10 สุดยอด "จุดถ่ายรูป" วิวสวยในโตเกียวประจำปี 2024 (โดย tsunagu Japan)
หากคุณมาเที่ยวโตเกียวแล้วอยากถ่ายรูปชิคๆ แต่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี บทความนี้คือคำตอบ! ทาง tsunagu Japan ได้รวบรวมจุดถ่ายรูปสุดเด็ด คัดเน้นๆ มาแล้วว่าเป็นที่สุดแห่งปี 2024 แน่นอน จะมีที่ไหนบ้างตามไปชมกันเลย!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
โตเกียว (Tokyo) เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น และน่าจะเป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน เนื่องจากการเดินทางที่สะดวกสบาย แหล่งช็อปปิ้งจำนวนมาก และอาหารหลากรส ราคาตั๋วเครื่องบินก็ราคาถูกแสนถูก แถมยังมีจุดถ่ายรูปอีกเพียบ ซึ่งวันนี้ทาง tsunagu Japan ก็ได้คัดสรร 10 จุดถ่ายรูปเด็ดมาให้คุณแล้ว เริ่มกันเลย!
1. Shibuya Sky ที่ตึกระฟ้า Shibuya Scramble Square (ชิบูย่า)
Shibuya Scramble Square ที่ชิบูย่าแห่งนี้ นับเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของโตเกียว ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา ไฮไลท์เด็ดของตึกนี้อยู่ที่ดาดฟ้า Shibuya Sky ชั้น 47 ที่มีความสูงถึง 229 เมตร เปิดให้คุณเพลิดเพลินกับวิวสุดอลังการ และสัมผัสกับบรรยากาศของชิบูย่าในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์กรุงโตเกียว 360 องศา ตลอดจนวิว 5 แยกชิบูย่าที่หลายคนคงคุ้นตา แน่นอนว่ามีทั้งจุดชมวิวและมุมถ่ายรูปที่จัดไว้ให้อย่างครอบคลุม สามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปได้โดยไม่ต้องกังวล แต่อาจจะต้องต่อแถวกันหน่อยนะ ใครที่ไปคนเดียวก็ไม่ต้องเป็นห่วง สามารถขอให้พนักงานช่วยถ่ายรูปให้ได้เช่นกัน
นอกจากจุดชมวิวที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว Shibuya sky ยังมีอีเวนท์มากมายให้คุณได้เพลิดเพลินตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการศิลปะ ดนตรีสดบนดาดฟ้า โรงหนังกลางแจ้ง โยคะยามเช้า ตลอดจนอีเวนท์เฉพาะฤดูกาลต่างๆ สามารถตรวจสอบอีเวนท์ล่าสุดได้จากเว็บไซต์ของ Shibuya Sky โดยตรง โดยราคาตั๋วค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 2,200 เยน หากซื้อล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ 2,500 เยนหากซื้อหน้างาน นอกจากนี้ ตอนนี้ Shibuya Sky ยังมีตั๋วรายปีจำหน่ายแล้วด้วย ในราคาเพียง 7,500 เยน (สามารถขึ้นด้านบนกี่ครั้งก็ได้ตลอดปี) มาพร้อมกับส่วนลดและสิทธิต่างๆ มากมาย
2. teamLab Planets ทีมแลปแห่งใหม่ตระการตาไม่แพ้ที่ไหน! (ชินโทโยสุ)
หากพูดถึงนิทรรศการศิลปะดิจิทัลอย่าง teamLab หลายคนคงจะนึกถึง teamLab Borderless ซึ่งจัดแสดงที่โอไดบะ ทว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก teamLab Planets แถวตลาดปลาโทโยสุที่สวยอลังการไม่แพ้กัน จุดเด่นของทีมแลปแห่งนี้ คือการสร้างประสบการณ์ศิลปะแบบผสมผสาน ที่ชวนให้คุณมาสำรวจและก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะไปพร้อมกัน โดยคุณจะได้เดินชมงานด้วยเท้าเปล่า และเพลิดเพลินไปกับงานศิลปะขณะลุยน้ำไปพร้อมกัน รู้อย่างนี้แล้วก็เตรียมพับขากางเกงแล้วตบเท้าเข้ามาได้เลย! (แอบกระซิบว่าถ้าชุดคุณไม่พร้อม ก็สามารถยืมกางเกงขาสั้นได้ฟรีเช่นกัน สามารถติดต่อพนักงานก่อนชมงานแสดงได้เลย)
