รวมทุกเรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับระบบสะสมคะแนนแบบใหม่ของ Tokyo Metro และ JR Suica!
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ชอบระบบการสะสมคะแนนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าคุณจะซื้อของในร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำก็มักจะโดนถามว่ามีบัตรสะสมคะแนนหรือไม่ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าคุณสามารถรับคะแนนสะสมจากการนั่งรถไฟในญี่ปุ่นได้ด้วยนะ! ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำระบบสะสมคะแนนของบัตรรถไฟ 2 แบบที่ใช้ในโตเกียว คือ Metro Point Club ของ Tokyo Metro และ JRE Point ของ JR East มาดูกันว่ามันจะช่วยให้คุณประหยัดและได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
รับคะแนน Metro Points จากการใช้ PASMO ที่ Tokyo Metro
PASMO คืออะไร?
ที่ประเทศญี่ปุ่น ชื่อ Tokyo Metro ไม่ได้มีความหมายที่จำกัดอยู่แค่ระบบรถไฟใต้ดินเหมือนเมืองอื่นๆ อย่างปารีส แต่มันยังเป็นชื่อเรียกรวมเครือข่ายของผู้ให้บริการรถไฟที่มีอยู่กว่า 30 สายทั่วกรุงโตเกียว
Tokyo Metro มีบัตร IC Card เป็นของตัวเองเรียกว่า "พาสโม (PASMO)" บัตรนี้ไม่เพียงแต่จะใช้ในการโดยสารรถไฟสาย Tokyo Metro ได้เท่านั้น แต่คุณยังสามารถใช้ PASMO ในอีกหลายๆ พื้นที่ของประเทศญี่ปุ่นได้อีกด้วย หากคุณสนใจข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับ Tokyo Metro คุณสามารถตามไปอ่านได้ที่เว็บไซต์ Official Tokyo Metro English Site (ภาษาอังกฤษ)
Tokyo Metro Point Club
Metro Point Club เป็นระบบเก็บคะแนนสะสมจากการใช้บัตร PASMO ในการโดยสารรถไฟสาย Tokyo Metro คะแนนเหล่านี้เรียกว่า "เมโทรพอยท์ (Metro Point)" หรือเรียกสั้นๆ แบบญี่ปุ่นว่า "เมโทโปะ (Metopo)"
คะแนนสะสมมี 3 ประเภท คือ คะแนนรายวัน (Daily Point) คะแนนวันหยุด (Holiday Point) และคะแนนพิเศษ (Bonus Point) คุณจะได้รับ "คะแนนรายวัน" 3 คะแนน เมื่อใช้บัตรของคุณกับรถไฟสาย Tokyo Metro ในวันธรรมดา และได้รับ "คะแนนวันหยุด" เพิ่มอีก 4 คะแนน เมื่อใช้ในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่ใน 1 วัน คุณจะได้รับคะแนนนี้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะขึ้นรถไฟกี่เที่ยวก็ตาม
นอกจากนี้คุณยังจะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มเติมหากคุณใช้บัตร PASMO ของคุณในการนั่งรถไฟสาย Tokyo Metro หลายๆ เที่ยวด้วย หากคุณใช้บัตร 10 - 19 ครั้งในหนึ่งเดือน คุณจะได้ "คะแนนพิเศษ" เพิ่มอีก 10 คะแนน และหากคุณใช้บัตร 20 - 29 ครั้ง คุณก็จะได้ไป 20 คะแนน ยังมีอีกหลายวิธีที่คุณจะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่ม เช่น การซื้อตั๋วรถไฟหรือใช้บัตรเครดิต Tokyo Metro To Me
ทุกคะแนนของ Metro Point มีค่าเท่ากับ 1 เยนซึ่งคุณสามารถใช้คะแนนสะสม 10 คะแนน ในบัตร Pasmo IC Card มาใช้ในการเติมเงินบัตร PASMO ของคุณได้ ระบบสะสมคะแนนนี้สามารถสมัครได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมสมาชิกใดๆ
วิธีสมัคร Metro Point Club
สำหรับขั้นตอนการสมัคร อย่างแรก คือ คุณต้องเข้าไปลงทะเบียนและกรอกข้อมูลส่วนตัว (รวมถึงที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น) และสร้างรหัสผ่านบนเว็บไซต์ของ Tokyo Metro Point Club สามารถตามไปลงทะเบียนได้ที่หน้าเข้าสู่ระบบของเว็บไซต์ได้ ที่นี่ หลังจากที่คุณสมัครและตั้งรหัสผ่านเรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องทำการเชื่อมระบบกับบัตร PASMO ของคุณซึ่งสามารถทำได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วในสถานีรถไฟ Tokyo Metro สามารถดูวิธีการและขั้นตอนการเชื่อมต่อได้ที่ Metro Points Club Site และในนี้ยังมีอธิบายขั้นตอนการแลกคะแนนโดยใช้เครื่องจำหน่ายตัวด้วย
น่าเสียดายที่เว็บไซต์ในตอนนี้มีเพียงภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ขั้นตอนนั้นก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเท่าไร หากคุณต้องการสมัครแต่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นก็ลองขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ของคุณดูนะ
รับ JRE Point จากการใช้บัตร Suica ที่ JR East Line
Suica คืออะไร?
