนัน (銀杏) จะเป็นสีเหลืองทอง ฯลฯ เป็นทัศนียภาพที่สวยงามราวกับภาพวาด ประทับอยู่ในความทรงจำของคนญี่ปุ่นทุกผู้ทุกวัยเลยล่ะค่ะ
สำหรับพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีในปี 2020 นี้ ก็สามารถติดตามที่บทความนี้ได้เลยค่ะ
2. ฮาโลวีน
ถึงแม้จะไม่ใช่เทศกาลที่มีต้นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น แต่บอกเลยว่างานฮาโลวีนที่ญี่ปุ่นนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกเลยทีเดียว โดยเฉพาะในย่านชิบูย่า ที่มีผู้คนจำนวนมหาศาลแต่งชุดแฟนซีออกมาเดินถ่ายรูปและโชว์ความคิดสร้างสรรค์กันแบบจัดเต็ม เป็นบรรยากาศที่ฉีกกรอบชีวิตประจำวันอันน่าเบื่อหน่ายออกไปจนหมด งานนี้ถึงกับมีชาวต่างชาติบางคนบินลัดฟ้าเพื่อมาเข้าร่วมเลยล่ะ
หากคุณอยากลองไปสัมผัสกับบรรยากาศฮาโลวีนของคนญี่ปุ่นแต่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี แนะนำให้ตามไปอ่านบทความ 13 จุดแนะนำเพื่อการสนุกสนานไปกับฮาโลวีนที่ญี่ปุ่น ของเราดูนะคะ รับรองว่าจะต้องเจอสถานที่ที่ถูกใจแน่นอน
3. ชมไฟไลท์อัพใบไม้แดง
อีกหนึ่งกิจกรรมช่วงกลางคืนยอดฮิตของคนญี่ปุ่น คุณอาจจะคิดว่าการชมใบไม้แดงตอนกลางคืนไม่น่าจะสวยเท่าตอนกลางวัน แต่บอกเลยค่ะว่าคิดผิด! เพราะคนญี่ปุ่นน่ะเก่งเรื่องการจัดไฟและมีเซนส์ในการจัดองค์ประกอบแสงเงาที่เทพมากๆ รับรองว่าหากคุณได้ชมการประดับไฟใบไม้แดงของพวกเขาแล้วจะต้องตะลึงอย่างแน่นอน เพราะมันทั้งสวย ดูลึกลับและมีพลังจนละสายตาไปไม่ได้ทีเดียว
หากคุณอยากไปชมบ้างก็สามารถตามไปอ่านบทความตัวอย่างสถานที่แนะนำสำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีไฟไลท์อัพได้ที่นี่ และ ที่นี่ ค่ะ
4. กีฬาสี (運動会)
ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นมีอากาศที่เย็นสบายเหมาะกับการออกกำลัง ทำให้โรงเรียนญี่ปุ่นนิยมจัดงานกีฬาสีกันในช่วงนี้ ในภาษาญี่ปุ่นยังมีคำว่า “สุปอสึโนะอากิ (スポーツの秋)” สำหรับใช้เรียกการเล่นกีฬาในฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย
5. การทัศนศึกษา และ ปิกนิก (遠足)
กิจกรรมนี้เป็นที่นิยมด้วยเหตุผลเดียวกับข้ออื่นๆ ทางด้านบน คือ มีอากาศที่เย็นสบาย แต่ในขณะเดียวกัน พื้นดินและทางเดินต่างๆ ก็ค่อนข้างแห้ง ทำให้ปลอดภัยต่อการเดินทางไปทัศนศึกษาตามแหล่งธรรมชาติและนั่งปิกนิก ทานอาหารกลางแจ้งกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว เป็นกิจกรรมยอดนิยมที่ชวนให้นึกถึงความสนุกสนานในวัยเรียนจริงๆ ค่ะ
ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวความทรงจำ!
สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา ฤดูใบไม้ร่วงในความทรงจำอาจเป็นภาพของการเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีและถ่ายภาพเก็บบรรยากาศ แต่เมื่อได้คุยกับคนญี่ปุ่นแล้วก็จะพบว่าฤดูนี้มีอะไรที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งอาหารอร่อยๆ และกิจกรรมน่าทำ ถึงแม้สภานการณ์โควิด-19 ปีนี้จะส่งผลต่อการเดินทางและอาจจะทำให้เราพลาดกิจกรรมดีๆ เหล่านี้ แต่หากใครได้มีโอกาสมาญี่ปุ่นในช่วงปีหน้าหรือปีต่อๆ ไป ก็อย่าลืมหาเวลาค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศดีๆ อารมณ์สุนทรีย์และรสชาติผลผลิตคุณภาพเยี่ยมของคนญี่ปุ่นกันดูนะคะ
หากใครสนใจในเรื่องราววัฒนธรรมในแต่ละฤดูกาลของคนญี่ปุ่นอย่างในบทความนี้ เราขอแนะนำให้ไปลองอ่านบทความ พูดถึงฤดูร้อน คนญี่ปุ่นนึกถึงอะไร? มาดูอาหาร - สิ่งของ - กิจกรรมประจำหน้าร้อนญี่ปุ่นกัน! เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ค่ะ!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทาง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่