teamLab Planets แห่งนี้ เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 22:00 น. โดยราคาตั๋วค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 3,800 เยนในวันธรรมดา และ 4,200 เยนในวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ถ้าไม่อยากต้องต่อคิวซื้อตั๋วหน้าทางเข้าเป็นชั่วโมง เราแนะนำให้คุณซื้อตั๋วมาล่วงหน้าทางออนไลน์นะ) ใครที่สนใจก็สามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ เพียงลงรถไฟที่สถานี Shin-Toyosu (สาย Yurikamome Line) แล้วเดินต่อเพียง 1 นาที ใครมาเที่ยวตลาดปลาโทโยสุ ก็อย่าลืมแวะชมกันด้วยนะ
3. "ชิโมะคิตะซาว่า" ย่านฮิปๆ ที่สายวินเทจไม่ควรพลาด (ชิโมะคิตะซาว่า)
หากพูดถึงจุดถ่ายรูปชิคๆ ในโตเกียวแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึง "ชิโมะคิตะซาว่า" (Shimokitazawa) ย่านสุดฮิปที่ซ่อนตัวอยู่ในเขต Setagaya อยู่ห่างจากย่านดังอย่าง “ชิบูย่า” แค่ 6 นาที เพียงนั่งรถไฟมาลงสถานี Shimo-Kitazawa ก็สามารถเดินทางมาถึงได้อย่างง่ายดาย โดยเสน่ห์ของย่านนี้อยู่ที่บรรยากาศสุดวินเทจ และกลิ่นอายเก่าๆ ของกรุงโตเกียว เรียงรายไปด้วยร้านเสื้อผ้ามือสอง ร้านหนังสือและแผ่นเสียงเก่า ร้านกล้องวินเทจ คาเฟ่และบาร์สไตล์เรโทร ตลอดจนผนังและกำแพงที่แต่งแต้มด้วยสตรีทอาร์ต เหมาะจะเป็นมุมโพสท่าถ่ายรูปสุดเก๋เกินใคร
ไฮไลท์ของย่านนี้อยู่ที่ Honda Theatre โรงละครเก่าแก่ที่เปิดทำการมาแล้วกว่า 40 ปี! ซึ่งยังมีงานแสดงสดให้รับชมจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้แล้ว ย่านชิโมะคิตะซาว่ายังมีชื่อเสียงในเรื่องการจัด “เทศกาลแกงกะหรี่” ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปีอีกด้วย ซึ่งในปี 2024 นี้ คาดว่าจะมีร้านแกงกะหรี่กว่า 100 ร้านเข้าร่วมเลยทีเดียว ใครที่ชอบแกงกะหรี่บอกเลยว่าพลาดไม่ได้นะ!
4. "โอไดบะ" กับ Unicorn Gundam สุดอลังการ (โอไดบะ)
"โอไดบะ" (Odaiba) นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ แห่งหนึ่งของโตเกียว ตั้งอยู่บนเกาะเทียมขนาดใหญ่ในอ่าวโตเกียว โดดเด่นด้วยหุ่นยนต์กันดั้มขนาดยักษ์ (Unicorn Garden) ที่ตั้งอยู่หน้าห้าง Diver City Tokyo และเรนโบว์ บริดจ์ (Rainbow bridge) สะพานแขวนขนาดใหญ่ที่ทอแสงอิลลูมิเนชันงดงามในยามค่ำคืน
โอไดบะเป็นย่านที่รวบรวมจุดช็อปปิ้งทั้งห้างสรรพสินค้าและเอาท์เล็ตขนาดใหญ่ (Mitsui Outlet Park) แหล่งความบันเทิงอย่างสวนสนุกในร่ม (Tokyo Joypolis) ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ (Palette Town) หอชมวิวที่ตึกฟูจิทีวี (Fuji TV Building) พิพิธภัณฑ์ทั้งเล็กใหญ่ (เช่น เลโก้แลนด์ มาดามทุสโซ) ตลอดจนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจต่าง ๆ ไว้ในที่เดียว โดยเฉพาะสวนริมทะเลโอไดบะ (Odaiba Seaside Park) ที่มีรูปปั้นเทพีเสรีภาพตั้งตระหง่านเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ และชายหาดที่คุณสามารถมาพักผ่อนหย่อนใจ เอนกายรับชมวิวยามค่ำคืนของโอไดบะและเรนโบว์บริดจ์ได้อย่างอิ่มเอม ไม่ว่าจะมากับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก โอไดบะมีทั้งจุดถ่ายรูปและแหล่งรวมความบันเทิงที่ครบจบในที่เดียว