"ซุยกะ (Suica)" คือ ชื่อของบัตร IC อีกประเภทหนึ่งที่ใช้งานได้ในโตเกียว จัดจำหน่ายโดยผู้ประกอบการรถไฟสาย Japan Rail East คุณสามารถใช้บัตรนี้ในการจ่ายเงินด้วยระบบ IC ในหลายๆ พื้นที่ทั่วประเทศญี่ปุ่น
Suica ต่างจาก PASMO ตรงที่คุณสามารถใช้งานผ่านแอพพลิเคชัน "Mobile Suica" ที่มีทั้งบนระบบ iOS และ Android ในการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด (Cashless) ได้
JRE Point
ระบบเก็บคะแนนสะสมของ Suica นั้นจะต่างจากระบบ Metro Point ของ Tokyo Metro อยู่เล็กน้อย คือ JRE Point (Japan Rail East Point) จะคำนวณและให้คะแนนตามราคาของค่าโดยสารแทนการนับเที่ยวรถไฟ โดยคุณจะได้รับ 1 คะแนน เมื่อซื้อตั๋วรถไฟสาย JR West ครบทุก 200 เยน และ 1 คะแนน เมื่อใช้จ่ายผ่านระบบ Card-Less Mobile Suica ครบทุก 50 เยน คุณสามารถรับคะแนนได้จากการจ่ายเงินเพิ่มกับ JR East Green Car และ ตั๋วรายเดือน (Commuter Tickets) ได้อีกด้วย
ความแตกต่างอื่นๆ ระหว่างระบบ Tokyo Metro และ Suica ก็คือ คุณสามารถรับคะแนนพิเศษได้จากการใช้บัตร Suica ในการใช้จ่ายกับร้านค้าที่ร่วมรายการ โดยเฉพาะร้านค้าในสถานี JR เช่น ร้านสะดวกซื้อ New Days หรือศูนย์การค้า Ecute คุณสามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าที่คุณสามารถรับคะแนนสะสมได้ ที่นี่
วิธีสมัครเพื่อรับคะแนน JRE Points
เช่นเดียวกับระบบของ Tokyo Metro การสมัครจะต้องใช้ความรู้ภาษาญี่ปุ่นและต้องมีที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นถึงจะสมัครได้
สำหรับการสมัครเข้าระบบ ขั้นแรก คุณจะต้องซื้อบัตร "My Suica" ที่มีชื่อของคุณพิมพ์อยู่บนหน้าบัตรเมื่อมาถึงประเทศญี่ปุ่น จากนั้นทำการลงทะเบียนบัตร ที่นี่ และสำหรับขั้นตอนในการสมัครก็สามารถหาดูได้ที่ เว็บไซต์นี้
ระบบจ่ายเงินด้วย Moblie Suica นั้นจะให้เงินคืนในรูปแบบ Cashback ที่คุ้มกว่าและนำไปซื้อตั๋วรถไฟได้ ดังนั้นหากคุณมี Apple หรือ Google Pay ในโทรศัพท์ก็จะทำให้คุณได้รับคะแนนเร็วขึ้น หากคุณต้องการสมัคร Mobile Suica ก็สามารถตามไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการสมัครและดาวน์โหลดแอพพลิเคชันสำหรับการใช้งานบนระบบ Andriod หรือ iOS ได้ที่เว็บไซต์ Mobile Suica หากคุณตั้งค่าแอพพลิเคชัน Mobile Suica เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถตามไปอ่านขั้นตอนการลงทะเบียน Mobile Suica ที่ผูกกับระบบ JRE Point ได้ ที่นี่
คะแนนที่มี สามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง?
ข้อดีของระบบคะแนนนี้ คือ มีวิธีใช้คะแนนอยู่มากมาย ทั้ง Tokyo Metro และ JRE สามารถใช้เติมเงินในบัตร PASMO หรือ Suica ของคุณได้ และสามารถนำไปใช้สำหรับจ่ายค่าบริการขนส่งสาธารณะหรือใช้แทนเงินสดในการชำระเงินโดยไม่ใช้เงินสด (Cashless) ในญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย
การชำระเงินด้วยบัตร IC นั้นเป็นสามารถทำได้ทั้งที่ร้านสะดวกซื้อ รถแท็กซี่ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและอื่นๆ อีกมากมาย คุณสามารถหารายชื่อร้านค้าที่รับบัตร Suica ได้ ที่นี่ และบัตร PASMO ก็สามารถใช้ในร้านค้าเหล่านี้ได้เช่นกัน
การใช้บัตร IC ชำระเงินในร้านค้านั้นสะดวกต่อการเดินทาง โดยเฉพาะในเวลาคุณไม่อยากวุ่นวายกับเงินสดหรือบัตรเครดิตต่างๆ ที่มีค่าธรรมเนียมระหว่างประเทศสูงลิ่ว คุณสามารถเติมเงินใส่บัตร IC ของคุณด้วยเงินสดที่เครื่องจำหน่ายตั๋ว จากนั้นก็ใช้แค่การแตะเพื่อจ่ายก็เพียงพอ
เที่ยวโตเกียว ใช้ Suica หรือ PASMO ดี?