5. "Starbucks Reserve Roastery Tokyo" กับผู้คนที่หลั่งไหล (นากาเมกุโระ)
ย่าน "นากาเมกุโระ" (Nakameguro) เป็นที่รู้จักกันในฐานะจุดชมซากุระยอดนิยมในโตเกียว ที่เมื่อฤดูดอกไม้ผลิในทุกๆ ปีเวียนมาถึง ภาพทิวทัศน์ของต้นซากุระที่ผลิบานเรียงรายตลอด 2 ข้างทางของแม่น้ำเมกุโระกาวะ (Megurokawa) นั้นสวยงามราวกับฉากหนึ่งในเทพนิยาย แน่นอนว่าย่านนี้มีคาเฟ่ชิคๆ ให้คุณได้เพลิดเพลินวิวของซากุระไปพร้อมกับเครื่องดื่มดี ๆ มากมาย รวมไปถึง "Starbucks Reserve Roastery Tokyo" ที่เปิดให้บริการในปี 2019 ซึ่งนับเป็นร้านลำดับที่ 5 ของโลก ด้านในมีเครื่องคั่วกาแฟที่ชวนให้คุณลิ้มรสกาแฟจากเมล็ดที่คั่วเสร็จใหม่ๆ พร้อมด้วยเค้กและเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่สามารถหารับประทานได้ในร้านสตาร์บัคส์ทั่วไปคอยให้บริการอีกด้วย
ขอแอบกระซิบว่า ร้าน Starbucks Reserve แห่งนี้พึ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีไปในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 ที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซปท์ “กาแฟและประสาทสัมผัสทั้ง 5” (5 Senses and Coffee) โดยทางร้านจะมีการจัดอีเวนท์เปิดประสบการณ์ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนวางขายสินค้าที่ระลึกซึ่งออกแบบมาเพื่อฉลองการครบรอบ 5 ปีโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นแก้ว ขวดน้ำ จาน ตลอดจนสมุดโน้ตและกระเป๋าสุดชิค นอกจากนี้แล้ว พาร์ทเนอร์ (พนักงาน) ที่สาขานี้จะสวมผ้าผูกคอซึ่งสกรีนลายคอลเลคชันพิเศษนี้เวลาให้บริการลูกค้าด้วยนะ! เรียกได้ว่าน่ารักอย่าบอกใคร โดยอีเวนท์นี้จัดยาวถึง 6 เดือน อย่าลืมแวะมาชิมกาแฟและแชะภาพกันตั้งแต่วันนี้ถึงเดือนกันยายน 2024 นี้ล่ะ
6. แชะภาพกับแพนด้าที่ “สวนสัตว์อุเอโนะ” และชมดอกบัวบานที่ "บึงชิโนะบาสุ" บึงบัวสุดสวยแห่งอุเอโนะ (อุเอโนะ)
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง คือ "อุเอโนะ" (Ueno) ที่มีจุดถ่ายรูปซุกซ่อนอยู่มากมายเคียงคู่อยู่กับประวัติศาสตร์อันยาวนานของย่านนี้ ไม่ว่าจะเป็น ย่านช็อปปิ้งสุดฮิตอย่างตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market) ที่เป็นแหล่งรวมของกินของใช้ราคาประหยัด หรือ สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park) ที่พึ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปี ไปเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา โดยสวนอุเอะโนะมักมีการจัดเทศกาลต่างๆ หมุนเวียนตามฤดูกาล เช่น งานแฟร์ค็อกเทลร้อน (Japan Hot Cocktail Fair) ในช่วงฤดูหนาว และเทศกาลชมซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ อีกทั้งภายในยังมีสวนสัตว์อุเอโนะ (Ueno Zoo) ซึ่งเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของญี่ปุ่น โดยปัจจุบันมีเหล่าสัตว์น้อยใหญ่มากกว่า 3,000 ตัว! และมีไฮไลท์สำคัญคือน้องหมีแพนด้าสุดน่ารัก ถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมแวะมาแชะภาพกับน้องกันนะ
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ภายในสวนยังมี "บึงชิโนะบาสุ" (Shinobazu) บึงบัวยักษ์ที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันในฤดูร้อน ทว่าโอกาสจะถ่ายภาพบัวสวยๆ ได้นั้นไม่ง่ายเลย เพราะดอกบัวจะบานในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมเท่านั้น แถมยังบานเฉพาะช่วงเช้าด้วย (ประมาณ 7:00 – 9:00 น.) หากคุณต้องการวิวดอกบัวสวยๆ ก็ต้องวางแผนการเดินทางให้ดีเลยล่ะ แต่หากคุณพลาดโอกาสชมดอกบัวก็อย่าพึ่งเสียใจไป ข้างเคียงบึงบัวยังมีทั้งบึงเป็ด และบึงสำหรับพายเรือ ที่คุณสามารถเช่าเรือถีบและเรือพายเพื่อชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามของสวนอุเอะโนะได้ด้วยนะ
7. "ชินจูกุเงียวเอน" วิวสวยตลอดปี ชมได้ทุกฤดูกาล (ชินจูกุ)
"ชินจูกุเงียวเอน" (Shinjuku Gyoen National Garden) เป็นสวนขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโตเกียวที่ห่างจากสถานีชินจูกุในระยะเดินเท้าเพียงไม่กี่นาที ครั้งหนึ่งสวนแห่งนี้เคยอยู่ใต้การครอบครองของขุนนาง ก่อนจะกลายมาเป็นสวนหลวงในราชวงศ์ญี่ปุ่นในภายหลัง โดยนอกจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว สวนชินจูกุเงียวเอนยังมีการผสมผสานระหว่างแมกไม้นานาพันธุ์ทั้งตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัว ภายในมีการแบ่งโซนระหว่างสวนสามสไตล์ ทั้งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม สวนทางการสไตล์ฝรั่งเศส และสวนภูมิทัศน์แบบอังกฤษ
ด้วยพื้นที่กว่า 364 ไร่ คุณสามารถแวะมาพักผ่อนและถ่ายภาพดอกไม้นานาชนิดได้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งปี โดยไม่ว่าจะมาฤดูไหนก็สามารถสัมผัสเสน่ห์ที่แตกต่างกันไปอย่างเฉพาะตัว ลองจินตนาการภาพของสวนที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูจากซากุระบานนับ 1,000 ต้นในฤดูใบไม้ผลิ แมกไม้เขียวขจีในฤดูร้อน และบรรดาต้นสนที่เปลี่ยนสีเป็น ใบไม้แดง ในฤดูใบไม้ร่วงดูสิ หากไม่อยากพลาดทิวทัศน์สวยๆ แบบนี้ ก็แวะมาเดินเล่นที่สวนชินจูกุเงียวเอนกันได้ โดยสวนแห่งนี้ปิดทุกวันจันทร์ แต่เวลาเปิด – ปิดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู อย่าลืมเช็คให้ดีก่อนแวะมานะ!
8. "สถานีโตเกียว" สถานีที่ไม่เคยหลับใหล (โตเกียว)
หากพูดถึงหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของโตเกียว เชื่อว่า "สถานีโตเกียว" (Tokyo Station) จะต้องอยู่ในลิสต์ของใครหลายคนแน่นอน ที่นี่เป็นทั้งศูนย์กลางของเมืองโตเกียว และเป็นจุดต่อรถที่ใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะรถไฟธรรมดาหรือชินคันเซ็น สถานีนี้เปรียบเสมือนประตูต้อนรับผู้คนจากทั่วทั้งญี่ปุ่น โดยไฮไลท์สำคัญที่ใครต่อใครต่างก็ต้องแวะมาแชะภาพ ได้แก่ "อาคารอิฐสีแดงของสถานีโตเกียว" (ฝั่งมารุโนะอุจิ) หากคุณเก็บภาพมุมกว้างก็จะได้ภาพที่สวยมากเลยทีเดียว และในตอนกลางคืน สถานีโตเกียวก็จะมีการเปิดไฟประดับอย่างงดงามด้วย แต่หากคุณอยากได้ภาพมุมสูงของสถานีนี้ล่ะก็ เราขอแนะนำให้ขึ้นไปที่ "ห้างสรรพสินค้าคิตเตะ" (Kitte Building) ที่ตั้งอยู่บนฝั่งตรงข้ามและเยื้องกับสถานีโตเกียวเพียงเล็กน้อย รับรองว่าจะได้ภาพที่ถูกใจอย่างแน่นอน