หลังจากอ่านข้อมูลเกี่ยวกับระบบคะแนนสะสมของทั้ง 2 บริษัทกันไปแล้ว คุณอาจจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่าจะเลือกใช้บัตร IC อันไหนสำหรับใช้ในโตเกียวดี? Suica หรือ PASMO? เนื่องจากบัตร IC ส่วนมากสามารถใช้ร่วมกับระบบขนส่งสาธารณะในญี่ปุ่นได้แทบทั้งหมด ดังนั้นในแง่ของการใช้งานแบบวันต่อวัน บัตรทั้ง 2 ก็ให้สิทธิประโยชน์ที่ไม่ต่างกัน แต่ในส่วนของความคุ้มค่าในการรับคะแนนนั้น จะมีความซับซ้อนกว่าหน่อย
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของระบบสะสมคะแนนทั้ง 2 นั้น คือ กลุ่มเป้าหมายจะเน้นที่กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในโตเกียวและมีการใช้รถไฟทุกวัน การสะสมคะแนนจึงค่อนข้างใช้เวลาและหากความสามารถภาษาญี่ปุ่นของคุณยังไม่แข็งแรงพอ การลงทะเบียนก็อาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไปสักหน่อย อย่างไรก็ตาม หากคุณวางแผนที่จะเที่ยวในโตเกียวนานๆ และต้องการสะสมคะแนนด้วย คุณก็ควรศึกษาดูก่อนว่าจะได้ใช้รถไฟสายไหนมากกว่ากัน
หากคุณไปเที่ยวญี่ปุ่นในระยะเวลาสั้นๆ คุณจะได้รับเงินคืนจากระบบคะแนน Tokyo Metro แค่ประมาณ 3 - 7 เยนต่อวัน ซึ่งก็อาจจะไม่ค่อยคุ้มกับการสมัครเท่าไร แต่ในทางกลับกัน หากคุณมาเที่ยวเป็นประจำหรือมีแผนที่จะอยู่ในโตเกียวเป็นระยะเวลานานก็อาจคุ้มค่ากับการสมัครบัตรและเก็บคะแนนสะสม
เนื่องจากคุณจะได้รับคะแนนในระบบ JRE Point จากการใช้จ่ายรวมถึงการเดินทางด้วยบัตร Suica นี่ก็อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าหากคุณต้องใช้จ่ายในโตเกียว ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถซื้อสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ เครื่องสำอางและสินค้าอื่นๆ อีกมากมายได้ที่ศูนย์การค้า Ecute ดังนั้นหากคุณมีแผนจะซื้อสินค้าญี่ปุ่นไปตุนไว้ หรือต้องการจะซื้อของที่ระลึก คุณก็จะได้รับส่วนลด 0.5% - 1% เมื่อใช้จ่ายผ่านระบบคะแนน เป็นการประหยัดที่คุณจะได้เพิ่มเป็นต่อที่ 2 จากการซื้อสินค้าแบบ Tax-Free อีกด้วย
ประหยัดค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่นด้วยระบบสะสมคะแนน!
ถึงแม้ว่าในประเทศญี่ปุ่นจะมีบัตร IC หลายประเภทให้คุณใช้ในการโดยสารรถขนส่งสาธารณะ แต่โดยทั่วไปไม่ว่าคุณจะใช้บัตรแบบไหน จะเป็น Suica หรือ PASMO ของโตเกียว หรือจะเป็นบัตร ICOCA ของโอซาก้า บัตร IC ส่วนใหญ่จะสามารถใช้งานร่วมกันได้ และสามารถใช้กับระบบขนส่งสาธารณะและระบบการจ่ายเงินแบบไม่ใช้เงินสดได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น
แต่ก็อย่างที่คุณได้อ่านในบทความนี้ จะเห็นได้ว่าระบบต่างๆ ก็ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด หากคุณเป็นคนที่ใช้เวลาส่วนมากอยู่ในญี่ปุ่นหรือให้ความสำคัญกับเงินทุกเยนที่เสียไป ระบบ Metro Point ละ JRE Point ก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากทีเดียว เราหวังว่าบทความที่นำเสนอความแตกต่างของบัตรทั้ง 2 ระบบนี้จะเป็นประโยชน์กับการวางแผนท่องเที่ยวญี่ปุ่นของคุณในครั้งถัดไป!
Header Image: BT Image / Shutterstock
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่