แอบกระซิบว่าในแทบทุกๆ เดือน ที่สถานีโตเกียวมักมีการจัดแสดงดนตรีคลาสสิกสดที่เรียกว่า Tokyo Ekimachi Live ให้ผู้คนที่สัญจรไปมาได้เพลิดเพลินกันฟรีๆ ด้วยนะ หากคุณจะแวะมาถ่ายภาพสวยๆ ที่สถานีโตเกียวในครั้งต่อไป ก็อย่าลืมลองเช็คตารางอีเวนท์ของทางสถานีล่วงหน้าดูล่ะ (ภาษาญี่ปุ่น)
9. "ย่านกินซ่า" แหล่งช็อปปิ้งที่ไม่ได้มีแต่ของแบรนด์เนม
"กินซ่า" (Ginza) เป็นย่านช็อปปิ้งอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก ด้วยความหรูหราที่เลื่องชื่อของมันนั่นเอง ย่านนี้มีร้านแบรนด์เนมมากมายจนหลายๆ คนอาจนึกมองข้าม เพราะคิดว่าคงมีแต่ของแพง แต่ความจริงแล้วกินซ่าก็เป็นอีกย่านหนึ่งที่รวบรวมความมีชีวิตชีวาของโตเกียวไว้ได้อย่างครบครัน ตั้งแต่เมนูอาหารที่สามารถอิ่มท้องได้ในงบเพียง 500 เยน ไปจนถึงสินค้าแบรนด์แฟชั่นหรูหรามีระดับ และหากคุณแวะมาในช่วงวันหยุด ก็จะมีการปิดถนนกินซ่าเพื่อให้ผู้คนสามารถเดินเที่ยว เดินช็อปกันได้อย่างสบายใจ
และเมื่อพูดถึงจุดถ่ายรูปในกินซ่า ต้องบอกว่ามีจุดถ่ายรูปสุดคลาสสิกซ่อนตัวอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแลนด์มาร์คสำคัญอย่าง หอนาฬิกากินซ่า (Ginza Clock Tower) ที่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณแยกกินซ่า บล็อกที่ 4 (Ginza 4-chome) สวยงามเป็นเอกลักษณ์ตามสถาปัตยกรรมแบบยุโรป โรงละครคาบุกิ ที่เปิดให้คุณรับชมการแสดงคาบูกิแบบดั้งเดิม ตลอดจน ตลาดปลาสึกิจิโจไก หรือตลาดนอกสึกิจิที่คุณสามารถสัมผัสบรรยากาศคึกคักของตลาดสด และลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่แสนอร่อยได้ครบจบในที่เดียว
10. "ย่านอาซากุสะ" โดดเด่นด้วยวัดเซนโซจิ และ Tokyo Sky Tree (อาซากุสะ)
ย่าน “อาซากุสะ (Asakusa)” นับว่าเป็นศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมตั้งแต่ยุคเอโดะถึงปัจจุบัน ที่คงไว้ซึ่งทิวทัศน์แบบดั้งเดิม และกลิ่นอายของญี่ปุ่นในยุคเก่าไว้อย่างเต็มเปี่ยม แน่นอนว่าไฮไลท์สำคัญในย่านนี้ได้แก่ "วัดเซนโซจิ" (Sensoji Temple) วัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางประวัติศาสตร์ โดยที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวมาสักการะบูชาและแวะถ่ายรูปทุกวัน
และหากเดินทางออกจากวัดเซนโซจิเพียงไม่ไกล เราขอแนะนำให้คุณแวะมาเก็บภาพสวย ๆ ที่อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของโตเกียว นั่นก็คือ "Tokyo Sky Tree" โดยคุณสามารถเข้าดาดฟ้าชมวิว (Tembo deck) ที่ความสูงเหนือพื้นดิน 350 เมตร (ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 1,800 เยน หากจองล่วงหน้าทางออนไลน์) หรือชมคู่กับระเบียงชมวิว (Tembo Galleria) ที่มีความสูงถึง 450 เมตรได้ด้วยเช่นกัน (ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 2,700 เยน หากจองออนไลน์) แน่นอนว่าคุณสามารถซื้อตั๋วหน้างานในวันที่เข้าชมได้เช่นกัน แต่ราคาอาจแพงกว่านิดหน่อยนะ และหากคุณแวะมาที่นี่ในช่วงเย็น คุณสามารถชมวิวโตเกียวยามค่ำคืน พร้อมเพลิดเพลินกับค็อกเทลสุดชิค หรือเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ Sky Tree Café ได้ด้วยนะ รับรองว่าได้ทั้งวิวและประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่แพ้ที่ไหนกลับไปอย่างแน่นอน!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่